10 เทรนด์ ในโลกใหม่หลังการระบาดของโควิด-19
10 เทรนด์ ในโลกใหม่หลังการระบาดของโควิด-19
การระบาดของโควิด-19 ในครั้งนี้จะทำให้โลกเราคงต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก อาจเป็นการพลิกวิถีชีวิตและประวัติศาสตร์มนุษย์ในโลกของเราครั้งใหญ่ จะมีการเปลี่ยนแปลงที่ก้าวไปสู่การจัดระเบียบโครงสร้างของโลกใบใหม่ (New Normal) เป็นสิ่งใหม่ที่ทุกคนจะต้องเจอไม่ว่าจะยอมรับมันหรือไม่ก็ตาม ทุกคนต้องเริ่มที่จะเรียนรู้ถึงโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว และเปลี่ยนแปลงไปแบบที่ทุกคนจะไม่มีทางกลับมาใช้ชีวิตได้เหมือนเดิมที่เคยมีในอดีตได้อีกต่อไป นักวิชาการต่างได้พยายามทำการคาดการณ์แนวโน้มโลกในอนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยพยายามคาดการณ์ว่าในอนาคตหลังจากที่เกิดมีเหตุการณ์วิกฤตการโรคโควิด-19 จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร โดยพยายามนำเอาเรื่องเด่น 10 เรื่องมากล่าว เพื่อให้ทุกคนเริ่มปรับตัวเข้าสู่ยุค New Normal กันได้ต่อไป 10 เทรนด์ที่จะเปลี่ยนแปลงในอนาคต เช่น
1. ขั้วมหาอำนาจของโลกอาจมีการเปลี่ยนแปลง โลกใหม่หลังยุคโควิค-19 จะเริ่มมีการปรับเปลี่ยนผู้นำ โดยสังเกตจากการที่มีการปรับสมดุลผู้นำโลกจากฝั่งตะวันตกที่รุ่งเรืองในอดีต อาจมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร้วมาเป็นกลุ่มโลกในฝั่งตะวันออก เพราะกลุ่มมหาอำนาจโลกเก่าส่วนใหญ่ต่างก็ได้รับผลกระทบจากการสูญเสียในวิกฤตครั้งนี้มากทั้งปัญหาการติดเชื้อและการตายของประชากร รวมถึงปัญหาเศรษฐกิจที่กระทบต่อเนื่อง เช่น อเมริกา อังกฤษ และกลุ่มประเทศในยุโรป โดยจะพบว่ามีโอกาสขั้วอำนาจที่จะหมุนกลับมาฝั่งตะวันออกในกลุ่มประเทศเอเซียตะวันออก เช่น จีน เนื่องจากจะเห็นการแก้ไขปัญหาและการบริหารจัดการที่ดี เมื่อเทียบกับการจัดการในทางฝั่งสหรัฐและยุโรป มียอดคนติดเชื้อมากมายและใช้เวลาในการจัดการยาวนาน ในขณะที่ทางเอเชียใช้เวลาฟื้นฟูได้รวดเร็วกว่ามากและมีผลกระทบในขอบเขตที่ควยคุมได้
2. การผลิตที่จะมีการปรับเปลี่ยนไป เกิดการปฏิวัติโครงสร้างการผลิตที่เข้าสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0 หรืออุตสาหกรรมยุคใหม่เร็วมากขึ้นกว่าปกติ เนื่องจากภาคผลิตและบริการจะได้รับผลกระทบในครั้งนี้มากเพราะยังใช้คนในการบริหารจัดการเป็นส่วนใหญ่ แต่จากปัญหาคนติดเชื้อที่อาจมีผลกระทบต่อการทำงาน ทำให้ทกฝ่ายต่างหักมามองการใช้ระบบอัตโนมัติหรือหุ่นยนต์มาแทนการใช้งานมนุษย์มากขึ้น ทำให้มีโอกาสที่เปลี่ยนแปลงระบบอัตโนมัติหรือหุ่นยนต์ให้พัฒนาได้อย่างรวดเร็วขึ้น ผู้ประกอบการหลายคนมีการปรับเปลี่ยนแผนงานเร่งลงทุนเพื่อปรับปรุงเปลี่ยนแปลงไลน์ในการผลิตใหม่มากขึ้น พยายามหลีกเลี่ยงหรือลดการใช้คนในการทำงานลงให้มากที่สุด เพื่อไม่ให้คนมาทำงานที่มีโอกาสในการใกล้ชิดกัน และอุตสาหกรรม 4.0 ก็จะเป็นการช่วยเพิ่มลดต้นทุนและประสิทธิภาพการผลิตมากขึ้นยิ่งทำให้มีการตัดสินใจปรับเปลี่ยนไปเร็วยิ่งขึ้น
3. เริ่มพึ่งพาใช้งานและเชื่อมั่นในเทคโนโลยีสารสนเทศมากขึ้น มีการนำเอามาช่วยในการทำงานที่มากขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและการดำเนินชีวิต หลายที่เริ่มมีการทำงานอยู่บ้าน หลังจากได้ทดลองใช้เทคโนโลยีมาช่วยในงานจนคุ้นชิน
4. การท่องเที่ยวและเดินทาง โลกโลกาภิวัฒน์จะลดลง เข้าสู่การเป็นประเทศแยกตัวไปอีกยาวนาน จนกว่าจะมีการป้องกันโรคระบาดหรือค้นค้าวหาวัคซีนมาช่วย ยังปิดเกมโรคระบาดไม่ได้จึงต้องพึงพาเครื่องมือ กับติดต่อสื่อสาร Video Conferencing แทนการเดินทาง ส่วนกลุ่มที่มีกำลังซื้อจะใช้บริการเครื่องบินส่วนตัว (Private Jet)
5. หน่วยงานภาครัฐจะหันไปพัฒนาการ บริการผ่านดิจิทัลมากขึ้น (E-Service) มากขึ้น เช่น รัฐบาลสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้เปิดบริการให้ผู้ที่อยู่บ้าน ตั้งแต่งานบริการหนังสือเดินทาง (Passport), จนถึงกระบวนการตัดสินใจชั้นศาล ตลอดจนการบริการในจากกระทรวงต่างๆ ผ่อนคลายกฎเพื่ออำนวยความสะดวก
6. งบประมาณไปสู่สาธารณสุข และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพมากขึ้นทั้งหน่วยงานภาครัฐผู้บริหารธุรกิจและบริษัทการผลิตจะโยกงบประมาณไปลงทุนด้านสาธารณสุขรักษาพยาบาล และสินค้เพื่อดูแลสุขภาพเพิ่มขึ้น จากบทเรียนช่องว่างควบคุมโรคระบาด โอกาสสตาร์ทอัพเข้ามาบริการใหม่
7. รัฐบาลท้องถิ่นจะได้รับความไว้วางใจกับประชาชนในการจัดการกับปัญหาเพิ่มขึ้นใช้มาตรการเชิงรุก โดยทางธนาคารกลางของแต่ละประเทศ ได้อัดฉีดวงเงินมหาศาลเข้าสู่ระบบ และยินยอมผ่อนคลายกฎระเบียบต่างๆ ทางด้นการงินการคลัง เพื่อรับมือโรคระบาดที่อาจกลับมาหรืออาจเป้นโรคอุบัติใหม่
8. เกิดสังคมแบ่งปัน วิกฤติเกิดความทุกข์ไปทั่วโลกทำให้คนตระหนักรู้ถึงชีวิตคนอีกซีกหนึ่งของโลก รู้สึกเห็นอกเห็นใจในเพื่อนมนุษย์ รวมตัวทำประโยชน์เพื่อสังคุม โดยเฉพาะผู้ที่มีฐานะ มหาเศรษฐีต่างก็หันมาบริจาคเงินชวยคนด้อยโอกาสมากขึ้น
9. ผลกระทบเชิงบวกกับโลกและสิ่งแวดล้อมกรกักตัวปิดเมืองคนไม่เดินทาง ไม่มีรถออกมาวิ่งบนท้องถนน ไม่มีเครื่องบินเต็มท้องฟ้า ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน เราจึงเห็นท้องฟ้าสุดใสปลอดมลพิษในมืองใหญ่ๆ ทางศูนย์วิจัยด้านสภาพอากาศระหว่างประเทศ (Center for International Climate Research) ในออสโล นอร์เวย์ คาดการณ์ว่า
การปล่อยก๊ซคาร์บอนลดลงประมาณ 1.2% ในปี 2563
10. ระบบการศึกษา จะเกิดการพลิกโฉมครั้งใหญ่ จะมีการปิดโรงเรียนในหลายประเทศทั่วโลก และจะเกิดรูปแบบการเรียนรู้ในแบบใหม่ ๆ ทำให้เกิดมีการพัฒนาการศึกษาอย่างก้าวกระโดด มีการพัฒนาโปรแกรมโรงเรียนเพื่อให้เด็กสามารถศึกษาเรียนรู้ได้จากในบ้านของตนเอง ผู้ปกครองจะเริ่มเข้ามามีบทบาทในการร่วมพัฒนาทักษะเด็กมากขึ้นเนื่องจากเด็กใช้เวลาในบ้านมากขึ้น และค้นหาศักยภาพในนักเรียนสามารถทำได้ง่ายมากขึ้นเนื่องจากทุกอย่างอยู่ในระบบออนไลน์ ช่วยเปิดโอกาสให้เด็กในพื้นที่ห่างไกลและเด็กในหลายประเทศที่ด้อยพัฒนา ได้มีโอกาสที่พัฒนาคุณภาพของตนเองในด้านการศึกษาได้เท่าเทียมกันและเหมือนกันเป็นมาตรฐานในทุกแห่งบนโลกผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต
#เราจะสู้โควิดไปด้วยกัน #เราจะผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน #ไทยชนะ
---------------------------------------------
ดูเพิ่มเติมเรื่องราวเกี่ยวข้องกับ โควิด-19 ได้ที่
COVID-19 รวมความรู้ที่เกี่ยวกับโรคโควิด-19 (COVID-19)
---------------------------------------------