ai-001 ความแตกต่างระหว่าง AI แบ่งเป็น 3 ระดับ

ประวัติความเป็นมาปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) เริ่มมีการกล่าวถึงมาตั้งแต่กลางศตวรรษที่ 20 ในตอนนั้นสาขาของ AI เกิดขึ้นเพื่อตอบสนองต่อแนวคิดที่ว่า เราสามารถสร้างเครื่องจักรเพื่อเลียนแบบ หรือจำลองการทำงานของมนุษย์ได้ แนวคิดของการสร้างสิ่งมีชีวิตเทียมที่มีความสามารถเหมือนมนุษย์มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ การพัฒนาสมัยใหม่ของ AI ในปัจจุบันได้มีการแบ่งระดับ AI ไว้สามระดับตามความสามารถของระบบ ความแตกต่างระหว่าง AI แบ่งออกได้เป็น 3 ระดับ คือ

1. ปัญญาประดิษฐ์เบื้องต้น (Artificial Narrow Intelligence: ANI) หรืออาจเรียกว่า Weak AI หมายถึงระบบ AI ที่ออกแบบมาเพื่อให้ทำงานเฉพาะ หรือมีความสามารถเฉพาะเรื่องภายในการทำงานที่กำหนดเฉพาะเรื่อง ในปัจจุบันมี ANI ในหลากรูปแบบ แต่มุ่งเน้นไปที่การแก้ปัญหาที่ชัดเจนตามความต้องการในงานนั้น ยังขาดความสามารถในการจัดการข้อมูลสรุปความรู้หรือถ่ายทอดทักษะไปยังหน่วยหรือโดเมนอื่นได้ ตัวอย่างของ ANI ได้แก่ ผู้ช่วยเสียง เช่น Siri และ Alexa ระบบจดจำภาพ และอัลกอริทึมคำแนะนำ ANI เก่งในงานเฉพาะ แต่ไม่มีปัญญาทั่วไปเหมือนมนุษย์

2. ปัญญาประดิษฐ์ทั่วไป (Artificial General Intelligence: AGI) หมายถึงระบบ AI ที่มีปัญญาเหมือนมนุษย์ เป็นระบบที่มีความสามารถใกล้เคียงกับมนุษย์มาก สามารถทำความเข้าใจ เรียนรู้ได้ในระดับดี และยังสามารถใช้ความรู้ที่มสรุปและส่งไปยังโดเมนที่หลากหลาย AGI มีจุดมุ่งหมายเพื่อทำซ้ำความสามารถในการรับรู้ของมนุษย์ และแสดงความเก่งกาจและความสามารถในการปรับตัวที่คล้ายคลึงกับมนุษย์ AGI จะมีสามัญสำนึก ความสามารถในการใช้เหตุผล และความสามารถในการทำความเข้าใจและเรียนรู้จากประสบการณ์ที่หลากหลาย การได้รับ AGI เป็นความท้าทายทางวิทยาศาสตร์และทางเทคนิคที่สำคัญ และในปัจจุบัน AGI ที่แท้จริงยังไม่มีอยู่จริง

3. ซูเปอร์ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Super intelligence: ASI) หมายถึง ระบบ AI ที่มีความสามารถในการทำงานที่เก่งหรือเหนือกว่าปัญญามนุษย์ สามารถทำงานเชื่อมโยงถึงกันในทุกโดเมนและทำงานได้แทบทั้งหมด ASI แสดงถึงระดับสติปัญญาที่เหนือกว่าความสามารถของมนุษย์ และมีความสามารถเหนือกว่ามนุษย์ในแทบทุกงานทางปัญญา ในปัจจุบัน ASI ยังคงเป็นเพียงแนวคิดหรือสมมุติฐานที่เล่ากันเท่านั้น ยังมีการถกเถียงกันอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับความเป็นไปได้และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น แนวคิดของ ASI ทำให้เกิดข้อกังวลและการพิจารณาเกี่ยวกับการควบคุม จริยธรรม และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับสังคม

โดยสรุป ในปัจจุบันมีการทำงานของ AI แบ่งเป็น 3 ระดับ โดยระดับแรกเป็นระดับเบื้องต้น คือ ANI เป็นระบบ AI ที่ออกแบบมาสำหรับงานเฉพาะยังไม่มีความเก่งมากนัก ระดับต่อมา AGI เป็นระบบ AI ที่มีปัญญาเก่งขึ้นจนเทียบได้ว่ามีความใกล้เคียงเหมือนมนุษย์ และระดับสูงสุด คือ ASI เป็นระบบ AI ที่มีความสามารถเหนือกว่ามนุษย์ ทั้งในด้านความฉลาดของมนุษย์ในทุกด้าน ในปัจจุบันพบว่ามนุษย์เรายังสามารถพัฒนาได้เพียงระดับแรก ANI เท่านั้นและก็เป็นรูปแบบของ AI ที่มีการใช้งานแพร่หลายมากในปัจจุบัน ในส่วนระดับ AGI และระดับ ASI นั้น ยังเป็นเพียงแนวคิดและเป็นเพียงเป้าหมายที่นักวิจัยและนักวิทยาศาสตร์พยายามทำให้ได้ต่อไปในอนาคต