iok2u.com แหล่งรวมข้อมูลข่าวสารเรื่องราวน่าสนใจเพื่อการศึกษาแลกเปลี่ยนและเรียนรู้

มิสเตอร์เรน (Mr. Rain) และมิสเตอร์เชน (Mr. Chain)
Mr. Rain และ Mr. Chain สองพี่น้องในโลกออฟไลน์และออนไลน์ที่จะมาร่วมมือกันสร้างสื่อสารสนเทศ เพื่อเผยแพร่ให้ความรู้ในเรื่องราวต่างๆ มากมายสร้างสังคมในการเรียนรู้ หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลยโดยไม่ต้องตอบแทนกลับมา
Pay It Forward เป้าหมายเล็ก ๆ ในการส่งมอบความดีต่อ ๆ ไป
เว็ปไซต์นี้เกิดจากแรงบันดาลใจในภาพยนต์เรื่อง Pay It Forward ที่เล่าถึงการมีเป้าหมายเล็ก ๆ กำหนดไว้ให้ส่งมอบความดีต่อไปอีก 3 คน หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลยโดยไม่ต้องตอบแทนกลับมา อยากให้ส่งต่อเพื่อถ่ายทอดต่อไป
ยืนหยัด เข้มแข็ง และกล้าหาญ (Stay Strong & Be Brave)
ขอเป็นกำลังใจให้คนดีทุกคนในการต่อสู้ความอยุติธรรม ในยุคสังคมที่คดโกงยึดถึงประโยชน์ส่วนตนและพวกฟ้องมากกว่าผลประโยชน์ส่วนรวม จนหลายคนคิดว่าพวกด้านได้อายอดมักได้ดี แต่หากยึดคำในหลวงสอนไว้ในเรื่องการทำความดีเราจะมีความสุขครับ
  • การเตรียมข้อมูล (Data Preparation)

 

การเตรียมข้อมูล (Data Preparation) เป็นขั้นตอนที่สำคัญอย่างยิ่งในการวิเคราะห์ข้อมูล เนื่องจากข้อมูลที่ได้มักจะมาในรูปแบบที่ไม่เป็นระเบียบ ไม่สมบูรณ์ หรือไม่เหมาะสมสำหรับการนำไปวิเคราะห์โดยตรง การเตรียมข้อมูลจึงเป็นกระบวนการที่จำเป็นเพื่อให้ได้ข้อมูลที่สะอาด ถูกต้อง และพร้อมสำหรับการวิเคราะห์ต่อไป คุณภาพของข้อมูลที่ดีจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่มีความน่าเชื่อถือ การเตรียมข้อมูลประกอบด้วยหลายขั้นตอนที่เชื่อมโยงกัน ตั้งแต่การรวบรวม การจัดเก็บ การทำความสะอาด และการแปลงข้อมูล 

2.1 การรวบรวมและจัดเก็บข้อมูล 

การรวบรวมและจัดเก็บข้อมูล เป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญในการเตรียมข้อมูล ข้อมูลที่มีคุณภาพสูงจะช่วยให้การวิเคราะห์มีประสิทธิภาพและแม่นยำมากขึ้น การรวบรวมข้อมูลต้องมีการวางแผนและการจัดการที่ดีเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนและเชื่อถือได้ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับปัญหาหรือวัตถุประสงค์ที่ต้องการศึกษา ข้อมูลอาจมาจาก แหล่งภายในองค์กร แหล่งภายนอก หรือการสำรวจ

- การวางแผนการรวบรวมข้อมูล ควรเริ่มต้นด้วยการระบุวัตถุประสงค์ของการวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อให้ทราบว่าต้องการข้อมูลประเภทใดและปริมาณเท่าใด นอกจากนี้ยังต้องพิจารณาถึงวิธีการรวบรวมข้อมูล เครื่องมือที่ใช้ และแหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้อง

- การออกแบบกระบวนการรวบรวมข้อมูล ต้องออกแบบให้มีประสิทธิภาพและสามารถเก็บข้อมูลได้อย่างถูกต้อง โดยต้องพิจารณาถึงวิธีการจัดเก็บข้อมูล การบันทึกข้อมูล และการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล

- การใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีในการรวบรวมข้อมูล การใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีที่เหมาะสมในการรวบรวมข้อมูลจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความถูกต้องในการเก็บข้อมูล เช่น การใช้แบบฟอร์มออนไลน์, การใช้เซ็นเซอร์, หรือการใช้ซอฟต์แวร์สำหรับการเก็บข้อมูล

2.2 แหล่งที่มาของข้อมูล 

แหล่งที่มาของข้อมูล ข้อมูลที่ใช้ในการวิเคราะห์สามารถมาจากแหล่งที่มาหลายประเภท ซึ่งแต่ละแหล่งข้อมูลมีลักษณะและข้อดี-ข้อเสียที่แตกต่างกัน แหล่งข้อมูลหลักๆ ได้แก่

- แหล่งข้อมูลภายในองค์กร (Internal Data Sources) ข้อมูลภายในองค์กรเป็นข้อมูลที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงานขององค์กรเอง เช่น ข้อมูลการขาย, ข้อมูลลูกค้า, ข้อมูลการผลิต, ข้อมูลทางการเงิน ข้อมูลพนักงาน ข้อมูลจากระบบ ERP, ข้อมูลจากระบบ CRM, หรือระบบอื่นๆ ที่องค์กรใช้งาน เป็นต้น ข้อมูลเหล่านี้มักมีความละเอียดและเกี่ยวข้องโดยตรงกับกิจกรรมขององค์กร เป็นข้อมูลที่องค์กรสร้างขึ้นหรือเก็บรวบรวมไว้เอง 

- แหล่งข้อมูลภายนอก (External Data Sources) เป็นข้อมูลที่ได้มาจากแหล่งภายนอกองค์กรเช่น ข้อมูลจากหน่วยงานรัฐบาล, ข้อมูลจากบริษัทวิจัยตลาด, ข้อมูลจากสื่อสังคมออนไลน์, ข้อมูลจากเว็บไซต์, ข้อมูลจาก API, ข้อมูลจากการสำรวจ, ข้อมูลจากโซเชียลมีเดีย, ข้อมูลตลาด, และข้อมูลจากแหล่งข้อมูลสาธารณะ ข้อมูลเหล่านี้สามารถช่วยให้เราเข้าใจบริบทและปัจจัยภายนอกที่มีผลต่อองค์กร

- ข้อมูลจากอุปกรณ์เซ็นเซอร์ (Sensor Data) ข้อมูลจากอุปกรณ์เซ็นเซอร์เป็นข้อมูลที่เกิดจากการวัดค่าต่าง ๆ จากสิ่งแวดล้อมหรือกระบวนการทางกายภาพ เช่น ข้อมูลจากเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิ, เซ็นเซอร์วัดความชื้น, และเซ็นเซอร์วัดความเคลื่อนไหว ข้อมูลเหล่านี้มีความละเอียดสูงและสามารถเก็บข้อมูลได้อย่างต่อเนื่อง

- ข้อมูลจากการสำรวจ (Survey Data) ข้อมูลจากการสำรวจเป็นข้อมูลที่ได้จากการสอบถามหรือเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง ซึ่งมักใช้แบบสอบถามหรือแบบสำรวจในการเก็บข้อมูล ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้เราเข้าใจความคิดเห็น, พฤติกรรม, และความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย

2.2.1 การเก็บข้อมูลจากแหล่งข้อมูลภายนอก 

การเก็บข้อมูลจากแหล่งข้อมูลภายนอก มีความสำคัญในการวิเคราะห์ข้อมูล เนื่องจากข้อมูลภายนอกสามารถให้บริบทและมุมมองเพิ่มเติมที่ไม่สามารถหาได้จากข้อมูลภายในองค์กร ข้อมูลภายนอกสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายประเภท ดังนี้

- การซื้อข้อมูล สามารถซื้อข้อมูลจากผู้ให้บริการข้อมูลต่างๆ เช่น บริษัทวิจัยตลาด หรือบริษัทที่รวบรวมข้อมูลจากสื่อสังคมออนไลน์

- การรวบรวมข้อมูลด้วยตนเอง สามารถรวบรวมข้อมูลด้วยตนเองจากแหล่งข้อมูลสาธารณะ เช่น เว็บไซต์ของหน่วยงานรัฐบาล หรือเว็บไซต์ข่าว

- การใช้ API (Application Programming Interface) เป็นช่องทางที่ช่วยให้ระบบต่างๆ สามารถสื่อสารและแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้ สามารถใช้ API เพื่อดึงข้อมูลจากแหล่งข้อมูลภายนอก เช่น API ของ Twitter หรือ Facebook

- ข้อมูลจากหน่วยงานรัฐบาลและองค์กรระหว่างประเทศ มักมีการเก็บรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ เศรษฐกิจ, สังคม, และสิ่งแวดล้อม ข้อมูลเหล่านี้มักเป็นข้อมูลที่มีความเชื่อถือได้และสามารถใช้ในการวิเคราะห์แนวโน้มและปัจจัยภายนอกที่มีผลต่อองค์กร

- ข้อมูลตลาดและอุตสาหกรรม เป็นข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานและการแข่งขันในตลาด ข้อมูลเหล่านี้มักได้มาจากบริษัทวิจัยตลาด, รายงานอุตสาหกรรม, และข้อมูลจากองค์กรการค้า ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้เราเข้าใจสภาพตลาด, คู่แข่ง, และแนวโน้มทางธุรกิจ

- ข้อมูลจากโซเชียลมีเดีย เป็นข้อมูลที่เกิดจากการโต้ตอบและกิจกรรมของผู้ใช้บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, Twitter, Instagram ข้อมูลเหล่านี้สามารถใช้ในการวิเคราะห์ความคิดเห็น, ความรู้สึก, และแนวโน้มทางสังคม

- ข้อมูลจากเว็บสคริปปิง (Web Scraping) เป็นการใช้เทคนิคทางโปรแกรมเพื่อดึงข้อมูลจากเว็บไซต์ต่าง ๆ ข้อมูลเหล่านี้มักเป็นข้อมูลที่หาได้ยากจากแหล่งข้อมูลอื่น เช่น ข้อมูลราคาสินค้า, ข้อมูลรีวิวสินค้า, และข้อมูลข่าวสาร

- ข้อมูลจากฐานข้อมูลสาธารณะ เป็นแหล่งข้อมูลที่เปิดให้สาธารณชนเข้าถึงและใช้ได้ เช่น ฐานข้อมูลทางวิทยาศาสตร์, ฐานข้อมูลทางการศึกษา, และฐานข้อมูลทางการแพทย์ ข้อมูลเหล่านี้สามารถใช้ในการสนับสนุนการวิจัยและการวิเคราะห์ทางวิชาการ

2.2.2 การเก็บข้อมูลจากแหล่งข้อมูลภายในองค์กร 

ข้อมูลภายในองค์กร เป็นแหล่งข้อมูลที่มีความสำคัญในการวิเคราะห์ข้อมูล เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับการดำเนินงานและกลยุทธ์ขององค์กร การเก็บข้อมูลจากแหล่งข้อมูลภายในองค์กรประกอบด้วยหลายประเภท ดังนี้

- การดึงข้อมูลจากฐานข้อมูล องค์กรส่วนใหญ่มักมีฐานข้อมูลที่เก็บข้อมูลต่างๆ ไว้ สามารถใช้ SQL หรือเครื่องมืออื่นๆ เพื่อดึงข้อมูลที่ต้องการจากฐานข้อมูล

- การดึงข้อมูลจากระบบ องค์กรอาจมีระบบต่างๆ เช่น ERP, CRM, หรือระบบการจัดการคลังสินค้า ที่เก็บข้อมูลต่างๆ ไว้ สามารถดึงข้อมูลจากระบบเหล่านี้ได้โดยตรง หรือผ่าน API

- การบันทึกข้อมูลด้วยตนเอง ในบางกรณีอาจจำเป็นต้องบันทึกข้อมูลด้วยตนเอง เช่น การบันทึกข้อมูลการสำรวจความคิดเห็นของลูกค้า

- ข้อมูลการขายและการตลาด ข้อมูลการขายและการตลาดเป็นข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการขายสินค้าและบริการขององค์กร เช่น ข้อมูลยอดขาย, ข้อมูลลูกค้า, ข้อมูลการตลาด ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้เราเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าและประสิทธิภาพของกลยุทธ์การตลาด

- ข้อมูลการผลิตและการดำเนินงาน เป็นข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการผลิตและการดำเนินงาน ขององค์กร เช่น ข้อมูลการผลิต, ข้อมูลวัตถุดิบ, ข้อมูลการจัดการคลังสินค้า ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้เราสามารถปรับปรุงกระบวนการผลิตและลดต้นทุนการดำเนินงาน

- ข้อมูลทางการเงิน เป็นข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสถานะทางการเงินและการจัดการทางการเงินขององค์กร เช่น ข้อมูลรายได้, ข้อมูลค่าใช้จ่าย, ข้อมูลงบการเงิน ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้เราสามารถวิเคราะห์สถานะทางการเงินและวางแผนการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ

- ข้อมูลทรัพยากรบุคคล เป็นข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการจัดการทรัพยากรบุคคลในองค์กร เช่น ข้อมูลพนักงาน, ข้อมูลการฝึกอบรม, ข้อมูลการประเมินผลการทำงาน ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้เราสามารถวิเคราะห์ประสิทธิภาพของพนักงานและวางแผนการพัฒนาทรัพยากรบุคคล

- ข้อมูลระบบสารสนเทศ เป็นข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของระบบสารสนเทศในองค์กร เช่น ข้อมูลการใช้ระบบ, ข้อมูลความปลอดภัย, ข้อมูลการบำรุงรักษาระบบ ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้เราสามารถวิเคราะห์ประสิทธิภาพของระบบสารสนเทศและวางแผนการพัฒนาระบบได้การเก็บข้อมูลจากแหล่งข้อมูลภายในองค์กรสามารถทำได้โดย

2.3 การจัดเก็บข้อมูล

หลังจากรวบรวมข้อมูลแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการจัดเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบ เพื่อให้สามารถเข้าถึงและนำข้อมูลไปใช้ได้ง่ายในอนาคต การจัดเก็บข้อมูลสามารถทำได้หลายวิธี เช่น

- ฐานข้อมูล เป็นวิธีที่นิยมในการจัดเก็บข้อมูล เนื่องจากช่วยให้สามารถจัดเก็บข้อมูลจำนวนมากได้อย่างเป็นระบบ และสามารถเข้าถึงและจัดการข้อมูลได้ง่าย

- ไฟล์ สามารถจัดเก็บข้อมูลในรูปแบบไฟล์ต่างๆ เช่น CSV, Excel, หรือ JSON

- ระบบคลาวด์ ระบบคลาวด์เป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในการจัดเก็บข้อมูล เนื่องจากมีความยืดหยุ่นสูง สามารถเข้าถึงข้อมูลได้จากทุกที่ และมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดี

ข้อควรพิจารณาในการรวบรวมและจัดเก็บข้อมูล

- ความถูกต้องของข้อมูล ควรตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลก่อนนำไปใช้ เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลมีความน่าเชื่อถือ

- ความครบถ้วนของข้อมูล ควรตรวจสอบว่าข้อมูลมีความครบถ้วนหรือไม่ หากข้อมูลไม่ครบถ้วน อาจส่งผลต่อความถูกต้องของผลการวิเคราะห์

- ความเป็นส่วนตัวของข้อมูล ควรคำนึงถึงความเป็นส่วนตัวของข้อมูล และปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับการเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคล

- ความปลอดภัยของข้อมูล ควรมีมาตรการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล เพื่อป้องกันการสูญหาย การรั่วไหล หรือการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต

2.4 การทำความสะอาดและการแปลงข้อมูล

หลังจากการรวบรวมข้อมูลแล้ว ข้อมูลที่ได้อาจมีความไม่สมบูรณ์หรือมีข้อผิดพลาด การทำความสะอาดข้อมูล (Data Cleaning) เป็นขั้นตอนสำคัญในการตรวจสอบและแก้ไขข้อผิดพลาดเหล่านี้เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องและเชื่อถือได้ การแปลงข้อมูล (Data Transformation) เป็นขั้นตอนที่ช่วยให้ข้อมูลอยู่ในรูปแบบที่เหมาะสมสำหรับการวิเคราะห์ โดยมีขั้นตอนดังนี้

- การตรวจสอบความสมบูรณ์ของข้อมูล เป็นการตรวจสอบว่าข้อมูลที่เก็บรวบรวมมามีความครบถ้วนและไม่ขาดหาย การตรวจสอบนี้อาจใช้วิธีการเชิงสถิติหรือการตรวจสอบเชิงตรรกะเพื่อระบุข้อมูลที่ขาดหาย

- การแก้ไขข้อมูลที่ขาดหาย ข้อมูลที่ขาดหายอาจทำให้การวิเคราะห์มีความคลาดเคลื่อน การแก้ไขข้อมูลที่ขาดหายสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การเติมค่าด้วยค่ากลาง, การคาดการณ์ค่าโดยใช้แบบจำลอง, หรือการลบข้อมูลที่ขาดหายออก

- การตรวจสอบและแก้ไขข้อมูลที่ผิดพลาด ข้อมูลที่เก็บรวบรวมมาอาจมีข้อผิดพลาด เช่น ข้อมูลที่ผิดพลาดจากการกรอกข้อมูล การตรวจสอบและแก้ไขข้อมูลที่ผิดพลาดเป็นขั้นตอนที่สำคัญในการทำให้ข้อมูลมีความถูกต้อง

- การแปลงข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบที่เหมาะสม ข้อมูลที่เก็บรวบรวมมาอาจอยู่ในรูปแบบที่แตกต่างกัน การแปลงข้อมูลเป็นการเปลี่ยนรูปแบบของข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบที่เหมาะสมสำหรับการวิเคราะห์ เช่น การแปลงหน่วย การแปลงประเภทของข้อมูล

- การจัดการข้อมูลซ้ำซ้อน ข้อมูลที่เก็บรวบรวมมาอาจมีความซ้ำซ้อน การจัดการข้อมูลซ้ำซ้อนเป็นการตรวจสอบและลบข้อมูลที่ซ้ำกันออกเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ไม่ซ้ำซ้อน

2.5 การจัดเก็บข้อมูลและการจัดการฐานข้อมูล

การจัดเก็บข้อมูลและการจัดการฐานข้อมูล เป็นขั้นตอนสำคัญในการทำให้ข้อมูลสามารถเข้าถึงและใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ฐานข้อมูลเป็นระบบที่ใช้ในการจัดเก็บและจัดการข้อมูล ทำให้ข้อมูลสามารถเข้าถึงและใช้ได้อย่างรวดเร็วและถูกต้อง โดยมีขั้นตอนดังนี้

- การออกแบบฐานข้อมูล การออกแบบฐานข้อมูลเป็นขั้นตอนที่สำคัญในการจัดเก็บข้อมูล การออกแบบที่ดีจะช่วยให้การจัดการและการเข้าถึงข้อมูลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ การออกแบบฐานข้อมูลควรคำนึงถึงโครงสร้างของข้อมูล, ความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูล, และการเข้าถึงข้อมูล

- การสร้างฐานข้อมูล หลังจากการออกแบบฐานข้อมูล ขั้นตอนต่อไปคือการสร้างฐานข้อมูล ซึ่งประกอบด้วยการสร้างตาราง, การกำหนดคีย์หลัก (Primary Key), การกำหนดคีย์ต่างประเทศ (Foreign Key), และการกำหนดความสัมพันธ์ระหว่างตาราง

- การนำเข้าข้อมูล เป็นการนำข้อมูลจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ เข้าสู่ฐานข้อมูล การนำเข้าข้อมูลต้องทำอย่างรอบคอบเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วน

- การจัดการการเข้าถึงข้อมูล เป็นการกำหนดสิทธิ์ในการเข้าถึงและใช้ข้อมูล เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลจะถูกใช้โดยผู้ที่มีสิทธิ์เท่านั้น การจัดการการเข้าถึงข้อมูลสามารถทำได้โดยการกำหนดสิทธิ์ผู้ใช้และการจัดการสิทธิ์การเข้าถึง

- การบำรุงรักษาฐานข้อมูล เป็นการตรวจสอบและปรับปรุงฐานข้อมูลเพื่อให้ฐานข้อมูลมีประสิทธิภาพและความถูกต้อง การบำรุงรักษาฐานข้อมูลประกอบด้วยการตรวจสอบความสมบูรณ์ของข้อมูล, การจัดการข้อมูลซ้ำซ้อน, และการสำรองข้อมูล (Backup)

2.6 การประยุกต์ใช้ข้อมูลในการวิเคราะห์

หลังจากการรวบรวมและจัดเก็บข้อมูลเสร็จสิ้น ข้อมูลที่ได้จะถูกนำมาใช้ในการวิเคราะห์เพื่อค้นพบข้อมูลที่มีประโยชน์และสนับสนุนการตัดสินใจ การประยุกต์ใช้ข้อมูลในการวิเคราะห์ประกอบด้วยหลายขั้นตอน ดังนี้

- การสำรวจข้อมูลเบื้องต้น (Exploratory Data Analysis-EDA) การสำรวจข้อมูลเบื้องต้นเป็นการตรวจสอบและทำความเข้าใจข้อมูล เพื่อค้นหาความสัมพันธ์หรือรูปแบบที่อาจเป็นประโยชน์ในการวิเคราะห์ต่อไป เทคนิคที่ใช้ในการสำรวจข้อมูลเบื้องต้น ได้แก่ การสร้างกราฟ, การทำสถิติเบื้องต้น, การวิเคราะห์เชิงพรรณนา

- การสร้างแบบจำลอง (Data Modeling) การสร้างแบบจำลองเป็นการใช้เทคนิคทางสถิติหรือการเรียนรู้ของเครื่องในการสร้างโมเดลที่สามารถอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรต่าง ๆ หรือทำนายผลลัพธ์ที่ต้องการได้ แบบจำลองที่สร้างขึ้นต้องถูกตรวจสอบความแม่นยำและปรับปรุงเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าเชื่อถือ

- การตรวจสอบและปรับปรุงแบบจำลอง (Model Evaluation and Validation) หลังจากสร้างแบบจำลองแล้ว ต้องมีการตรวจสอบและประเมินความแม่นยำของแบบจำลองโดยใช้ข้อมูลที่ไม่ได้นำมาใช้ในการสร้างแบบจำลอง เพื่อให้แน่ใจว่าแบบจำลองที่ได้สามารถนำไปใช้กับข้อมูลใหม่ ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

- การนำเสนอผลการวิเคราะห์ (Data Presentation) ผลลัพธ์จากการวิเคราะห์ข้อมูลต้องถูกนำเสนอในรูปแบบที่เข้าใจง่ายและนำไปใช้ได้ การใช้กราฟ, ตาราง, และการสรุปข้อมูลเป็นวิธีที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถตีความและนำข้อมูลไปใช้ในการตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง

- การนำข้อมูลไปใช้ในการตัดสินใจ (Data-Driven Decision Making) ข้อมูลและผลลัพธ์จากการวิเคราะห์ต้องถูกนำไปใช้ในการตัดสินใจ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการดำเนินงานขององค์กร การตัดสินใจที่มีพื้นฐานจากข้อมูลจะช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มความน่าเชื่อถือในการตัดสินใจ

สรุป

การรวบรวมและจัดเก็บข้อมูล เป็นขั้นตอนพื้นฐานที่สำคัญในการเตรียมข้อมูล หากข้อมูลที่รวบรวมมาไม่ถูกต้อง ครบถ้วน หรือไม่ปลอดภัย ก็จะส่งผลต่อความถูกต้องและน่าเชื่อถือของผลการวิเคราะห์ ดังนั้น จึงควรให้ความสำคัญกับขั้นตอนนี้เป็นอย่างมาก ถือเป็นขั้นตอนสำคัญในการวิเคราะห์ข้อมูล การรวบรวมและจัดเก็บข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ การทำความสะอาดและแปลงข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบที่เหมาะสม และการจัดการฐานข้อมูลอย่างดี จะช่วยให้การวิเคราะห์ข้อมูลเป็นไปอย่างราบรื่นและได้ผลลัพธ์ที่มีความน่าเชื่อถือ การประยุกต์ใช้ข้อมูลในการวิเคราะห์และการตัดสินใจที่มีพื้นฐานจากข้อมูล จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการดำเนินงานขององค์กร 

 
----------------------------------------------------------------
ที่มาข้อมูล
-
รวบรวมโดย

----------------------------------------------------------------

สนใจข้อมูลเพิ่มเติมดูที่

DA การวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) รวมข้อมูล

----------------------------------------------------------------

 

ขอต้อนรับเข้าสู่เว็บไซต์
www.iok2u.com
แหล่งข้อมูลสารสนเทศเพื่อคุณ

เว็บไซต์ www.iok2u.com นี้เกิดมาจาก แรงบันดาลใจในภาพยนต์เรื่อง Pay It Forward โดยมีเป้าหมายเล็ก ๆ ที่กำหนดไว้ว่า ทุกครั้งที่เข้าเรียนสัมมนาหรืออบรมในแต่ละครั้ง จะนำความรู้มาจัดทำเป็นบทความอย่างน้อย 3 เรื่อง เพื่อมาลงในเว็บนี้
ความตั้งใจที่จะถ่ายทอดความรู้ที่ได้รับมาทำการถ่ายทอดต่อไป และหวังว่าจะมีคนมาอ่านแล้วเห็นว่ามีประโยชน์นำเอาไปใช้ได้ หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลย โดยอาจไม่ต้องอ้างอิงที่มาหรือมาตอบแทนผู้จัด แต่ขอให้ส่งต่อหากคิดว่ามันดีหรือมีประโยชน์ เพื่อถ่ายทอดความรู้และสิ่งดี ๆ ต่อไปข้างหน้าต่อไป Pay It Forward