การบริหารโซ่อุปทาน (Supply Chain) ร่วมกันแบบ Collaboration
ในระบบของโซ่อุปทานจะเกิดการไหลเวียนในกระบวนการของธุรกิจ ซึ่งจะเกิดขึ้นได้จากการเชื่อมโยงของโซ่อุปทานทั้งภายในและภายนอกองค์กร มีการแลกเปลี่ยนข้อมูล (Information Sharing) และร่วมมือกัน (Collaboration) ระหว่างแผนกต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกองค์กร เช่น ผู้ผลิตสินค้ามีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับลูกค้ารวมถึง Supplier โดยอาศัยเทคโนโลยี IT ที่เชื่อมโยงข้อมูลกันในระบบ
การบริหารโซ่อุปทาน (Supply Chain) ร่วมกันแบบ Collaboration
การจัดการโซ่อุปทาน มีความจำเป็นสำหรับการดำเนินธุรกิจในแทบทุกอุตสาหกรรม ทั้งนี้เนื่องจากสภาวะการแข่งขันในปัจจุบันที่ทำให้ทุกภาคธุรกิจใส่ใจกับเรื่องการลดต้นทุนในการดำเนินงานและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นมากเป็นพิเศษ การพยายามลดต้นทุนเฉพาะภายในองค์กรเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอสำหรับภาวะในปัจจุบันที่มีการแข่งขันอย่างรุนแรง เพราะกว่าผลิตภัณฑ์จะถึงมือลูกค้า (End Users) ก็ต้องผ่านมือผู้ผลิตมาหลายทอด ดังนั้นการสร้างความได้เปรียบด้านต้นทุน (Cost Competitiveness) จึงจำเป็นต้องมาจากความร่วมมือในหมู่คู่ค้าที่ผลิตภัณฑ์หรือสินค้านั้นไหลผ่านกระบวนการหรือการเชื่อมโยงกันเป็นโซ่อุปทานเดียวกัน โดยจะต้องทำงานบนพื้นฐานของกระบวนการทำงานร่วมกัน มีแผนงานร่วมกัน มีข้อมูลร่วมกัน เป็นต้น จึงทำให้การทำงานในยุคปัจจุบันต้องมีการสร้างกระบวนการร่วมกันเพื่อการ Collaborate ร่วมกันได้จะต้องมีการใช้ข้อมูลสารสนเทศร่วมกัน (Information Sharing) โดยในการสร้างปัจจัยที่สามารถผลักดันให้เกิดการทำงานร่วมกันนั้นจำเป็นต้องอาศัยปัจจัยหลัก ได้แก่
- ความไว้ใจซึ่งกันและกัน (Trust) เป็นปัจจัยหลักและสำคัญมากที่สุด จำเป็นจะต้องสร้างขึ้นมา ในอดีตผู้ที่ทำธุรกิจเกี่ยวข้องกันนั้นมักมีความไว้วางใจกันสูง ความไว้วางใจในอดีตมักเกิดในรูปของคุณภาพสินค้าและเครดิต การแลกเปลี่ยนความคิด แผนงาน ตลอดจนข้อมูลการค้าที่สำคัญ และมีความเกี่ยวโยงซึ่งกันและกัน ความเสียหายหรือต้นทุนที่เกิดจากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจะส่งผลต่อคู่ค้าและผู้ที่อยู่ในโซ่อุปทานรายอื่นๆด้วย
- การร่วมใช้ข้อมูลชุดเดียวกัน (Information Sharing) หากคู่ค้ายินยอมให้ใช้ข้อมูลการค้าร่วมกันหรือเป็นข้อมูลชุดเดียวกันแล้ว จะส่งผลให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดทั้งในเรื่องของเวลา (Time) และต้นทุน (Costs) คือสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในเรื่องของ Lead Time, Order Fulfillment ระดับของ Inventory ได้ นอกจากนี้ต้นทุนวัตถุดิบและสินค้าที่ผ่านมาในแต่ละขั้นตอนก็สามารถลดลงได้โดยอาศัยข้อมูลการพยากรณ์ ที่คู่ค้านำมาใช้ร่วมกันเพื่อการวางแผนการผลิตและการจัดส่ง
- คุณภาพของข้อมูลที่ใช้ร่วมกัน (Quality of Shared Information) คุณภาพของข้อมูล โดยทั่วไปหมายถึงความถูกต้อง (Accuracy) และความทันต่อเวลา (Timeliness) ข้อมูลนั้นจะไม่เกิดประโยชน์ใดๆเลย หากเป็นข้อมูลที่ขาดความถูกต้องแม่นยำและโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต้องเป็นข้อมูลที่ทันสมัยและสามารถเรียกใช้ได้ทันเวลา นอกจากความถูกต้องและทันเวลาแล้ว ประเภทและระดับของข้อมูลที่ใช้ก็สำคัญ เช่น หากต้องการปรับปรุงข้อมูลเรื่อง Inventory ข้อมูลสำคัญและเกี่ยวข้องคือ การพยากรณ์ (Forecast) แผนการตลาดและการส่งเสริมการตลาด, ข้อมูลสินค้าล้าสมัย, ข้อมูลสินค้าที่จะแนะนำเข้าสู่ตลาด, ข้อมูลสินค้าและบริการของคู่แข่ง เป็นต้น โดยข้อมูลเหล่านี้จะต้องอยู่ในระดับที่สามารถนำมาวิเคราะห์ได้
- เทคโนโลยีสารสนเทศและสื่อสาร (Information and Communication Technologies) ระบบการสื่อสารและการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างองค์กรในระบบโซ่อุปทานจะช่วยทำให้เกิดประสิทธิภาพของการบริหารจัดการร่วมกัน Collaboration ซึ่งจะกลายเป็นเสมือนเครือข่ายขนาดใหญ่ที่เชื่อมองค์กรต่างๆเข้าด้วยกัน ทำให้การสร้างกระบวนการวางแผนร่วมกัน “Collaboration Planning”
การไหลของวัตถุดิบผ่านการผลิตจนถึงการกระจายสินค้าสำเร็จรูปผ่านไปยังผู้บริโภคอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว จะสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ต่อเมื่อมีการนำเอาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศซึ่งประกอบด้วยคอมพิวเตอร์ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ มาประยุกต์ใช้ในทุกกิจกรรมทั้งภายในบริษัทและภายนอกบริษัท เพื่อสร้างความถูกต้องและรวดเร็ว ซึ่งซอฟแวร์ที่ใช้คือระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กร (Enterprise Recourse Planning) เพื่อให้การไหลข้อมูลรวดเร็วที่เรียกว่า การจัดการโซ่อุปทาน