ความหมาย เศรษฐกิจเชิงเส้น (Linear Economy)
เศรษฐกิจเชิงเส้น (Linear Economy) คือ แนวคิดในการทำธุรกิจในปัจจุบันตามโมเดลรูปแบบเก่า ที่มุ่งการผลิตโดยนำวัตถุดิบจากสิ่งแวดล้อมมาเปลี่ยนให้เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ ก่อนที่จะถูกทิ้งกลับสู่สิ่งแวดล้อมในท้ายที่สุด ซึ่งเรียกว่าเป็นกระบวนการเชิงเส้น (Linear Model) ที่มีจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด ในระบบนี้ทรัพยากรวัตถุดิบที่มีจำกัดก็จะหมดลงในที่สุด และยังเกิดมีของเสียสะสมมากมายจะเป็นค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการกำจัดหรือมลพิษอื่น ๆ เพิ่มขึ้น ในหลายกระบวนการผลิตที่มีในโมเดลนี้ส่วนใหญ่จะยังไม่มีประสิทธิภาพที่ดีพอ ทำให้ส่งผลให้สิ้นเปลืองทรัพยากรธรรมชาติจำนวนมาก
เศรษฐกิจเชิงเส้น (Linear Economy) คือ โมเดลที่อธิบายกระบวนการการผลิตและการใช้ทรัพยากรที่มีลักษณะเป็นเส้นตรงหรือเชิงเส้นเทียม โดยทรัพยากรนำเข้าไปในกระบวนการผลิตแล้วจะถูกใช้หรือสร้างเป็นสินค้า และเมื่อสินค้านั้นไม่ได้ใช้แล้วจะถูกทิ้งหรือทำลาย โมเดลนี้จึงเป็นที่รู้จักกันในนามของ "take, make, dispose" หรือ "ใช้, ผลิต, ทิ้ง" ทำให้เกิดปัญหาของการสูญเสียทรัพยากรและการสร้างปัญหาสิ่งแวดล้อม
เศรษฐกิจเชิงเส้น (Linear Economy) คือ แนวทางการทำเศรษฐกิจที่เป็นแบบดั้งเดิม และทำโดยการดำเนินกิจกรรมในรูปแบบที่เกี่ยวข้องกับการใช้ทรัพยากรแบบหมดสิ้นไป ใช้ทรัพยากรเพื่อผลิตสินค้าอย่างไม่ประหยัด และทิ้งทรัพยากรเหล่านั้นหลังจากได้รับการใช้งาน โดยทั่วไปแล้วจะมีการไหลเรียงของการทำงาน ประกอบด้วย กระบวน การหาทรัพยากรนำมาใช้ (Take) การใช้ทรัพยากรนั้นมาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ (Make) และการนำผลผลิตที่ใช้แล้วไปทิ้งเป็นของเสีย (Waste) กล่าวได้ว่าโมเดลนี้ ทรัพยากรจะถูกดึงออกมาแล้วนำมาใช้ในการผลิตสินค้าให้ผู้บริโภคใช้ จากนั้นก็จะนำผลิตภัณฑ์ที่ใช้แล้วนำไปทิ้งเป็นขยะหลังจากการใช้งาน โมเดลแบบนี้จึงถูกวิพากษ์วิจารณ์มากในระยะต่อมาถึงการใช้ทรัพยากรที่สิ้นเปลืองฟุ่มเฟือย ทำให้เกิดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมมากมายจากความไม่มีประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากร
หลักการ เศรษฐกิจเชิงเส้น (Linear Economy)
- เศรษฐกิจเชิงเส้น คือ แนวคิดในการใช้งานแล้วทิ้ง (Take-Make-Dispose) โมเดลนี้มีลักษณะที่ทรัพยากรถูกดึงเข้ามาในกระบวนการผลิต (Take) จากนั้นนำไปใช้ในการผลิตสินค้า (Make) และเมื่อสินค้าไม่ได้ใช้แล้วจะถูกทิ้งหรือทำลาย (Dispose) ทำให้เกิดการสูญเสียทรัพยากรมากมาย
- เศรษฐกิจเชิงเส้น คือ แนวคิดที่ขาดการนำคืน (Lack of Recycling) โมเดลนี้จะขาดการนำส่งคืนทรัพยากรหรือวัสดุที่ใช้แล้ว ส่วนใหญ่จะมีการทิ้งไปเป็นขยะเนื่องจากไม่มีกระบวนการรีไซเคิลที่มีประสิทธิภาพในการนำกลับมารวมใหม่เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์ได้ในกระบวนการผลิตอื่น ๆ
ลักษณะสำคัญ เศรษฐกิจเชิงเส้น ประกอบด้วย
- การดึงทรัพยากร ได้แก่ ทรัพยากรในการผลิต วัตถุดิบ หรือสารเคมีต้นทางที่ถูกดึงจากสิ่งแวดล้อม เพื่อนำมาใช้ในการผลิตสินค้า
- การผลิต ทรัพยากรในการผลิต วัตถุดิบ หรือสารเคมีต้นทางที่ได้ จะถูกนำมาใช้ในกระบวนการผลิตเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์หรือสินค้าให้แก่ลูกค้าต่อไป
- การบริโภค ลูกค้าหรือผู้บริโภค นำผลิตภัณฑ์หรือสินค้าไปใช้ในวงจรชีวิตหรือการดำเนินงาน
- การสร้างขยะของเสีย เมื่อสิ้นสุดของวงจรการใช้งานของผลิตภัณฑ์ที่กล่าวมา มักจะเกิดสิ่งของที่เหลือใช้หรือใช้ประโยชน์ต่อไปไม่ได้เกิดขึ้น มักเป็นรูปของสินค้าที่ถูกทิ้งหรือผลิตขึ้นจากกระบวนการผลิต
เป้าหมาย เศรษฐกิจเชิงเส้น (Linear Economy)
- การผลิตสินค้าหรือบริการมีมูลค่าเพิ่ม (Value Addition) หลักการหลักของโมเดลนี้ คือ การสร้างมูลค่าเพิ่มจากการผลิตและใช้ทรัพยากร ซึ่งส่งผลให้เศรษฐกิจมีการเติบโต
- ส่งเสริมการบริโภค (Consumption Promotion) โดยเน้นการบริโภคที่มีประสิทธิภาพและทรัพยากรมีการใช้เพียงพอ
- เน้นการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างไม่มีสิ้นสุด มุ่งเน้นการผลิตสินค้าเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค สินค้ามีอายุการใช้งานสั้น ไม่ค่อยมีการนำวัสดุกลับมาใช้ใหม่ มุ่งเน้นการกำจัดขยะ
แนวทางการพัฒนา เศรษฐกิจเชิงเส้น (Linear Economy)
- การสนับสนุนการรีไซเคิล (Support for Recycling) การส่งเสริมการนำคืนทรัพยากรหรือวัสดุที่ใช้แล้วเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล
- การพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากร (Resource Management Improvement) การพัฒนาระบบการบริหารจัดการทรัพยากรเพื่อลดการสูญเสีย
- เน้นการขยายกำลังการผลิต พัฒนาสินค้าใหม่ กระตุ้นการบริโภค พัฒนาระบบขนส่ง พัฒนาระบบจัดการขยะ
ประโยชน์ เศรษฐกิจเชิงเส้น (Linear Economy)
- สร้างรายได้และอาชีพ การผลิตและการใช้ทรัพยากรสร้างรายได้และอาชีพให้กับประชากร
- ช่วยในการเติบโตเศรษฐกิจ โมเดลนี้สามารถสร้างเศรษฐกิจที่มีการเติบโต กระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างงาน
- เกิดการพัฒนาเทคโนโลยี เพิ่มความสะดวกสบาย
ตัวอย่างของ เศรษฐกิจเชิงเส้น
- ตัวอย่างการผลิตขวดพลาสติก ขั้นตอน Take คือการนำปิโตรเลียมที่ได้จากพื้นดิน นำมา Make โดยปิโตรเลียมที่ได้จะถูกกลั่นและนำไปสร้างเป็นเม็ดพลาสติก จากนั้นจะนำไปใช้ขึ้นรูปตามต้องการ เช่น เป็นขวดพลาสติก และขั้นตอน Waste หลังจากใช้งานแล้ว ขวดพลาสติกจำนวนมากจะกลายเป็นขยะ ที่ถูกทิ้งในที่ต่างๆ เช่น หลุมฝังกลบตามข้างถนน ในป่าเขา แม่น้ำหรือในทะเลมหาสมุทร ซึ่งขยะดังกล่าวต้องใช้เวลาหลายร้อยปีในการย่อยสลาย
- พลาสติกใช้แล้วทิ้ง การผลิตและการใช้พลาสติกหนึ่งครั้ง เช่น ถุงพลาสติก, ขวดพลาสติก, และบรรจุภัณฑ์พลาสติก, เป็นตัวอย่างของโมเดลเศรษฐกิจเชิงเส้น หลังจากใช้งาน, วัสดุเหล่านี้มักถูกทิ้งที่ทำให้เกิดมลพิษทางสิ่งแวดล้อม
- แฟชั่นไฮสปีดหรือแฟชั่นที่มีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว ในอุตสาหกรรมเสื้อผ้ามักถูกผลิตอย่างรวดเร็วในปริมาณที่มากเพื่อให้ราคาถูก บางครั้งการผลิตมักใช้วัสดุคุณภาพต่ำซึ่งนำไปสู่การทิ้งหลังจากใช้งานได้เพียงไม่กี่ครั้ง อุตสาหกรรมแฟชั่นเป็นตัวอย่างการทำงานในโมเดลเชิงเส้น เสื้อผ้าถูกผลิตโดยใช้วัสดุดิบจำนวนมาก ผลิตจำนวนมานำส่งขายให้ผู้บริโภค และสินค้าส่วนใหญ่มักจะถูกทิ้งหลังจากการใช้งานรวมถึงสินค้าที่ไม่ได้ขายแต่เมื่อตกรุ่นหรือล้าสมัยก็มักถูกนำไปทิ้งเช่นกัน จึงส่งผลให้เกิดปัญหาขยะเสื้อผ้าจำนวนมากมาย
- อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หลายชนิดในปัจจุบันนั้นจะมีอายุการใช้งานจำกัด เกิดปัญหาการตกรุ่นหรือสินค้าล้าสมัย ซึ่งมักจะถูกทิ้งทำให้เกิดขยะอิเล็กทรอนิกส์ (e-waste) ที่อาจมีผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมและสุขภาพถ้าไม่ได้จัดการอย่างถูกต้อง
- อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แบบใช้แล้วทิ้ง อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หลายชิ้นได้รับการออกแบบมาให้เปลี่ยนบ่อยครั้ง โดยให้ความสำคัญกับการซ่อมแซมหรือการรีไซเคิลเพียงเล็กน้อย
- อาหารเหลือทิ้ง อาหารจำนวนมากถูกทิ้งตลอดห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่การผลิตไปจนถึงการบริโภค
ปัญหา เศรษฐกิจเชิงเส้น (Linear Economy)
- การสูญเสียทรัพยากร โมเดลนี้มีความสามารถในการสูญเสียทรัพยากรทางธรรมชาติ
- ปัญหาสิ่งแวดล้อม การทิ้งขยะและสินค้าที่ไม่ได้ใช้มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
- โมเดลเศรษฐกิจเชิงเส้นกำลังเผชิญกับความท้าทาย ทรัพยากรธรรมชาติมีจำกัด เกิดปัญหาขยะล้นโลก มลพิษทางสิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการมีโมเดลเศรษฐกิจอื่น ๆ ที่เป็นทางเลือก
ผลกระทบของ เศรษฐกิจเชิงเส้น (Linear Economy)
- การสูญเสียทรัพยากร จากการพึ่งพาทรัพยากรที่มีจำกัดของโมเดลเศรษฐกิจแบบเส้นตรง นำไปสู่การสูญเสียทรัพยากรธรรมชาติ
- มลพิษ กระบวนการสกัด การผลิต และการกำจัดในระบบเศรษฐกิจแบบเส้นตรงก่อให้เกิดมลพิษอย่างมีนัยสำคัญ
- การสะสมขยะ การขาดการให้ความสำคัญกับการจัดการขยะในแบบจำลองเชิงเส้นนำไปสู่การสะสมขยะในหลุมฝังกลบและสิ่งแวดล้อม
- การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การที่โมเดลเศรษฐกิจแบบเส้นตรงมีส่วนทำให้ทรัพยากรธรรมชาติ มลพิษ และการทำลายป่า ซ้ำเติมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
โมเดลเศรษฐกิจแบบเส้นตรง เป็นระบบเศรษฐกิจที่ก่อให้เกิดผลกระทบเชิงลบ ต่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ ได้แก่ การสูญเสียทรัพยากร มลพิษ การสะสมขยะ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
สรุป เศรษฐกิจเชิงเส้น (Linear Economy)
เศรษฐกิจเชิงเส้น มีประโยชน์ในการสร้างรายได้และเติบโตเศรษฐกิจ แต่มีปัญหาที่สำคัญเกี่ยวกับการสูญเสียทรัพยากรทางธรรมชาติและปัญหาสิ่งแวดล้อม การพัฒนาแนวทางที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและการลดการสูญเสียทรัพยากร จึงเป็นสิ่งจำเป็นในการปรับปรุงโมเดลนี้ให้มีความยั่งยืนมากขึ้น เศรษฐกิจเชิงเส้น มีข้อจำกัดในการใช้ทรัพยากรทางธรรมชาติที่มีจำกัด และเป็นประการที่เสี่ยงต่อสิ่งแวดล้อม จึงต้องมีการพิจารณาหาทางเปลี่ยนแปลงโมเดลนี้ในทางที่ทำให้มีความยั่งยืนมาก
ที่มา https://www.bcg.in.th
ภาพและรวบรวมโดย www.iok2u.com
-------------------------------------------------
โมเดลเศรษฐกิจ BCG (BCG Economy Model)
-------------------------------------------------
ชมอัลปั้มภาพเพิ่มเติมที่ |
โมเดลเศรษฐกิจ BCG (BCG Economy Model) |