กวนบ่า (Quản Bạ) เป็นอำเภออยู่ใน จังหวัดฮาซาง ทางตอนเหนือสุดของเวียดนาม ตั้งอยู่ในบริเวณที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลระหว่าง 1,000-1,6000 เมตร ประกอบขึ้นด้วย 12 ตำบล ร้อยละ 60 ของประชากรเป็นชาวม้ง (60% Hmong) ที่เหลือก็คือเผ่าเซา (14% Dao) เผ่าไต (11% Tay) และเผ่าปูอี (Pu Y) ซึ่งพบอยู่แห่งเดียวในเวียตนามและมีเพียง 880 คนเท่านั้น
พวกไตอาศัยอยู่ในบ้านที่มีเสายกพึ้นขึ้นมา มุงหลังคาด้วยใบตาลหรือหญ้าแฝก พวกเซาทำบ้านด้วยโคลนและทำนาดำอยู่ในร่องแม่น้ำบริเวณหุบเขาลึก พวกม้งอาศัยอยู่ในที่สูงและปลูกข้าวโพด หัตถกรรมของพวกเขาเหล่านี้ประกอบด้วย การทอผ้า แกะสลักไม้ และการปั้นหม้อ
ในจำนวนของบริเวณที่มีความโดดเด่นน่าสนใจหลายแห่งนั้น ในตัวเมืองกวนบาเองก็มีภูเขาลูกเล็กๆ 2 ลูก ที่มีรูปลักษณะที่แปลกตา มองดูคล้ายกับถันของหญิงสาวโผล่ขึ้นมาจากพื้นดิน 1 คู่ ตำนานของชาวม้งเล่าว่า นางฟ้าองค์หนึ่งชื่อดอกท้อ (Hoa Dao)ได้ยินเสียงจ้องหน่อง (Đàn môi ; mouth harp เครื่องดนตรีที่ทำจากไม้ไผ่ของชาวม้ง) จากม้งหนุ่มคนหนึ่ง เธอทนฟังเสียงอันไพเราะเพราะพริ้งนั้นไม่ไหว จึงเหาะลงมาจากสวรรค์เพื่อมาพบเจอ จากนั้นก็เกิดความรักจนตกลงปลงใจอยู่กินกับม้งหนุ่ม จนกระทั่งให้กำเนิดบุตรชายหนึ่งคน เมื่อเง็กเซียนฮ่องเต้(คนเวียดนามเรียก “งกฮวง” (Ngoc Hoang) ทราบเรื่อง พระองค์พิโรธมาก และมีบัญชาให้แม่นางดอกท้อกลับสู่สวรรค์ทันที แต่ด้วยความรักและห่วงบุตรน้อย เธอจึงถอดถันทั้งสองข้างของเธอออกมาวางไว้ เพื่อบุตรชายจะได้ดื่มกิน ต่อมาถันทั้งสองของเธอได้กลายเป็นภูเขา ที่ชาวบ้านเรียกขานว่า “เขาถันนางฟ้า” (Co Tien ) ว่ากันว่า น้ำนมที่ไหลออกมาจากถันทั้งคู่ ทำให้ผลไม้และพืชผักในท้องถิ่นนี้มีความหอมหวานอร่อย ส่วนน้ำตาของนางฟ้าก็กลายเป็นแม่น้ำเมี่ยนที่หล่อเลี้ยงแผ่นดินแห่งนี้
ในแง่ธรณีวิทยาแล้ว ภูเขาทั้งสองลูกรวมทั้งตัวเมืองกวนบ่าและเขาลูกเล็กๆอีกหลายลูกในหุบเขาแห่งนี้นั้น ตั้งอยู่ในกลุ่มระนาบเลื่อนกวนบ่า-ฮวงจา (Quan Ba-Hueng Cha Fault Zone) ทำให้หินปูนที่สะสมตัวในทะเลเมื่อประมาณ 400 ล้านปีก่อน ซึ่งต่อได้กลายเป็นหินโดโลไมต์ ถูกยกตัวขึ้นมาและถูกบดอัด เฉือนไถล จนแตกหักเป็นเม็ดเล็กเม็ดน้อย และถูกกัดกร่อนจากทั้งน้ำ ลม และความร้อนหนาว จนทำให้เกิดภูเขาที่มีลักษณะกลมมนขึ้นมาหลายลูก ขณะที่พื้นที่ส่วนใหญ่ในโซนนี้ยุบตัวลงเป็นที่ราบระหว่างหุบเขากว้างประมาณ 1 กิโลเมตร ยาวเกือบ 20 กิโลเมตร หลักฐานของการเลื่อนตัวของชั้นหินสามารถเห็นได้ชัดเจนข้างถนนหมายเลข 4C ไม่กี่ร้อยเมตรทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเขาถันนางฟ้า ได้แก่ระนาบเรียบสีส้ม พร้อมกับร่องรอยลายเส้นที่เกิดจากการที่หินทั้งสองข้างถูกดันให้เลื่อนครูดไถลผ่านกันและกัน ระนาบและร่องรอยดังกล่าวนี้ ราบเรียบเสมือนแผ่นเหล็กที่ถูกไสด้วยกบยักษ์ ทำให้ผู้ที่พบเห็นต้องอึ้งทึ่งเหวอกับกระบวนการทางธรณีวิทยาและพลังอันเหลือเชื่อของธรรมชาติอย่างนั้นเลย
.
ที่มา https://www.facebook.com/nares.sattayarak