iok2u.com แหล่งรวมข้อมูลข่าวสารเรื่องราวน่าสนใจเพื่อการศึกษาแลกเปลี่ยนและเรียนรู้

ยืนหยัด เข้มแข็ง และกล้าหาญ (Stay Strong & Be Brave)
ขอเป็นกำลังใจให้คนดีทุกคนในการต่อสู้ความอยุติธรรม ในยุคสังคมที่คดโกงยึดถึงประโยชน์ส่วนตนและพวกฟ้องมากกว่าผลประโยชน์ส่วนรวม จนหลายคนคิดว่าพวกด้านได้อายอดมักได้ดี แต่หากยึดคำในหลวงสอนไว้ในเรื่องการทำความดีเราจะมีความสุขครับ
มิสเตอร์เรน (Mr. Rain) และมิสเตอร์เชน (Mr. Chain)
Mr. Rain และ Mr. Chain สองพี่น้องในโลกออฟไลน์และออนไลน์ที่จะมาร่วมมือกันสร้างสื่อสารสนเทศ เพื่อเผยแพร่ให้ความรู้ในเรื่องราวต่างๆ มากมายสร้างสังคมในการเรียนรู้ หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลยโดยไม่ต้องตอบแทนกลับมา
Pay It Forward เป้าหมายเล็ก ๆ ในการส่งมอบความดีต่อ ๆ ไป
เว็ปไซต์นี้เกิดจากแรงบันดาลใจในภาพยนต์เรื่อง Pay It Forward ที่เล่าถึงการมีเป้าหมายเล็ก ๆ กำหนดไว้ให้ส่งมอบความดีต่อไปอีก 3 คน หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลยโดยไม่ต้องตอบแทนกลับมา อยากให้ส่งต่อเพื่อถ่ายทอดต่อไป

ลุยเมืองกาญนะจ๊ะบุรี (8) ชมวัดจมน้ำ ของเมืองบาดาล

  

รูปที่ 1 ภาพถ่ายจากเขาเย็น (ที่ตั้งสันเขื่อนวชิราลงกรณ์) ก่อนปี พ.ศ. 2525 ก่อนการก่อสร้างเขื่อน (ภาพบน) และภาพถ่ายจากสันเขื่อนเมื่อการก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว (ภาพล่าง)

บุญวาทย์ รุ่น 08 ลุยเมืองกาญนะจ๊ะบุรี ชมวัดจมน้ำ ของเมืองบาดาล

หลังจากที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ได้ก่อสร้างเขื่อนเขาแหลม (เขื่อนวชิราลงกรณ์) ขวางลำน้ำแควน้อย ในปี พ.ศ. 2527 ทำให้เกิดอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่หลังสันเขื่อน ซึ่งท่วมตัวอำเภอเก่ารวมทั้งหมู่บ้านชาวมอญ ชาวบ้านจึงต้องย้ายบ้านเรือนและวัดมาอยู่บนเนินเขาในที่ปัจจุบัน (รูปที่ 1) ส่วนสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ที่ไม่สามารถย้ายได้ทั้งหมดก็จมอยู่ใต้น้ำ ประกอบด้วย วัด 3 วัด ได้แก่ วัดวังก์วิเวการามของหลวงพ่ออุตตมะ วัดสมเด็จซึ่งเป็นวัดไทย และวัดศรีสุวรรณ ซึ่งเป็นวัดกะเหรี่ยง ปัจจุบันมีชื่อเสียงกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว เป็นที่รู้จักในชื่อว่า ทริปนั่งเรือชม “วัดใต้น้ำ” หรือ “เมืองบาดาล”

จุดติดต่อล่องเรือก็มีทั้งตรง สะพานมอญ (สะพานอุตตมานุสรณ์) และ/หรือ สะพานแดง (สะพานศรีสุวรรณคีรี) โดยจะเป็นเรือหางยาว ราคาประมาณลำละ 300 - 600 บาท นั่งได้ 6 คน ถ้าไปหลายคนก็หาลำที่ใหญ่ขึ้นมาหน่อย และก็จ่ายเพิ่มอีกหน่อย ใช้เวลาไป - กลับ ประมาณ 45 นาที สามารถใช้บริการได้ทุกวัน เวลา 06:00 น. - 18:00 น. แต่แนะนำให้ไปเที่ยวในช่วงเช้า เพราะหากสายมากๆ เที่ยง หรือบ่าย แดดอาจจะร้อนจัดเกินไป

วัดสมเด็จ (เก่า) (รูปที่ 2)

ตั้งอยู่บนเนินเขาเล็กๆ ตรงข้ามเมืองบาดาล สร้างโดยพระครูวิมลกาญจนคุณเจ้าคณะตำบลหนองลู เป็นวัดที่ไม่ได้จมน้ำ แต่ถูกทิ้งร้างเมื่อครั้งย้ายอำเภอสังขละบุรี ตอนสร้างเขื่อนวชิราลงกรณ์ เพราะเส้นทางเข้าออกถูกน้ำท่วม อุโบสถของวัดสมเด็จมีพระประธานที่มีลักษณะคล้ายกับพระพุทธชินราช สภาพค่อนข้างสมบูรณ์ ยิ่งไปกว่านั้นรอบตัวโบสถ์มีต้นไทรใหญ่ปกคลุมดูมีมนต์ขลัง นักท่องเที่ยวต้องเดินขึ้นบันไดขึ้นไปประมาณ 100 เมตร 69 จึงถึงตัวโบสถ์

วัดวังก์วิเวการาม (เก่า) หรือ วัดหลวงพ่ออุตตมะ (รูปที่3) เป็นวัดที่หลวงพ่ออุตตมะ ร่วมกันกับชาวบ้านอพยพชาวกะเหรี่ยงและชาวมอญ และร่วมกันสร้างขึ้นในปี พ.ศ.2496 ที่ บ้านวังกะล่าง อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี อยู่ใกล้กับชายแดนไทยพม่า ห่างจากอำเภอเมืองกาญจนบุรีไปราวๆ 220 กิโลเมตร ในฤดูน้ำหลาก ก็จะเห็นเฉพาะหอระฆัง ศาลาวัด และกุฏิของหลวงพ่ออุตตมะ ที่โผล่ผิวน้ำขึ้นมา แต่หากเป็นฤดูแล้ง นักท่องเที่ยวสามารถลงไปเดินพื้นดินที่เคยเป็นวัดมาก่อนได้สบาย แต่จะเห็นแค่ส่วนของกำแพงด้านนอกโบสถ์ ไม่มีส่วนหลังคาโบสถ์ให้เห็นอีกแล้ว ภายในผนังโบสถ์ยังพอจะได้เห็นลวดลายศิลปะแบบมอญให้เห็นอยู่บ้าง เป็นลายของซุ้มองค์พระพุทธรูปที่จะอยู่ตามผนัง แต่ก็มีหลายส่วนที่หลุดหายไปบ้างแล้ว บริเวณด้านนอกโบสถ์จะเห็นเศียรพระหักวางไว้

วัดศรีสุวรรณ(เก่า) (รูปที่ 4)

วัดนี้เปรียบเสมือน เป็นตัวแทนของชาวกะเหรี่ยง เพราะมีชื่อพ้องกันกับพระศรีสุวรรณคีรี เจ้าเมืองสังขละบุรี เป็นวัดที่มีอายุมากที่สุดในบรรดา 3 วัด โดยตัววัดตั้งอยู่ บริเวณปลายแม่น้ำรันตี และค่อนข้างเป็นที่ต่ำกว่าที่วัดวังก์วิเวการาม(เก่า) จึงทำให้บริเวณนี้มีน้ำท่วมตลอดปี จมอยู่ใต้น้ำมากที่สุด เมื่อเวลาน้ำขึ้นจะเหลือไว้เพียงบางส่วนที่โผล่พ้นน้ำ หรือบางทีก็ท่วมมิดจนมองไม่เห็น อาจจะมีให้เห็นก็เพียงแต่ยอดหอระฆังเดิมเท่านั้นที่สูงพ้นน้ำ จะเป็นช่วงปลายฝนต้นหนาว ตั้งแต่ประมาณตุลาคม - มกราคม ส่วนช่วงหน้าแล้ง น้ำหลังเขื่อนจะลดลงเยอะมาก ทำให้สามารถเดินเข้าไปเยี่ยมชมโบสถ์เก่าได้ ควรมาเที่ยวในช่วงฤดูร้อน ตั้งแต่ประมาณเดือนมีนาคม - เมษายน

ป่ะล่ะ ป่ะล่ะ

 

รูปที่ 2 ภาพโบสถ์ร้างของวัดสมเด็จ (เก่า) ซึ่งตั้งอยู่บนเนิน น้ำท่วมไม่ถึง

รูปที่ 3 วัดวังก์วิเวการาม (เก่า) ซึ่งในฤดูแล้ง จะสามารถลงไปเดินดูซากวัดได้ แต่ในฤดูฝนก็มักจะพบเพียงยอดหอระฆัง โบสถ์ และกุฏิของกลวงพ่ออุตตมะ เท่านั้น

รูปที่ 4 วัดศรีสุวรรณ (เก่า) ซึ่งจะจมอยู่ใต้น้ำเกือบทั้งปี เพราะสร้างก่อนวัดอื่น และตั้งอยู่ในที่ลุ่มต่ำสุด

 

.

-------------------------

 

 

 

ขอต้อนรับเข้าสู่เว็บไซต์
www.iok2u.com
แหล่งข้อมูลสารสนเทศเพื่อคุณ

เว็บไซต์ www.iok2u.com นี้เกิดมาจาก แรงบันดาลใจในภาพยนต์เรื่อง Pay It Forward โดยมีเป้าหมายเล็ก ๆ ที่กำหนดไว้ว่า ทุกครั้งที่เข้าเรียนสัมมนาหรืออบรมในแต่ละครั้ง จะนำความรู้มาจัดทำเป็นบทความอย่างน้อย 3 เรื่อง เพื่อมาลงในเว็บนี้
ความตั้งใจที่จะถ่ายทอดความรู้ที่ได้รับมาทำการถ่ายทอดต่อไป และหวังว่าจะมีคนมาอ่านแล้วเห็นว่ามีประโยชน์นำเอาไปใช้ได้ หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลย โดยอาจไม่ต้องอ้างอิงที่มาหรือมาตอบแทนผู้จัด แต่ขอให้ส่งต่อหากคิดว่ามันดีหรือมีประโยชน์ เพื่อถ่ายทอดความรู้และสิ่งดี ๆ ต่อไปข้างหน้าต่อไป Pay It Forward