คืนก่อนเข้าไปเที่ยวในอุทยานแห่งชาติ Jiuzhai Valley National Park หรือ ที่เขานิยมเรียกกันว่า จิ่วไจ้โก Jiuzhaigou นั้น ข้าพเจ้าและคณะ นอนค้างคืนก่อนล่วงหน้าที่โรงแรมใกล้ๆ ปากทางเข้าอุทยานแห่งชาติ ซึ่งมีโรงแรมที่พักขนาดสามดาวอยู่หลายแห่งด้วยกัน สำหรับข้าพเจ้าพักที่โรงแรม Jiuyuan Internatinal Hotel สองคืนด้วยกัน พอถึงตอนเช้าสัก 8-9โมงเราก็นั่งรถไปสัก ห้านาที ก็ถึงเขตที่ห้ามรถบัสเข้า ก็ต้องเดินไปถึงประตูใหญ่ที่มีการตรวจ ID สำหรับคนจีนท้องถิ่น ส่วนคนต่างชาติ ต้องแสดง Passport ด้วย
อากาศตอนเช้าวันนี้ เวลาเก้าโมงเช้า หนาวขนาด -3°C โชคดีที่ไม่มีหิมะไม่มีลมไม่มีฝน แต่ก็ยังหนาววววว อยู่ดีอ่ะครับ
คำว่า จิ่วไจ้โก นั้น เป็นภาษาจีน จิ่ว แปลว่า 9 และ ไจ้ แปลว่า หมู่บ้าน ส่วน โก แปลว่า อุทยาน ดังนั้น จิ่วไจ้โก จึงมีความหมายว่า อุทยานที่มีหมู่บ้านของคนท้องถิ่นอยู่ 9 หมู่บ้านด้วยกัน
ก่อนการจัดตั้งอุทยานนั้น ชนท้องถิ่นแถวนี้เป็นคนเชื้อสายธิเบต ตั้งรกรากอาศัยมานานแล้ว และอยู่กระจายกันไปทั่วบริเวณตามหุบเขาที่มีน้ำจากหิมะไหลลงมาตามลำน้ำตลอดปี แต่เนื่องจากตัวยอดเขานั้น สูงประมาณ 4600 เมตรเหนือจากระดับน้ำทะเล ก็จะมีหิมะปกคลุมทั้งปี และค่อยละลายให้น้ำไหลลงมาตามร่องเขาที่สูงชัน ประกอบกับในบริเวณนี้ มีแผ่นดินไหวขนาดใหญ่อยู่บ่อยครั้ง และหินก็มีรอยแตกมากมาย ก็จะเห็นร่องรอยของหินถล่มอยู่ตามยอดเขาและทางลาดชัน ครั้งล่าสุดก็เมื่อ วันที่ 8 เดือน 8 ปี 2017 ที่มีการเขย่าของเปลือกโลก อันเกิดจากการขยับตัวของรอยเลื่อนขนาดใหญ่ ทำให้หินร่วงลงมาจากยอดเขา ซึ่ง ก็มีอยู่ก้อนหนึ่ง คะเนด้วยตาก็น่าจะขนาดสัก 3×8×10 เมตร น้ำหนักก็น่าจะสักใกล้เคียง 500 - 600 ตัน หล่นแล้วกลิ้งมานอนในบริเวณริมทางน้ำในหุบเขา ที่เราเดินผ่านไปใกล้ๆด้วย ส่วนการที่เกิดแผ่นดินใหญ่ครั้งใหญ่ ในบริเวณนี้ ครั้งก่อนหน้านี้คือ 2003 ถ้าคิดคร่าวๆ ก็ห่างกัน 14 ปี อืมมม ถ้าจะเขย่าครั้งใหญ่อีกที ก็น่าจะเป็นปี 2017+14 = 2031 โน้นมั้ง ดังนั้น ตามสถิติ ปีนี้ที่ข้าพเจ้ามาเยี่ยมนี้ ควรจะปลอดภัยใช่ไหมขอรับ แฮ่มๆๆๆ
เนื่องด้วยหินในบริเวณนี้เป็นหินแปร ที่น่าจะเป็น Low graded Metamorphic rock ประเภท หินชนวน Slate หินปูนที่มีส่วนผสมของแร่ซิลิก้า Cal-silicates อะไรพวกนั้น น้ำที่ไหลผ่านจะชะล้างเอาสารประกอบแร่ธาตุที่อยู่ในหินออกมาด้วยอย่างช้าๆ ผลที่ได้คือน้ำน่าจะมีฤทธิ์เป็นด่างอ่อนๆ มีสารแขวนลอยประเภทแคลเซียมคาร์บอเนต ที่ทำให้เกิดการตกตะกอนหินปูน Tufa คล้ายๆกับหินปูนเกาะฟันนั่นแหล่ะครับ บนผิวของหินที่ทางน้ำไหลผ่านอยู่ทั่วไป และ ท่านผู้รู้คนหนึ่ง เล่าว่า แร่ธาตุบางตัวที่ละลายมา น่าจะมีส่วนผสมของแร่กลุ่ม Gluconite ซึ่งเมื่อละลายน้ำลงมา แล้วเกิดสะสมตัวอยู่ในทะเลลาปหรือบึง ในบริเวณนี้ ก็เลยทำให้น้ำเห็นเป็นสีฟ้าอ่อนๆ แต่ถ้าบริเวณนั้น มีความลึก ก็จะยิ่งทำให้เห็นเป็นสีฟ้าเข้มขึ้นเรื่อยๆ นั่นเอง
ป.ล. ความเห็นความรู้เกี่ยวกับสีฟ้าของน้ำนี้ แม้ว่าข้าพเจ้าที่เป็นนักธรณีวิทยา ก็ยังรู้ไม่หมด คงต้องหาความรู้เพิ่มเติมกันต่อไป หากมี่พี่ๆน้องๆท่านใดพอทราบรายละเอียด ก็ช่วยชี้แน่ะด้วยน่ะครับ
อุทยานแห่งชาติ จิ่วไจ้โกนี้ มีความโดดเด่นก็ตรงบึงน้ำ ทะเลสาปและสายน้ำสีฟ้านี่แหล่ะขอรับ บึงน้ำสีฟ้าและทะเลสาปสีฟ้านี้ ส่วนมากก็จะมีรูปร่างรีๆ ยาวๆ แคบๆ ทอดตัวไปตามหุบเขา หรือ Valley ที่ไหลทอดลงมาจากยอดเขาสูงที่มีหิมะปกคลุมทั้งปีนั่นเองขอรับ
บางบึงบางทะเลสาป อาจจะมีก้อนกรวด หรือ หินสีสวยๆแปลกตาอยู่บนพื้น ก็ทำให้มองเห็นว่าตัวผืนน้ำมีสีสรรมากมายึงห้าโทนสี บางเวลาก็มีหิมะสีขาว และสีเขียวของต้นไม้ เข้ามาประกอบ ก็ทำให้โดดเด่นสวยงามน่ะขอรับ
อ้อ เนื่องจากความเอียงลาดเทจากยอดเขาลงมาถึงกลางเขา แถวๆปากทางเข้าอุทยาน ค่อนข้างมาก จึงไม่แปลกใจที่เราจะเห็นน้ำตกน้อยใหญ่อยู่หลายแห่ง
หิมะน่าจะเริ่มตกตั้งแต่ปลายๆพฤศจิกายน แล้ว แต่น่าจะตกหนักเยอะๆในเดือนมกราคม และกุมภาพันธ์ของทุกปี ซึ่งในช่วงนั้น ต้นไม้น่าจะถูกคลุมด้วยหิมะสีขาว ตัดกับทะเลสาปสีฟ้า จนเป็นเอกลักษณ์ของจิ่วไจ้โก แต่..จะหนาวเท่าไหร่ ก็ประเมินกันเองน่ะขอรับ
โรงแรมที่ข้าพเจ้าพักนั้นอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลราวๆ 2200 เมตร สถานที่ท่องเที่ยวก็อยู่ไกลกัน และ อยู่ที่ระดับความสูง ตั้งแต่ 2200 - 3400 เมตร นักท่องเที่ยวคงเดินไม่ไหว ในเวลาวันเดียว ดังนั้น ทางอุทยาน จึงเตรียมรถบัสไฟฟ้าให้บริการเช่านั่งรถชมอุทยานด้วย
คนนำเที่ยวเล่าให้ฟังว่า ภูเขาในเมืองจีน โดยเฉพาะในจิ่วไจ้โกนี้ มีทั้งบริเวณหยินและบริเวณหยาง โดยที่บริเวณหยิน เป็บริเวณที่แดดส่องน้อยในช่วงบ่าย จะเป็หลังร่มเงาของพระอาทิตย์ ด้านนี้จะเย็นและมีกองหิมะที่ยังละลายกองระเก่ะระก่ะ ทั่วไป ไม่เหมือนฝั่งด้านหยาง ที่แดดบ่ายส่องเต็มๆ รังสีแดดจะละลายหิมะจนไม่เหลือค้างในวันที่ข้าพเจ้ามาเยือน อ้อ ความรู้ใหม่เน้อะขอรับ
จากข้อมูลที่คนนำทางให้มา อุทยานมีการจำกัดคนเข้าชมด้วยน่ะขอรับ คุ้นๆว่าเดือนล่ะ แปดหมื่นคน หรืออะไรเนี่ยขอรับ หากใครไม่ได้จองมา ก็เข้าไม่ได้น่ะขอรับ ดังนั้น ผู้สนใจมาเยือน ควรจะเช็คกับบริษัทท่องเที่ยวให้ดีเสียก่อน ที่จะเดินทางมาเยื่อนแบบ Unplanned เพราะอาจจะเข้าไม่ได้น่ะขอรับ
-------------------------------------------------
ที่มา
- https://www.facebook.com/waranon555
รวบรวมข้อมูลและภาพ
-------------------------------------------------
บทความ วรานนท์ หล้าพระบาง (Waranon Laprabang) รวมข้อมูล
รวมบทความที่น่าสนใจจากนักธรณีวิทยาของไทย-------------------------------------------------