Waiyapot ep001 Religion’s believes in How the earth was made ความเชื่อเรื่องการเกิดโลก และสรรพสิ่งตามหลักศาสนาต่าง ๆ
มนุษย์ได้เกิดขึ้นในโลกเมื่อประมาณสองแสนปีมาแล้ว เป็นสัตว์ที่มีความคิด ความจำ และมีวิวัฒนาการทางความคิดมาโดยตลอด มักจะมีความสงสัยว่า ชีวิต และสรรพสิ่ง และจักรวาล เกิดขึ้นมาได้อย่างไร ในลัทธิศาสนาต่าง ๆที่เกิดขึ้นภายหลัง มักจะอธิบายถึงขบวนการการเกิดโลก และจักรวาลไปต่าง ๆ นานา และมักจะเกี่ยวข้องกับสิ่งลี้ลับที่ยิ่งใหญ่ที่เรียกว่า พระเจ้า
ศาสนาเอกเทวะนิยม
ในความเชื่อของศาสนาคริสต์ รวมทั้งศาสนาเอกเทวะนิยมทั้งหมดได้แก่ ศาสนาฮิบบรูของยิว และศาสนาอิสลาม เป็นต้น เชื่อว่าพระเจ้าเป็นผู้สร้างสรรพสิ่งทั้งหมด โดยเริ่มต้นจากได้ทรงสร้าง จักรวาล ที่ประกอบด้วยสวรรค์และ โลก เป็นโลกที่ว่างเปล่า มืดมิด ในวันที่ 1 ได้สร้างแสงสว่าง วันที่ 2 สร้างท้องฟ้า วันที่ 3 สร้างแผ่นดินแล้ง และพืชพรรณ วันที่ 4 ทรงสร้าง พระอาทิตย์ พระจันทร์ ตลอดจนดวงดาวต่าง ๆ วันที่ 5 ทรงสร้าง ทะเลและสัตว์ปีกต่าง ๆ วันที่ 6 ทรงสร้าง สัตว์บกและมนุษย์ขึ้นในรูปลักษณ์ที่คล้ายพระองค์ วันที่ 7 เป็นวันหยุดของพระเจ้า
รูปที่ 1.1 การสร้างโลกและจักรวาล ตามคติของศาสนา เอกะเทวนิยม (คริตส์ อิสลาม ฮิบบรู)
จาก https://www.bbc.co.uk/bitesize/guides/zqphw6f/revision/1
ศาสนาฮินดู
ศาสนิกชนฮินดูมีพัฒนาการความเชื่อเรื่องตำนานการสร้างโลกมายาวนานดังระบุไว้ในคัมภีร์ต่าง ๆ โดยแต่ละคัมภีร์จะให้ข้อมูลแตกต่างกันไป
ฮินดูยุคต้นก่อน 3,000 ปี ระบุว่า สภาวะพรหมันสร้างน้ำและใส่พีชลงไป เกิดเป็นหิรัณยครรภ์ พระพรหมอุบัติขึ้นจากครรภ์นี้ แล้วสร้างสรรพสิ่งต่อมาจนแล้วเสร็จเป็น 1 วันพระพรหม จากนั้นจึงบรรทมไป จนกระทั่งโลกแตกสลายไปด้วยไฟบรรลัยกัลป์ คงเหลือแต่พรหมฤๅษี เทวดาทั้งหลาย และธาตุทั้ง 5 คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม และอากาศ พระพรหมก็ตื่นจากบรรทมแล้วสร้างโลกขึ้นใหม่อีกครั้งแล้วบรรทมอีก จนกระทั่งเกิดไฟบรรลัยกัลป์อีกครั้ง เป็นเช่นนี้จนครบ 100 ปีพระพรหม จะเกิดมหาประลัย คือทุกสรรพสิ่งไม่เว้นแม้แต่พระพรหมจะถูกทำลายหมดสิ้นกลับไปสู่ธาตุดั้งเดิม
ต่อมาในสมัยฮินดูยุคกลาง ได้เกิดความเชื่อเรื่องตรีมูรติขึ้นหลังพุทธศตวรรษที่ 8 โดยถือว่ามหาเทพมี 3 องค์ คือพระพรหม พระวิษณุ และพระศิวะ และเชื่อว่าพระพรหมคือพระผู้สร้างโลก
ฮินดูยุคปลาย ได้เกิดลัทธิไวษณพขึ้น ซึ่งถือเอาพระวิษณุเป็นพระเป็นเจ้าแท้จริงเพียงพระองค์เดียว เป็นผู้สร้างพระพรหม มอบหมายให้ทำหน้าที่สร้างโลก ฝ่ายผู้นับถือพระศิวะก็ได้พัฒนาลัทธิไศวะขึ้นมาเช่นกัน โดยยกย่องพระศิวะเป็นพระเจ้า และถือว่าการที่พระศิวะทำลายล้างโลกก็เพื่อให้เกิดการสร้างสรรค์โลกขึ้นใหม่ ดังนั้นพระศิวะจึงเป็นพระผู้สร้างด้วย
รูปที่ 1.2 พระพรหม (กลาง) พระอิศวร (ขวา) และพระนาราย (ซ้าย)
ข้อมุลจาก http://allknowledges.tripod.com/brahmin.ht
ความเชื่อของชาวจีน
จากเรื่องไคเภ็ก บทบรรพกาลกล่าวว่า ในสมัยนานมาแล้วเทพสูงสุดชื่อ สักเกียมอนีฮุด ตรัสว่า โลกทั้งหมด มี 4 โลก (ทวีป) สถิตอยู่ทางทิศเหนือ ใต้ ออก ตก มีมหาสมุทรล้อมรอบ โลกทางใต้ (ต่อมาจะเป็นโลกมนุษย์) ปกคลุมด้วยหมองควันหนาทึบจึงให้ เทพ คุณต่อเป็งชาน้า ไปกำจัดหมอกครัวดังกล่าว เทพ คุณต่อเป็งชาน้า ก็กลิ้งตัวหมุมเกิดเป็นรูปไข่ ลงไปเกิดที่โลกทางใต้ แล้วทะลุเปลีอกไข่ออกมาเป็นยักษ์ มี 2 เขา ปกคลุมด้วยขนสีเขียวทั้งตัวเรียกตังเองว่า พนโกษี (pangu) พนโกษีได้ใช้ขวาน และสิ่วฟาดฟันเข้าไปในกลุ่มเมฆหมอก เป็นเหตุให้มวลสารที่บางเบาลอยขึ้นเบื้องบนกลายเป็นฟ้า เรียกว่ามวลหยาง เพศชาย ส่วนมวลสารที่หนักกว่าก็ตกลงมา เป็นดินเรียกว่ามวลหยิน เพศหญิง เกิดมวลผสมของหยินและหยาง ในอัตราที่แตกต่างกันจำนวนมากกลายเป็น สรรพชีวิตต่าง ๆ อาศัยอยู่บนโลก จากนั้นพระเจ้าก็ได้ให้ พนโกษีไปตามพระอาทิตย์พระจันทร์ และดวงดาวต่าง ๆจากถ้ำฮ่ำตึ มาโคจรให้ความสว่างแก่โลก
รูปที่ 1.3 pangu เทพที่แยกฟ้ากับดินทำให้เกิดสรรพสิ่งในโลก
จาก https://www.ancient-origins.net/sites/default/files/field/image/Pangu.jpg
ความเชื่อชาวกรีกโบราญ
แรกเริ่มชาวกรีกเชื่อว่าโลกไม่มีอะไรเลยเรียกว่า Chaos จากนั้นได้เกิดแสงขึ้นจากเทพ Gaia ทำให้เกิดท้องฟ้าที่เป็นเทพ Uranus เกิดมหาสุมทร และ นรก Tartarus ขึ้น เทพ Gaia และ เทพ Uranus แต่งงานกัน ให้กำเนิดเทพ Titans 12 องค์ขึ้น ที่สำคัญคือ เทพ Kronos และเทพ Rhea เทพ Kronos และเทพ Rhea แต่งงานกันมีบุตร 6 องค์ เทพ Kronos กลืนกินลูกทั้ง 5 องค์ ยกเว้น Zeus หลังจากนั้นเมื่อเทพ Zeusเติบใหญ่ ได้กระทำปิตุฆาตฆ่า เทพ Kronos และปลดปล่อยพี่น้องทั้งหมดจากท้อง เทพ Kronos เทพZeus ได้แต่งงานกับน้องสาว คือ เทพ Hera ปกครองสวรรค์ คือท้องฟ้า แล้วให้ น้องชายเทพ Poseidon ไปปกครองมหาสมุทร และให้เทพ Hades ไปปกครอง นรก Tartarus กล่าวโดยสรุปว่าเทพ Gaia เป็นผู้สร้างโลก สวรรค์ นรกขึ้นมา
รูปที่1.4 Zeus Poseidon และ Hades เทพเจ้ากรีกที่สำคัญ
จาก https://simple.wikipedia.org/wiki/Greek_mythology
ศาสนาพุทธ
แม้ในศาสนาพุทธจะถือว่าคำถามเหล่านี้เป็นอจินไตย หมายถึง สิ่งที่ไม่อาจเข้าใจได้ด้วยตรรกะสามัญของปุถุชน เป็นสิ่งที่ไม่ควรคิด ไม่มีประโยชน์ที่จะคิด และอธิบายด้วยเหตุผลตามจิตสำนึกของปุถุชนได้ อย่างไรก็ตามพระองค์ก็ยังได้อธิบายโดยสังเขปไว้ใน พระไตรปิฎก บทอคัญญสูตร สรุปได้ว่า เมื่อจักรวาลวิบัติ สมัยนั้นจักรวาลทั้งสิ้นนี้แลเป็นน้ำทั้งนั้น มืดมนแลไม่เห็นอะไร ดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ก็ยังไม่ปรากฏ ดวงดาวนักษัตรทั้งหลายก็ยังไม่ปรากฏ กลางวันกลางคืนก็ยังไม่ปรากฏ เดือนหนึ่งและกึ่งเดือนก็ยังไม่ปรากฏ ฤดูและปีก็ยังไม่ปรากฏ โดยล่วงระยะกาลยืดยาวช้านาน คลื่นน้ำทำให้เกิดฟองน้ำ เมื่อฟองน้ำจำนวนมากรวมตัวกันเกิดเป็นง้วนดิน ลอยอยู่บนน้ำทั่วไป ได้ปรากฏแก่สัตว์เหล่านั้นเหมือนนมสดที่บุคคลเคี่ยวให้งวด แล้วตั้งไว้ให้เย็นจับเป็นฝ้าอยู่ข้างบน ฉะนั้นง้วนดินนั้นถึงพร้อมด้วยสีกลิ่น รส มีสีคล้ายเนยใส หรือเนยข้นอย่างดี ฉะนั้น มีรสอร่อยดุจรวงผึ้งเล็กอันหาโทษมิได้ ฉะนั้น เหล่าอาภัสราพรหม ที่ไม่มีมวลเป็นพลังงานบริสุทธิ์ ก็มาดี่มกินง้วนดินที่เกิดขี้น ง้วนดินเหล่านี้เมื่อรวมกันมากขึ้นกลายเป็นกะปิดิน กะปิดินจำนวนมาก รวมกันกลายเป็นปื้นดิน ปื้นดินหลาย ๆ ปื้นดิน รวมกันเป็นแผ่นดิน ในครานั้นที่พวกอาภัสราพรหมทั้งหลาย พยายามเพื่อจะปั้นง้วนดินให้เป็นคำ ๆ ด้วยมือ แล้วบริโภคดินนั้นกลายเป็นสัตว์และพืชต่าง ๆ ที่มีมวลตามบุญกรรมที่มีอยู่ อาศัยอยู่บนแผ่นดิน เมื่อรัศมีกายแห่งเทพของสัตว์เหล่านั้นก็หายไปแล้ว ดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ก็ปรากฏ เมื่อดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ปรากฏแล้ว ดวงดาวนักษัตรทั้งหลายก็ปรากฏ เมื่อดวงดาวนักษัตรปรากฏแล้ว กลางคืนและกลางวันก็ปรากฏ เมื่อกลางคืนและกลางวันปรากฏแล้ว เดือนหนึ่งและกึ่งเดือนก็ปรากฏ เมื่อเดือนหนึ่ง และกึ่งเดือนปรากฏอยู่ ฤดูและปีก็ปรากฏ
รูปที่ 1.5 อคัญญสูตรคาถาว่าด้วยการเกิดโลกและจักรวาล
จาก https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=11&A=1703&Z=2129
.
ที่มา
- https://www.facebook.com/weerasak.phomthong
รวบรวมข้อมูลและภาพ
-------------------------------------------------
Waiyapot บทความ ไวยพจน์ วรกนก (Waiyapot Worakanok) รวมข้อมูล-------------------------------------------------