BA วิวัฒนาการของการบริหาร (Evolution of management)
แนวทาง BASCIT ที่ใช้พัฒนาการจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อเพิ่มศักยภาพการจัดการโซ่อุปทานอุตสาหกรรม *
วิวัฒนาการของการบริหาร (Evolution of management) นักบริหารและนักวิชาการได้ทำการแบ่งระดับในการวิวัฒนาการในงานด้านบริหารออกไว้เป็น 4 ยุค คือ
1) ยุคโบราณ หรือ ยุคก่อนมีการพัฒนาเริ่มตั้งแต่การมีสังคมมนุษย์จนถึงยุคก่อน Classical บุคคลสำคัญในยุคนี้ได้แก่ Socrates, Plato, Aristotle, Saint-Simen, Hegel, Robert Owen และ Charles Bubbage
2) ยุคคลาสสิก (Classical) เริ่มตั้งแต่ช่วงแรกของการปฏิวัติอุตสาหกรรมในปลายศตวรรษที่ 18 เป็นยุคที่นำเครื่องจักรและเครื่องมือทุ่นแรงเข้ามาใช้แทนคน จนกระทั่งได้เกิดแนวคิดในเรื่องการจัดการเชิงวิทยาศาสตร์ (Scientific Management) ขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 20 เป็นการบริหารที่มุ่งเน้นการผลิตหรือให้ความสำคัญต่องานมากระบบการทำงานถือเป็นสิ่งสำคัญ บุคคลสำคัญในยุคนี้ได้แก่
- Henry R. Towne ได้เสนอบทความเรื่องวิศวกรในฐานะนักเศรษฐศาสตร์ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นแห่งการเคลื่อนไหวทางแนวความคิดด้านการจัดการของศตวรรษต่อมา
- Woodrow wilson เสนอบทความเรื่อง The Study of Public Administration มีแนวคิดที่ต้องการแยกการบริหารของรัฐออกมาจากการเมือง
- Frank T. Goodnow ได้เสนอบทความเรื่อง Politics and Administration เป็นแนวความคิดคล้ายกับวิลสัน เน้นเรื่องการปรับปรุงระบบการบริหารให้มีประสิทธิภาพยึดระบบคุณธรรม (Merit System) ให้มีคณะกรรมการรับผิดชอบและมีหน่วยงานการบริหารบุคคลในทุกหน่วยงาน มีการจำแนกตำแหน่ง เพื่อความเป็นธรรมในการจ้าง มีการกำหนดมาตรฐาน และคุณสมบัติของบุคลากร
- Leonard D. White ได้เสนอบทความเรื่อง Introduction to study of Public Administration มีความคิดเห็นเช่นเดียวกับ Goodnow และ Wilson เขายังได้เพิ่มเรื่องการเลื่อนขั้นวินัยขวัญและเน้นเรื่องที่ Goodnow เขียนไว้อย่างละเอียด
- Max Weber ได้เสนอบทความเสนอแนวคิดเกี่ยวกับการบริหารราชการ ถือว่าเป็นบิดาทางด้านบริหารราชการมีแนวคิดของหลักการบริหารที่มีเหตุผล มีการแบ่งงานกันทำ มีสายการบังคับบัญชาที่ลดหลั่นลงมา มีผู้ชำนาญการในสายงานต่าง ๆ การปฏิบัติงานต้องมีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร เป็นต้น
- Frederick W. Taylor เสนอวิธีการจัดการแบบวิทยาศาสตร์ (Scientific Management) สนใจหลักเกี่ยวกับความเชี่ยวชาญหรือชำนาญเฉพาะอย่าง (Specialization) อันเป็นสิ่งสำคัญเบื้องต้นในการเข้าใจองค์กรรูปนัย เพราะการแบ่งงานกันทำตามความชำนาญเฉพาะอย่าง จำเป็นต้องมีการประสานงานอีกด้วย
- Henri Fayol ได้เสนอแนวคิดที่มีลักษณะเป็นสากลสำหรับนักบริหาร โดยกล่าวถึงองค์ประกอบขั้นมูลฐานของการบริหารได้แก่
1. การวางแผน (Planning)
2. การจัดองค์กร (Organizing)
3. การบังคับบัญชา (Commanding)
4. การประสานงาน (Coordinating)
5. การควบคุม (Controlling)
- Luthur Gulick and Lyndall Urwick เป็นนักบริหารงานแบบวิทยาศาสตร์ บริหารงานโดยหวังผลงานเป็นหลัก ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกระบวนการบริหารสรุปย่อได้ว่า POSDCoRB ดังนี้
1. P = Planning (การวางแผน)
2. O = Organization (การจัดองค์กร)
3. S = Staffing (การจัดคนเข้าทำงาน)
4. D = Directing (การอำนวยการสั่งการ)
5. Co = Coordinating (การประสานงาน)
6. R = Reporting (การรายงาน)
7. B = Budgeting (การบริหารงบประมาณ)
3) ยุคความสัมพันธ์ของมนุษย์ (Human Relation) เป็นยุคที่มีความเชื่อว่า งานจะบรรลุผลสำเร็จได้ต้องอาศัยคนเป็นหลัก นักบริหารกลุ่มนี้จึงหันมาสนใจศึกษาพัฒนาทฤษฎีวิธีการและเทคนิคทางด้านสังคมศาสตร์พฤติกรรมและกลุ่มของคนในองค์กร สนใจศึกษาแนวทางประสานคนเข้ากับสิ่งแวดล้อมของงานได้ เพื่อหวังผลในด้านความร่วมมือความคิด ริเริ่มและการเพิ่มผลผลิต โดยมีพื้นฐานของความเชื่อว่า มนุษย์สัมพันธ์จะนำไปสู่ความพอใจและสะท้อนถึงผลของการปฏิบัติงาน นักคิดที่สำคัญในยุคนี้ได้แก่ Elton Mayo มีผลงานมากในแง่ปัญหาบุคคลกับสังคมของอุตสาหกรรม และพฤติกรรมของบุคคลในสภาพแวดล้อมการทำงาน สรุปการทดลอง Hawthorne ได้ว่า ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อผลผลิตของคนงานคือ ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลที่เกิดขึ้นมาจากการที่คนมาทำงานร่วมกันโดยก่อรูปไม่เป็นทางการ การให้รางวัลและลงโทษเป็นตัวกระตุ้นให้สมาชิกทำงานได้ดีที่สุด การมีส่วนร่วมของสมาชิกจะมีอิทธิพลต่อความสำเร็จของงานและความก้าวหน้าขององค์กร Mary Follette ชาวอเมริกันได้เขียนตำราที่มีแนวคิดในเชิงมนุษย์สัมพันธ์เช่น เขียนเรื่องความขัดแย้ง การประสานความขัดแย้ง กฎที่อาศัยสถานการณ์ และความรับผิดชอบ เป็นต้น Likert เป็นผู้ที่สนใจด้านพฤติกรรมของมนุษย์ในองค์กร ผลงานที่มีชื่อเสียงมากคือ The Human Organization: Its management and Value และหนังสือ New Patterns of Management
4) ยุค Behavioral Science เป็นยุคที่มีความพยายามศึกษาและวิเคราะห์วิจัยมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงและค้นคว้าทฤษฎีใหม่ เพื่อนำไปใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อการบริหารมุ่งให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด นักบริหารที่สำคัญของยุคนี้ได้แก่ Chester I. Barnard, Herbert A. Simon เป็นต้น
* ที่มา
- ดุษฎีนิพนธ์: แนวทางการพัฒนาการจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อเพิ่มศักยภาพการจัดการโซ่อุปทานอุตสาหกรรมโรงโม่บดและย่อยหิน / เกียรติพงษ์ อุดมธนะธีระ 2562
.
-------------------------------------------------
สนใจเรื่องราว การจัดการธุรกิจ (Business Management) เพิ่มเติมคลิกที่นี่
การจัดการธุรกิจ (Business Management)
-------------------------------------------------