iok2u.com แหล่งรวมข้อมูลข่าวสารเรื่องราวน่าสนใจเพื่อการศึกษาแลกเปลี่ยนและเรียนรู้

มิสเตอร์เรน (Mr. Rain) และมิสเตอร์เชน (Mr. Chain)
Mr. Rain และ Mr. Chain สองพี่น้องในโลกออฟไลน์และออนไลน์ที่จะมาร่วมมือกันสร้างสื่อสารสนเทศ เพื่อเผยแพร่ให้ความรู้ในเรื่องราวต่างๆ มากมายสร้างสังคมในการเรียนรู้ หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลยโดยไม่ต้องตอบแทนกลับมา
Pay It Forward เป้าหมายเล็ก ๆ ในการส่งมอบความดีต่อ ๆ ไป
เว็ปไซต์นี้เกิดจากแรงบันดาลใจในภาพยนต์เรื่อง Pay It Forward ที่เล่าถึงการมีเป้าหมายเล็ก ๆ กำหนดไว้ให้ส่งมอบความดีต่อไปอีก 3 คน หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลยโดยไม่ต้องตอบแทนกลับมา อยากให้ส่งต่อเพื่อถ่ายทอดต่อไป
ยืนหยัด เข้มแข็ง และกล้าหาญ (Stay Strong & Be Brave)
ขอเป็นกำลังใจให้คนดีทุกคนในการต่อสู้ความอยุติธรรม ในยุคสังคมที่คดโกงยึดถึงประโยชน์ส่วนตนและพวกฟ้องมากกว่าผลประโยชน์ส่วนรวม จนหลายคนคิดว่าพวกด้านได้อายอดมักได้ดี แต่หากยึดคำในหลวงสอนไว้ในเรื่องการทำความดีเราจะมีความสุขครับ

BA Theory แนวคิดและทฤษฎี Frank B. Gilbreth and Lillian Gilbreth

 

แนวคิดและทฤษฎีของ Frank B. Gilbreth (1868-1924) and Lillian Gilbreth (1978-1972) แนวคิดของ 2 คนนี้ได้สนับสนุนแนวคิดของ Taylor โดย Frank B. Gilbreth หลังออกจากมหาวิทยาลัยมาเป็นช่างก่อสร้างในปี 1855 ขณะมีอายุ 17 ปี ต่อมาเขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าควบคุมดูแลการก่อสร้างอาคารของบริษัท และยังเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างเอง ในช่วงที่เป็นอิสระจากงานของ Taylor เขาสนใจเวลาที่ใช้ในการเคลื่อนไหวในการทำงาน โดยลดจำนวนการเคลื่อนที่ในการเรียงอิฐ เขาสร้างความเป็นไปได้ของการทำงานของผู้เรียงอิฐที่ได้งานเป็นสองเท่าของปกติ

ในการทำงานของ Frank B. Gilbreth ได้รับความช่วยเหลือและสนับสนุนโดยภรรยาของเขาคือ Lillian ซึ่งเป็นนักจิตวิทยาอุตสาหกรรม ในปี 1924 Frank B. Gilbreth ได้เสียชีวิต Lillian จึงมาเป็นที่ปรึกษาในการดำเนินธุรกิจตอไป และได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นสตรีคนแรก ในงานด้านการจัดการธุรกิจ ทั้งสองคนได้ช่วยกันบุกเบิกงานศึกษาการเคลื่อนไหว (Motion study) ต้นแบบ การพัฒนาศาสตร์ Ergonomics คิดค้นวิธีเรียงอิฐให้ได้งานเป็นสองเท่าในเวลาเท่ากัน ทั้งสองจัดทำภาพยนตร์แสดงการเคลื่อนไหวของคนงาน เพื่อชี้ให้แสดงถึงการเคลื่อนไหวที่สูญเปล่าและไม่มีผลในการผลิต และเคลื่อนไหวที่ไม่จำเป็นในการทำงาน โดยเรียกความเคลื่อนไหวพื้นฐานนี้ว่า Therblig

Frank Gilbreth เป็นวิศวกร และ Lillian Gilbreth เป็นนักจิตวิทยา ผู้เสนอการศึกษาเรื่องเวลาและการเคลื่อนที่ ในยุคสมัยที่เครื่องจักรเข้ามามีอิทธิพลต่อการทำงานในองค์กรต่างๆ ทำให้เกิดแนวความคิดเพื่อเป็นการตอบสนองต่อเป้าหมายขององค์กรในเรื่องการเพิ่มประสิทธิภาพของพนักงาน การเพิ่มผลผลิต การสร้างความพึงพอใจในงาน มุ่งค้นหาวิธีที่จะคัดสรร และคัดเลือกคนที่มีความสามารถมากที่สุดเข้ามาทำงาน การฝึกอบรมพนักงาน การตรวจสอบการทำงาน และการประเมินผลการปฏิบัติงานที่มีประสิทธิภาพ การใช้เครื่องมือ อุปกรณ์ รวมถึงการพิจารณาวิธีการต่างๆ ที่ทำให้คุณภาพชีวิตในการทำงานให้ดีขึ้นตลอดจนสภาพแวดล้อมต้องเหมาะสมกับบรรยากาศเพื่อเอื้ออำนวยต่อการทำงาน

Frank Gilbreth จึงสนใจเครื่องยนต์กลไกที่จะทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพ เป้าหมายก็เพื่อกำจัดการทำงานที่ไม่จำเป็นเขาได้ใช้หลัก “Time and motion economy” ในทุกกิจกรรมจะถูกลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็นลง ซึ่งบางครั้งเรียกว่าประสิทธิภาพในการจัดการงานหรือ efficiency expert มีระบุในหนังสือที่เป็นที่นิยมและหนังเรื่อง Cheaper by the Dozen

ในขณะที่ Lillian Gilbreth เสนอแนวคิดที่ว่าการมีช่วงเวลาที่เหมาะสมจะทำให้คนทำงานมีประสิทธิภาพมากที่สุด จึงออกแบบตารางการทำงาน โดยมีช่วงพักกลางวัน ช่วงเวลาพักสำหรับคนทำงาน และยังมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลง สภาวะการทำงานที่ไม่ปลอดภัย และการล้มเลิกการใช้แรงงานเด็กอีกด้วย

การศึกษาเวลาและการเคลื่อนไหวในการทำงาน (Time and motion study) หลักการเคลื่อนไหวเป็นพื้นฐานของการกำหนดมาตรฐานของงานและการคำนวณค่าแรง Gilbreth นั้นสนใจศึกษาถึงการเคลื่อนไหวเคลื่อนที่ในการทำงานว่ามีความสัมพันธ์กับงานและเครื่องมืออย่างไร และทำการพัฒนาเทคนิควิธีการทำงานให้ดีขึ้น ในการทำงานของ Gilbreth พวกเขาทั้งคู่ได้คิดค้นและประดิษฐ์เครี่องมือ และเทคนิคการทำงานใหม่ๆ พวกเขาเป็นคนแรกที่ใช้ภาพยนตร์ในการวิเคราะห์การทำงานตามขั้นตอนต่างๆ ของคนงานนอกจากนี้ Gilbreth ยังได้ศึกษาถึงความเมื่อยล้าของการทำงาน ซึ่งมีผลกระทบต่อสุขภาพและผลผลิต ผลงานงานของทั้งสองนี้เป็นต้นแบบในการพัฒนาศาสตร์ที่เรียกว่า Ergonomics

การศึกษาการเคลื่อนไหวและเวลา (Time and motion study) หรือเรียกว่า การศึกษาการทำงาน (Work study) เป็นการศึกษาการเคลื่อนที่ของพนักงานรอบบริเวณที่ปฏิบัติงาน และความสัมพันธ์ระหว่างพนักงานกับเครื่องมือเครื่องใช้ หรือความสัมพันธ์กันระหว่างพนักงานกับพนักงานในการปฏิบัติงานแบบกลุ่ม การพิจารณาการเคลื่อนที่ของพนักงานและวัสดุ จะเกี่ยวข้องกับการพยายามที่จะใช้ลักษณะงาน และเครื่องจักรที่มีอยู่แล้วให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยกำจัดเวลาว่างของงานออกไปให้มากที่สุด ขจัดการเคลื่อนที่ที่ไม่จำเป็น หรือที่ใช้เวลามากออกไป และพิจารณาความเหนื่อยล้าของพนักงานเป็นหลัก

แนวทาง Therbligs เป็นหลักการของการบริหารจัดการด้านคุณภาพ และการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องที่มีอยู่แทบทุกระบบงานที่ใช้อยู่ในปัจจุบันเช่น TQM, QCC, Six Sigma หรือ ISO 9000 แนวทาง Therbligs เป็นวิธีการทำงานที่รวดเร็วขึ้น เริ่มที่การแบ่งขั้นตอนการทำงานออกเป็นส่วนและกำจัดขั้นตอนที่ไม่จำเป็น ที่ทำให้เสียทั้งแรงงานและเวลาออกไป ซึ่งการทำเช่นนี้จะเป็นผลดีต่อผู้ปฏิบัติงาน เพราะงานจะสบายขึ้น Therbligs คือ การปฏิบัติงานโดยรวมของงานอย่างหนึ่ง ก็คือการประกอบรวมกันของประเภทของการเคลื่อนไหวองค์ประกอบพื้นฐาน ซึ่ง Gilbreth ได้กำหนดขั้นตอนการทำงานไว้ 18 ขั้น เพื่อให้ผู้สนใจได้ใช้เป็นจุดเริ่มต้นในการพัฒนางาน โดยสัญลักษณ์นั้นแยกตามประเภทตามจุดประสงค์ของการเคลื่อนไหว ดังนั้นจะต้องเลือก Therbligs ให้ถูกต้องโดยคำนึงถึงว่าการเคลื่อนไหวนั้นดำเนินการไปเพื่ออะไร

Lillian Gilbreth สนใจในการทำงานของมนุษย์ ส่วนสามีสนใจในประสิทธิภาพในการทำงาน ทั้งสองคนได้ช่วยกันทำการค้นหาวิธีที่ดีที่สุดในการทำงาน โดยได้ประยุกต์ใช้การบริหารจัดการตามหลักวิทยาศาสตร์ได้แก่

- เป็นการวิเคราะห์ทุกกิจกรรมของแต่บุคคล ที่มีความจำเป็นในการปฏิบัติงาน โดยเฉพาะงานที่มีความสำคัญ

- เป็นการค้นหาวิธีการที่ดีที่สุดในการปฏิบัติงานเพื่อเป็นกิจกรรมประกอบแต่ละอย่าง

- มีการปฏิรูปกิจกรรมที่เป็นส่วนประกอบ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่สามารถปฏิบัติให้มีประสิทธิภาพได้คือ ใช้ต้นทุนและเวลาน้อยที่สุด

ข้อดี การศึกษาการทำงาน (Time and motion study) เป็นเครื่องมือที่ช่วยลดความสูญเปล่า ทั้งด้านเวลา แรงงาน และค่าใช้จ่ายในการทำงาน และเพิ่มผลผลิตในการทำงาน

อ้างอิงที่มา 

ที่มาภาพและรวบรวมโดย www.iok2u.com

-------------------------------------------------

สนใจเรื่องราว การจัดการธุรกิจ (Business Management) เพิ่มเติมคลิกที่นี่

BA รวมเรื่องราวการจัดการธุรกิจ (Business Management)

-------------------------------------------------

ขอต้อนรับเข้าสู่เว็บไซต์
www.iok2u.com
แหล่งข้อมูลสารสนเทศเพื่อคุณ

เว็บไซต์ www.iok2u.com นี้เกิดมาจาก แรงบันดาลใจในภาพยนต์เรื่อง Pay It Forward โดยมีเป้าหมายเล็ก ๆ ที่กำหนดไว้ว่า ทุกครั้งที่เข้าเรียนสัมมนาหรืออบรมในแต่ละครั้ง จะนำความรู้มาจัดทำเป็นบทความอย่างน้อย 3 เรื่อง เพื่อมาลงในเว็บนี้
ความตั้งใจที่จะถ่ายทอดความรู้ที่ได้รับมาทำการถ่ายทอดต่อไป และหวังว่าจะมีคนมาอ่านแล้วเห็นว่ามีประโยชน์นำเอาไปใช้ได้ หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลย โดยอาจไม่ต้องอ้างอิงที่มาหรือมาตอบแทนผู้จัด แต่ขอให้ส่งต่อหากคิดว่ามันดีหรือมีประโยชน์ เพื่อถ่ายทอดความรู้และสิ่งดี ๆ ต่อไปข้างหน้าต่อไป Pay It Forward