iok2u.com แหล่งรวมข้อมูลข่าวสารเรื่องราวน่าสนใจเพื่อการศึกษาแลกเปลี่ยนและเรียนรู้

มิสเตอร์เรน (Mr. Rain) และมิสเตอร์เชน (Mr. Chain)
Mr. Rain และ Mr. Chain สองพี่น้องในโลกออฟไลน์และออนไลน์ที่จะมาร่วมมือกันสร้างสื่อสารสนเทศ เพื่อเผยแพร่ให้ความรู้ในเรื่องราวต่างๆ มากมายสร้างสังคมในการเรียนรู้ หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลยโดยไม่ต้องตอบแทนกลับมา
Pay It Forward เป้าหมายเล็ก ๆ ในการส่งมอบความดีต่อ ๆ ไป
เว็ปไซต์นี้เกิดจากแรงบันดาลใจในภาพยนต์เรื่อง Pay It Forward ที่เล่าถึงการมีเป้าหมายเล็ก ๆ กำหนดไว้ให้ส่งมอบความดีต่อไปอีก 3 คน หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลยโดยไม่ต้องตอบแทนกลับมา อยากให้ส่งต่อเพื่อถ่ายทอดต่อไป
ยืนหยัด เข้มแข็ง และกล้าหาญ (Stay Strong & Be Brave)
ขอเป็นกำลังใจให้คนดีทุกคนในการต่อสู้ความอยุติธรรม ในยุคสังคมที่คดโกงยึดถึงประโยชน์ส่วนตนและพวกฟ้องมากกว่าผลประโยชน์ส่วนรวม จนหลายคนคิดว่าพวกด้านได้อายอดมักได้ดี แต่หากยึดคำในหลวงสอนไว้ในเรื่องการทำความดีเราจะมีความสุขครับ

งานระบบคอมพิวเตอร์และเครือข่าย รายละเอียดการทำงาน

 


 

กลุ่มระบบคอมพิวเตอร์และเครือข่าย (Computer systems and networks group)

มีรายละเอียดการทำงานตามหน้าที่ ดังนี้

1. วางแผน วิเคราะห์ ออกแบบ พัฒนา ระบบฐานข้อมูลและระบบสารสนเทศ

1.1 กำหนดทิศทางและเป้าหมายของระบบสารสนเทศให้สอดคล้องกับภารกิจขององค์กร, วิเคราะห์ความต้องการของผู้ใช้งาน, ประเมินทรัพยากรและเทคโนโลยีที่จำเป็น

  • กำหนดทิศทางและเป้าหมายของระบบสารสนเทศให้สอดคล้องกับภารกิจขององค์กร:
    • ทำความเข้าใจวิสัยทัศน์, พันธกิจ, และเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ขององค์กร
    • ระบุปัญหาหรือความท้าทายที่องค์กรกำลังเผชิญ และวิธีที่ระบบสารสนเทศสามารถช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านั้นได้
    • กำหนดวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนและสามารถวัดผลได้ของระบบสารสนเทศ
    • พิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น งบประมาณ, ระยะเวลา, และทรัพยากรที่มีอยู่
  • วิเคราะห์ความต้องการของผู้ใช้งาน, ประเมินทรัพยากรและเทคโนโลยีที่จำเป็น:
    • สัมภาษณ์ผู้ใช้งาน, ทำแบบสำรวจ, หรือจัด Workshop เพื่อรวบรวมความต้องการ
    • วิเคราะห์ความต้องการที่รวบรวมได้ และจัดลำดับความสำคัญ
    • ประเมินทรัพยากรที่มีอยู่ เช่น ฮาร์ดแวร์, ซอฟต์แวร์, บุคลากร
    • ศึกษาเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับการพัฒนาระบบ
    • จัดทำแผนการดำเนินงานและงบประมาณ

1.2 วิเคราะห์ ศึกษาและทำความเข้าใจระบบงานเดิม, กระบวนการทำงาน, ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง, จุดแข็งและจุดอ่อนของระบบ

  • ศึกษาและทำความเข้าใจระบบงานเดิม, กระบวนการทำงาน, ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง:
    • รวบรวมเอกสารที่เกี่ยวข้องกับระบบงานเดิม เช่น คู่มือการใช้งาน, รายงาน, แบบฟอร์ม
    • สังเกตและบันทึกกระบวนการทำงานจริง
    • สัมภาษณ์ผู้ใช้งานและผู้ที่เกี่ยวข้อง
    • สร้างแผนภาพกระบวนการทำงาน (Flowchart) หรือแผนภาพอื่นๆ เพื่อแสดงให้เห็นภาพรวมของระบบ
  • จุดแข็งและจุดอ่อนของระบบ:
    • วิเคราะห์ประสิทธิภาพ, ความน่าเชื่อถือ, ความปลอดภัย, และความยืดหยุ่นของระบบเดิม
    • ระบุปัญหาและข้อจำกัดของระบบเดิม
    • หาแนวทางในการปรับปรุงหรือแก้ไขปัญหา

1.3 ออกแบบ สร้างแบบจำลองระบบใหม่, ออกแบบฐานข้อมูล, ออกแบบส่วนติดต่อผู้ใช้ (UI), ออกแบบระบบรักษาความปลอดภัย

  • สร้างแบบจำลองระบบใหม่:
    • ออกแบบโครงสร้างโดยรวมของระบบ (System Architecture)
    • กำหนดส่วนประกอบต่างๆ ของระบบ และความสัมพันธ์ระหว่างกัน
    • เลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสมสำหรับการพัฒนา
  • ออกแบบฐานข้อมูล:
    • กำหนดโครงสร้างของฐานข้อมูล (Database Schema)
    • กำหนดความสัมพันธ์ระหว่างตารางข้อมูล (Table)
    • เลือกระบบจัดการฐานข้อมูล (DBMS) ที่เหมาะสม
  • ออกแบบส่วนติดต่อผู้ใช้ (UI):
    • ออกแบบหน้าจอ (Screen) และรูปแบบการนำทาง (Navigation)
    • คำนึงถึงความสะดวกในการใช้งาน (Usability) และประสบการณ์ของผู้ใช้ (User Experience)
  • ออกแบบระบบรักษาความปลอดภัย:
    • กำหนดมาตรการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล (Data Security)
    • ออกแบบระบบควบคุมการเข้าถึง (Access Control)
    • ออกแบบระบบตรวจสอบและบันทึกเหตุการณ์ (Audit Trail)

1.4 พัฒนา พัฒนาระบบตามแบบที่ออกแบบไว้, ทดสอบระบบ, แก้ไขข้อผิดพลาด, ติดตั้งและใช้งานระบบจริง

  • พัฒนาระบบตามแบบที่ออกแบบไว้:
    • เขียนโปรแกรมหรือพัฒนาซอฟต์แวร์ตามข้อกำหนดที่ออกแบบไว้
    • ใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีที่เหมาะสมในการพัฒนา
  • ทดสอบระบบ:
    • ทดสอบการทำงานของระบบในสภาพแวดล้อมที่จำลองการใช้งานจริง (Test Environment)
    • ทดสอบความถูกต้องของข้อมูล, ประสิทธิภาพ, ความปลอดภัย, และความสามารถในการรองรับการใช้งาน
    • แก้ไขข้อผิดพลาดที่พบ
  • ติดตั้งและใช้งานระบบจริง:
    • ติดตั้งระบบบน Server จริง
    • โอนย้ายข้อมูลจากระบบเดิม (ถ้ามี)
    • ให้คำแนะนำและฝึกอบรมผู้ใช้ในการใช้งานระบบใหม่
    • ติดตามและประเมินผลการใช้งานระบบ

กระบวนการวางแผน, วิเคราะห์, ออกแบบ, และพัฒนาเป็นขั้นตอนที่สำคัญในการสร้างระบบสารสนเทศที่มีประสิทธิภาพและตรงตามความต้องการขององค์กร การทำงานร่วมกันของทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญในแต่ละด้านจะช่วยให้การพัฒนาระบบเป็นไปอย่างราบรื่นและประสบความสำเร็จ

2. บริหาร ดูแล ระบบฐานข้อมูล และระบบงานสารสนเทศ เพื่อให้บริการแก่หน่วยงานภายนอก ประชาชนและวิสาหกิจ อุตสาหกรรม ให้ได้รับข้อมูลที่ถูกต้องสามารถนำไปใช้ได้ตามวัตถุประสงค์

2.1 บริหารจัดการฐานข้อมูล บริหารจัดการฐานข้อมูล: จัดเก็บ, จัดระเบียบ, สำรองข้อมูล, ตรวจสอบความถูกต้องและความสมบูรณ์ของข้อมูล

  • จัดเก็บข้อมูล:
    • กำหนดโครงสร้างฐานข้อมูลที่เหมาะสมกับประเภทและปริมาณข้อมูล
    • สร้างตาราง (Table), คอลัมน์ (Column), และความสัมพันธ์ (Relationship) ในฐานข้อมูล
    • นำเข้าข้อมูลจากแหล่งต่างๆ เช่น ไฟล์, ระบบอื่นๆ, หรือการป้อนข้อมูลโดยตรง
    • จัดเก็บข้อมูลในรูปแบบที่เหมาะสม เช่น ข้อความ, ตัวเลข, วันที่, รูปภาพ, วิดีโอ
  • จัดระเบียบข้อมูล:
    • จัดกลุ่มข้อมูลที่เกี่ยวข้องกันไว้ในตารางเดียวกัน
    • สร้างดัชนี (Index) เพื่อเพิ่มความเร็วในการค้นหาข้อมูล
    • จัดเรียงข้อมูลตามลำดับที่ต้องการ
    • ลบข้อมูลที่ซ้ำซ้อนหรือไม่จำเป็น
  • สำรองข้อมูล:
    • กำหนดนโยบายและกำหนดการสำรองข้อมูล
    • สำรองข้อมูลเป็นประจำตามกำหนดเวลา เช่น รายวัน, รายสัปดาห์, รายเดือน
    • เก็บข้อมูลสำรองไว้ในที่ปลอดภัย เช่น อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลภายนอก, Cloud Storage
  • ตรวจสอบความถูกต้องและความสมบูรณ์ของข้อมูล:
    • ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลตามข้อกำหนด เช่น ช่วงค่าที่ถูกต้อง, รูปแบบข้อมูลที่ถูกต้อง
    • ตรวจสอบความสมบูรณ์ของข้อมูล เช่น ไม่มีข้อมูลสูญหาย, ไม่มีข้อมูลที่ขัดแย้งกัน
    • ใช้เครื่องมือตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล (Data Validation Tool)
    • ดำเนินการแก้ไขข้อมูลที่ไม่ถูกต้องหรือไม่สมบูรณ์

2.2 ดูแลระบบงานสารสนเทศ ดูแลระบบงานสารสนเทศ: ตรวจสอบการทำงานของระบบ, แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น, ปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบ

  • ตรวจสอบการทำงานของระบบ:
    • ตรวจสอบสถานะของ Server, ฐานข้อมูล, และแอปพลิเคชันที่เกี่ยวข้อง
    • ตรวจสอบการทำงานของกระบวนการต่างๆ ในระบบ
    • ใช้เครื่องมือตรวจสอบ (Monitoring Tool) เพื่อติดตามประสิทธิภาพและความพร้อมใช้งานของระบบ
    • ตรวจสอบ Log File เพื่อหาข้อผิดพลาดหรือเหตุการณ์ที่ผิดปกติ
  • แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น:
    • วิเคราะห์สาเหตุของปัญหา
    • ดำเนินการแก้ไขปัญหา เช่น รีสตาร์ท Server, แก้ไขการตั้งค่า, อัพเดทซอฟต์แวร์
    • บันทึกปัญหาและวิธีการแก้ไขเพื่อเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาในอนาคต
  • ปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบ:
    • วิเคราะห์ประสิทธิภาพของระบบโดยใช้เครื่องมือต่างๆ
    • ปรับแต่งการตั้งค่าของ Server และฐานข้อมูล
    • ปรับปรุงโครงสร้างฐานข้อมูล
    • อัพเกรดฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์

2.3 ให้บริการข้อมูล ให้บริการข้อมูล: จัดเตรียมข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นปัจจุบัน, ให้บริการเข้าถึงข้อมูลผ่านช่องทางต่างๆ เช่น เว็บไซต์, แอปพลิเคชัน, API

  • จัดเตรียมข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นปัจจุบัน:
    • รวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่างๆ
    • ตรวจสอบความถูกต้องและความสมบูรณ์ของข้อมูล
    • อัพเดทข้อมูลเป็นประจำ
  • ให้บริการเข้าถึงข้อมูลผ่านช่องทางต่างๆ:
    • พัฒนาเว็บไซต์, แอปพลิเคชัน, หรือ API เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงข้อมูลได้
    • ออกแบบส่วนติดต่อผู้ใช้ (UI) ที่ใช้งานง่ายและสะดวก
    • กำหนดสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลตามความเหมาะสม

2.4 สนับสนุนการใช้งาน สนับสนุนการใช้งาน: ให้คำปรึกษาและแก้ไขปัญหาให้กับผู้ใช้งาน

  • ให้คำปรึกษาและแก้ไขปัญหาให้กับผู้ใช้งาน:
    • จัดเตรียมช่องทางการติดต่อ เช่น อีเมล, โทรศัพท์, ระบบ Ticket
    • ตอบคำถามและแก้ไขปัญหาให้กับผู้ใช้งาน
    • จัดทำคู่มือการใช้งานและเอกสารประกอบ
    • จัดอบรมให้กับผู้ใช้งาน

3. สนับสนุนการทำงานของหน่วยงานภายใน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานขององค์กร

3.1 จัดหาและดูแลระบบสารสนเทศ: พัฒนาระบบสารสนเทศเฉพาะ: ตามความต้องการของหน่วยงานต่างๆ เช่น ระบบบริหารงานขาย, ระบบบริหารคลังสินค้า

  • การสำรวจและประเมินความต้องการ:
    • ทำความเข้าใจความต้องการของหน่วยงานต่างๆ ในองค์กรเกี่ยวกับระบบสารสนเทศ
    • วิเคราะห์กระบวนการทำงานและข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
    • กำหนดคุณสมบัติและฟังก์ชันที่จำเป็นของระบบ
    • ประเมินความคุ้มค่าของการลงทุนในระบบสารสนเทศใหม่
  • การเลือกและจัดหาระบบสารสนเทศ:
    • ศึกษาและเปรียบเทียบระบบสารสนเทศจากผู้ให้บริการต่างๆ
    • พิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น ความสามารถของระบบ, ความยืดหยุ่น, ความปลอดภัย, ราคา, และการสนับสนุนทางเทคนิค
    • เลือกระบบสารสนเทศที่เหมาะสมกับความต้องการขององค์กร
  • การติดตั้งและกำหนดค่าระบบ:
    • ติดตั้งระบบสารสนเทศบน Server
    • กำหนดค่าระบบให้ตรงตามความต้องการขององค์กร
    • ทดสอบระบบเพื่อให้แน่ใจว่าทำงานได้อย่างถูกต้อง
  • การบำรุงรักษาและดูแลระบบ:
    • ตรวจสอบการทำงานของระบบเป็นประจำ
    • แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
    • อัพเดทระบบให้ทันสมัยอยู่เสมอ
    • สำรองข้อมูลระบบเพื่อป้องกันการสูญหาย

3.2 พัฒนาระบบสารสนเทศเฉพาะ: จัดหาและดูแลระบบสารสนเทศ: ที่จำเป็นสำหรับการทำงานของหน่วยงานต่างๆ เช่น ระบบอีเมล, ระบบจัดการเอกสาร, ระบบบริหารงานบุคคล

  • การวิเคราะห์ความต้องการ:
    • ทำความเข้าใจความต้องการเฉพาะของหน่วยงานต่างๆ
    • รวบรวมข้อมูลและข้อกำหนดของระบบ
    • กำหนดขอบเขตของโครงการพัฒนา
  • การออกแบบและพัฒนาระบบ:
    • ออกแบบโครงสร้างและส่วนประกอบของระบบ
    • พัฒนาโปรแกรมหรือซอฟต์แวร์ตามข้อกำหนด
    • ทดสอบระบบเพื่อให้แน่ใจว่าทำงานได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ
  • การติดตั้งและใช้งานระบบ:
    • ติดตั้งระบบบน Server
    • ทดสอบระบบในสภาพแวดล้อมการใช้งานจริง
    • ให้คำแนะนำและฝึกอบรมแก่ผู้ใช้งาน
  • การบำรุงรักษาและปรับปรุงระบบ:
    • แก้ไขข้อผิดพลาดและปัญหาที่เกิดขึ้น
    • เพิ่มเติมฟังก์ชันใหม่ตามความต้องการที่เปลี่ยนแปลง
    • ปรับปรุงประสิทธิภาพและความปลอดภัยของระบบ

3.3 ให้คำปรึกษาและฝึกอบรม: ให้คำปรึกษาและฝึกอบรม: เกี่ยวกับการใช้ระบบสารสนเทศให้กับบุคลากรในองค์กร

  • การให้คำปรึกษา:
    • ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้ระบบสารสนเทศอย่างมีประสิทธิภาพ
    • ช่วยแก้ไขปัญหาที่ผู้ใช้งานพบในการใช้งานระบบ
    • ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน
  • การฝึกอบรม:
    • จัดอบรมให้กับผู้ใช้งานใหม่และผู้ใช้งานเดิม
    • สอนวิธีการใช้ระบบสารสนเทศต่างๆ
    • สอนเทคนิคการแก้ไขปัญหาเบื้องต้น
    • จัดทำคู่มือการใช้งานและเอกสารประกอบการอบรม

ตัวอย่างระบบสารสนเทศที่ Server System สามารถจัดหาและดูแลได้:

  • ระบบอีเมล: ใช้สำหรับการสื่อสารภายในและภายนอกองค์กร
  • ระบบจัดการเอกสาร: ใช้สำหรับจัดเก็บ, แบ่งปัน, และจัดการเอกสารอิเล็กทรอนิกส์
  • ระบบบริหารงานบุคคล: ใช้สำหรับจัดการข้อมูลบุคลากร, การลา, การประเมินผล, และอื่นๆ
  • ระบบบริหารงานขาย: ใช้สำหรับจัดการข้อมูลลูกค้า, สินค้า, การขาย, และการเงิน
  • ระบบบริหารคลังสินค้า: ใช้สำหรับจัดการข้อมูลสินค้าคงคลัง, การรับเข้า, การเบิกออก, และการจัดส่ง

ผลที่คาดว่าจะได้รับ:

  • เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยงานต่างๆ ในองค์กร
  • ลดต้นทุนในการดำเนินงาน
  • ปรับปรุงการสื่อสารและการทำงานร่วมกันภายในองค์กร
  • เพิ่มความพึงพอใจของพนักงาน
  • สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน

4. ส่งเสริมและสนับสนุนการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาประยุกต์ใช้ตามภารกิจอย่างเหมาะสม

หน้าที่และการทำงานระบบคอมพิวเตอร์แม่ข่าย (Server) ในการส่งเสริมและสนับสนุนการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาประยุกต์ใช้

4.1 ติดตามเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบสารสนเทศ:

  • การติดตามข่าวสารและแนวโน้ม:
    • อ่านบทความ, บล็อก, และข่าวสารจากแหล่งที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
    • เข้าร่วมงานสัมมนา, การประชุม, และกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
    • ติดตามความเคลื่อนไหวของผู้ให้บริการเทคโนโลยีและคู่แข่ง
  • การศึกษาและทดลองใช้เทคโนโลยีใหม่:
    • เข้าร่วมหลักสูตรอบรมหรือศึกษาด้วยตนเองเกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ๆ
    • ทดลองใช้เทคโนโลยีใหม่ในสภาพแวดล้อมทดสอบ (Sandbox) เพื่อประเมินประสิทธิภาพและความเหมาะสม
  • การสร้างเครือข่ายกับผู้เชี่ยวชาญ:
    • แลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์กับผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ
    • เข้าร่วมกลุ่มออนไลน์หรือชุมชนที่เกี่ยวข้อง
    • ขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญเมื่อจำเป็น

4.2 ประเมินความเหมาะสมของเทคโนโลยีกับภารกิจขององค์กร:

  • การวิเคราะห์ความต้องการขององค์กร:
    • ทำความเข้าใจเป้าหมายและวัตถุประสงค์ขององค์กร
    • ระบุปัญหาหรือความท้าทายที่องค์กรกำลังเผชิญ
    • พิจารณาว่าเทคโนโลยีใหม่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาหรือปรับปรุงกระบวนการทำงานได้อย่างไร
  • การประเมินผลกระทบของเทคโนโลยี:
    • พิจารณาผลกระทบของเทคโนโลยีต่อด้านต่างๆ เช่น ต้นทุน, ประสิทธิภาพ, ความปลอดภัย, และความพึงพอใจของผู้ใช้งาน
    • ประเมินความเสี่ยงและอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นจากการนำเทคโนโลยีมาใช้
  • การจัดทำรายงานการประเมิน:
    • สรุปผลการประเมินความเหมาะสมของเทคโนโลยี
    • นำเสนอข้อดีและข้อเสียของเทคโนโลยี
    • ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้

4.3 นำเสนอแนวทางการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ให้กับผู้บริหารและหน่วยงานต่างๆ:

  • การจัดทำแผนการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้:
    • กำหนดขั้นตอนและระยะเวลาในการนำเทคโนโลยีมาใช้
    • กำหนดงบประมาณและทรัพยากรที่จำเป็น
    • กำหนดตัวชี้วัดความสำเร็จ
  • การนำเสนอแผนและผลการประเมิน:
    • นำเสนอแผนการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้และผลการประเมินให้กับผู้บริหารและหน่วยงานต่างๆ
    • ชี้แจงประโยชน์และความคุ้มค่าของการลงทุนในเทคโนโลยี
    • ตอบข้อซักถามและข้อกังวลของผู้บริหารและหน่วยงานต่างๆ
  • การขออนุมัติและสนับสนุน:
    • ขออนุมัติจากผู้บริหารในการดำเนินโครงการ
    • ขอความร่วมมือและสนับสนุนจากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง

4.4 สนับสนุนการใช้งานเทคโนโลยีให้กับบุคลากรในองค์กร:

  • การจัดฝึกอบรมและให้คำปรึกษา:
    • จัดอบรมให้กับบุคลากรเกี่ยวกับการใช้งานเทคโนโลยีใหม่
    • ให้คำปรึกษาและแก้ไขปัญหาที่ผู้ใช้งานพบ
    • จัดทำคู่มือการใช้งานและเอกสารประกอบ
  • การสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้:
    • ส่งเสริมให้บุคลากรเรียนรู้และพัฒนาทักษะทางเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง
    • สร้างบรรยากาศที่เปิดกว้างสำหรับการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์
    • ให้รางวัลและยกย่องบุคลากรที่นำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้อย่างสร้างสรรค์

การส่งเสริมและสนับสนุนการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาประยุกต์ใช้เป็นหน้าที่สำคัญของผู้ดูแลระบบ Server System เพื่อให้มั่นใจว่าองค์กรสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีได้อย่างเต็มที่ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในยุคดิจิทัล

5. ดูแล และจัดหาชุดข้อมูล หรือโปรแกรมประยุกต์ที่จำเป็นสำหรับองค์กร

5.1 จัดหาชุดข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกองค์กร:

  • การระบุความต้องการข้อมูล:
    • ทำความเข้าใจวัตถุประสงค์และขอบเขตของการใช้งานข้อมูล
    • กำหนดประเภท, รูปแบบ, และความละเอียดของข้อมูลที่ต้องการ
    • ประเมินปริมาณข้อมูลที่ต้องการและความถี่ในการอัปเดต
  • การค้นหาแหล่งข้อมูล:
    • ค้นหาแหล่งข้อมูลภายในองค์กร เช่น ฐานข้อมูล, ระบบสารสนเทศ, หรือไฟล์ต่างๆ
    • ค้นหาแหล่งข้อมูลภายนอกองค์กร เช่น หน่วยงานรัฐบาล, องค์กรเอกชน, หรือแหล่งข้อมูลเปิด (Open Data)
    • พิจารณาความน่าเชื่อถือ, ความถูกต้อง, และความเป็นปัจจุบันของแหล่งข้อมูล
  • การจัดหาวิธีการเข้าถึงข้อมูล:
    • ดาวน์โหลดข้อมูลจากเว็บไซต์หรือ API
    • ซื้อข้อมูลจากผู้ให้บริการ
    • รวบรวมข้อมูลด้วยตนเอง (เช่น การทำแบบสำรวจ)
    • ทำข้อตกลงแลกเปลี่ยนข้อมูลกับหน่วยงานอื่น

5.2 ตรวจสอบคุณภาพของชุดข้อมูลก่อนนำมาใช้งาน:

  • การตรวจสอบความถูกต้อง:
    • ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลตามข้อกำหนด เช่น ช่วงค่าที่ถูกต้อง, รูปแบบข้อมูลที่ถูกต้อง, และความสอดคล้องของข้อมูล
    • เปรียบเทียบข้อมูลกับแหล่งข้อมูลอื่นเพื่อยืนยันความถูกต้อง
  • การตรวจสอบความสมบูรณ์:
    • ตรวจสอบว่าข้อมูลครบถ้วนตามที่ต้องการ
    • ตรวจสอบว่าไม่มีข้อมูลสูญหายหรือข้อมูลที่ขัดแย้งกัน
  • การทำความสะอาดข้อมูล:
    • แก้ไขหรือลบข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง, ไม่สมบูรณ์, หรือซ้ำซ้อน
    • จัดรูปแบบข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบที่ใช้งานได้ง่าย

5.3 จัดเก็บและดูแลรักษาชุดข้อมูลให้มีความปลอดภัย:

  • การกำหนดนโยบายการจัดเก็บข้อมูล:
    • กำหนดรูปแบบและสถานที่จัดเก็บข้อมูล
    • กำหนดสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูล
    • กำหนดระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูล
  • การสำรองข้อมูล:
    • สำรองข้อมูลเป็นประจำตามกำหนดเวลา
    • เก็บข้อมูลสำรองไว้ในที่ปลอดภัยและแยกจากข้อมูลหลัก
  • การรักษาความปลอดภัยของข้อมูล:
    • ใช้มาตรการรักษาความปลอดภัย เช่น การเข้ารหัสข้อมูล, การจำกัดการเข้าถึง, และการตรวจสอบความผิดปกติ
    • ป้องกันการสูญหายของข้อมูลจากภัยคุกคามต่างๆ เช่น ไวรัส, แฮกเกอร์, หรือภัยธรรมชาติ

5.4 จัดหาโปรแกรมประยุกต์ที่จำเป็นสำหรับการใช้งานชุดข้อมูล:

  • การระบุความต้องการโปรแกรมประยุกต์:
    • พิจารณาว่าต้องการใช้ชุดข้อมูลเพื่อวัตถุประสงค์ใด
    • กำหนดคุณสมบัติและฟังก์ชันที่จำเป็นของโปรแกรมประยุกต์
    • ประเมินความคุ้มค่าของการลงทุนในโปรแกรมประยุกต์ใหม่
  • การค้นหาและเลือกโปรแกรมประยุกต์:
    • ศึกษาและเปรียบเทียบโปรแกรมประยุกต์จากผู้ให้บริการต่างๆ
    • พิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น ความสามารถของโปรแกรม, ความยืดหยุ่น, ความเข้ากันได้กับระบบที่มีอยู่, ราคา, และการสนับสนุนทางเทคนิค

5.5 ติดตั้งและดูแลรักษาโปรแกรมประยุกต์ให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ:

  • การติดตั้งและกำหนดค่า:
    • ติดตั้งโปรแกรมประยุกต์บน Server
    • กำหนดค่าโปรแกรมให้ตรงตามความต้องการขององค์กร
    • ทดสอบการทำงานของโปรแกรมเพื่อให้แน่ใจว่าทำงานได้อย่างถูกต้อง
  • การบำรุงรักษาและอัพเดท:
    • ตรวจสอบการทำงานของโปรแกรมเป็นประจำ
    • แก้ไขข้อผิดพลาดและปัญหาที่เกิดขึ้น
    • อัพเดทโปรแกรมให้ทันสมัยอยู่เสมอ
    • สำรองข้อมูลโปรแกรมเพื่อป้องกันการสูญหาย
  • การจัดการปัญหา:
    • จัดให้มีช่องทางการติดต่อเพื่อรับฟังปัญหาและข้อสงสัยจากผู้ใช้งาน
    • วิเคราะห์และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจากการใช้งานเทคโนโลยี
    • จัดทำฐานข้อมูลปัญหาและวิธีแก้ไขเพื่อเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาในอนาคต
  • การส่งเสริมการใช้งาน:
    • สร้างแรงจูงใจให้บุคลากรนำเทคโนโลยีไปใช้ในการทำงาน
    • จัดกิจกรรมหรือโครงการที่ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยี
    • ยกย่องและให้รางวัลแก่ผู้ที่ใช้เทคโนโลยีได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การสนับสนุนการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นส่วนสำคัญในการสร้างองค์กรที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ ผู้ดูแลระบบ Server System มีบทบาทสำคัญในการช่วยให้บุคลากรในองค์กรสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีได้อย่างเต็มที่ และนำไปสู่การพัฒนาองค์กรในระยะยาว

6. ประสานกับหน่วยงานภายนอก เพื่อเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนข้อมูล

6.1 สร้างความร่วมมือกับหน่วยงานภายนอกที่เกี่ยวข้องกับภารกิจขององค์กร:

  • การระบุหน่วยงานภายนอกที่เกี่ยวข้อง:
    • ทำความเข้าใจภารกิจและเป้าหมายขององค์กร
    • ระบุหน่วยงานภายนอกที่มีข้อมูลหรือระบบที่เกี่ยวข้องกับภารกิจขององค์กร
    • วิเคราะห์ประโยชน์ที่องค์กรจะได้รับจากการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับหน่วยงานเหล่านั้น
  • การสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือ:
    • ติดต่อและประสานงานกับหน่วยงานภายนอก
    • สร้างความเข้าใจร่วมกันเกี่ยวกับวัตถุประสงค์และขอบเขตของการแลกเปลี่ยนข้อมูล
    • ทำข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) หรือสัญญา (Contract) ที่ชัดเจน
  • การจัดตั้งช่องทางการสื่อสาร:
    • กำหนดช่องทางการสื่อสารที่สะดวกและมีประสิทธิภาพ เช่น อีเมล, โทรศัพท์, การประชุมทางไกล
    • สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ประสานงานของหน่วยงานภายนอก

6.2 กำหนดมาตรฐานการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อให้สามารถใช้งานร่วมกันได้:

  • การเลือกใช้มาตรฐานที่เหมาะสม:
    • ศึกษาและเปรียบเทียบมาตรฐานการแลกเปลี่ยนข้อมูลต่างๆ เช่น XML, JSON, CSV
    • เลือกมาตรฐานที่เป็นที่ยอมรับและใช้งานได้อย่างแพร่หลาย
    • พิจารณาความเข้ากันได้กับระบบที่มีอยู่ขององค์กรและหน่วยงานภายนอก
  • การกำหนดโครงสร้างข้อมูล:
    • กำหนดรูปแบบและโครงสร้างของข้อมูลที่จะแลกเปลี่ยน
    • กำหนดชื่อฟิลด์ (Field), ประเภทข้อมูล (Data Type), และความยาวของข้อมูล
    • จัดทำเอกสารคู่มือมาตรฐานการแลกเปลี่ยนข้อมูล
  • การทดสอบและตรวจสอบ:
    • ทดสอบการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างระบบขององค์กรและหน่วยงานภายนอก
    • ตรวจสอบความถูกต้องและความสมบูรณ์ของข้อมูลที่แลกเปลี่ยน

6.3 พัฒนาระบบเชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานภายนอก:

  • การออกแบบและพัฒนาอินเทอร์เฟซ:
    • ออกแบบและพัฒนาอินเทอร์เฟซ (Interface) สำหรับการเชื่อมต่อระบบขององค์กรกับหน่วยงานภายนอก
    • ใช้อินเทอร์เฟซที่เป็นมาตรฐาน เช่น Web Service, API
    • พิจารณาความปลอดภัยและประสิทธิภาพของการเชื่อมต่อ
  • การทดสอบและปรับปรุง:
    • ทดสอบการเชื่อมต่อและการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างระบบ
    • ตรวจสอบและแก้ไขข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น
    • ปรับปรุงประสิทธิภาพและความเสถียรของระบบเชื่อมโยง

6.4 ดูแลรักษาความปลอดภัยของข้อมูลที่มีการแลกเปลี่ยน:

  • การเข้ารหัสข้อมูล:
    • เข้ารหัสข้อมูลที่สำคัญหรือเป็นความลับก่อนทำการส่งหรือรับข้อมูล
    • ใช้มาตรฐานการเข้ารหัสที่แข็งแกร่ง เช่น AES, RSA
  • การควบคุมการเข้าถึง:
    • กำหนดสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลตามความจำเป็น
    • ใช้ระบบยืนยันตัวตน (Authentication) และระบบอนุญาต (Authorization) เพื่อควบคุมการเข้าถึงข้อมูล
  • การตรวจสอบและบันทึก:
    • ตรวจสอบและบันทึกกิจกรรมการเข้าถึงและการใช้งานข้อมูล
    • ตรวจสอบความผิดปกติและแจ้งเตือนเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์
  • การอัปเดตระบบรักษาความปลอดภัย:
    • อัปเดตระบบปฏิบัติการ, โปรแกรมประยุกต์, และโปรแกรมป้องกันไวรัสให้ทันสมัยอยู่เสมอ
    • ติดตามข่าวสารและภัยคุกคามด้านความปลอดภัย
    • ปรับปรุงมาตรการรักษาความปลอดภัยตามความจำเป็น

การประสานงานกับหน่วยงานภายนอกเพื่อเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและการให้บริการขององค์กร ผู้ดูแลระบบ Server System มีบทบาทสำคัญในการสร้างความร่วมมือ, กำหนดมาตรฐาน, พัฒนาระบบ, และดูแลรักษาความปลอดภัยของข้อมูล เพื่อให้มั่นใจว่าการแลกเปลี่ยนข้อมูลเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย

 

งานระบบคอมพิวเตอร์และเครือข่าย มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการทำงานขององค์กรทั้งภายในและภายนอก โดยทำหน้าที่ในการวางแผน, พัฒนา, บริหารจัดการ, และให้บริการระบบสารสนเทศและฐานข้อมูล เพื่อให้ผู้ใช้งานได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์ต่อการทำงาน นอกจากนี้ยังมีหน้าที่ในการส่งเสริมและสนับสนุนการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาประยุกต์ใช้ในองค์กรอย่างเหมาะสม

.

-------------------------------------------------

ที่มา

-

ข้อมูลและภาพ www.iok2u.com

-------------------------------------------------

ดูข้อมูลเพิ่มเติมคลิกที่นี่

เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Information and Communication Technology: ICT)

 

ขอต้อนรับเข้าสู่เว็บไซต์
www.iok2u.com
แหล่งข้อมูลสารสนเทศเพื่อคุณ

เว็บไซต์ www.iok2u.com นี้เกิดมาจาก แรงบันดาลใจในภาพยนต์เรื่อง Pay It Forward โดยมีเป้าหมายเล็ก ๆ ที่กำหนดไว้ว่า ทุกครั้งที่เข้าเรียนสัมมนาหรืออบรมในแต่ละครั้ง จะนำความรู้มาจัดทำเป็นบทความอย่างน้อย 3 เรื่อง เพื่อมาลงในเว็บนี้
ความตั้งใจที่จะถ่ายทอดความรู้ที่ได้รับมาทำการถ่ายทอดต่อไป และหวังว่าจะมีคนมาอ่านแล้วเห็นว่ามีประโยชน์นำเอาไปใช้ได้ หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลย โดยอาจไม่ต้องอ้างอิงที่มาหรือมาตอบแทนผู้จัด แต่ขอให้ส่งต่อหากคิดว่ามันดีหรือมีประโยชน์ เพื่อถ่ายทอดความรู้และสิ่งดี ๆ ต่อไปข้างหน้าต่อไป Pay It Forward