งานระบบคอมพิวเตอร์และเครือข่าย รายละเอียดการทำงาน
กลุ่มระบบคอมพิวเตอร์และเครือข่าย (Computer systems and networks group)
มีรายละเอียดการทำงานตามหน้าที่ ดังนี้
1. วางแผน วิเคราะห์ ออกแบบ พัฒนา ระบบฐานข้อมูลและระบบสารสนเทศ
1.1 กำหนดทิศทางและเป้าหมายของระบบสารสนเทศให้สอดคล้องกับภารกิจขององค์กร, วิเคราะห์ความต้องการของผู้ใช้งาน, ประเมินทรัพยากรและเทคโนโลยีที่จำเป็น
- กำหนดทิศทางและเป้าหมายของระบบสารสนเทศให้สอดคล้องกับภารกิจขององค์กร:
- ทำความเข้าใจวิสัยทัศน์, พันธกิจ, และเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ขององค์กร
- ระบุปัญหาหรือความท้าทายที่องค์กรกำลังเผชิญ และวิธีที่ระบบสารสนเทศสามารถช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านั้นได้
- กำหนดวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนและสามารถวัดผลได้ของระบบสารสนเทศ
- พิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น งบประมาณ, ระยะเวลา, และทรัพยากรที่มีอยู่
- วิเคราะห์ความต้องการของผู้ใช้งาน, ประเมินทรัพยากรและเทคโนโลยีที่จำเป็น:
- สัมภาษณ์ผู้ใช้งาน, ทำแบบสำรวจ, หรือจัด Workshop เพื่อรวบรวมความต้องการ
- วิเคราะห์ความต้องการที่รวบรวมได้ และจัดลำดับความสำคัญ
- ประเมินทรัพยากรที่มีอยู่ เช่น ฮาร์ดแวร์, ซอฟต์แวร์, บุคลากร
- ศึกษาเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับการพัฒนาระบบ
- จัดทำแผนการดำเนินงานและงบประมาณ
1.2 วิเคราะห์ ศึกษาและทำความเข้าใจระบบงานเดิม, กระบวนการทำงาน, ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง, จุดแข็งและจุดอ่อนของระบบ
- ศึกษาและทำความเข้าใจระบบงานเดิม, กระบวนการทำงาน, ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง:
- รวบรวมเอกสารที่เกี่ยวข้องกับระบบงานเดิม เช่น คู่มือการใช้งาน, รายงาน, แบบฟอร์ม
- สังเกตและบันทึกกระบวนการทำงานจริง
- สัมภาษณ์ผู้ใช้งานและผู้ที่เกี่ยวข้อง
- สร้างแผนภาพกระบวนการทำงาน (Flowchart) หรือแผนภาพอื่นๆ เพื่อแสดงให้เห็นภาพรวมของระบบ
- จุดแข็งและจุดอ่อนของระบบ:
- วิเคราะห์ประสิทธิภาพ, ความน่าเชื่อถือ, ความปลอดภัย, และความยืดหยุ่นของระบบเดิม
- ระบุปัญหาและข้อจำกัดของระบบเดิม
- หาแนวทางในการปรับปรุงหรือแก้ไขปัญหา
1.3 ออกแบบ สร้างแบบจำลองระบบใหม่, ออกแบบฐานข้อมูล, ออกแบบส่วนติดต่อผู้ใช้ (UI), ออกแบบระบบรักษาความปลอดภัย
- สร้างแบบจำลองระบบใหม่:
- ออกแบบโครงสร้างโดยรวมของระบบ (System Architecture)
- กำหนดส่วนประกอบต่างๆ ของระบบ และความสัมพันธ์ระหว่างกัน
- เลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสมสำหรับการพัฒนา
- ออกแบบฐานข้อมูล:
- กำหนดโครงสร้างของฐานข้อมูล (Database Schema)
- กำหนดความสัมพันธ์ระหว่างตารางข้อมูล (Table)
- เลือกระบบจัดการฐานข้อมูล (DBMS) ที่เหมาะสม
- ออกแบบส่วนติดต่อผู้ใช้ (UI):
- ออกแบบหน้าจอ (Screen) และรูปแบบการนำทาง (Navigation)
- คำนึงถึงความสะดวกในการใช้งาน (Usability) และประสบการณ์ของผู้ใช้ (User Experience)
- ออกแบบระบบรักษาความปลอดภัย:
- กำหนดมาตรการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล (Data Security)
- ออกแบบระบบควบคุมการเข้าถึง (Access Control)
- ออกแบบระบบตรวจสอบและบันทึกเหตุการณ์ (Audit Trail)
1.4 พัฒนา พัฒนาระบบตามแบบที่ออกแบบไว้, ทดสอบระบบ, แก้ไขข้อผิดพลาด, ติดตั้งและใช้งานระบบจริง
- พัฒนาระบบตามแบบที่ออกแบบไว้:
- เขียนโปรแกรมหรือพัฒนาซอฟต์แวร์ตามข้อกำหนดที่ออกแบบไว้
- ใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีที่เหมาะสมในการพัฒนา
- ทดสอบระบบ:
- ทดสอบการทำงานของระบบในสภาพแวดล้อมที่จำลองการใช้งานจริง (Test Environment)
- ทดสอบความถูกต้องของข้อมูล, ประสิทธิภาพ, ความปลอดภัย, และความสามารถในการรองรับการใช้งาน
- แก้ไขข้อผิดพลาดที่พบ
- ติดตั้งและใช้งานระบบจริง:
- ติดตั้งระบบบน Server จริง
- โอนย้ายข้อมูลจากระบบเดิม (ถ้ามี)
- ให้คำแนะนำและฝึกอบรมผู้ใช้ในการใช้งานระบบใหม่
- ติดตามและประเมินผลการใช้งานระบบ
กระบวนการวางแผน, วิเคราะห์, ออกแบบ, และพัฒนาเป็นขั้นตอนที่สำคัญในการสร้างระบบสารสนเทศที่มีประสิทธิภาพและตรงตามความต้องการขององค์กร การทำงานร่วมกันของทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญในแต่ละด้านจะช่วยให้การพัฒนาระบบเป็นไปอย่างราบรื่นและประสบความสำเร็จ
2. บริหาร ดูแล ระบบฐานข้อมูล และระบบงานสารสนเทศ เพื่อให้บริการแก่หน่วยงานภายนอก ประชาชนและวิสาหกิจ อุตสาหกรรม ให้ได้รับข้อมูลที่ถูกต้องสามารถนำไปใช้ได้ตามวัตถุประสงค์
2.1 บริหารจัดการฐานข้อมูล บริหารจัดการฐานข้อมูล: จัดเก็บ, จัดระเบียบ, สำรองข้อมูล, ตรวจสอบความถูกต้องและความสมบูรณ์ของข้อมูล
- จัดเก็บข้อมูล:
- กำหนดโครงสร้างฐานข้อมูลที่เหมาะสมกับประเภทและปริมาณข้อมูล
- สร้างตาราง (Table), คอลัมน์ (Column), และความสัมพันธ์ (Relationship) ในฐานข้อมูล
- นำเข้าข้อมูลจากแหล่งต่างๆ เช่น ไฟล์, ระบบอื่นๆ, หรือการป้อนข้อมูลโดยตรง
- จัดเก็บข้อมูลในรูปแบบที่เหมาะสม เช่น ข้อความ, ตัวเลข, วันที่, รูปภาพ, วิดีโอ
- จัดระเบียบข้อมูล:
- จัดกลุ่มข้อมูลที่เกี่ยวข้องกันไว้ในตารางเดียวกัน
- สร้างดัชนี (Index) เพื่อเพิ่มความเร็วในการค้นหาข้อมูล
- จัดเรียงข้อมูลตามลำดับที่ต้องการ
- ลบข้อมูลที่ซ้ำซ้อนหรือไม่จำเป็น
- สำรองข้อมูล:
- กำหนดนโยบายและกำหนดการสำรองข้อมูล
- สำรองข้อมูลเป็นประจำตามกำหนดเวลา เช่น รายวัน, รายสัปดาห์, รายเดือน
- เก็บข้อมูลสำรองไว้ในที่ปลอดภัย เช่น อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลภายนอก, Cloud Storage
- ตรวจสอบความถูกต้องและความสมบูรณ์ของข้อมูล:
- ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลตามข้อกำหนด เช่น ช่วงค่าที่ถูกต้อง, รูปแบบข้อมูลที่ถูกต้อง
- ตรวจสอบความสมบูรณ์ของข้อมูล เช่น ไม่มีข้อมูลสูญหาย, ไม่มีข้อมูลที่ขัดแย้งกัน
- ใช้เครื่องมือตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล (Data Validation Tool)
- ดำเนินการแก้ไขข้อมูลที่ไม่ถูกต้องหรือไม่สมบูรณ์
2.2 ดูแลระบบงานสารสนเทศ ดูแลระบบงานสารสนเทศ: ตรวจสอบการทำงานของระบบ, แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น, ปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบ
- ตรวจสอบการทำงานของระบบ:
- ตรวจสอบสถานะของ Server, ฐานข้อมูล, และแอปพลิเคชันที่เกี่ยวข้อง
- ตรวจสอบการทำงานของกระบวนการต่างๆ ในระบบ
- ใช้เครื่องมือตรวจสอบ (Monitoring Tool) เพื่อติดตามประสิทธิภาพและความพร้อมใช้งานของระบบ
- ตรวจสอบ Log File เพื่อหาข้อผิดพลาดหรือเหตุการณ์ที่ผิดปกติ
- แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น:
- วิเคราะห์สาเหตุของปัญหา
- ดำเนินการแก้ไขปัญหา เช่น รีสตาร์ท Server, แก้ไขการตั้งค่า, อัพเดทซอฟต์แวร์
- บันทึกปัญหาและวิธีการแก้ไขเพื่อเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาในอนาคต
- ปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบ:
- วิเคราะห์ประสิทธิภาพของระบบโดยใช้เครื่องมือต่างๆ
- ปรับแต่งการตั้งค่าของ Server และฐานข้อมูล
- ปรับปรุงโครงสร้างฐานข้อมูล
- อัพเกรดฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์
2.3 ให้บริการข้อมูล ให้บริการข้อมูล: จัดเตรียมข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นปัจจุบัน, ให้บริการเข้าถึงข้อมูลผ่านช่องทางต่างๆ เช่น เว็บไซต์, แอปพลิเคชัน, API
- จัดเตรียมข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นปัจจุบัน:
- รวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่างๆ
- ตรวจสอบความถูกต้องและความสมบูรณ์ของข้อมูล
- อัพเดทข้อมูลเป็นประจำ
- ให้บริการเข้าถึงข้อมูลผ่านช่องทางต่างๆ:
- พัฒนาเว็บไซต์, แอปพลิเคชัน, หรือ API เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงข้อมูลได้
- ออกแบบส่วนติดต่อผู้ใช้ (UI) ที่ใช้งานง่ายและสะดวก
- กำหนดสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลตามความเหมาะสม
2.4 สนับสนุนการใช้งาน สนับสนุนการใช้งาน: ให้คำปรึกษาและแก้ไขปัญหาให้กับผู้ใช้งาน
- ให้คำปรึกษาและแก้ไขปัญหาให้กับผู้ใช้งาน:
- จัดเตรียมช่องทางการติดต่อ เช่น อีเมล, โทรศัพท์, ระบบ Ticket
- ตอบคำถามและแก้ไขปัญหาให้กับผู้ใช้งาน
- จัดทำคู่มือการใช้งานและเอกสารประกอบ
- จัดอบรมให้กับผู้ใช้งาน
3. สนับสนุนการทำงานของหน่วยงานภายใน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานขององค์กร
3.1 จัดหาและดูแลระบบสารสนเทศ: พัฒนาระบบสารสนเทศเฉพาะ: ตามความต้องการของหน่วยงานต่างๆ เช่น ระบบบริหารงานขาย, ระบบบริหารคลังสินค้า
- การสำรวจและประเมินความต้องการ:
- ทำความเข้าใจความต้องการของหน่วยงานต่างๆ ในองค์กรเกี่ยวกับระบบสารสนเทศ
- วิเคราะห์กระบวนการทำงานและข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
- กำหนดคุณสมบัติและฟังก์ชันที่จำเป็นของระบบ
- ประเมินความคุ้มค่าของการลงทุนในระบบสารสนเทศใหม่
- การเลือกและจัดหาระบบสารสนเทศ:
- ศึกษาและเปรียบเทียบระบบสารสนเทศจากผู้ให้บริการต่างๆ
- พิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น ความสามารถของระบบ, ความยืดหยุ่น, ความปลอดภัย, ราคา, และการสนับสนุนทางเทคนิค
- เลือกระบบสารสนเทศที่เหมาะสมกับความต้องการขององค์กร
- การติดตั้งและกำหนดค่าระบบ:
- ติดตั้งระบบสารสนเทศบน Server
- กำหนดค่าระบบให้ตรงตามความต้องการขององค์กร
- ทดสอบระบบเพื่อให้แน่ใจว่าทำงานได้อย่างถูกต้อง
- การบำรุงรักษาและดูแลระบบ:
- ตรวจสอบการทำงานของระบบเป็นประจำ
- แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
- อัพเดทระบบให้ทันสมัยอยู่เสมอ
- สำรองข้อมูลระบบเพื่อป้องกันการสูญหาย
3.2 พัฒนาระบบสารสนเทศเฉพาะ: จัดหาและดูแลระบบสารสนเทศ: ที่จำเป็นสำหรับการทำงานของหน่วยงานต่างๆ เช่น ระบบอีเมล, ระบบจัดการเอกสาร, ระบบบริหารงานบุคคล
- การวิเคราะห์ความต้องการ:
- ทำความเข้าใจความต้องการเฉพาะของหน่วยงานต่างๆ
- รวบรวมข้อมูลและข้อกำหนดของระบบ
- กำหนดขอบเขตของโครงการพัฒนา
- การออกแบบและพัฒนาระบบ:
- ออกแบบโครงสร้างและส่วนประกอบของระบบ
- พัฒนาโปรแกรมหรือซอฟต์แวร์ตามข้อกำหนด
- ทดสอบระบบเพื่อให้แน่ใจว่าทำงานได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ
- การติดตั้งและใช้งานระบบ:
- ติดตั้งระบบบน Server
- ทดสอบระบบในสภาพแวดล้อมการใช้งานจริง
- ให้คำแนะนำและฝึกอบรมแก่ผู้ใช้งาน
- การบำรุงรักษาและปรับปรุงระบบ:
- แก้ไขข้อผิดพลาดและปัญหาที่เกิดขึ้น
- เพิ่มเติมฟังก์ชันใหม่ตามความต้องการที่เปลี่ยนแปลง
- ปรับปรุงประสิทธิภาพและความปลอดภัยของระบบ
3.3 ให้คำปรึกษาและฝึกอบรม: ให้คำปรึกษาและฝึกอบรม: เกี่ยวกับการใช้ระบบสารสนเทศให้กับบุคลากรในองค์กร
- การให้คำปรึกษา:
- ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้ระบบสารสนเทศอย่างมีประสิทธิภาพ
- ช่วยแก้ไขปัญหาที่ผู้ใช้งานพบในการใช้งานระบบ
- ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน
- การฝึกอบรม:
- จัดอบรมให้กับผู้ใช้งานใหม่และผู้ใช้งานเดิม
- สอนวิธีการใช้ระบบสารสนเทศต่างๆ
- สอนเทคนิคการแก้ไขปัญหาเบื้องต้น
- จัดทำคู่มือการใช้งานและเอกสารประกอบการอบรม
ตัวอย่างระบบสารสนเทศที่ Server System สามารถจัดหาและดูแลได้:
- ระบบอีเมล: ใช้สำหรับการสื่อสารภายในและภายนอกองค์กร
- ระบบจัดการเอกสาร: ใช้สำหรับจัดเก็บ, แบ่งปัน, และจัดการเอกสารอิเล็กทรอนิกส์
- ระบบบริหารงานบุคคล: ใช้สำหรับจัดการข้อมูลบุคลากร, การลา, การประเมินผล, และอื่นๆ
- ระบบบริหารงานขาย: ใช้สำหรับจัดการข้อมูลลูกค้า, สินค้า, การขาย, และการเงิน
- ระบบบริหารคลังสินค้า: ใช้สำหรับจัดการข้อมูลสินค้าคงคลัง, การรับเข้า, การเบิกออก, และการจัดส่ง
ผลที่คาดว่าจะได้รับ:
- เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยงานต่างๆ ในองค์กร
- ลดต้นทุนในการดำเนินงาน
- ปรับปรุงการสื่อสารและการทำงานร่วมกันภายในองค์กร
- เพิ่มความพึงพอใจของพนักงาน
- สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน
4. ส่งเสริมและสนับสนุนการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาประยุกต์ใช้ตามภารกิจอย่างเหมาะสม
หน้าที่และการทำงานระบบคอมพิวเตอร์แม่ข่าย (Server) ในการส่งเสริมและสนับสนุนการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาประยุกต์ใช้
4.1 ติดตามเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบสารสนเทศ:
- การติดตามข่าวสารและแนวโน้ม:
- อ่านบทความ, บล็อก, และข่าวสารจากแหล่งที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
- เข้าร่วมงานสัมมนา, การประชุม, และกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
- ติดตามความเคลื่อนไหวของผู้ให้บริการเทคโนโลยีและคู่แข่ง
- การศึกษาและทดลองใช้เทคโนโลยีใหม่:
- เข้าร่วมหลักสูตรอบรมหรือศึกษาด้วยตนเองเกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ๆ
- ทดลองใช้เทคโนโลยีใหม่ในสภาพแวดล้อมทดสอบ (Sandbox) เพื่อประเมินประสิทธิภาพและความเหมาะสม
- การสร้างเครือข่ายกับผู้เชี่ยวชาญ:
- แลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์กับผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ
- เข้าร่วมกลุ่มออนไลน์หรือชุมชนที่เกี่ยวข้อง
- ขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญเมื่อจำเป็น
4.2 ประเมินความเหมาะสมของเทคโนโลยีกับภารกิจขององค์กร:
- การวิเคราะห์ความต้องการขององค์กร:
- ทำความเข้าใจเป้าหมายและวัตถุประสงค์ขององค์กร
- ระบุปัญหาหรือความท้าทายที่องค์กรกำลังเผชิญ
- พิจารณาว่าเทคโนโลยีใหม่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาหรือปรับปรุงกระบวนการทำงานได้อย่างไร
- การประเมินผลกระทบของเทคโนโลยี:
- พิจารณาผลกระทบของเทคโนโลยีต่อด้านต่างๆ เช่น ต้นทุน, ประสิทธิภาพ, ความปลอดภัย, และความพึงพอใจของผู้ใช้งาน
- ประเมินความเสี่ยงและอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นจากการนำเทคโนโลยีมาใช้
- การจัดทำรายงานการประเมิน:
- สรุปผลการประเมินความเหมาะสมของเทคโนโลยี
- นำเสนอข้อดีและข้อเสียของเทคโนโลยี
- ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้
4.3 นำเสนอแนวทางการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ให้กับผู้บริหารและหน่วยงานต่างๆ:
- การจัดทำแผนการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้:
- กำหนดขั้นตอนและระยะเวลาในการนำเทคโนโลยีมาใช้
- กำหนดงบประมาณและทรัพยากรที่จำเป็น
- กำหนดตัวชี้วัดความสำเร็จ
- การนำเสนอแผนและผลการประเมิน:
- นำเสนอแผนการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้และผลการประเมินให้กับผู้บริหารและหน่วยงานต่างๆ
- ชี้แจงประโยชน์และความคุ้มค่าของการลงทุนในเทคโนโลยี
- ตอบข้อซักถามและข้อกังวลของผู้บริหารและหน่วยงานต่างๆ
- การขออนุมัติและสนับสนุน:
- ขออนุมัติจากผู้บริหารในการดำเนินโครงการ
- ขอความร่วมมือและสนับสนุนจากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
4.4 สนับสนุนการใช้งานเทคโนโลยีให้กับบุคลากรในองค์กร:
- การจัดฝึกอบรมและให้คำปรึกษา:
- จัดอบรมให้กับบุคลากรเกี่ยวกับการใช้งานเทคโนโลยีใหม่
- ให้คำปรึกษาและแก้ไขปัญหาที่ผู้ใช้งานพบ
- จัดทำคู่มือการใช้งานและเอกสารประกอบ
- การสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้:
- ส่งเสริมให้บุคลากรเรียนรู้และพัฒนาทักษะทางเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง
- สร้างบรรยากาศที่เปิดกว้างสำหรับการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์
- ให้รางวัลและยกย่องบุคลากรที่นำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้อย่างสร้างสรรค์
การส่งเสริมและสนับสนุนการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาประยุกต์ใช้เป็นหน้าที่สำคัญของผู้ดูแลระบบ Server System เพื่อให้มั่นใจว่าองค์กรสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีได้อย่างเต็มที่ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในยุคดิจิทัล
5. ดูแล และจัดหาชุดข้อมูล หรือโปรแกรมประยุกต์ที่จำเป็นสำหรับองค์กร
5.1 จัดหาชุดข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกองค์กร:
- การระบุความต้องการข้อมูล:
- ทำความเข้าใจวัตถุประสงค์และขอบเขตของการใช้งานข้อมูล
- กำหนดประเภท, รูปแบบ, และความละเอียดของข้อมูลที่ต้องการ
- ประเมินปริมาณข้อมูลที่ต้องการและความถี่ในการอัปเดต
- การค้นหาแหล่งข้อมูล:
- ค้นหาแหล่งข้อมูลภายในองค์กร เช่น ฐานข้อมูล, ระบบสารสนเทศ, หรือไฟล์ต่างๆ
- ค้นหาแหล่งข้อมูลภายนอกองค์กร เช่น หน่วยงานรัฐบาล, องค์กรเอกชน, หรือแหล่งข้อมูลเปิด (Open Data)
- พิจารณาความน่าเชื่อถือ, ความถูกต้อง, และความเป็นปัจจุบันของแหล่งข้อมูล
- การจัดหาวิธีการเข้าถึงข้อมูล:
- ดาวน์โหลดข้อมูลจากเว็บไซต์หรือ API
- ซื้อข้อมูลจากผู้ให้บริการ
- รวบรวมข้อมูลด้วยตนเอง (เช่น การทำแบบสำรวจ)
- ทำข้อตกลงแลกเปลี่ยนข้อมูลกับหน่วยงานอื่น
5.2 ตรวจสอบคุณภาพของชุดข้อมูลก่อนนำมาใช้งาน:
- การตรวจสอบความถูกต้อง:
- ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลตามข้อกำหนด เช่น ช่วงค่าที่ถูกต้อง, รูปแบบข้อมูลที่ถูกต้อง, และความสอดคล้องของข้อมูล
- เปรียบเทียบข้อมูลกับแหล่งข้อมูลอื่นเพื่อยืนยันความถูกต้อง
- การตรวจสอบความสมบูรณ์:
- ตรวจสอบว่าข้อมูลครบถ้วนตามที่ต้องการ
- ตรวจสอบว่าไม่มีข้อมูลสูญหายหรือข้อมูลที่ขัดแย้งกัน
- การทำความสะอาดข้อมูล:
- แก้ไขหรือลบข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง, ไม่สมบูรณ์, หรือซ้ำซ้อน
- จัดรูปแบบข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบที่ใช้งานได้ง่าย
5.3 จัดเก็บและดูแลรักษาชุดข้อมูลให้มีความปลอดภัย:
- การกำหนดนโยบายการจัดเก็บข้อมูล:
- กำหนดรูปแบบและสถานที่จัดเก็บข้อมูล
- กำหนดสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูล
- กำหนดระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูล
- การสำรองข้อมูล:
- สำรองข้อมูลเป็นประจำตามกำหนดเวลา
- เก็บข้อมูลสำรองไว้ในที่ปลอดภัยและแยกจากข้อมูลหลัก
- การรักษาความปลอดภัยของข้อมูล:
- ใช้มาตรการรักษาความปลอดภัย เช่น การเข้ารหัสข้อมูล, การจำกัดการเข้าถึง, และการตรวจสอบความผิดปกติ
- ป้องกันการสูญหายของข้อมูลจากภัยคุกคามต่างๆ เช่น ไวรัส, แฮกเกอร์, หรือภัยธรรมชาติ
5.4 จัดหาโปรแกรมประยุกต์ที่จำเป็นสำหรับการใช้งานชุดข้อมูล:
- การระบุความต้องการโปรแกรมประยุกต์:
- พิจารณาว่าต้องการใช้ชุดข้อมูลเพื่อวัตถุประสงค์ใด
- กำหนดคุณสมบัติและฟังก์ชันที่จำเป็นของโปรแกรมประยุกต์
- ประเมินความคุ้มค่าของการลงทุนในโปรแกรมประยุกต์ใหม่
- การค้นหาและเลือกโปรแกรมประยุกต์:
- ศึกษาและเปรียบเทียบโปรแกรมประยุกต์จากผู้ให้บริการต่างๆ
- พิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น ความสามารถของโปรแกรม, ความยืดหยุ่น, ความเข้ากันได้กับระบบที่มีอยู่, ราคา, และการสนับสนุนทางเทคนิค
5.5 ติดตั้งและดูแลรักษาโปรแกรมประยุกต์ให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ:
- การติดตั้งและกำหนดค่า:
- ติดตั้งโปรแกรมประยุกต์บน Server
- กำหนดค่าโปรแกรมให้ตรงตามความต้องการขององค์กร
- ทดสอบการทำงานของโปรแกรมเพื่อให้แน่ใจว่าทำงานได้อย่างถูกต้อง
- การบำรุงรักษาและอัพเดท:
- ตรวจสอบการทำงานของโปรแกรมเป็นประจำ
- แก้ไขข้อผิดพลาดและปัญหาที่เกิดขึ้น
- อัพเดทโปรแกรมให้ทันสมัยอยู่เสมอ
- สำรองข้อมูลโปรแกรมเพื่อป้องกันการสูญหาย
- การจัดการปัญหา:
- จัดให้มีช่องทางการติดต่อเพื่อรับฟังปัญหาและข้อสงสัยจากผู้ใช้งาน
- วิเคราะห์และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจากการใช้งานเทคโนโลยี
- จัดทำฐานข้อมูลปัญหาและวิธีแก้ไขเพื่อเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาในอนาคต
- การส่งเสริมการใช้งาน:
- สร้างแรงจูงใจให้บุคลากรนำเทคโนโลยีไปใช้ในการทำงาน
- จัดกิจกรรมหรือโครงการที่ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยี
- ยกย่องและให้รางวัลแก่ผู้ที่ใช้เทคโนโลยีได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การสนับสนุนการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นส่วนสำคัญในการสร้างองค์กรที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ ผู้ดูแลระบบ Server System มีบทบาทสำคัญในการช่วยให้บุคลากรในองค์กรสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีได้อย่างเต็มที่ และนำไปสู่การพัฒนาองค์กรในระยะยาว
6. ประสานกับหน่วยงานภายนอก เพื่อเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนข้อมูล
6.1 สร้างความร่วมมือกับหน่วยงานภายนอกที่เกี่ยวข้องกับภารกิจขององค์กร:
- การระบุหน่วยงานภายนอกที่เกี่ยวข้อง:
- ทำความเข้าใจภารกิจและเป้าหมายขององค์กร
- ระบุหน่วยงานภายนอกที่มีข้อมูลหรือระบบที่เกี่ยวข้องกับภารกิจขององค์กร
- วิเคราะห์ประโยชน์ที่องค์กรจะได้รับจากการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับหน่วยงานเหล่านั้น
- การสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือ:
- ติดต่อและประสานงานกับหน่วยงานภายนอก
- สร้างความเข้าใจร่วมกันเกี่ยวกับวัตถุประสงค์และขอบเขตของการแลกเปลี่ยนข้อมูล
- ทำข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) หรือสัญญา (Contract) ที่ชัดเจน
- การจัดตั้งช่องทางการสื่อสาร:
- กำหนดช่องทางการสื่อสารที่สะดวกและมีประสิทธิภาพ เช่น อีเมล, โทรศัพท์, การประชุมทางไกล
- สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ประสานงานของหน่วยงานภายนอก
6.2 กำหนดมาตรฐานการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อให้สามารถใช้งานร่วมกันได้:
- การเลือกใช้มาตรฐานที่เหมาะสม:
- ศึกษาและเปรียบเทียบมาตรฐานการแลกเปลี่ยนข้อมูลต่างๆ เช่น XML, JSON, CSV
- เลือกมาตรฐานที่เป็นที่ยอมรับและใช้งานได้อย่างแพร่หลาย
- พิจารณาความเข้ากันได้กับระบบที่มีอยู่ขององค์กรและหน่วยงานภายนอก
- การกำหนดโครงสร้างข้อมูล:
- กำหนดรูปแบบและโครงสร้างของข้อมูลที่จะแลกเปลี่ยน
- กำหนดชื่อฟิลด์ (Field), ประเภทข้อมูล (Data Type), และความยาวของข้อมูล
- จัดทำเอกสารคู่มือมาตรฐานการแลกเปลี่ยนข้อมูล
- การทดสอบและตรวจสอบ:
- ทดสอบการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างระบบขององค์กรและหน่วยงานภายนอก
- ตรวจสอบความถูกต้องและความสมบูรณ์ของข้อมูลที่แลกเปลี่ยน
6.3 พัฒนาระบบเชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานภายนอก:
- การออกแบบและพัฒนาอินเทอร์เฟซ:
- ออกแบบและพัฒนาอินเทอร์เฟซ (Interface) สำหรับการเชื่อมต่อระบบขององค์กรกับหน่วยงานภายนอก
- ใช้อินเทอร์เฟซที่เป็นมาตรฐาน เช่น Web Service, API
- พิจารณาความปลอดภัยและประสิทธิภาพของการเชื่อมต่อ
- การทดสอบและปรับปรุง:
- ทดสอบการเชื่อมต่อและการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างระบบ
- ตรวจสอบและแก้ไขข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น
- ปรับปรุงประสิทธิภาพและความเสถียรของระบบเชื่อมโยง
6.4 ดูแลรักษาความปลอดภัยของข้อมูลที่มีการแลกเปลี่ยน:
- การเข้ารหัสข้อมูล:
- เข้ารหัสข้อมูลที่สำคัญหรือเป็นความลับก่อนทำการส่งหรือรับข้อมูล
- ใช้มาตรฐานการเข้ารหัสที่แข็งแกร่ง เช่น AES, RSA
- การควบคุมการเข้าถึง:
- กำหนดสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลตามความจำเป็น
- ใช้ระบบยืนยันตัวตน (Authentication) และระบบอนุญาต (Authorization) เพื่อควบคุมการเข้าถึงข้อมูล
- การตรวจสอบและบันทึก:
- ตรวจสอบและบันทึกกิจกรรมการเข้าถึงและการใช้งานข้อมูล
- ตรวจสอบความผิดปกติและแจ้งเตือนเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์
- การอัปเดตระบบรักษาความปลอดภัย:
- อัปเดตระบบปฏิบัติการ, โปรแกรมประยุกต์, และโปรแกรมป้องกันไวรัสให้ทันสมัยอยู่เสมอ
- ติดตามข่าวสารและภัยคุกคามด้านความปลอดภัย
- ปรับปรุงมาตรการรักษาความปลอดภัยตามความจำเป็น
การประสานงานกับหน่วยงานภายนอกเพื่อเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและการให้บริการขององค์กร ผู้ดูแลระบบ Server System มีบทบาทสำคัญในการสร้างความร่วมมือ, กำหนดมาตรฐาน, พัฒนาระบบ, และดูแลรักษาความปลอดภัยของข้อมูล เพื่อให้มั่นใจว่าการแลกเปลี่ยนข้อมูลเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย
งานระบบคอมพิวเตอร์และเครือข่าย มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการทำงานขององค์กรทั้งภายในและภายนอก โดยทำหน้าที่ในการวางแผน, พัฒนา, บริหารจัดการ, และให้บริการระบบสารสนเทศและฐานข้อมูล เพื่อให้ผู้ใช้งานได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์ต่อการทำงาน นอกจากนี้ยังมีหน้าที่ในการส่งเสริมและสนับสนุนการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาประยุกต์ใช้ในองค์กรอย่างเหมาะสม
.
-------------------------------------------------
-------------------------------------------------
ดูข้อมูลเพิ่มเติมคลิกที่นี่
เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Information and Communication Technology: ICT)