Important Causes for Change in the Future / สาเหตุสำคัญที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคต
ในอนาคตทุกกิจกรรม ทุกองค์กรต้องมีความสามารถในการปรับเปลี่ยนตัวเองที่รวดเร็ว เนื่องการการที่โลกของเรามีเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วมากขึ้น ในอนาคตเริ่มมีการนำเอาทิศทางต่างๆ มาช่วยในการกำหนดอนาคตของตัวเอง โดยจะพบว่ามีการกล่าวถึง เมกะเทรนด์ (Mega Trends) กันมาก เรามาดูว่ามีเรื่องราวอะไรที่จะเป็นสาเหตุที่สำคัญที่จะทำให้องค์กรต้องปรับตัวเอง ก่อนที่จะตกยุคไป
เทรนด์ (Trends) คือ การนำข้อมูลเชิงสถิติมาวิเคราะห์แนวโน้มต่างๆ ทำนายสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต
เมกะเทรนด์ (Mega Trends) คือ ข้อมูลเชิงสถิติที่เกี่ยวข้องกับผู้คนระดับประเทศและระดับโลก เป็นแนวโน้มสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นที่มีผลต่อชีวิตของผู้คนส่วนใหญ่บนโลก โดยสิ่งใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นหรือการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นแล้วสามารถกำหนดทิศทางหรือชี้นำอนาคตของผู้คนบนโลกได้ หากไม่ปรับเปลี่ยนตนเองให้สอดคล้องตามกระแสก็จะกลายเป็นคนตกยุค ผลกระทบของเมกะเทรนด์เป็นระบบกลไกที่เกิดขึ้นแล้ว จะส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่การดำเนินธุรกิจ สังคม เศรษฐกิจ วัฒนธรรมและการใช้ชีวิตของผู้คนบนโลก ซึ่งในอนาคตสิ่งต่างๆ จะถูกสร้างขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกสบายให้กับผู้คนได้มากยิ่งขึ้น เมื่อความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้ถูกพัฒนาขึ้นได้อย่างรวดเร็วแบบก้าวกระโดด ทั้งในด้านการผลิตและการให้บริการมีประสิทธิภาพและคุณภาพมากขึ้น ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ ก็เพื่อการตอบสนองต่อความต้องการและการสร้างความพึงพอใจ ให้กับความคาดหวังของผู้บริโภคที่มีเพิ่มสูงขึ้น ทิศทางการเปลี่ยนแปลงที่มีขนาดใหญ่ เกิดจากการเปลี่ยนแปลง ด้านประชากร ทรัพยากร และเทคโนโลยี ที่เราควรสนใจให้ความสำคัญน่าจับตามองทิศทางที่จะเกิดขึ้นในอนาคต สิ่งเหล่านี้จะมีผลและอิทธิพลต่อการกำหนดการตลาดในอนาคต ประกอบด้วย
- การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค (Consumer Behavior Changes) โลกที่มีการแบ่งกลุ่มและเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ในอนาคตจะมีคนสูงอายุมากกว่า 1.4 พันล้านคนทั่วโลก ในอนาคต มนุษย์จะมีอายุยืนยาวตามความสามารถทางด้านสาธารณะสุขที่เจริญก้าวหน้า คนจะมีโอกาสที่จะมีอายุเกิน 100 ปีมากขึ้น ผู้คนจะมีโอกาสเข้าถึงการรักษาอย่างเท่าเทียมกันดีขึ้น นอกจากนี้ในสังคมยุคใหม่จะเต็มไปด้วยคนหลายเจเนอเรชัน ทางองค์การสหประชาชาติคาดการณ์ว่าในอนาคตจะมีผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปมากถึง 1.4 พันล้านคน หรือ 16.5% ของประชากรโลกทั้งหมด 8.4 พันล้านคน โดยคนรุ่นนี้จะเป็นกลุ่มเบบี้บูมที่เป็นผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อมาก การเปลี่ยนแปลงอายุจะส่งผลต่อธุรกิจด้านอุตสาหกรรมและบริการ ทิศทางด้านการตลาดและแรงงานในอนาคต
- การเริ่มมีความร่วมมือในการทำธุรกิจ (Network Business) โลกไร้พรมแดนกระแสโลกาภิวัตน์ มีอิทธิพลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลกมายาวนานต่อเนื่อง การส่งออกจะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงกว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศหรือจีดีพี การรวมกลุ่มของประเทศในทางเศรษฐกิจจะมีมากขึ้นเช่น AEC APEC BRICS OPEC เป็นต้น
- การเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมโลก (Global Warming Concern) โลกมีปัญหาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้น Greening Economy ยุคเศรษฐกิจสีเขียว อนาคตธุรกิจต้องใส่ใจถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายในการลงทุนลงได้อย่างเด่นชัด โลกเริ่มขาดแคลนทรัพยากรในอนาคตการขาดแคลนทรัพยากรธรรมชาติที่เริ่มลดน้อยลง เนื่องจากไม่สามารถที่จะมีการผลิตทดแทนไม่ได้ ในอนาคตจำนวนประชากรโลกจะพุ่งทะยานไปมากกว่า 8 พันล้านคน การเติบโตของชนชั้นกลางจะส่งผลให้ชุมชนกลายเป็นเมืองและเกิดการขยายตัวของเมืองอย่างรวดเร็ว โลกจะมีคนเพิ่มมกาและต้องการที่อยู่อาศัยจะมีประชากรอยู่ในเขตเมืองมากกว่า 5 พันล้านคน โดยเฉพาะประชากรในทวีปแอฟริกาและเอเชีย ในส่วนของภาคอุตสาหกรรมการผลิตเพื่อรองรับความต้องการของประชากร ต้องใช้ทรัพยากรมากกว่าเดิมในทุกด้าน จนมีคำถามว่าเราจะมีทรัพยากรมากพอสำหรับความต้องการมหาศาลของโลกในอนาคต โลกอาจเสี่ยงต่อภาวะขาดแคลนน้ำ ไม่มีทรัพยากรเพื่อให้เพียงพอความต้องการ กว่าครึ่งหนึ่งของประชากรโลกจะอาศัยอยู่ในบริเวณที่มีทรัพยากรไม่เพียงพอโดยเฉพาะน้ำที่ใช้ในการบริโภคบางประเทศจะประสบปัญหาขาดแคลนน้ำรุนแรง
- ความเจริญของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (New Information Technology & Communication) จากความเจริญก้าวหน้าเทคโนโลยีด้านไอที ทำให้ผู้ผลิตมีข้อมูลเชิงสถิติ เพื่อนำไปใช้ในการวิจัยและวิเคราะห์ความรู้สึกเชิงลึกของผู้บริโภคได้แม่นยำมากขึ้น ดังนั้นการตอบสนองผู้บริโภคที่มีความหลากหลายด้านความต้องการ จึงทำได้ดียิ่งขึ้น และนอกจากนี้ยังทำให้เกิดธุรกิจใหม่ๆมากมาย ตรงกันข้ามธุรกิจแบบเดิมๆ ก็จะได้รับผลกระทบและไม่สามารถแข่งขันได้ ธุรกิจที่กำลังทำอยู่จึงสิ้นสุดลงเช่น การพัฒนาฐานข้อมูลแบบอนาล็อกเป็นระบบดิจิตอล ซึ่งสามารถสื่อสารและการส่งข้อมูลในปริมาณมากๆ ในเวลาเพียงเสี่ยววินาที จึงส่งผลกระทบต่อธุรกิจบางอย่างได้ล่มสลายไปเช่น หนังสือนิตยสาร หนังสือที่เป็นรูปเล่ม หนังสือพิมพ์ วารสารต่างๆ จะเริ่มปิดตัว เพราะผู้บริโภคหันไปค้นคว้าหาข้อมูล ดูหนังสือ ชมบันเทิงทางอินเตอร์เน็ตมากยิ่งขึ้น
- การขนส่งที่มีมากขึ้นโลกไร้พรมแดนและมีขนาดเล็กลง (Facilitation for Transportation and Trade) โลกของการเปลี่ยนผ่านสู่ยุค 4.0 เป็นการเปลี่ยนแปลงโลกที่มีมาก เทคโนโลยีล้ำสมัยอย่าง Nano Tech, Bio Tech, IoT และปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะทำให้พฤติกรรมการใช้ชีวิตของคนเปลี่ยนไป มีการสร้างเครื่องมือเครื่องใช้เครื่องจักรเพื่อมาช่วยผ่อนแรงในการใช้ชีวิตหรือการผลิตมากขึ้น จะเป็นยุคที่เครื่องจักรและหุ่นยนต์ติดต่อสื่อสารสั่งงานกันได้เอง และสร้างระบบการผลิตเริ่มไม่ต้องมีการใช้แรงงานมนุษย์ เทคโนโลยีการพิมพ์สามมิติ จะผลิตสินค้าที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคเฉพาะกลุ่มในคราวเดียวหรือ Mass Customization ในแบบที่ Mass Production ทำไม่ได้ เครื่องจักรจะสร้างเครื่องจักรด้วยกันเอง และเป็นไปได้ว่าในอนาคตจะมีหุ่นยนต์ในการทำงานอุตสาหกรรมและในชีวิตประจำวันมากกว่าคน กิจกรรมและความเคลื่อนไหวบนโลกออฟไลน์จะถูกแปรเป็นโลกออนไลน์เป็นข้อมูลดิจิทัล ภาพเสมือนจริงจากเทคโนโลยี Virtual Reality จะทับซ้อนกับความเป็นจริงจนแทบแยกกันไม่ออก คนที่จัดการวิเคราะห์ข้อมูลบิ๊กดาต้าได้เหนือชั้นกว่า จะเป็นฝ่ายได้เปรียบในสมรภูมิทางการค้า ยานยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติจะทำให้การขนส่งเดินทางและระบบโลจิสติกส์เป็นไปอย่างสะดวกราบรื่น อาจเรียกได้ว่านวนิยายวิทยาศาสตร์ที่ใครต่อใครต่างฝันถึงใกล้จะเป็นจริงในไม่ช้า แต่โลกอนาคตอันแสนสะดวกสบายอาจต้องแลกมาซึ่งภัยคุกคาม การก่อการร้ายรูปแบบใหม่ และการล่วงละเมิดความเป็นส่วนตัวโดยที่เราไม่รู้ตัว หรือแม้แต่ถูกหุ่นยนต์แย่งงานทำ
- กระแสในงานด้านโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน (Logistics and Supply Chain Trends) ได้เข้ามามีส่วนในสังคมโลก ธุรกิจกำลังให้ความสนใจและมีความต้องการที่จะแลกเปลี่ยนความรู้กันมาก มีการพัฒนากระบวนการทำงานดีขึ้น และการเกิดนวัตกรรมใหม่ทางด้านโลจิสติกส์ มีการให้บริการส่งสินค้าแบบ Sharing Economy นอกจากนี้ยังมีนวัตกรรม การขนส่งสินค้าโดยใช้รถ Carpooling และหรือ Deliveroo บริการส่งอาหารถึงประตูบ้าน
โลกที่หมุนบนแกนของความยั่งยืนและความรับผิดชอบทางสังคม การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่โครงสร้างประชากร โลกาภิวัตน์ การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ปัญหาสิ่งแวดล้อม ภัยพิบัติ การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศแบบสุดขั้ว การขาดแคลนทรัพยากร ความเท่าเทียมกันทางเพศ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี การปฏิรูปการศึกษา สิ่งเหล่านี้นำไปสู่คำตอบที่ว่าการพัฒนาที่ยั่งยืนจะต้องครอบคลุมทั้งระดับสังคม เศรษฐกิจ และรัฐ/ประเทศ ขณะเดียวกันผู้บริโภคจะเรียกหาความเป็นธรรมมากขึ้น และยินดีสนับสนุนธุรกิจที่โปร่งใสและตรวจสอบได้ ไม่ว่าจะค้นคว้าข้อมูลเอง หรือทำงานร่วมกับผู้ผลิตท้องถิ่นโดยตรง ถ้าหากสินค้าและบริการมาจากการผลิตที่เอาเปรียบแรงงานและละเมิดสิทธิมนุษยชน ผู้บริโภคยุคใหม่ก็พร้อมจะตั้งคำถาม ตรวจสอบ ต่อต้าน หรือเลิกซื้อสินค้า/บริการแบรนด์นั้นๆ ทันที
ที่มา
-
รวมรวมข้อมูลภาพ
- www.iok2u.com
-------------------------------------
lm การบริหารจัดการโลจิสติกส์ (Logistics Management) รวมข้อมูล
-------------------------------------