WIM การวิเคราะห์จัดแบ่งวัสดุตามความถี่ในการใช้ (FSN Analysis)
FSN Analysis / การวิเคราะห์จัดแบ่งวัสดุตามความถี่ในการใช้
การวิเคราะห์จัดแบ่งวัสดุตามความถี่ในการใช้ (Fast, Slow, Non-moving analysis: FSN Analysis) เป็นวิธี การวิเคราะห์จัดแบ่งวัสดุตามความถี่ในการใช้ โดยจัดแบ่งตามความถี่ในการใช้งานตามเกณฑ์การพิจารณาที่กำหนดไว้ เป็นเทคนิคที่ใช้ในการจัดการสต็อกของวัสดุหรือสินค้า เพื่อช่วยในการวางแผนสต็อกและการจัดเก็บสินค้าให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยการแบ่งสินค้าออกเป็นหมวดหมู่ตามความถี่ในการใช้งาน ดังนี้
- วัสดุที่มีการหมุนเวียนเร็ว (Fast Moving, F) คือ สินค้าหรือวัสดุที่มีการใช้งานบ่อยและมีการขายกันอย่างรวดเร็ว สินค้าหรือวัสดุประเภทนี้มักจะมีความสำคัญสูงในการบริหารจัดการสต็อก เนื่องจากมีการส่งผลกระทบต่อกำไรและการบริการลูกค้า เป็นวัสดุที่มีความต้องการใช้งานถี่มีการเรียกใช้งานบ่อย อาจกำหนดเวลาหมุนเวียนสูงสุดเป็น Y รอบ/เดือน หากมีระยะเวลารอบหมุนเวียนมีมากกว่า Y ก็จะจัดอยู่ในวัสดุกลุ่มที่มีการใช้งานถี่ มีการหมุนเวียนที่มาก วัสดุกลุ่มนี้จะมีการเรียกใช้งานบ่อย ระยะเวลาการหมุนเวียนสั้น มักเป็นวัสดุที่สำคัญต่อการผลิตหรือการให้บริการ
ตัวอย่าง วัตถุดิบหลักในการผลิต ชิ้นส่วนอะไหล่ที่ใช้บ่อย สินค้าขายดี
- วัสดุที่มีการหมุนเวียนช้า (Slow Moving, S) คือ สินค้าหรือวัสดุที่มีการใช้งานหรือการขายน้อยลง สินค้าหรือวัสดุประเภทนี้มักจะไม่มีความสำคัญมากในการบริหารจัดการสต็อก และมักจะเป็นผลที่ส่งผลต่อค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บสินค้า เป็นวัสดุที่มีความต้องการใช้งานต่อรอบในช่วงเวลาไม่มากนัก มีค่าที่อยู่ในระหว่างระยะเวลารอบหมุนเวียนขั้นต่ำ X รอบ/เดือน แต่ยังไม่เกินระยะเวลารอบหมุนเวียนสูงสุดที่กำหนด Y รอบ/เดือน วัสดุกลุ่มนี้จะมีการเรียกใช้งานไม่บ่อย ระยะเวลาการหมุนเวียนยาวนาน มักเป็นวัสดุสำรองหรือวัสดุสำรอง
ตัวอย่าง เครื่องมือพิเศษ ชิ้นส่วนอะไหล่สำรอง สินค้าที่ขายช้า
- วัสดุที่ไม่มีการหมุนเวียน (Non Moving, N) คือ สินค้าหรือวัสดุที่ไม่มีการใช้งานหรือไม่มีการขายเลย สินค้าหรือวัสดุประเภทนี้มักจะมีค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บสูง และไม่น่าจะมีความสำคัญในการบริหารจัดการ ในงานสต็อก เป็นวัสดุที่มีความต้องการใช้งานน้อยมาก บางครั้งอาจแทบไม่ได้มีการนำมาใช้เลย ทำให้วัสดุในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่แทบจะไม่มีการหมุนเวียนเลย ใช้ช่วงเวลาที่เก็บนานทำให้มีอัตราการหมุนเวียนรอบต่อเดือนน้อย กำหนดเวลาหมุนเวียนต่ำกว่า X รอบ/เดือน วัสดุกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะไม่ได้มีการเรียกใช้งาน สินค้าค้างสต๊อก อาจเป็นสินค้าตกรุ่น สินค้าหมดอายุ หรือสินค้าที่ไม่ตรงกับความต้องการของตลาด
ตัวอย่าง สินค้าที่ตกรุ่น สินค้าหมดอายุ สินค้าที่เลิกผลิต
การวิเคราะห์จัดแบ่งวัสดุตามความถี่ในการใช้ นั้นในส่วนของค่า X และ Y นั้น จะมีความแตกต่างกันในแต่ละบริษัท การได้มาซึ่งความถี่นั้นต้องอาศัยการจัดเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบ แล้วนำมาหาค่าเฉลี่ยเพื่อกำหนดความถี่ทางสถิติ ข้อมูลนี้ทางฝ่ายคลังสินค้าควรเป็นผู้เก็บข้อมูลและเป็นฝ่ายกำหนด ควรมีการการปรับระดับความสำคัญอยู่เสมอ เพราะในระยะเวลาที่เปลี่ยนไป การตลาดที่ทำให้ความต้องการในการผลิตอาจเปลี่ยนแปลงทำให้ความสำคัญของวัสดุก็เปลี่ยนไปด้วย การแบ่งแบบนี้โรงงานที่มีการผลิตหลายแบบอาจจะยากมากเพราะต้องพิจารณาในระดับการผลิตที่
วัตถุประสงค์ ช่วยให้จัดการคลังสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควบคุมระดับสต๊อกสินค้า ลดต้นทุนการเก็บรักษา ป้องกันสินค้าค้างสต๊อก เพิ่มพื้นที่จัดเก็บ
วิธีการ รวบรวมข้อมูลการใช้ วัสดุย้อนหลัง คำนวณอัตราการหมุนเวียนของวัสดุ จัดแบ่งวัสดุตามกลุ่ม F, S, N กำหนดกลยุทธ์การจัดการวัสดุแต่ละกลุ่ม
ข้อดี ช่วยให้จัดการคลังสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควบคุมระดับสต๊อกสินค้า ลดต้นทุนการเก็บรักษา ป้องกันสินค้าค้างสต๊อก เพิ่มพื้นที่จัดเก็บ
ข้อจำกัด ข้อมูลการใช้ วัสดุย้อนหลังต้องมีความถูกต้อง ต้องมีระบบการจัดเก็บข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ ต้องมีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูล
ตัวอย่างการประยุกต์ใช้
- โรงงานผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ วิเคราะห์ FSN Analysis เพื่อจัดการคลังอะไหล่ ช่วยให้สามารถจัดสรรอะไหล่ได้อย่างเหมาะสม ลดเวลาการรอคอย และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
- ห้างสรรพสินค้า วิเคราะห์ FSN Analysis เพื่อจัดการสินค้าคงคลัง ช่วยให้สามารถลดสินค้าค้างสต๊อก เพิ่มพื้นที่ขาย และเพิ่มยอดขาย
- ในธุรกิจค้าปลีก เช่น ร้านสะดวกซื้อหรือห้างสรรพสินค้า ที่ต้องการรู้ว่าสินค้าชนิดใดมีการขายดีที่สุด เพื่อวางแผนการจัดการสต็อกและการสั่งซื้อสินค้าใหม่
- ในโรงงานผลิต เช่น การใช้วัสดุในการผลิตสินค้า ที่ต้องการรู้ว่าวัสดุชนิดใดมีการใช้งานบ่อยที่สุด เพื่อวางแผนการสั่งซื้อวัสดุให้เหมาะสมและลดการเสียหายของสต็อก
- ในสำนักงาน เช่น การจัดการเอกสารและวัสดุอื่นๆ ที่ต้องการรู้ว่าเอกสารชนิดใดมีการใช้้งานมากที่สุด เพื่อให้การจัดเก็บเอกสารมีประสิทธิภาพและตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้งาน
สรุป
FSN Analysis เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการจัดการคลังสินค้า ช่วยให้จัดการวัสดุได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดต้นทุน เพิ่มพื้นที่จัดเก็บ และเพิ่มผลกำไร ช่วยให้ผู้จัดการสต็อกสามารถระบุสินค้าหรือวัสดุที่สำคัญและค่อนข้างสำคัญ โดยสามารถวางแผนการจัดเก็บสต็อกและการสั่งซื้อสินค้าได้อย่างเหมาะสม
ที่มา
ภาพและรวบรวมโดย www.iok2u.com
-----------------------------------------------
ดูข้อมูลเพิ่มเติมในเรื่อง คลังสินค้าและการบริหารจัดการสินค้าคงคลัง คลิกที่นี่
WIM คลังสินค้าและการบริหารจัดการสินค้าคงคลัง (Warehouse & Inventory management)
-------------------------------------------------