economics เศรษฐกิจทำงานอย่างไร เครื่องจักรสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
เศรษฐกิจทำงานอย่างไร จากหนังสือเขียนโดย Ray Dalio “How The Economic Machine Works?” by Ray Dalio
เศรษฐกิจ เป็นเหมือนเครื่องจักรที่ขับเคลื่อนเป็นวงจรวัฏจักร Ray Dalio มองว่าเศรษฐกิจเป็นเหมือนเครื่องจักรขนาดใหญ่ ที่มีกลไกการทำงานที่ซับซ้อน แต่สามารถเข้าใจได้ผ่านการศึกษาและวิเคราะห์ เขาเชื่อว่าเศรษฐกิจไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยเหตุการณ์สุ่มหรือความโกลาหล แต่ถูกขับเคลื่อนด้วยวัฏจักรที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งวัฏจักรเหล่านี้สามารถคาดการณ์และเข้าใจได้ วัฏจักรสำคัญ 3 ประการที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ได้แก่
วัฏจักรหนี้ระยะสั้น (Short-term Debt Cycle) วัฏจักรนี้เกี่ยวข้องกับการขยายตัวและหดตัวของเครดิตในระบบเศรษฐกิจ เมื่อเศรษฐกิจเติบโต ธนาคารและสถาบันการเงินอื่นๆ มักจะปล่อยสินเชื่ออย่างเสรี ทำให้เกิดการขยายตัวของเครดิตและการใช้จ่าย อย่างไรก็ตาม เมื่อหนี้สินสะสมมากเกินไป และเกิดภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ธนาคารจะเริ่มเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ ทำให้เกิดการหดตัวของเครดิตและการใช้จ่าย ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย
วัฏจักรหนี้ระยะยาว (Long-term Debt Cycle) วัฏจักรนี้เกี่ยวข้องกับการสะสมหนี้สินในระยะยาว เมื่อเศรษฐกิจเติบโตเป็นเวลานาน ผู้คนและธุรกิจมักจะก่อหนี้มากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงจุดที่หนี้สินไม่สามารถชำระคืนได้ ซึ่งจะนำไปสู่วิกฤตการณ์ทางการเงิน วัฏจักรหนี้ระยะยาวมักจะกินเวลานานกว่าวัฏจักรหนี้ระยะสั้น และมีผลกระทบที่รุนแรงกว่า
วัฏจักรการผลิต (Productivity Growth Cycle) วัฏจักรนี้เกี่ยวข้องกับการเพิ่มขึ้นของผลิตภาพ หรือความสามารถในการผลิตสินค้าและบริการของเศรษฐกิจ การเพิ่มขึ้นของผลิตภาพเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นของผลิตภาพมักจะไม่สม่ำเสมอ และอาจมีช่วงเวลาที่ผลิตภาพเติบโตช้าลงหรือหยุดชะงัก ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ
วัฏจักรเศรษฐกิจทั้ง 3 ประการ ได้แก่ วัฏจักรหนี้ระยะสั้น วัฏจักรหนี้ระยะยาว และวัฏจักรการผลิต เป็นกุญแจสำคัญในการทำความเข้าใจระบบเศรษฐกิจ การทำความเข้าใจถึงวัฏจักรเหล่านี้ จะช่วยให้เราสามารถคาดการณ์แนวโน้มทางเศรษฐกิจ เตรียมพร้อมรับมือกับวิกฤต และตัดสินใจทางการเงินได้อย่างชาญฉลาด แม้ว่าเศรษฐกิจจะเป็นเรื่องที่ซับซ้อน แต่การทำความเข้าใจถึงวัฏจักรเศรษฐกิจจะช่วยให้เรามองเห็นภาพรวมของเศรษฐกิจได้ชัดเจนขึ้น และสามารถนำความรู้นี้ไปใช้ประโยชน์ในการดำเนินชีวิตและการลงทุนได้
วัฏจักรเศรษฐกิจทั้ง 3 กุญแจสำคัญในการทำความเข้าใจระบบเศรษฐกิจ
เศรษฐกิจเป็นระบบที่ซับซ้อนและมีพลวัตสูง ซึ่งได้รับอิทธิพลจากปัจจัยหลายอย่างที่เชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด การทำความเข้าใจถึงกลไกและปัจจัยต่างๆ ที่ขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจ ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุน นักธุรกิจ หรือแม้แต่บุคคลทั่วไป Ray Dalio นักลงทุนชื่อดังระดับโลก ได้เสนอแนวคิดที่น่าสนใจเกี่ยวกับเศรษฐกิจ โดยระบุว่าเศรษฐกิจนั้นถูกขับเคลื่อนด้วย "วัฏจักร" ที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า วัฏจักรเศรษฐกิจ มีรายละเอียด ดังนี้
1. วัฏจักรหนี้ระยะสั้น (Short-term Debt Cycle) วัฏจักรหนี้ระยะสั้นเป็นวัฏจักรที่เกี่ยวข้องกับการขยายตัวและหดตัวของเครดิตในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งมักจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาประมาณ 5-8 ปี วัฏจักรนี้มี 4 ระยะหลัก ได้แก่
- ระยะขยายตัว (Expansion): ในระยะนี้ เศรษฐกิจกำลังเติบโต ผู้คนและธุรกิจมีความเชื่อมั่นในอนาคต ธนาคารและสถาบันการเงินอื่นๆ จึงมีแนวโน้มที่จะปล่อยสินเชื่ออย่างเสรี ทำให้เกิดการขยายตัวของเครดิตและการใช้จ่าย
- ระยะสูงสุด (Peak): ในระยะนี้ เศรษฐกิจถึงจุดสูงสุด การเติบโตเริ่มชะลอตัว อัตราเงินเฟ้ออาจเริ่มสูงขึ้น ธนาคารกลางอาจเริ่มขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
- ระยะหดตัว (Recession): ในระยะนี้ เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย การเติบโตติดลบ การว่างงานเพิ่มขึ้น ธนาคารและสถาบันการเงินอื่นๆ เริ่มเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ ทำให้เกิดการหดตัวของเครดิตและการใช้จ่าย
- ระยะต่ำสุด (Trough): ในระยะนี้ เศรษฐกิจถึงจุดต่ำสุด การเติบโตเริ่มฟื้นตัว ธนาคารกลางอาจลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
วัฏจักรหนี้ระยะสั้นเกิดขึ้นเนื่องจากพฤติกรรมของผู้กู้และผู้ให้กู้ ในช่วงที่เศรษฐกิจเติบโต ผู้คนและธุรกิจมักจะมองโลกในแง่ดีและมีความเต็มใจที่จะกู้ยืมเงินเพื่อการลงทุนและการบริโภค ในขณะเดียวกัน ธนาคารและสถาบันการเงินอื่นๆ ก็มีแนวโน้มที่จะปล่อยสินเชื่ออย่างเสรีเพื่อแสวงหาผลกำไร
อย่างไรก็ตาม เมื่อหนี้สินสะสมมากเกินไป และเศรษฐกิจเริ่มชะลอตัว ผู้กู้บางรายอาจเริ่มประสบปัญหาในการชำระหนี้ ทำให้ธนาคารและสถาบันการเงินอื่นๆ เริ่มกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงด้านเครดิต และเริ่มเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ ส่งผลให้เกิดการหดตัวของเครดิตและการใช้จ่าย ซึ่งจะยิ่งทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงไปอีก และอาจนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในที่สุด
2. วัฏจักรหนี้ระยะยาว (Long-term Debt Cycle)
วัฏจักรหนี้ระยะยาวเป็นวัฏจักรที่เกี่ยวข้องกับการสะสมหนี้สินในระยะยาว ซึ่งมักจะกินเวลานานกว่าวัฏจักรหนี้ระยะสั้น โดยอาจกินเวลาหลายสิบปี วัฏจักรนี้มี 4 ระยะหลักเช่นเดียวกับวัฏจักรหนี้ระยะสั้น แต่มีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป
- ระยะขยายตัว (Expansion): ในระยะนี้ เศรษฐกิจเติบโตอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ผู้คนและธุรกิจมีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้น และมีแนวโน้มที่จะก่อหนี้มากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อการลงทุนและการบริโภค
- ระยะสูงสุด (Peak): ในระยะนี้ หนี้สินสะสมในระดับสูงมาก จนถึงจุดที่ผู้กู้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามปกติ
- ระยะลดหนี้ (Deleveraging): ในระยะนี้ เกิดวิกฤตการณ์ทางการเงิน ผู้คนและธุรกิจพยายามลดหนี้สินลง รัฐบาลอาจเข้ามาแทรกแซงเพื่อพยุงเศรษฐกิจ
- ระยะฟื้นฟู (Reflation): ในระยะนี้ เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวจากวิกฤตการณ์ รัฐบาลและธนาคารกลางดำเนินนโยบายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
วัฏจักรหนี้ระยะยาวเกิดขึ้นเนื่องจากการสะสมหนี้สินที่มากเกินไปในระยะยาว เมื่อผู้คนและธุรกิจก่อหนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ภาระหนี้ก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย จนกระทั่งถึงจุดที่ภาระหนี้สูงเกินกว่าความสามารถในการชำระหนี้ ซึ่งจะนำไปสู่การผิดนัดชำระหนี้และวิกฤตการณ์ทางการเงิน
ในช่วงวิกฤตการณ์ทางการเงิน ธนาคารและสถาบันการเงินอื่นๆ จะประสบปัญหาขาดสภาพคล่อง และอาจล้มละลายได้ รัฐบาลอาจต้องเข้ามาแทรกแซงเพื่อพยุงระบบการเงินและเศรษฐกิจ ซึ่งอาจรวมถึงการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบ การลดอัตราดอกเบี้ย และการเข้าซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ
3. วัฏจักรการผลิต (Productivity Growth Cycle)
วัฏจักรการผลิตเป็นวัฏจักรที่เกี่ยวข้องกับการเพิ่มขึ้นของผลิตภาพ หรือความสามารถในการผลิตสินค้าและบริการของเศรษฐกิจ การเพิ่มขึ้นของผลิตภาพเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว วัฏจักรนี้มี 2 ระยะหลัก ได้แก่
- ระยะเพิ่มผลิตภาพ (Productivity Growth): ในระยะนี้ มีการพัฒนาเทคโนโลยี นวัตกรรม และการลงทุน ทำให้ผลิตภาพของเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างยั่งยืน
- ระยะผลิตภาพชะลอตัว (Productivity Slowdown): ในระยะนี้ การพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมชะลอตัวลง ทำให้ผลิตภาพของเศรษฐกิจเติบโตช้าลง ส่งผลให้การเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัวตามไปด้วย
การเพิ่มขึ้นของผลิตภาพเป็นผลมาจากหลายปัจจัย เช่น การลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ การพัฒนาทักษะแรงงาน การปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ และสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เอื้ออำนวย
ในช่วงที่ผลิตภาพเติบโต เศรษฐกิจจะมีศักยภาพในการผลิตสินค้าและบริการได้มากขึ้น ทำให้สามารถเพิ่มรายได้และความเป็นอยู่ของประชาชนได้ อย่างไรก็ตาม หากผลิตภาพเติบโตช้าลงหรือหยุดชะงัก เศรษฐกิจก็จะเติบโตช้าลงตามไปด้วย และอาจนำไปสู่ปัญหาต่างๆ เช่น การว่างงานและความเหลื่อมล้ำทางรายได้
ความสัมพันธ์ระหว่างวัฏจักรทั้ง 3 มีความสัมพันธ์และส่งผลกระทบต่อกันและกัน ตัวอย่างเช่น
- วัฏจักรหนี้ระยะสั้นสามารถส่งผลกระทบต่อวัฏจักรหนี้ระยะยาวได้ หากเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงในวัฏจักรหนี้ระยะสั้น อาจทำให้ผู้คนและธุรกิจไม่สามารถชำระหนี้ได้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อวัฏจักรหนี้ระยะยาวและอาจนำไปสู่วิกฤตการณ์ทางการเงินได้
- วัฏจักรหนี้ระยะยาวสามารถส่งผลกระทบต่อวัฏจักรการผลิตได้ ในช่วงที่เศรษฐกิจอยู่ในระยะลดหนี้ การลงทุนมักจะลดลง ทำให้การพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมชะลอตัวลง ส่งผลให้ผลิตภาพของเศรษฐกิจเติบโตช้าลง
- วัฏจักรการผลิตสามารถส่งผลกระทบต่อวัฏจักรหนี้ทั้งสองได้ หากผลิตภาพของเศรษฐกิจเติบโตสูง เศรษฐกิจก็จะมีศักยภาพในการเติบโตสูง ทำให้ผู้คนและธุรกิจมีความเชื่อมั่นและเต็มใจที่จะกู้ยืมเงินมากขึ้น ในทางกลับกัน หากผลิตภาพเติบโตต่ำ เศรษฐกิจก็จะเติบโตต่ำ ทำให้ผู้คนและธุรกิจมีความระมัดระวังในการกู้ยืมเงินมากขึ้น
วัฏจักรเศรษฐกิจทั้ง 3 ประการ ได้แก่ วัฏจักรหนี้ระยะสั้น วัฏจักรหนี้ระยะยาว และวัฏจักรการผลิต เป็นกุญแจสำคัญในการทำความเข้าใจระบบเศรษฐกิจ การทำความเข้าใจถึงวัฏจักรเหล่านี้ จะช่วยให้เราสามารถคาดการณ์แนวโน้มทางเศรษฐกิจ เตรียมพร้อมรับมือกับวิกฤต และตัดสินใจทางการเงินได้อย่างชาญฉลาด
แม้ว่าเศรษฐกิจจะเป็นเรื่องที่ซับซ้อน แต่การทำความเข้าใจถึงวัฏจักรเศรษฐกิจจะช่วยให้เรามองเห็นภาพรวมของเศรษฐกิจได้ชัดเจนขึ้น และสามารถนำความรู้นี้ไปใช้ประโยชน์ในการดำเนินชีวิตและการลงทุนได้
-------------------------------------------------
ที่มาข้อมูล
- https://www.youtube.com/watch?v=PHe0bXAIuk0
ภาพและรวบรวมข้อมูล
-------------------------------------------------
สนใจเรื่องราวการจัดการธุรกิจเพิ่มเติมคลิกที่นี่
-------------------------------------------------
วิดีโอ “How The Economic Machine Works?” by Ray Dalio
https://www.youtube.com/watch?v=PHe0bXAIuk0
วิดีโอนี้ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับเศรษฐกิจและวัฏจักรที่ขับเคลื่อนมัน Dalio นำเสนอแนวคิดที่ซับซ้อนในรูปแบบที่เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการทำงานของเศรษฐกิจ