แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ ของประเทศไทย ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2560 – 2564)
แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ ของประเทศไทย ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2560 – 2564) ดำเนินการโดย สำนักงานคณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ซึ่งมีภารกิจหลักในการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศ ได้ดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในภาครัฐและภาคเอกชน ในการกันจัดทำแผนพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศไทย ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2560 – 2564) ขึ้น โดยได้รับการอนุมัติ จาก ครม. ในวันที่ 15 สิงหาคม 2560 แผนโลจิสติกส์ฯ ฉบับที่ 3 ใช้เพื่อกำหนดเป็นการวางแนวทางให้แก่การจัดการโลจิสติกส์ของประเทศไทยให้ถูกพัฒนาระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการบูรณาการการมีส่วนร่วมระหว่างภาคเอกชน ซึ่งคอยนำเสนอแนวคิดเพื่อให้ภาครัฐช่วยเหลือปรับปรุง และกำหนดเป็นแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบที่เกี่ยวข้องในงานโลจิสติกส์ของไทย
แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศไทย ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2560 – 2564) ผ่านการกลั่นกรองจาก คณะทำงานจัดทำแผนยุทธศาสตร์ กำหนดการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศไทยโดยมีสาระสำคัญประกอบด้วย 3 ยุทธศาสตร์ 12 กลยุทธ์ ดังนี้
ยุทธศาสตร์ที่ 1 การพัฒนาเพิ่มมูลค่าระบบห่วงโซ่อุปทาน เพื่อพัฒนาและยกระดับมาตรฐานระบบบริหารจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานให้ได้มาตรฐานสากล และขณะเดียวกันก็สามารถบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานจนถึงจุดจำหน่ายสินค้า หรือผู้บริโภค โดยเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่ม
- กลยุทธ์ที่ 1.1 มุ่งเน้นการบริหารจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานภาคเกษตรกรรม รวมถึงภาคอุตสาหกรรมให้ได้มาตรฐาน โดยภาคการเกษตรต้องมีหน่วยงานเจ้าภาพหลัก เพื่อกำกับดูแลโซ่อุปทานภาคการเกษตรที่สำคัญตลอดห่วงโซ่อุปทาน รวมถึงบูรณาการทำงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน และพัฒนากระบวนการจัดการผลผลิตในฟาร์ม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการโลจิสติกส์ และโซ่อุปทานภาคการเกษตร สร้างโซ่คุณค่าให้แก่เกษตรกร สถาบันการเกษตร และผู้ประกอบธุรกิจภาคอุตสาหกรรม เน้นการบริหารจัดการโลจิสติกส์ และโซ่อุปทานในภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรม SMEs ให้ได้พัฒนาและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ และซอฟต์แวร์ในการบริหารจัดการโลจิสติกส์ภายในองค์กรอย่างเป็นระบบ และ ได้มาตรฐานสากล ตลอดจนเชื่อมโยงฐานข้อมูลระหว่างองค์กรทั้งโซ่อุปทาน
- กลยุทธ์ที่ 1.2 เชื่อมโยงการค้าสู่รูปแบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-commerce) ด้วย
1) การสนับสนุนผู้ประกอบการ โดยเฉพาะ SMEs ให้สามารถค้าขายสินค้าผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ได้
2) พัฒนาศักยภาพสถาบันการเกษตร และสหกรณ์ภาคการเกษตร เพื่อบ่มเพาะ และเป็นที่ปรึกษาแก่ผู้ประกอบการให้สามารถค้าขายสินค้าออนไลน์ได้
3) ส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้ผลิตสินค้าหรือผู้ประกอบการสามารถเชื่อมโยงการค้าสู่ตลาดออนไลน์ทั้งระดับประเทศและระดับโลก
4) เพิ่มประสิทธิภาพการจัดส่งสินค้าระหว่างผู้ผลิตและผู้บริโภคโดยตรงด้วยการเชื่อมโยงกับผู้ให้บริการขนส่งสินค้าออนไลน์ ทั้งแบบผู้ให้บริการขนส่ง (E-Delivery) และผู้ให้บริการคลังสินค้าพร้อมจัดส่ง (E-Fulfillment) พร้อมทั้งสนับสนุนการเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยของระบบการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (E-Payment) รวมถึงการลดเงื่อนไขและกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการนำระบบมาใช้ในการดำเนินธุรกิจ
- กลยุทธ์ที่ 1.3 พัฒนาศักยภาพผู้ให้บริการโลจิสติกส์ให้สามารถแข่งขันได้ด้วยกับ
1) การยกระดับผู้ให้บริการโลจิสติกส์ให้ได้การรับรองคุณภาพระดับมาตรฐานสากลเทียบเคียงผู้ให้บริการโลจิสิตกส์ระหว่างประเทศ พร้อมทั้งส่งเสริมผู้ให้บริการโลจิสติกส์สู่การเป็นผู้ให้บริการแบบครบวงจร
2) สนับสนุนการสร้างเครือข่ายผู้ให้บริการโลจิสติกส์ไทย ทั้งเรื่องมาตรการทางภาษี มาตรการทางการเงินโดยเฉพาะกับ SMEs ในการสร้างเครือข่ายธุรกิจระหว่างประเทศ โดยเฉพาะ CLMV
3) ผลักดันการจัดตั้งศูนย์ให้คำปรึกษานักลงทุนไทยในประเทศภูมิภาคอาเซียน รวมถึงการจัดทำฐานข้อมูลรายชื่อนักธุรกิจและบริษัทต่างชาติที่เกี่ยวข้องเพื่ออำนวยความสะดวกในการติดต่อธุรกิจ รวมทั้งรวบรวมข้อมูลสถิติต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์แก่ผู้ประกอบการ
4) ส่งเสริมการดำเนินการด้านโลจิสติกส์ที่มีความปลอดภัย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green & Safety Logistics) โดยส่งเสริมให้ผู้ประกอบการตระหนักถึงความสำคัญของผลกระทบต่อการดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อมของโลกโดยใช้กลไกทางภาษี และกฎหมายต่าง ๆ เพื่อสร้างแรงจูงใจ และลดภาระต้นทุนให้แก่ผู้ประกอบการไทย
ยุทธศาสตร์ที่ 2 การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และสิ่งอำนวยความสะดวก โดยการเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งสินค้า และเครือข่ายโลจิสติกส์ให้เชื่อมโยงตลอดทั้งต้นทางและปลายทาง พร้อมส่งเสริม และพัฒนาระบบห่วงโซ่อุปทาน เส้นทางการค้าที่เชื่อมโยงกันระหว่างกลุ่มประเทศ CLMV+China สนับสนุนการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ และยกระดับมาตรฐานการอำนวยความสะดวกรวมถึงการลดเงื่อนไขและกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการนำระบบมาใช้ในการดำเนินธุรกิจ
- กลยุทธ์ที่ 2.1 พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ด้านการขนส่งและเครือข่ายโลจิสติกส์ตามเส้นทางยุทธศาสตร์เพื่อเชื่อมโยงอนุภูมิภาคและเป็นประตูการค้าโดย
1) สนับสนุนการปรับเปลี่ยนรูปแบบการขนส่งสู่การขนส่งที่ประหยัดพลังงาน เพื่อลดต้นทุนการขนส่ง เชื่อมโยงการขนส่งตลอดเส้นทาง และเพิ่มประสิทธิภาพบริการขนส่ง
2) สร้างเครือข่ายโลจิสติกส์ตามเส้นทางยุทธศาสตร์และเชื่อมโยงสู่ประเทศเพื่อนบ้าน โดยการปรับปรุงแนวเส้นทางที่มีความสำคัญลำดับสูงต่อการขนส่งภายในประเทศไปสู่ประเทศเพื่อนบ้าน พัฒนาโครงข่ายทางพิเศษ และทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองบริเวณด่านการค้า และประตูการค้าที่สำคัญ พิจารณาเส้นทางที่เหมาะสมเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างฝั่งทะเลตะวันตก และตะวันออก รวมถึงปรับปรุงถนนสายหลักเชื่อมโยงฐานการผลิตไปสู่ประตูการค้า และขยายขีดความสามารถในการรองรับปริมาณจราจรตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่สำคัญ เพื่อรองรับปริมาณการเดินทาง และการขนส่งสินค้าที่เพิ่มขึ้น
3) พัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกและศูนย์บริการโลจิสติกส์ รวมทั้ง จัดหาอุปกรณ์การยกขนตู้สินค้าทางรถไฟในแนวเส้นทางยุทธศาสตร์ที่สามารถเชื่อมโยงกับฐานการผลิตอุตสาหกรรมโดยเฉพาะบริเวณพื้นที่อุตสาหกรรม ตามแนวระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก และแนวระเบียงเศรษฐกิจเหนือ-ใต้ ตะวันออก-ตะวันตก และฐานเกษตรกรรมของประเทศ ไปยังประตูการค้าหลักของประเทศ โดยเฉพาะบริเวณท่าอากาศยาน ท่าเรือระหว่างประเทศ และด่านการค้าที่สำคัญ รวมทั้งส่งเสริมให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการลงทุนพัฒนา และให้บริการศูนย์บริการโลจิสติกส์ต่าง ๆ เช่น จุดพักรถบรรทุก ศูนย์กระจายสินค้า ศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่ง เป็นต้น
4) พัฒนาพื้นที่เมืองชายแดนเพื่อสนับสนุนการขนส่งและโลจิสติกส์ โดยเร่งรัดการวางผังเมืองในเขตเศรษฐกิจพิเศษ และจัดรูปแบบการพัฒนาพื้นที่บริเวณด่านชายแดนสำคัญ พร้อมพัฒนาเส้นทางเลี่ยงเมือง และเส้นทางเชื่อมโยงระหว่างเมืองสำคัญในภูมิภาค
5) ส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ และธุรกิจโลจิสติกส์โดยสนับสนุนผู้ประกอบการในพื้นที่เพื่อสร้างชุมชนโลจิสติกส์ ให้สามารถเก็บเกี่ยวมูลค่าเพิ่มจากกิจกรรมนำเข้าส่งออกสินค้าบริเวณด่านชายแดน
6) พัฒนาจุดผ่านแดนสำคัญที่มีศักยภาพทางการค้าให้เป็นด่านถาวรที่ได้มาตรฐานสากล พร้อมสนับสนุนความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการพัฒนาด่านถาวรให้ได้มาตรฐานสากลเช่นกัน
- กลยุทธ์ที่ 2.2 พัฒนาระบบ National Single Window: NSW ให้สมบูรณ์ โดยเร่งรัดการจัดตั้งหน่วยงานบริหารจัดการส่วนกลางระบบ NSW เพื่อทำหน้าที่พัฒนา ดูแลระบบส่วนกลาง และเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างภาครัฐ (G2G) และระหว่างภาครัฐและเอกชน (G2B) และสามารถเชื่อมโยงระบบเครือข่ายข้อมูลในกระบวนการนำเข้า ส่งออกและโลจิสติกส์ ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ในลักษณะเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว ครอบคลุมทั้งภาครัฐและเอกชน ตลอดจนสามารถเชื่อมโยงระบบ ASEAN Single Window (ASW) ได้อย่างสมบูรณ์ และเชื่อมโยงระบบ NSW ไปสู่ระบบ Port Community System ทั้งท่าเรือแหลมฉบัง ท่าเรือกรุงเทพฯ และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
- กลยุทธ์ที่ 2.3 พัฒนาธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ด้วย
1) การสนับสนุนการปรับลดขั้นตอน กระบวนการนำเข้า-ส่งออก ขั้นตอนกระบวนการทำงานของหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวกับการนำเข้า ส่งออก การออกใบอนุญาต และใบรับรองให้เป็นแบบอิเล็กทรอนิกส์ และไร้เอกสารตามแนวทางการให้บริการแบบ Single Window และสอดคล้องกับมาตรฐานสากล โดยเฉพาะสินค้านำร่อง 5 ชนิด ได้แก่ น้ำตาล ข้าว ยางพารา สินค้าแช่แข็ง และวัตถุอันตราย ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
2) เร่งจัดทำมาตรฐานรหัสพิกัด รหัสสถิติ และรหัสสินค้าของทุกหน่วยงานให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน (Harmonized Code)
3) พัฒนาระบบรองรับคำขออิเล็กทรอนิกส์แบบหน้าต่างเดียว (Single Window Entry) เพื่อรองรับการแลกเปลี่ยนข้อมูลแบบฟอร์มคำขอร่วมแบบอิเล็กทรอนิกส์ของหน่วยงานภาครัฐ
4) ปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการอำนวยความสะดวกทางการค้าให้สอดคล้องกับความตกลง Trade Facilitation Agreement : TFA) และมาตรฐานการค้าขององค์การการค้าโลก WTO รวมถึงผลักดันการออกกฎหมายบังคับใช้สำหรับการทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างประเทศ
กลยุทธ์ที่ 4 เร่งแก้ไขอุปสรรคการค้าระหว่างประเทศโดย
1) การเจรจาการค้าระหว่างประเทศทั้งระดับทวิภาคี และพหุภาคี เพื่อขจัดอุปสรรคทางการค้าระหว่างประเทศ ทั้งมาตรการทางภาษี (Tariffs) และมาตรการที่ไม่ใช่ภาษี (No – tariff barriers) ที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงกฎหมาย หรือนโยบายทางการค้าของประเทศ หรือกลุ่มประเทศคู่ค้า มาตรการด้านการขนส่ง มาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม
2) ส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาการค้าระหว่างประเทศผ่านกรอบความตกลงระหว่างประเทศในระดับอนุภูมิภาค ภูมิภาค และระดับโลก โดยเฉพาะกับประเทศคู่ค้าชายแดน เพื่อสนับสนุนการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศของผู้ให้บริการโลจิสติกส์ไทย เกิดความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ยุทธศาสตร์ที่ 3 การพัฒนาปัจจัยสนับสนุนด้านโลจิสติกส์ โดยเร่งรัดการพัฒนาบุคลากรด้านโลจิสติกส์ ให้มีคุณภาพมาตรฐาน สร้างความเป็นมืออาชีพ และยกระดับมาตรฐานวิชาชีพด้านโลจิสติกส์ สร้างเครือข่ายความร่วมมือกับภาคเอกชน ในการพัฒนากำลังคน ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยี และนวัตกรรมการบริหารจัดการระบบโลจิสติกส์ และพัฒนาระบบติดตาม และประเมินผลการพัฒนาด้านโลจิสติกส์ของประเทศด้วย
- กลยุทธ์ที่ 3.1 พัฒนามาตรฐานวิชาชีพโลจิสติกส์ ด้วยกับ
1) การเพิ่มผลิตภาพแรงงานโดยหน่วยงานภาครัฐร่วมกับภาคเอกชนในการกำหนดและปรับปรุงกรอบการศึกษาสาขาโลจิสติกส์ ระดับอาชีวะและระดับปริญญา ให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล
2) สนับสนุนการจัดตั้งสถาบัน และศูนย์พัฒนาบุคลากรโลจิสติกส์ที่ทันสมัย และได้มาตรฐาน พร้อมทั้งมีผู้ทรงคุณวุฒิเป็นวิทยากรมืออาชีพในการถ่ายทอดความรู้ด้านโลจิสติกส์
3) สนับสนุนองค์กรกำกับดูแลวิชาชีพ มาตรฐาน และการประเมินคุณภาพการพัฒนาบุคลากรด้าน
โลจิสติกส์
4) พัฒนาระบบฐานข้อมูลสารสนเทศเพื่อบริหารการพัฒนาบุคลากรที่ได้มาตรฐานและเป็นปัจจุบัน
- กลยุทธ์ที่ 3.2 พัฒนาบุคลากรด้านโลจิสติกส์ให้มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล โดย
1) การผลิตบุคลากรด้านโลจิสติกส์ทั้งระดับต้นน้ำและปลายน้ำในทุกสาขาอาชีพให้มีความเป็นมืออาชีพ
2) พัฒนาคุณภาพบุคลากร และวางแผนจัดการกำลังคนด้านโลจิสติกส์ ให้สอดคล้องกับความต้องการของภาคธุรกิจ
3) เน้นการฝึกอบรมวิชาชีพเฉพาะด้าน ตลอดกระบวนการห่วงโซ่อุปทาน เพื่อให้กำลังคนด้านโลจิสติกส์มีคุณภาพ มาตรฐาน และคำนึงถึงความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน
- กลยุทธ์ที่ 3.3 วิจัยและพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านโลจิสติกส์ โดย
1) ส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมสนับสนุนการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ การวิจัยพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีด้านโลจิสติกส์
2) สนับสนุนมาตรการจัดซื้อ จัดจ้างภาครัฐที่เอื้อต่อการสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมต่อเนื่อง
3) กำหนดให้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีแก่ภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษา
4) ใช้มาตรการทางการเงินหรือมาตรการส่งเสริมการลงทุน ให้ภาคเอกชนเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมสนับสนุนการพัฒนาระบบโลจิสติกส์
5) ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนานวัตกรรม และเทคโนโลยีเพื่อทดแทนการนำเข้า
6) สร้างนวัตกรรมของตนเอง และเพิ่มประสิทธิภาพระบบโลจิสติกส์ของประเทศ
- กลยุทธ์ที่ 3.4 ประเมิน/ติดตามข้อตกลงความร่วมมือระหว่างประเทศ และพัฒนาฐานข้อมูลเพื่อประเมินผลการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศ โดยการติดตามการเปลี่ยนแปลงด้านข้อตกลง และความร่วมมือระหว่างประเทศ ทั้งระดับทวิภาคี พหุภาคี และนานาชาติที่มีผลกระทบต่อการพัฒนาโลจิสติกส์ของประเทศไทย
----------------------------------------