iok2u.com แหล่งรวมข้อมูลข่าวสารเรื่องราวน่าสนใจเพื่อการศึกษาแลกเปลี่ยนและเรียนรู้

ยืนหยัด เข้มแข็ง และกล้าหาญ (Stay Strong & Be Brave)
ขอเป็นกำลังใจให้คนดีทุกคนในการต่อสู้ความอยุติธรรม ในยุคสังคมที่คดโกงยึดถึงประโยชน์ส่วนตนและพวกฟ้องมากกว่าผลประโยชน์ส่วนรวม จนหลายคนคิดว่าพวกด้านได้อายอดมักได้ดี แต่หากยึดคำในหลวงสอนไว้ในเรื่องการทำความดีเราจะมีความสุขครับ
มิสเตอร์เรน (Mr. Rain) และมิสเตอร์เชน (Mr. Chain)
Mr. Rain และ Mr. Chain สองพี่น้องในโลกออฟไลน์และออนไลน์ที่จะมาร่วมมือกันสร้างสื่อสารสนเทศ เพื่อเผยแพร่ให้ความรู้ในเรื่องราวต่างๆ มากมายสร้างสังคมในการเรียนรู้ หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลยโดยไม่ต้องตอบแทนกลับมา
Pay It Forward เป้าหมายเล็ก ๆ ในการส่งมอบความดีต่อ ๆ ไป
เว็ปไซต์นี้เกิดจากแรงบันดาลใจในภาพยนต์เรื่อง Pay It Forward ที่เล่าถึงการมีเป้าหมายเล็ก ๆ กำหนดไว้ให้ส่งมอบความดีต่อไปอีก 3 คน หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลยโดยไม่ต้องตอบแทนกลับมา อยากให้ส่งต่อเพื่อถ่ายทอดต่อไป

ธรณีวิทยาเบื้องต้น บทที่ 8 การผุพังและการกร่อน (Weathering and Erosion)

 

 

สนใจดูเรื่องราวธรณีวิทยาคลิกที่นี่

 

ธรณีวิทยาเบื้องต้น (Introduction to Geology)

บทที่ 8 การผุพังและการกร่อน (Weathering and Erosion)

การผุพังและการกร่อน เป็นกระบวนการทางธรณีวิทยาที่สำคัญที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของพื้นผิวโลกอย่างต่อเนื่อง การผุพังทำให้หินและแร่แตกสลายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ส่วนการกร่อนเป็นกระบวนการเคลื่อนย้ายเศษหินและดินที่ผุพังไปยังที่อื่น ทั้งสองกระบวนการนี้ทำงานร่วมกันในการสร้างและเปลี่ยนแปลงภูมิประเทศที่เราเห็นในปัจจุบัน

8.1 กระบวนการผุพัง ทางกายภาพ เคมี และชีวภาพ (Weathering Processes: Physical, Chemical, and Biological)

การผุพัง (Weathering) เป็นกระบวนการที่ทำให้หินและแร่ธาตุบนพื้นผิวโลกเสื่อมสภาพหรือแตกสลายออกเป็นชิ้นเล็กๆ ผ่านการกระทำของกระบวนการทางกายภาพ เคมี และชีวภาพ กระบวนการเหล่านี้ทำงานร่วมกันเพื่อเปลี่ยนสภาพของหินและวัสดุภูเขาให้กลายเป็นดินและตะกอน

8.1.1 การผุพังทางกายภาพ (Physical Weathering) เป็นกระบวนการที่ทำให้หินแตกสลายโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบทางเคมีของหิน เป็นกระบวนการที่ทำให้หินแตกสลายออกเป็นชิ้นเล็กๆ โดยไม่เปลี่ยนแปลงองค์ประกอบทางเคมี ตัวอย่างเช่น การหดตัวและการขยายตัวของหินจากการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ การแข็งตัวและละลายของน้ำในรอยแยกของหิน (Frost Wedging) และการแตกหักของหินจากแรงกดดันที่เกิดจากการเจริญเติบโตของรากไม้ในรอยแยกของหิน ตัวอย่างของการผุพังทางกายภาพ ได้แก่

- การแตกตัวเนื่องจากความร้อนและความเย็น (Thermal Expansion and Contraction) การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิทำให้หินขยายตัวและหดตัว ส่งผลให้เกิดรอยแตกในหิน

- การแตกตัวเนื่องจากการเยือกแข็งของน้ำ (Frost Wedging) น้ำที่แทรกซึมเข้าไปในรอยแตกของหิน เมื่อเยือกแข็งจะขยายตัว ทำให้รอยแตกขยายกว้างขึ้นและหินแตกสลายในที่สุด

- การแตกตัวเนื่องจากการขัดสี (Abrasion) อนุภาคของหิน ทราย หรือน้ำแข็งที่เคลื่อนที่ไปตามลม น้ำ หรือธารน้ำแข็ง สามารถขัดสีและทำให้หินสึกกร่อน

8.1.2 การผุพังทางเคมี (Chemical Weathering) เป็นกระบวนการที่ทำให้หินแตกสลายโดยมีการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบทางเคมีของหิน ตัวอย่างของการผุพังทางเคมี เกิดขึ้นเมื่อแร่ธาตุในหินเกิดปฏิกิริยากับสารเคมีในสภาพแวดล้อม เช่น น้ำ ออกซิเจน และกรด ทำให้แร่ธาตุเหล่านั้นเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบทางเคมี ตัวอย่างของการผุพังทางเคมีได้แก่ การออกซิเดชัน (Oxidation) ของแร่เหล็กในหิน การเกิดปฏิกิริยาไฮโดรไลซิส (Hydrolysis) ซึ่งเป็นการเกิดปฏิกิริยาระหว่างน้ำกับแร่ธาตุทำให้เกิดสารประกอบใหม่ และการเกิดปฏิกิริยาคาร์บอเนชัน (Carbonation) ซึ่งเป็นการเกิดปฏิกิริยาระหว่างกรดคาร์บอนิกในน้ำฝนกับแร่ธาตุในหิน ได้แก่

- การละลาย (Dissolution) น้ำฝนที่เป็นกรดอ่อน ๆ สามารถละลายแร่ธาตุบางชนิดในหินได้ เช่น หินปูน

- การออกซิเดชัน (Oxidation) แร่ธาตุที่มีธาตุเหล็กทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศ ทำให้เกิดสนิมเหล็ก ซึ่งทำให้หินอ่อนตัวและแตกสลายง่ายขึ้น

- การไฮโดรไลซิส (Hydrolysis) น้ำทำปฏิกิริยากับแร่ธาตุในหิน ทำให้เกิดแร่ธาตุใหม่ที่มีโครงสร้างอ่อนแอลง

8.1.3 การผุพังทางชีวภาพ (Biological Weathering) เกิดขึ้นเมื่อสิ่งมีชีวิต เช่น รากพืช สัตว์ และจุลินทรีย์ ทำให้หินแตกสลายผ่านกระบวนการทางกายภาพหรือเคมี เป็นกระบวนการที่เกิดจากกิจกรรมของสิ่งมีชีวิต เช่น

- รากพืชที่เจริญเติบโตและขยายตัวในรอยแยกของหินสามารถทำให้หินแตกสลายได้ นอกจากนี้ กรดอินทรีย์ที่ถูกปล่อยออกจากพืชและจุลินทรีย์ยังสามารถทำให้แร่ธาตุในหินเกิดการผุพังทางเคมีได้

- รากพืช รากพืชสามารถแทรกซึมเข้าไปในรอยแตกของหินและขยายตัว ทำให้หินแตกสลาย

- สัตว์ สัตว์บางชนิดขุดโพรงในดิน ทำให้หินสัมผัสกับอากาศและน้ำมากขึ้น ซึ่งเร่งกระบวนการผุพัง

- ไลเคนและมอส สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ผลิตกรดอ่อน ๆ ที่สามารถละลายแร่ธาตุในหินได้

8.2 กระบวนการกร่อน: โดย น้ำ ลม ธารน้ำแข็ง และแรงโน้มถ่วง

การกร่อน (Erosion) เป็นกระบวนการที่ทำให้ดิน หิน และตะกอนถูกพัดพาไปจากแหล่งกำเนิดโดยแรงของธรรมชาติ เช่น น้ำ ลม ธารน้ำแข็ง และแรงโน้มถ่วง กระบวนการกร่อนนี้มีความสำคัญในการเปลี่ยนแปลงภูมิประเทศและการสะสมตะกอนในพื้นที่ต่างๆ

8.2.1 การกร่อนโดยน้ำ (Water Erosion) น้ำเป็นตัวการสำคัญในการกร่อน ทั้งในรูปของน้ำฝน แม่น้ำ ทะเล และคลื่น ตัวอย่างของการกร่อนโดยน้ำ ได้แก่

- การกัดเซาะของแม่น้ำ (River Erosion) แม่น้ำกัดเซาะตลิ่งและพัดพาตะกอนไปตามกระแสน้ำ น้ำเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการกร่อน ดินและหินจะถูกพัดพาไปโดยกระแสน้ำ เช่น แม่น้ำ ลำธาร และฝนที่ตกลงมา การไหลของน้ำที่มีความเร็วสูงสามารถทำให้หินและดินถูกพัดพาไปอย่างรวดเร็ว กระบวนการนี้ยังส่งผลให้เกิดการกัดเซาะริมฝั่งแม่น้ำ (Riverbank Erosion) และการก่อตัวของหุบเขา (Valley Formation)

- การกัดเซาะของชายฝั่ง (Coastal Erosion) คลื่นทะเลกัดเซาะชายฝั่ง ทำให้เกิดการถล่มของหน้าผาและการพังทลายของชายหาด

8.2.2 การกร่อนโดยลม (Wind Erosion) ลมสามารถพัดพาอนุภาคขนาดเล็ก เช่น ทราย และฝุ่น ไปยังที่อื่นได้ การกร่อนโดยลมมักเกิดในพื้นที่แห้งแล้งและมีพืชพรรณน้อย ลมสามารถพัดพาตะกอนขนาดเล็ก เช่น ทรายและฝุ่น ไปยังพื้นที่ต่างๆ การกร่อนโดยลมมักเกิดขึ้นในพื้นที่ที่มีความแห้งแล้ง เช่น ทะเลทราย ตัวอย่างเช่น การก่อตัวของเนินทราย (Sand Dunes) และการขัดสีของหินในทะเลทรายที่เรียกว่า เวนท์แฟค (Ventifacts)

- การกร่อนโดยธารน้ำแข็ง (Glacial Erosion) ธารน้ำแข็งขนาดใหญ่สามารถเคลื่อนที่และกัดเซาะพื้นผิวโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทิ้งร่องรอยการกัดเซาะ เช่น หุบเขารูปตัวยู และทะเลสาบธารน้ำแข็ง ธารน้ำแข็งเป็นแผ่นน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่เคลื่อนตัวลงมาตามภูเขา และสามารถทำให้ดินและหินถูกพัดพาไปในทิศทางที่ธารน้ำแข็งเคลื่อนที่ กระบวนการนี้ส่งผลให้เกิดหุบเขาธารน้ำแข็ง (Glacial Valleys) และการขัดสีของหินที่เรียกว่า รอยขีดหินธารน้ำแข็ง (Glacial Striations)

- การกร่อนโดยแรงโน้มถ่วง (Mass Wasting) แรงโน้มถ่วงทำให้วัสดุที่ไม่เสถียรบนลาดเขาเคลื่อนที่ลงมา เช่น หินถล่ม โคลนถล่ม และดินถล่ม แรงโน้มถ่วงทำให้วัสดุต่างๆ เช่น ดิน หิน และตะกอนเคลื่อนตัวลงมาตามแนวลาดชัน กระบวนการนี้ทำให้เกิดการถล่มของดิน (Landslides) การตกของหิน (Rockfalls) และการไหลของดินโคลน (Mudflows)

8.3 ผลกระทบของการผุพังและการกร่อนต่อภูมิประเทศ (Impacts of Weathering and Erosion on Landscapes)

การผุพังและการกร่อนร่วมกันสร้างและเปลี่ยนแปลงภูมิประเทศที่หลากหลายบนโลก การผุพังและการกร่อนมีผลกระทบอย่างมากต่อการเปลี่ยนแปลงภูมิประเทศ การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้มีทั้งประโยชน์และผลเสียต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม ตัวอย่างเช่น

- การสร้างดินและการเกิดที่ราบ (Soil Formation and Plain Formation) กระบวนการผุพังทำให้เกิดดิน ซึ่งเป็นวัสดุที่สำคัญสำหรับการเกษตร การกร่อนและการสะสมตะกอนที่เกิดจากน้ำและลมยังทำให้เกิดที่ราบน้ำท่วม (Floodplains) และที่ราบชายฝั่ง (Coastal Plains) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับการตั้งถิ่นฐานและการเกษตร

- การก่อตัวของภูมิประเทศที่สวยงาม (Formation of Scenic Landscapes) กระบวนการผุพังและการกร่อนสร้างภูมิประเทศที่สวยงาม เช่น เทือกเขา หุบเขา และหินรูปแบบต่างๆ ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ตัวอย่างเช่น หุบเขาแกรนด์แคนยอน (Grand Canyon) ที่เกิดจากการกร่อนของแม่น้ำโคโลราโด

- การกัดเซาะของดินและการสูญเสียหน้าดิน (Soil Erosion and Loss of Topsoil) การกร่อนที่มากเกินไปสามารถทำให้ดินสูญเสียความอุดมสมบูรณ์และหน้าดินถูกพัดพาไป สิ่งนี้ทำให้พื้นที่เพาะปลูกเสื่อมสภาพและเกิดปัญหาการขาดแคลนทรัพยากรธรรมชาติ

- การเกิดภัยพิบัติธรรมชาติ (Natural Disasters) กระบวนการกร่อนโดยแรงโน้มถ่วง เช่น การถล่มของดินและการตกของหิน สามารถทำให้เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติที่มีผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของมนุษย์

- เทือกเขา เกิดจากการยกตัวของเปลือกโลกและการกัดเซาะโดยน้ำแข็งและแม่น้ำ หุบเขา เกิดจากการกัดเซาะของแม่น้ำหรือธารน้ำแข็ง ชายฝั่ง เกิดจากการกัดเซาะของคลื่นทะเลและการทับถมของตะกอน ถ้ำ เกิดจากการละลายของหินปูนโดยน้ำใต้ดิน

การผุพังและการกร่อนเป็นกระบวนการทางธรณีวิทยาที่สำคัญ ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของพื้นผิวโลกอย่างต่อเนื่อง กระบวนการเหล่านี้ทำงานร่วมกันในการสร้างและเปลี่ยนแปลงภูมิประเทศที่หลากหลายบนโลก การทำความเข้าใจเกี่ยวกับการผุพังและการกร่อนช่วยให้เราเข้าใจถึงวิวัฒนาการของโลก และสามารถจัดการทรัพยากรธรรมชาติได้อย่างยั่งยืน บทนี้ได้อธิบายถึงกระบวนการผุพังและการกร่อนที่ส่งผลต่อภูมิประเทศ กระบวนการเหล่านี้มีทั้งข้อดีและข้อเสีย การเข้าใจการทำงานของกระบวนการผุพังและการกร่อน จะช่วยในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและการป้องกันปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพ

---------------------------------------------------

ที่มาข้อมูล

- ....

ภาพและรวบรวมโดย 

www.iok2u.com

 
---------------------------------------------------

ธรณีวิทยาเบื้องต้น (Introduction to Geology)

รวมข้อมูลและเรื่องราว ธรณีวิทยา

---------------------------------------------------
 

ขอต้อนรับเข้าสู่เว็บไซต์
www.iok2u.com
แหล่งข้อมูลสารสนเทศเพื่อคุณ

เว็บไซต์ www.iok2u.com นี้เกิดมาจาก แรงบันดาลใจในภาพยนต์เรื่อง Pay It Forward โดยมีเป้าหมายเล็ก ๆ ที่กำหนดไว้ว่า ทุกครั้งที่เข้าเรียนสัมมนาหรืออบรมในแต่ละครั้ง จะนำความรู้มาจัดทำเป็นบทความอย่างน้อย 3 เรื่อง เพื่อมาลงในเว็บนี้
ความตั้งใจที่จะถ่ายทอดความรู้ที่ได้รับมาทำการถ่ายทอดต่อไป และหวังว่าจะมีคนมาอ่านแล้วเห็นว่ามีประโยชน์นำเอาไปใช้ได้ หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลย โดยอาจไม่ต้องอ้างอิงที่มาหรือมาตอบแทนผู้จัด แต่ขอให้ส่งต่อหากคิดว่ามันดีหรือมีประโยชน์ เพื่อถ่ายทอดความรู้และสิ่งดี ๆ ต่อไปข้างหน้าต่อไป Pay It Forward