iok2u.com แหล่งรวมข้อมูลข่าวสารเรื่องราวน่าสนใจเพื่อการศึกษาแลกเปลี่ยนและเรียนรู้

Pay It Forward เป้าหมายเล็ก ๆ ในการส่งมอบความดีต่อ ๆ ไป
เว็ปไซต์นี้เกิดจากแรงบันดาลใจในภาพยนต์เรื่อง Pay It Forward ที่เล่าถึงการมีเป้าหมายเล็ก ๆ กำหนดไว้ให้ส่งมอบความดีต่อไปอีก 3 คน หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลยโดยไม่ต้องตอบแทนกลับมา อยากให้ส่งต่อเพื่อถ่ายทอดต่อไป
มิสเตอร์เรน (Mr. Rain) และมิสเตอร์เชน (Mr. Chain)
Mr. Rain และ Mr. Chain สองพี่น้องในโลกออฟไลน์และออนไลน์ที่จะมาร่วมมือกันสร้างสื่อสารสนเทศ เพื่อเผยแพร่ให้ความรู้ในเรื่องราวต่างๆ มากมายสร้างสังคมในการเรียนรู้ หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลยโดยไม่ต้องตอบแทนกลับมา
ยืนหยัด เข้มแข็ง และกล้าหาญ (Stay Strong & Be Brave)
ขอเป็นกำลังใจให้คนดีทุกคนในการต่อสู้ความอยุติธรรม ในยุคสังคมที่คดโกงยึดถึงประโยชน์ส่วนตนและพวกฟ้องมากกว่าผลประโยชน์ส่วนรวม จนหลายคนคิดว่าพวกด้านได้อายอดมักได้ดี แต่หากยึดคำในหลวงสอนไว้ในเรื่องการทำความดีเราจะมีความสุขครับ

Nares ไทย ลุยทุ่งกุลาตามประสานักธรณีฯ 4 (ว่าด้วยกลุ่มหินโคราช)

 

รูปที่ 1 ลำดับชั้นหินโดนรวมของกลุ่มหินโคราช ตามรายงานของ Ward and Bunnag, 1964 ซึ่งระบุว่าพบฟอสซิลเขี้ยวสัตว์ ในหมวดหินภูกระดึงกับเสาขัว และระบุว่า เป็นเขี้ยวของ Plesiosaur และ ichthyosaur ตามลำดับ ทว่า ทั้งสองชนิดนี้เป็นสัตว์เลื้อยคลานที่อาศัยอยู่ในทะเล จึงขัดแย้งกับลักษณะทางธรณีวิทยาของกลุ่มหินโคราชที่แสดงว่าเป็นกลุ่มหินที่สะสมตัวบนแผ่นดิน (หมายเหตุ ปัจจุบันมีการยอมรับว่า ฟอสซิลที่พบในหมวดหินภูกระดึงนั้นคือ เขี้ยวของจรเข้ดึกดำบรรพ์ Chalawan thailandicus ส่วนเขี้ยวในหมวดหินเสาขัวนั้น เป็นของไดโนเสาร์)

 

ลุยทุ่งกุลาตามประสานักธรณีฯ 4 (ว่าด้วยกลุ่มหินโคราช)

อดีตกาลนานมาแล้ว นักธรณีวิทยาไทยจะจัดแยกหินตะกอนที่พบในราชอาณาจักรไทยออกเป็นตามหน่วยลำดับชั้นหินตามอายุกาลทางธรณีวิทยา (Chronostratigraphic Unit) นั่นคือเรียกชื่อโดยเน้นอายุของยุคหิน เช่น หินปูนที่มีอายุเพอร์เมียน ก็เรียกว่า “หินปูนราชบุรี (Ratburi Limestone)” ไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหนของประเทศ และหากพบว่าหินตะกอนนั้นๆ เกิดสะสมตัวในมหายุคชีวิตกลาง ไม่ว่าจะเกิดในทะเลหรือบนบก จะเรียกว่า “ชุดหินโคราช (Korat Series)” นั่นคือ รวมทั้งตะกอนที่เกิดในทะเลในยุคไทรแอสสิกที่พบในภาคเหนือของไทยด้วย
ต่อมาวงการธรณีวิทยาของเราได้มีข้อมูลและการเรียนรู้มากขึ้น หลังจากพบว่า การแยกประเภทของลำดับชั้นหินออกตามอายุของยุคหินนั้น มีปัญหาหลายด้าน จึงเปลี่ยนมาใช้การแบ่งหน่วยชั้นหินตามลักษณะหิน (Lithostatigraphic Unit) ดังนั้นหินที่เคยเรียกว่า ชุดหินโคราช ในปัจจุบันจึงถูกแยกออกเป็น มีชื่อเรียกว่า กลุ่มหินลำปาง (Lampang Group)ที่สะสมตัวในทะเลยุคไทรแอสสิก และกลุ่มหินโคราช (Khorat Group) ที่สะสมตัวบนบก
ในปีพ.ศ. 2507 ประเทศไทยได้รับความร่วมมือจากสำนักธรณีวิทยาของประเทศสหรัฐอเมริกา เข้ามาสำรวจธรณีวิทยาในบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย หลังจากนั้นได้ออกรายงานเขียนถึงการนำเสนอกลุ่มหินโคราชอย่างเป็นทางการ โดยได้ระบุว่ากลุ่มหินโคราช แบ่งออกได้เป็น 7 หมวดหิน มีชื่อจากล่างสู่บนดังต่อไปนี้ (รูปที่ 1) ได้แก่ หมวดหินน้ำพอง ภูกระดึง พระวิหาร เสาขัว ภูพาน โคกกรวด และหมวดหินที่ไม่ได้ตั้งชื่อ (Unnamed Formation) โดยรายงานว่า หมวดหินที่อยู่บนสุดนั้นไม่มีชั้นหินที่โผล่ให้เห็นอย่างชัดเจน แต่สามารถระบุได้ว่าประกอบด้วยการสลับตัวของเกลือหิน กับหินโคลน หินทรายแป้ง และหินทราย โดยไม่ทราบลำดับชั้นหินที่แน่นอน
รายงานการสำวจดังกล่าว ได้ระบุถึงตำแหน่งของลำดับชั้นหินต้นแบบของแต่ละหมวดหินดังนี้ น้ำพอง และภูกระดึง อยู่ที่อำเภอภูกระดึง เลย เสาขัว อยู่ที่ห้วยเสาขัว หนองบัวลำภู (ปัจจุบันเรียกห้วยเฒ่าโต้) ภูพาน อยู่ที่ภูผาผึ้ง กาฬสินธุ์ โคกกรวด อยู่ที่ นครราชสีมา ส่วนพระวิหารนั้น ไม่มีลำดับชั้นหินต้นแบบ แต่มีตำแหน่งของหมวดหินต้นแบบอยู่ที่เขาพระวิหาร ชายแดนไทย-กัมพูชา และหมวดหินที่ไม่ได้ตั้งชื่อนั้น ไม่มีลำดับชั้นหินและตำแหน่งหมวดหินต้นแบบ เพราะไม่โผล่ให้เห็นที่ใดเลย
ต่อมาในปีพ.ศ. 2510 Gardner et al, 1967 ได้ตั้งชื่อหมวดหินมหาสารคามขึ้นมาแทนหมวดหินที่ไม่ได้ตี้งชื่อ โดยใช้ข้อมูลจากหลุมเจาะน้ำบาดาลที่วัดโพธิ์ศรี บ้านเชียงเหียน อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม เป็นข้อมูลอ้างอิง (รูปที่ 2) อย่างไรก็ตาม หลุมเจาะดังกล่าวเจาะโดยใช้น้ำจืด ทำให้ข้อมูลลำดับชั้นหินไม่ชัดเจน จึงไม่สามารถระบุถึงการวางตัวของชุดหินได้ถูกต้อง ข้อมูลโดยทั่วไปจึงคล้ายคลึงกับหมวดหินที่ไม่ได้ตั้งชื่อ มีข้อมูลเพิ่มเติมแต่เพียงว่า ความหนาของหมวดหินนี้ มีมากกว่า 600 เมตร ตามความสามารถของหลุมที่เจาะถึง จนกระทั่งกรมทรัพยากรธรณี ได้จัดตั้งโครงการสำรวจแร่โปแตช ในอีสานบ้านเฮา ทำให้มีการเสนอว่าลำดับชั้นหินของหมวดหินมหาสารคาม ประอบด้วยชุดหินจากล่างไปบนดังนี้ ชั้นเกลือล่างสุด ชั้นตะกอนล่าง ชั้นเกลือกลาง ชั้นตะกอนกลาง ชั้นเกลือบน ชั้นตะกอนบน (รูปที่ 3) จนกระทั่งปีพ.ศ. 2526 และในเวลาต่อไป Nares Sattayarak ได้เสนอให้แยกชั้นตะกอนบนออกมา เป็นหมวดหินภูทอก และบอกว่าหินส่วนใหญ่เกิดสะสมตัวในทะเลทราย ซึ่งต่อมาถูกแบ่งย่อยออกเป็นหมู่หินโดยกรมทรัพยากรธรณี (รูปที่ 3) ยิ่งไปกว่านั้น ได้ตัดหมวดหินมหาสารคามและภูทอกออกจากกลุ่มหินโคราช
ผลของการศึกษากลุ่มหินโคราชโดยละเอียดในเวลาต่อมา สรุปได้ว่า กลุ่มหินนี้เกิดสะสมตัวในแอ่งสะสมตะกอนโคราช โดยแม่น้ำหลายสาย ซึ่งโดยรวมแล้วจะไหลจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ไปทางตะวันตกเฉียงใต้ หมวดหินน้ำพองนั้นจะสะสมตัวเฉพาะส่วนกลางของแอ่ง ในช่วงเวลาของเกือบทุกหมวดหิน จะเป็นการสะสมตัวโดยแม่น้ำโค้งตวัด (Meandering rivers)ในสภาวะที่ร้อนและแห้งแล้ง ยกเว้นหมวดหินพระวิหาร และภูพาน ที่ส่วนใหญ่เกิดจากแม่น้ำประสานสาย (Braided Rivers) ในสภาพอากาศที่ร้อน แต่ชุ่มชื้น
ผ่างงงงงง ยาแก้ไอน้ำดำตราเสือใหญ่พร้อมให้บริการแล้วครับ ท่านสารวัตร

 

-------------------------------------------------

ที่มา

-  https://www.facebook.com/nares.sattayarak

รวบรวมข้อมูลและภาพ

-  www.iok2u.com

-------------------------------------------------

บทความ ดร. นเรศ สัตยารักษ์ (Nares Sattayarak)

รวมบทความที่น่าสนใจจากนักธรณีวิทยาของไทย

-------------------------------------------------

 

 

  

ภาพที่ 2 ภาพข้อมูลการวัดคลื่นไหวสะเทือนในชั้นหินผ่านวัดเชียงเหียน อ. เมือง มหาสารคาม แสดงตำแหน่งหลุมเจาะน้ำบาดาล F-34 ที่ Gardner et al. 1967 นำข้อมูลที่ได้จากการขุดเจาะมาตั้งชื่อเป็นหมวดหินมหาสารคาม และผลของการแปลความหมายใหม่โดย Sattayarak and Polachan, 1990

ภาพที่ 3 ลำดับชั้นหินของหมวดหินมหาสารคามที่ได้จากหลุมเจาะของโครงการสำรวจค้นหาแร่โพแทชของกรมทรัพยากรธรณี และการแบ่งย่อยหมวดหินภูทอกออกเป็นหมู่หิน โดยกรมทรัพยากรธรณี 

 

 

 

ขอต้อนรับเข้าสู่เว็บไซต์
www.iok2u.com
แหล่งข้อมูลสารสนเทศเพื่อคุณ

เว็บไซต์ www.iok2u.com นี้เกิดมาจาก แรงบันดาลใจในภาพยนต์เรื่อง Pay It Forward โดยมีเป้าหมายเล็ก ๆ ที่กำหนดไว้ว่า ทุกครั้งที่เข้าเรียนสัมมนาหรืออบรมในแต่ละครั้ง จะนำความรู้มาจัดทำเป็นบทความอย่างน้อย 3 เรื่อง เพื่อมาลงในเว็บนี้
ความตั้งใจที่จะถ่ายทอดความรู้ที่ได้รับมาทำการถ่ายทอดต่อไป และหวังว่าจะมีคนมาอ่านแล้วเห็นว่ามีประโยชน์นำเอาไปใช้ได้ หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลย โดยอาจไม่ต้องอ้างอิงที่มาหรือมาตอบแทนผู้จัด แต่ขอให้ส่งต่อหากคิดว่ามันดีหรือมีประโยชน์ เพื่อถ่ายทอดความรู้และสิ่งดี ๆ ต่อไปข้างหน้าต่อไป Pay It Forward