iok2u.com แหล่งรวมข้อมูลข่าวสารเรื่องราวน่าสนใจเพื่อการศึกษาแลกเปลี่ยนและเรียนรู้

Pay It Forward เป้าหมายเล็ก ๆ ในการส่งมอบความดีต่อ ๆ ไป
เว็ปไซต์นี้เกิดจากแรงบันดาลใจในภาพยนต์เรื่อง Pay It Forward ที่เล่าถึงการมีเป้าหมายเล็ก ๆ กำหนดไว้ให้ส่งมอบความดีต่อไปอีก 3 คน หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลยโดยไม่ต้องตอบแทนกลับมา อยากให้ส่งต่อเพื่อถ่ายทอดต่อไป
ยืนหยัด เข้มแข็ง และกล้าหาญ (Stay Strong & Be Brave)
ขอเป็นกำลังใจให้คนดีทุกคนในการต่อสู้ความอยุติธรรม ในยุคสังคมที่คดโกงยึดถึงประโยชน์ส่วนตนและพวกฟ้องมากกว่าผลประโยชน์ส่วนรวม จนหลายคนคิดว่าพวกด้านได้อายอดมักได้ดี แต่หากยึดคำในหลวงสอนไว้ในเรื่องการทำความดีเราจะมีความสุขครับ
มิสเตอร์เรน (Mr. Rain) และมิสเตอร์เชน (Mr. Chain)
Mr. Rain และ Mr. Chain สองพี่น้องในโลกออฟไลน์และออนไลน์ที่จะมาร่วมมือกันสร้างสื่อสารสนเทศ เพื่อเผยแพร่ให้ความรู้ในเรื่องราวต่างๆ มากมายสร้างสังคมในการเรียนรู้ หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลยโดยไม่ต้องตอบแทนกลับมา

ลุยเมืองกาญนะจ๊ะบุรี (6) หลวงพ่ออุตตมะ เทพเจ้าของชาวมอญ

  

รูปที่ 1 หลวงพ่ออุตตมะ เทพเจ้าของชาวมอญ

บุญวาทย์ รุ่น 03 ลุยเมืองกาญน๊ะจ๊ะบุรี (6) หลวงพ่ออุตตมะ เทพเจ้าของชาวมอญ

หลวงพ่ออุตตมะเกิดเมื่อวันอาทิตย์ขึ้น 6 ค่ำ เดือน 4 ปีจอ พ.ศ. 2453 ที่หมู่บ้านโมกกะเนียง ตำบลเกลาสะ อำเภอเย จังหวัดมะละแหม่ง ประเทศเมียนมา เนื่องจากเป็นทารกเพศชายเกิดในวันอาทิตย์จึงมีชื่อว่า “เอหม่อง”

จนกระทั่งอายุ 18 ปี เจ้าอาวาสวัดเกลาสะ เมืองมะละแหม่ง ได้ไปขอกับบิดามารดาให้เด็กชายเอหม่องไปบรรพชาเป็นสามเณร สามารถสอบได้นักธรรมตรี และโท แต่ไม่นานหลวงพ่อก็ตัดสินใจสึกออกมา เพราะเห็นว่าไม่มีใครช่วยบิดามารดาทำนา

ท่านตัดสินใจอุปสมบทเป็นพระภิกษุอีกครั้ง ที่วัดเกลาสะ ในปี พ.ศ. 2476 ได้รับฉายาว่า “อุตตมรัมโภ” แปลว่า “ผู้มีความพากเพียรอันสูงสุด” โดยหลวงพ่ออุตตมะได้ตั้งเจตจำนงที่จะบวชไม่สึกจนตลอดชีวิต

ด้วยความพากเพียรและใฝ่ใจในการศึกษาพระธรรม จนสามารถสอบได้นักธรรมชั้นเอก ณ สำนักเรียนวัดปราสาททอง อำเภอเย จังหวัดมะละแหม่ง และต่อมาสอบได้เปรียญธรรม 8 ประโยค ที่สำนักเรียนวัดสุขการี อำเภอสะเทิม จังหวัดสะเทิม ซึ่งเป็นชั้นสูงสุดของคณะสงฆ์ในประเทศพม่า

ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 หลวงพ่อได้เดินทางกลับวัดเกลาสะ และได้รับมอบหมายให้เป็นอาจารย์สอนภาษาบาลีแก่ภิกษุสามเณร ต่อมาท่านก็ลาพระอุปัชฌาย์เดินทางไปศึกษาวิปัสนากรรมฐานที่วัดตองจอย จังหวัดมะละแหม่ง และวัดป่าเลไลย์ จังหวัดมัณฑะเลย์ จนมีความรู้ความสามารถในเรื่องวิปัสนากรรมฐานตลอดจนวิชาไสยศาสตร์และพุทธคมเป็นอย่างดี

พ.ศ. 2486 หลวงพ่ออุตตมะได้เริ่มออกธุดงค์เพื่อหาประสบการณ์ทางธรรม ไปทั่วทั้งในประเทศพม่า และข้ามเข้ามาประเทศไทยครั้งแรก ทางจังหวัดเชียงใหม่

ในปี พ.ศ. 2492 อันเป็นพรรษาที่ 16 ของพระมหาอุตตมะรัมโภ พายุไต้ฝุ่นพัดจากทะเลอันดามัน สร้างความเสียหายให้กับชาวบ้านอย่างใหญ่หลวง โดยเฉพาะบ้านโมกกะเนียง และเกลาสะ มีผู้เสียชีวิตมากกว่าร้อยคน บ้านเรือนเหลือเพียงไม่กี่หลังคาเรือน ชาวบ้านลำบากยากแค้นแสนสาหัส ข้าวของอาหารการกินขาดแคลนกันทั่วหน้า ยิ่งไปกว่านั้น ชาวบ้านยังต้องประสบเคราะห์กรรมจากปัญหาความขัดแย้งในทางการเมืองในประเทศอีกด้วย หลวงพ่ออุตตมะจึงตัดสินใจจากบ้านเกิด มุ่งหน้าสู่ดินแดนประเทศไทย

ในช่วงระหว่าง พ.ศ. 2492-2493 หลวงพ่อได้เดินทางเข้าเมืองไทยทางหมู่บ้านอีต่อง ตำบลปิล็อก ชายแดนเขตจังหวัดกาญจนบุรี โดยได้รับความช่วยเหลือจากคนไทยเชื้อสายมอญพระประแดงสองคน ทั้งคู่ได้จัดบ้านพักหลังหนึ่งให้เป็นกุฏิชั่วคราวของหลวงพ่อ มีชาวเหมืองจำนวนมากมาทำบุญกับหลวงพ่อ เนื่องจากพื้นที่บริเวณนั้นไม่มีวัดและพระสงฆ์เลย

เดิมทีนั้น ชาวบ้านต้องการสร้างกุฏิถวายให้เป็นกิจจะลักษณะ เพื่อจะได้จำพรรษาอยู่ที่บ้านอีต่อง แต่หลวงพ่อไม่รับ เนื่องจากเกรงว่าจะกลายเป็นพระเถื่อนเข้าเมืองไทย ท่านจึงไปขออนุญาตจากพระผู้ใหญ่ที่ปกครองเขตปิล็อก และได้มาจำพรรษาที่วัดท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี

ใน พ.ศ. 2494 มีคนมาแจ้งข่าวแก่หลวงพ่อว่า ที่กิ่งอำเภอสังขละบุรีมีชาวมอญจากบ้านเดิมของหลวงพ่ออพยพเข้าเมืองไทยทางบีคลี่เป็นจำนวนมาก และต้องการนิมนต์หลวงพ่อไปเยี่ยม เมื่อหลวงพ่ออุตตมะออกจากจำพรรษา แล้วเดินทางกลับไปยังอำเภอทองผาภูมิ และไปยังอำเภอสังขละบุรี และพบกับคนมอญทั้งหมดที่มาจากโมกกะเนียง เจ้าคะเล และมะละแหม่ง บ้านเกิดของท่าน หลวงพ่อจึงพาชาวมอญเหล่านี้ไปอาศัยอยู่ที่บ้านวังกะล่าง นับเป็นจุดกำเนิดแรกเริ่มของชุมชนชาวมอญในสังขละบุรี และมีหลวงพ่ออุตตมะเป็นดั่งศูนย์รวมจิตใจของชุมชนชาวมอญ นับแต่นั้นเป็นต้นมา

ใน พ.ศ.2499 หลวงพ่ออุตตมะ ร่วมกับชาวบ้านชาวกะเหรี่ยงและชาวมอญ ได้พร้อมใจกันสร้างศาลาวัดขึ้น มีฐานะเป็นสำนักสงฆ์ แต่ชาวบ้านโดยทั่วไปเรียกว่า วัดหลวงพ่ออุตตมะ ตั้งอยู่บนเนินสูงในบริเวณที่เรียกว่า สามประสบ เพราะมีแม่น้ำ 3 สายไหลมาบรรจบกัน คือ แม่น้ำซองกาเลีย แม่น้ำบีคลี่ แม่น้ำรันตี ได้รับอนุญาตจากกรมการศาสนาใน พ.ศ.2505 ให้ใช้ชื่อว่า “วัดวังก์วิเวการาม” ซึ่งตั้งตามชื่ออำเภอวังกะ(ปัจจุบันคือ สังขละบุรี) ในวัดมีการก่อสร้างเจดีย์จำลองแบบจากวัดมหาโพธิ์ เมืองพุทธคยา ประเทศอินเดีย เริ่มก่อสร้าง พ.ศ.2518 แล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2529 (โดยปั้นอิฐเอง)

ต่อมา ในปี พ.ศ. 2527 การไฟฟ้าฝ่ายผลิต ได้ก่อสร้างเขื่อนวชิราลงกรณ์ หรือเขื่อนเขาแหลม น้ำในเขื่อนจะต้องเข้าท่วมตัวอำเภอเก่า รวมทั้งหมู่บ้านชาวมอญ กินพื้นที่ 1,000 ไร่เศษ ชาวบ้านจึงได้ช่วยกันย้ายวัดขึ้นไปอยู่บนเนินเขา ซีงเป็นที่ตั้งวัดในปัจจุบัน โดยทางราชการได้ช่วยเหลือในการอพยพผู้คนราว 1,000 หลังคาเรือน

ส่วนบริเวณวัดหลวงพ่ออุตตมะเดิม ปัจจุบันจมอยู่ใต้น้ำ และมีชื่อเสียงเป็นสถานที่ท่องเที่ยว 1 ใน Unseen in Thailand เป็นที่รู้จักกันในนาม “วัดใต้น้ำ สังขละบุรี”

เมื่อปี พ.ศ.2534 หลวงพ่ออุตตมะ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมศักดิ์ เป็น “พระราชอุดมมงคล” ได้เป็นเจ้าอาวาสวัดวังก์วิเวการามเรื่อยมา ท่านได้บำเพ็ญตนเพื่อสาธารณประโยชน์มากมายให้กับชุมชน และบุคคลต่างๆ ทั้งชาวมอญ ชาวไทย ชาวกะเหรี่ยง และบุคคลทั่วสารทิศ จนมีศิษยานุศิษย์มากมาย

เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 หลวงพ่ออุตตมะ ได้อาพาธจากการติดเชื้อในกระแสเลือด และได้มรณภาพจากไปอย่างสงบเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ.2549 เวลา 07.22 น. สิริอายุ 97 ปี

แม้วันนี้หลวงพ่ออุตตมะจะละสังขารจากโลกนี้ไปแล้ว แต่ท่านก็ยังคงเป็นที่เคารพศรัทธา และเป็นสัญลักษณ์รวมใจของชุมชนชาวมอญไม่เสื่อมคลาย

คัดจาก www.nasatta.com

 

รูปที่  

รูปที่ 

.

-------------------------

 

 

 

ขอต้อนรับเข้าสู่เว็บไซต์
www.iok2u.com
แหล่งข้อมูลสารสนเทศเพื่อคุณ

เว็บไซต์ www.iok2u.com นี้เกิดมาจาก แรงบันดาลใจในภาพยนต์เรื่อง Pay It Forward โดยมีเป้าหมายเล็ก ๆ ที่กำหนดไว้ว่า ทุกครั้งที่เข้าเรียนสัมมนาหรืออบรมในแต่ละครั้ง จะนำความรู้มาจัดทำเป็นบทความอย่างน้อย 3 เรื่อง เพื่อมาลงในเว็บนี้
ความตั้งใจที่จะถ่ายทอดความรู้ที่ได้รับมาทำการถ่ายทอดต่อไป และหวังว่าจะมีคนมาอ่านแล้วเห็นว่ามีประโยชน์นำเอาไปใช้ได้ หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลย โดยอาจไม่ต้องอ้างอิงที่มาหรือมาตอบแทนผู้จัด แต่ขอให้ส่งต่อหากคิดว่ามันดีหรือมีประโยชน์ เพื่อถ่ายทอดความรู้และสิ่งดี ๆ ต่อไปข้างหน้าต่อไป Pay It Forward