Nares ลุยเมืองกาญนะจ๊ะบุรี (11) ปิล็อก เหมืองผีหลอก
รูปที่ 1 ภาพถ่ายเหมืองดีบุกร้างข้างเนินช้างศึกและบ้านอีต่อง
บุญวาทย์ รุ่น 08 ลุยเมืองกาญนะจ๊ะบุรี (11) ปิล็อก เหมืองผีหลอก
ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้นมีคำเล่าลือว่าได้มีคนพบเห็นชาวพม่ามาขุดแร่ในพื้นที่ตำบลปิล๊อก อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ไปขายให้ทหารอังกฤษ กรมโลหกิจ (กรมทรัพยากรธรณีในปัจจุบัน) ทราบข่าวก็ได้เข้ามาทำการสำรวจและพบว่าพื้นที่แถบนี้มีแร่ดีบุกและวุลแฟรมอยู่มากมาย รองลงมาคือแร่ทังสะเตน และยังพบสายแร่ทองคำปะปนอยู่กับแร่ดีบุกอีกด้วย ต่อมาจึงได้มีการจัดตั้ง เหมืองปิล็อกขึ้นเป็นแห่งแรกของบ้านอีต่อง และการเปิดเหมืองครั้งนั้นได้ก่อให้เกิดการปะทะกันระหว่าง ตำรวจไทยกับกรรมกรพม่าที่ฝ่าฝืนนำแร่ไปขายให้กับทหารอังกฤษโดยไม่เกรงกลัวกฎหมายไทย เหตุการณ์นั้นมีคนบาดเจ็บและล้มตายจำนวนมาก จนชาวบ้านพากันเรียกเหมืองแห่งนี้ว่า "เหมืองผีหลอก" ซึ่งต่อมาได้เพี้ยนเป็น "เหมืองปิล็อก" นั่นเอง หลังจากนั้นได้มีการทยอยทำเหมืองขึ้นมาอีกหลายแห่ง โดยเป็นเหมืองใหญ่ราว 50-60 แห่งเลยทีเดียว
เหมืองแร่ปิล๊อกรุ่งเรืองมาเป็นเวลาราว 45 ปี จนกระทั่งเข้าสู่ช่วงประมาณ พ.ศ. 2528 ประเทศจีนได้ปล่อยแร่ดีบุกราคาถูกออกสู่ตลาดโลก ทําให้อุตสาหกรรมแร่ดีบุกถึงจุดอวสาน บ้านอีต่องจึงถูกแปรสภาพ ไปสู่หมู่บ้านท่องเที่ยว เหมืองปิล๊อกก็ถูกทิ้งร้างไว้เป็นอนุสรณ์ (รูปที่ 1) โดยปัจจุบันคนในชุมชนได้หันมาจับธุรกิจทางด้านที่พัก รีสอร์ท และโฮมสเตย์
ในด้านธรณีวิทยาแหล่งแร่นั้น ข้าพเจ้าขอเสนอข้อมูลบางประการ ที่คัดมาจากรายงานของกรมกรมทรัพยากรธรณี ดังนี้
แหล่งแร่ดีบุก-ทังสเตนปิล็อก ต.ปิล็อก อ.ทองผาภูมิ มีเนื้อที่ 100.4 ตร.กม. (รูปที่ 2) พบเป็นแร่ทั้งแบบปฐมภูมิ และทุติยภูมิ โดยที่แบบปฐมภูมินั้น เกิดตามแนวสัมผัสของกลุ่มหินกาญจนบุรี (หินดินดานชนวน หินฟิลไลท์ หินฮอนเฟลส์ หินควอร์ตไซต์ และหินชิสต์) กับหินไบโอไทท์-มัสโคไวท์แกรนิต ในลักษณะสายแร่ที่ตัดผ่านเข้ามาในหิน ทำให้เกิดแร่เป็นจุดประในเนื้อหินท้องที่ (รูปที่ 3) ส่วนแบบทุติยภูมินั้น เกิดการผุพังของแร่ปฐมภูมิในสายแร่ จากนั้นก็ถูกน้ําพัดพาไปสะสมตัวร่วมกับกรวดเกิดเป็นชั้นกะสะ กลายเป็นแร่พลัดตามไหล่เขา หรือที่ลุ่มต่ำ
สินแร่ดีบุกที่พบได้แก่แร่แคสซิเทอไรต์ (SnO2) ส่วนสินแร่ทังสเตนได้แก่ แร่วุลแฟรมไมต์ (Fe,Mn)WO4) และแร่ชีไลต์ (CaWO4) โดยที่แร่ทังสะเตนและดีบุกพบในสายควอรตซ์แบบ fissure vein และ vein networks ซึ่งมีไมก้าและทัวร์มาลีนในสายเป็กมาไท์ซึ่งแทรกผ่านหินแกรนิตและหินเดิมขึ้นมา สายแร่ส่วนมากจะอยู่ในแนวเหนือ-ใต้ ซึ่งส่วนใหญ่จะให้แร่วุลแฟรมไมต์ มีชีไลต์บ้างแต่ไม่มากนัก ส่วนสายแร่ในแนวตะวันออก-ตะวันตก จะเป็นแร่ดีบุกมากกว่า และมีทองคำบ้างเล็กน้อย
เมื่อปีที่แล้ว นักธรณีวิทยาคณะหนึ่งจากประเทศจีน (Liu, et al, 2024) ได้ศึกษาการเกิดและการกระจายตัวของแร่ดีบุก/วุลแฟรม ในประเทศไทยและระบุผลการศึกษาว่า แร่ดีบุกที่เกิดร่วมกับแกรนิตในประเทศไทย แบ่งออกได้เป็น 3 โซน ได้แก่ โซนตะวันตก ที่มีขอบเขตระหว่าง รอยเลื่อนเจดีย์สามองค์ กับรอยเลื่อนคลองมะรุ่ย (รูปที่ 4) โซนกลาง ได้แก่พื้นที่ภาคเหนือ ชลบุรี และภาคใต้ ส่วนโซนตะวันออก ได้แก่พื้นที่บริเวณเชียงราย น่าน ลำปาง ตาก เลย นครสวรรค์ และภาคตะวันออก ซึ่งในการศึกษาครั้งนี้ ได้ผลการวัดอายุของแกรนิต ออกมาได้เป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มอายุไทรแอสสิก (224-210 ล้านปี) และกลุ่มที่เกิดในยุคครีเตเชียส (78-67 ล้านปี) (รูปที่ 5)
ตั้งใจว่าในทริปนี้ จะพาเพื่อนบุญวาทย์หาเก็บดีบุกกลับบ้านคนละเม็ดสองเม็ดนะครับ ท่านสารวัตร
รูปที่ 2 แผนที่ภูมิประเทศ แสดงที่ตั้งของหมู่เหมืองปิล๊อก ทองผาภูมิ กาญจนบุรี
รูปที่ 3 ภาพจินตนาการแสดงการเกิดของแร่ดีบุกและวุลแฟรมที่ไทย เปรียบกับส่วนอื่นของโลก (คัดจากบทความของ Waiyapot Worakanok ในเฟสบุ๊ค)
รูปที่ 4 แผนที่แสดงการกระจายตัวของหินแกรนิตทั้ง 3 โซน ในประเทศไทย เหมืองปิล๊อกนั้น จัดว่าอยู่ในโซนตะวันตก (พื้นที่ระบายด้วยสีเขียว) ภาพจาก (Liu, et al, 2024)
รูปที่ 5 แผนที่แสดงการกระจายตัวของหินแกรนิต ทั้ง 2 ยุค (ไทรแอสสิก(224-210 ล้านปี) และครีเตเชียส (78-67 ล้านปี)) ภาพจาก (Liu, et al, 2024)
.
-------------------------
ที่มา
- https://www.facebook.com/nares.sattayarak
รวบรวมข้อมูลและภาพ
-------------------------
บทความ ดร. นเรศ สัตยารักษ์ (Nares Sattayarak)
รวมบทความที่น่าสนใจจากนักธรณีวิทยาของไทย
-------------------------