iok2u.com แหล่งรวมข้อมูลข่าวสารเรื่องราวน่าสนใจเพื่อการศึกษาแลกเปลี่ยนและเรียนรู้

Pay It Forward เป้าหมายเล็ก ๆ ในการส่งมอบความดีต่อ ๆ ไป
เว็ปไซต์นี้เกิดจากแรงบันดาลใจในภาพยนต์เรื่อง Pay It Forward ที่เล่าถึงการมีเป้าหมายเล็ก ๆ กำหนดไว้ให้ส่งมอบความดีต่อไปอีก 3 คน หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลยโดยไม่ต้องตอบแทนกลับมา อยากให้ส่งต่อเพื่อถ่ายทอดต่อไป
มิสเตอร์เรน (Mr. Rain) และมิสเตอร์เชน (Mr. Chain)
Mr. Rain และ Mr. Chain สองพี่น้องในโลกออฟไลน์และออนไลน์ที่จะมาร่วมมือกันสร้างสื่อสารสนเทศ เพื่อเผยแพร่ให้ความรู้ในเรื่องราวต่างๆ มากมายสร้างสังคมในการเรียนรู้ หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลยโดยไม่ต้องตอบแทนกลับมา
ยืนหยัด เข้มแข็ง และกล้าหาญ (Stay Strong & Be Brave)
ขอเป็นกำลังใจให้คนดีทุกคนในการต่อสู้ความอยุติธรรม ในยุคสังคมที่คดโกงยึดถึงประโยชน์ส่วนตนและพวกฟ้องมากกว่าผลประโยชน์ส่วนรวม จนหลายคนคิดว่าพวกด้านได้อายอดมักได้ดี แต่หากยึดคำในหลวงสอนไว้ในเรื่องการทำความดีเราจะมีความสุขครับ

Nares ลุยเมืองกาญนะจ๊ะบุรี (10) อีต่อง ที่สิงสถิตของเทพเจ้าแห่งขุนเขา

  

รูปที่ 1 ภาพประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวบ้านอีต่อง แสดงจุดที่นักท่องเที่ยวเขียนความในใจบนแผ่นไม้แล้วนำมาผูกไว้บนสะพานข้างบ่อน้ำของหมู่บ้าน

บุญวาทย์ รุ่น 08 ลุยเมืองกาญนะจ๊ะบุรี (10) อีต่อง ที่สิงสถิตของเทพเจ้าแห่งขุนเขา

บ้านอีต่องเป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่บนเทือกเขาตะนาวศรี เมื่อมองมาจากฝั่งเมียนมาซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ลาดต่ำกว่า จะมองเห็นหมู่บ้านนี้เสมือนตั้งอยู่บนเขาสูงระฟ้า มีหมอกปกคลุมคล้ายกับสวรรค์ ชาวเมียนมาร์จึงเรียกขานกันว่า “บ้านณัตเอ็งต่อง” แปลว่า “บ้านเทพเจ้าแห่งขุนเขา” ต่อมาจึงเรียกเพี้ยนไปเป็น “บ้านอีต่อง”

บ้านอีต่องถือกําเนิดขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อ พ.ศ. 2482 ระหว่างที่สงครามโลกครั้งที่ 2 กําลังเริ่มขึ้น กรมโลหกิจ(กรมทรัพยากรธรณีในปัจจุบัน) รับบทบาทเป็นผู้ซื้อแร่ดีบุกและวุลแฟรมให้กับประเทศญี่ปุ่น เพื่อใช้สําหรับสร้างยุทโธปกรณ์รับมือกับสงคราม และในช่วงเวลาเดียวกันนี้ ก็ได้มีการลักลอบขุดแร่วุลแฟรมและแร่ดีบุกโดยฝีมือของชาวเมียนมา (บางข้อมูลบอกว่าเป็นชาติพันธุ์กระเหรี่ยง ทวาย และเนปาล) บริเวณพื้นที่บ้านอีต่อง ตําบลปิล๊อก อําเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งในสมัยนั้นเป็นเพียงพื้นที่ป่ารกร้าง เพื่อนําไปขายต่อให้กับประเทศอังกฤษที่เข้ามายึดครองเมียนมาสำหรับใช้ในการผลิตยุทโธปกรณ์สําหรับสงครามเช่นกัน จึงอาจสันนิษฐานได้ว่า ผู้ที่เข้ามาในพื้นที่บ้านอีต่องพวกแรก จะเป็นชาวเนปาล กระเหรี่ยง และทวาย ที่เข้ามาขุดค้นหาทรัพยากรธรณีให้อังกฤษ

พรานกะเหรี่ยง 2 นายที่ออกมาล่าสัตว์บริเวณแนวชายแดนไทย-เมียนมา พบร่องรอยการทำเหมืองแร่ของคนต่างชาติ จึงเก็บตัวอย่างแร่กลับมาแล้วเล่าให้ผู้ใหญ่บ้านฟัง ผู้ใหญ่บ้านจึงรายงานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เมื่อกรมโลหกิจทราบข่าว จึงนําคณะนายช่างเข้ามาตรวจสอบแล้วพบว่าพื้นที่ดังกล่าวมีแหล่งแร่ดีบุกและแร่วุลแฟรมอยู่เป็นจํานวนมาก รวมถึงมีแร่ทังสเตนและสายแร่ทองคําปะปนอยู่ด้วย จึงได้เกิดนโยบายของรัฐบาล จัดตั้งองค์การเหมืองแร่สังกัดกรมโลหกิจใน พ.ศ. 2482 และเปิดเหมืองแร่บ้านอีต่อง ตำบลปิล๊อก อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ขึ้นเป็นที่แรก

หลังจากนั้นไม่นานรัฐก็เปิดให้สัมปทานแก่นักลงทุนเอกชน ส่งผลให้บ้านอีต่อง มีเหมืองแร่ผุดขึ้นเป็นจํานวนมากทั้งขององค์การและเอกชน จนนับไม่ถ้วน โดยมีชื่อเรียกรวม ๆ กันว่า “หมู่เหมืองปิล๊อก” ซึ่งความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรแร่นี้เอง ที่ได้ดึงดูดและเชิญชวนเหล่านักแสวงโชคและนักลงทุนให้เข้ามารวมตัวตั้งถิ่นฐานแสวงหาความมั่งคั่ง ณ ที่แห่งนี้ จนเกิดเป็นชุมชนขึ้นในฐานะบ้านพักของคนงานเหมือง มีผู้คนเข้ามาทํางานเหมืองจากทั่วทุกสารทิศ บ้านอีต่องในสมัยนั้นจึงรุ่งเรือง มีตลาดที่เฟื่องฟู เคยมีโรงภาพยนตร์ถึง 2 โรง เมื่อราวปี พ.ศ. 2483 เหมืองขุดแร่ดีบุกที่มีคนงานร่วม 600 คน แต่ต่อมา ราคาแร่ทั่วโลกตกต่ำ อันเป็นผลจากการตัดราคาของแร่จากจีน จนประมาณปี พ.ศ. 2527-2528 ความรุ่งโรจน์ของการขุดแร่ได้จบลง เหมืองแร่ต่างๆ ทยอยปิดตัวลง คนงานเริ่มทยอยกลับบ้านแยกย้ายกันออกไป

ปัจจุบันนี้รายได้หลักของหมู่บ้านอีต่องคือ การท่องเที่ยว (รูปที่ 1) มีที่พักโฮมสเตย์ เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบธรรมชาติ อากาศดี อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลกว่า 1,000 เมตร จึงร่ำรวยด้วยหมอก ปัจจุบันเป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวหลายคนต้องการมาสัมผัส แม้จะต้องเดินทางผ่าน 399 โค้ง แหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อ ก็ได้แก่เช่น น้ำตกจ๊อกกระดิ่น เนินช้างศึก เนินเสาธง เขาช้างเผือกและสันคมมีด อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ

และวันนี้ ข้าพเจ้าขอเสนอข้อมูลบางประการของจุดท่องเที่ยวที่เรียกว่า “เนินเสาธง” ซึ่งว่าอันที่จริงแล้ว มีจุดที่สำคัญแก่การเข้าไปเช็คอิน 3 แห่ง ในระยะทางห่างกันไม่กี่ร้อยเมตร จุดแรกก็คือ เนินเสาธง อันได้แก่ เนินเขาเล็กๆ เนินหนึ่ง ที่เป็นสันแบ่งแผ่นดินระหว่างไทยกับเมียนมา บนยอดเนินนี้ มีเสาประดับธงชาติของไทยและเมียนมา ตั้งอยู่ติดกัน (รูปที่ 2) ที่ตีนบันไดทางเดินขึ้นยอดเนิน มีป้ายขนาดใหญ่ มีข้อความว่า “จุดประสานสัมพันธ์ไมตรี นิจนิรันดร์ ไทย-เมียนมาร์“ อยู่แถวบน ส่วนแถวล่างน่าจะเป็นอักษรเมียนมาร์ที่มีความหมายคล้ายกัน (รูปที่ 3) จุดที่สองมีชื่อว่า “ช่องทางมิตรภาพไทย-พม่า” ณ จุดนี้ในฝั่งไทย มีป้ายที่เขียนว่า “จุดเฝ้าตรวจช่องทางมิตรภาพ” กับ “สุดเขตประเทศไทย” (รูปที่ 4) มีถนนตัดผ่านเนินเขาเป็นช่อง ที่น่าแปลกใจก็คือ ส่วนที่เป็นฝั่งไทยจะเป็นถนนลูกรัง แต่พอข้ามเขตเมียนมาร์จะเป็นถนนลาดยาง (ว่ากันว่า สามารถเดินทางตามถนนสายนี้ไปจนถึงเมืองทะวายได้เลย) นักท่องเที่ยวชาวไทยสามารถเดินเข้าไปชมทิวทัศน์และถ่ายภาพได้ จุดที่สามคือจุดที่ชื่อว่า “หลักกิโลเมตรที่ 000” (รูปที่ 5) ซึ่งก็ได้แก่จุดที่ท่อส่งก๊าซธรรมชาติจากแหล่งผลิตในอ่าวเมาะตะมะเข้ามาสู่แผ่นดินไทย แหล่งก๊าซธรรมชาติทั้ง 3 แหล่งคือ ยาดานา ซอติก้า และเยตากุน (รูปที่ 6) ถูกส่งมาตามท่อจากชายฝั่งทะเลเมียนมาร์ถึงบ้านอีต่องยาว 63 กิโลเมตร จากนั้น ก็ส่งไปตามท่อถึงโรงไฟฟ้าราชบุรีพาวเวอร์ ของบริษัทผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง (ปัจจุบันชื่อ บริษัทราช กรุ๊ป จำกัด) ตามท่อขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 42 นิ้ว ระยะทาง 244 กิโลเมตร

ป่ะล่ะ ป่ะล่ะ

 

รูปที่ 2 ภาพธงชาติไทยและเมียนมาร์ ประดับบนยอดเสาที่เนินเสาธง

 

รูปที่ 3 ป้าย ”จุดประสานสัมพันธ์ไมตรี นิจนิรันดร์ ไทย-เมียนมาร์” ที่ตีนเนินเสาธง

 

รูปที่ 4 ภาพถ่ายป้าย “ช่องทางมิตรภาพ“ แสดงถนนที่ตัดเข้าไปในเมียนมาร์ (ว่ากันว่าถนนเส้นนี้ไปถึงเมืองทะวายได้)

 

รูปที่ 5 ภาพถ่ายป้าย 000 แสดงตำแหน่งที่ท่อก๊าซธรรมชาติจากเมียนมาร์เข้ามาแผ่นดินไทย

 

รูปที่ 6 แผนที่แสดง ตำแหน่งของแหล่งก๊าซธรรมชาติ 3 แหล่งในอ่าวเมาะตะมะ เมียนมาร์ ที่ผลิตก๊าซธรรมชาติ และส่งตามท่อมาเพื่อผลิตไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าราชบุรีพาวเวอร์ และส่วนหนึ่งส่งตามท่อขนาด 30 นิ้ว ระยะทาง 153 กิโลเมตรไปโรงไฟฟ้าวังน้อย

 

.

-------------------------

 

 

 

ขอต้อนรับเข้าสู่เว็บไซต์
www.iok2u.com
แหล่งข้อมูลสารสนเทศเพื่อคุณ

เว็บไซต์ www.iok2u.com นี้เกิดมาจาก แรงบันดาลใจในภาพยนต์เรื่อง Pay It Forward โดยมีเป้าหมายเล็ก ๆ ที่กำหนดไว้ว่า ทุกครั้งที่เข้าเรียนสัมมนาหรืออบรมในแต่ละครั้ง จะนำความรู้มาจัดทำเป็นบทความอย่างน้อย 3 เรื่อง เพื่อมาลงในเว็บนี้
ความตั้งใจที่จะถ่ายทอดความรู้ที่ได้รับมาทำการถ่ายทอดต่อไป และหวังว่าจะมีคนมาอ่านแล้วเห็นว่ามีประโยชน์นำเอาไปใช้ได้ หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลย โดยอาจไม่ต้องอ้างอิงที่มาหรือมาตอบแทนผู้จัด แต่ขอให้ส่งต่อหากคิดว่ามันดีหรือมีประโยชน์ เพื่อถ่ายทอดความรู้และสิ่งดี ๆ ต่อไปข้างหน้าต่อไป Pay It Forward