iok2u.com แหล่งรวมข้อมูลข่าวสารเรื่องราวน่าสนใจเพื่อการศึกษาแลกเปลี่ยนและเรียนรู้

มิสเตอร์เรน (Mr. Rain) และมิสเตอร์เชน (Mr. Chain)
Mr. Rain และ Mr. Chain สองพี่น้องในโลกออฟไลน์และออนไลน์ที่จะมาร่วมมือกันสร้างสื่อสารสนเทศ เพื่อเผยแพร่ให้ความรู้ในเรื่องราวต่างๆ มากมายสร้างสังคมในการเรียนรู้ หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลยโดยไม่ต้องตอบแทนกลับมา
ยืนหยัด เข้มแข็ง และกล้าหาญ (Stay Strong & Be Brave)
ขอเป็นกำลังใจให้คนดีทุกคนในการต่อสู้ความอยุติธรรม ในยุคสังคมที่คดโกงยึดถึงประโยชน์ส่วนตนและพวกฟ้องมากกว่าผลประโยชน์ส่วนรวม จนหลายคนคิดว่าพวกด้านได้อายอดมักได้ดี แต่หากยึดคำในหลวงสอนไว้ในเรื่องการทำความดีเราจะมีความสุขครับ
Pay It Forward เป้าหมายเล็ก ๆ ในการส่งมอบความดีต่อ ๆ ไป
เว็ปไซต์นี้เกิดจากแรงบันดาลใจในภาพยนต์เรื่อง Pay It Forward ที่เล่าถึงการมีเป้าหมายเล็ก ๆ กำหนดไว้ให้ส่งมอบความดีต่อไปอีก 3 คน หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลยโดยไม่ต้องตอบแทนกลับมา อยากให้ส่งต่อเพื่อถ่ายทอดต่อไป

Mikasa City Meseum พิพิธภัณฑ์แห่งเมืองมิคาซ่า

  
 
พิพิธภัณฑ์มิคาซ่า ส่วนบรรพชิวิน


Mikasa City Meseum พิพิธภัณฑ์แห่งเมืองมิคาซ่า

Mikasa Geopark อุทธยานธรณีมิคาซ่า

เมื่อร้อยห้าสิบปี หรือ สองร้อยปีที่แล้ว พื้นที่ส่วนใหญ่ของเกาะ Hokaido เป็นป่าเขา หนาวกันดาร ไม่ค่อยมีคนอยู่เท่าไหร่ จวบจนมีการค้นพบถ่านหิน ในปีประมาณ ค.ศ. 1880 เป็นถ่านหินอายุไม่เกิน 40 - 60 ล้านปี ก็อาจจะแก่กว่าถ่านหินที่แม่เมาะสักหน่อย เป็นถ่านหินยุค Tertiary และ เริ่มมีการพัฒนาขุดถ่านหินขึ้นมาใช้เป็นครั้งแรกของประเทศญี่ปุ่น ชนิดที่เรียกว่าพลิกโฉมหน้าของประเทศเข้าสู่ยุคเริ่มต้นของอุตสาหกรรมหนักในประเทศญี่ปุ่นเลยล่ะขอรับ

หมู่บ้าน Mikasa นั้นได้เริ่มก่อตั้งในปี 1906 และ ส่งออกถ่านหินไปใช้ในกิจการรถไฟ และอุตสาหกรรมหนักทั่วประเทศญี่ปุ่น

เมือง Mikasa นั้น ตั้งอยู่บริเวณปากแม่น้ำเล็กๆ ชื่อ Ikushunbetsu river ที่ไหลลงมาจากภูเขามาโผล่บนส่วนที่เป็นเกือบที่ราบ แล้วไหลลงสู่ทะเลญี่ปุ่น ด้านตะวันตกของตัวเกาะ

ความสำคัญของแม่น้ำ Ikunshubetsu นี้คือ เริ่มไหลมาจากยอดเขาซึ่งเป็นหินทราย Sandstone หินทรายแป้ง Siltstone และ หินดินดาน Shale ยุค Jurassic อายุก็ราวๆ 140-180 ล้านปี ค่อยๆไหลตัดผ่านชั้นหินลงมาถึงชั้นหิน ยุค Tertiary ที่พบถ่านหิน ตามที่กล่าวไปแล้ว ในช่วงใกล้ๆ ตีนเขา

การที่เป็นแอ่งรับน้ำฝนและหิมะขนาดไม่ใหญ่แต่ยาวนาน น้ำฝนและ หิมะ ก็กัดเซาะหินยุค Jurassic บางส่วนจนผุพัง ทำให้ฟอสชิล Fossil ของ Ammonite ก็จำพวก บรรพบุรุษของ หอยงวงช้าง ปลาหมึก นั่นล่ะครับ ผุพังหลุดออกมาให้เห็นกัน โดยเฉพาะชั้นกรวดริมแม่น้ำ

ฟอสซิล Ammonite ที่นี่ พบเยอะมากมายทั้งจำนวน และ สายพันธ์ และนับได้ว่า เยอะมากที่สุดในประเทศญี่ปุ่น และ ยังพบ Ammonite ขนาดยักษ์ ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย โดยมีความยาวเส้นผ่าศูนย์กลางถึง 1.3 เมตร เขาว่ากันว่า เขาพบ Ammonite ในบริเวณนี้ นับร้อยสายพันธ์ มีขนาดต่างๆกันตั้งแต่ปลายนิ้วก้อย ไปจนถึง ตัวขนาดใหญ่ 1.3 เมตร ดังที่กล่าวมาแล้วในขั้นต้น

เจ้า Ammonite นั้น เป็นสัตว์ต้นตระกูลของ หมึก หรือ ปลาหมึก และหอยงวงช้าง ในปัจจุบัน เนื้อตัวมันจะนิ่มๆ แบบปลาหมึก แต่จะอร่อยเหมือนกันหรือเปล่า ก็ไม่รู้น่ะ แต่ตัวกระดองของมันเป็นเปลือกแข็ง ตัวมันจะโผล่ออกมาด้านล่าง ส่วนด้านบนของกระดอง จะแบ่งเป็นห้องๆ อาจจะเป็นโพรงอากาศ ทำให้เจ้า Ammonite นี้ สามารถลอยตัว ตุ้บป่องๆ ได้ในทะเล และน่าจะควบคุมการลอยขึ้น หรือ จมลง ด้วยการเพิ่มหรือลด อากาศในโพรง การเคลื่อนที่ในแนวระนาบ ก็คงใช้ท่อเป่าแบบปลาหมึก มั้ง?? (เขาว่ากันอย่างนั้นน่ะ จำเขามาอีกที หุหุ)

นอกจาก Ammonite แล้ว ยังพบไดโนเสาร์ที่อาศัยอยู่ในน้ำในยุคสมัยนั้น มีรูปร่างคล้ายปลา กึ่ง ฉลาม ผสม นาค ผสม จรเข้ น่าจะจัดอยู่ในกลุ่ม Plesiosours ยังไงๆก็ไม่รู้ ซึ่งน่าจะสูญพันธ์ไปในเวลาไล่เลี่ยกันกับไดโนเสาร์สูญพันธ์เมื่อประมาณสัก 60-70 ล้านปีที่แล้ว

นอกจาก Ammonite แล้วยังพบ fossil ของหอยชนิดต่างๆ ปลา Crinoid ฟองน้ำ และอื่นๆอีกมากมาย

ในขณะเดียวกัน ก็จะพบ Fossil ปลา และ นก รวมทั้งเมล็ดสน fossil พืชหลากหลายชนิด จากหินยุค Tertiary ก็อายุไล่เลียง ใกล้เคียงกับถ่านหินนั่นแหล่ะขอรับ

ในพิพิธภัณฑ์มิคาซานี้ มีตัวอย่างฟอสซิลให่ชมกันนับพันชิ้น ส่วนใหญ่เป็นฟอสซิลที่พบในหุบเขามิคาซ่า และมีจำนวนไม่มากที่ยืมมาตั้งแสดงเพื่อเปรียบเทียบให้เห็น่ะครับ แต่ก็เหมือนกับสถานที่แห่งต่างๆ ในญี่ปุ่นคือ จะมีป้าย หรือ คำบรรยาย เป็นภาษาญี่ปุ่น ดังนั้น การติดตั้ง แอป แปลภาษาก็ควรจะมีมาด้วยน่ขอรับ

ช่วงที่ข้าพเจ้ามาเยือน Mikasa City Meseum ในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2025 นั้น อยู่ในช่วงท้ายๆของฤดูหนาว ที่ยังมีหิมะตกปอยๆ แต่รวมกับหิมะที่ตกสะสมมาก่อนล่วงหน้า ก็มีหิมะหนากว่า 1 เมตรอยู่ทั่วไป แม้แต่ขณะที่นั่งแท๊กซี่กลับนั้น สายฝน เอ้ย สายหิมะ ก็มาโปรยปราย สวยงาม เหมือนมาเลี้ยงส่งอำลากัน

เนื่องจากตัวพิพิธภัณฑ์อยู่นอกเมืองห่างจากซัปโปโรไปร่วม 60-70 กิโลเมตร ถ้าจะไปรถเมล์บวกรถไฟแถมเดินอีกท่ามกลางสายหิมะ ข้าพเจ้าก็น่าจะเดินทางลำบากทุลักทุเล ก็เลยตัดใจนั่งแท๊กซี่ทั้งไปและกลับ จึงพบว่าค่าแท๊กซี่ในญี่ปุ่นนี้แพงมาก ชนิดที่ว่าค่าแท๊กซี่ไปกลับนั่น ต่ำกว่าค่าเครื่องบิน Low costs กรุงเทพ - ซัปโปโปโร ช่วง Low seasons ไปไม่มาก ก็มีอึ้งนิดๆ แต่หากมาช่วงหน้าร้อน ข้าพเจ้าคิดว่าใช้บริการรถเมล์รถไฟ ก็น่าจะดีกว่าน่ะขอรับ

ฟอสซิล Ammonite ขนาดย่อมลงมาเยอะ ส่วนใหญ่เป็นของที่นี่ แต่มีบางตัว เช่นตัวล่างขวามือ รูปร่างแปลกๆนั้นมาจากแอฟริกา

ฟอสซิลของ Ammonite ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น พร้อมพระรองที่มีขนาดย่อมลงไปอีกหลายชิ้น

ถ้าเราก้มดูที่ผิวอย่างใกล้ชิด ก็จะเห็นลวดลายที่อยู่บนผิวกระดอง มองดูคล้ายๆกับลายใบเฟิร์น หรือหญ้ามอส

เนื่องจากบริเวณที่เป็นลาย ก็มีส่วนผสมทางเคมีไม่เหมือนกับพื้นกระดอง จึงมีการสึกหรอเร็วกว่า จนเป็นร่องๆ

โพรงอากาศยังว่างอยู่แม้ว่าเวลาจะผ่านมาร่วม 140 - 160 ล้านปีมาแล้วก็ตาม

เจ้า Ammonite ก็อาจจะอนุมาณว่า เป็ปลาหมึก หรือ หมึกที่มีกระดองแข็ง นั้น เมื่อตายลง ส่วนที่เป็น Soft tissues ก็ย่อยสลายลง ส่วนที่เป็นกระดอง ระบบปั้มน้ำ ก็จะไม่ทำงาน เปลือกกระดองก็จะจมลงบนพื้นทะเล หลังจากนั้น ดินโคลนทรายที่อยู่โดยรอบ ก็จะถูกน้ำพัดเข้ามากองในโพรงกระดอง แต่เนื่องจากกระดองด้านในนั้น ก็แบ่งเป็นห้องๆ บางครั้ง และ บ่อยครั้ง ก็ทำให้ดินทราย มาตกตะกอนได้ คงทิ้งไว้แต่โพรงกลวงๆ

โพรงกลวงๆ นั้น ต่อมาในภายหลัง น้ำบาดาลซึมเข้ามา บางส่วนก็มีผลึกของ แร่ซิลิก้า หรือ แร่แคลไซท์ งอกทับถมได้

แต่โดยทั่วไป ดินทรายก็จะเข้ามาทับถมในโพรงจนเต็ม

เจ้าน้องยักษ์รอง Ammonite ชิ้นนี้ เมื่อตายลงไป กระดองก็จะหล่นลงไปในพื้นที่เป็นโคลนสีดำดำ ซึ่ง โคลสีดำดำนั้น ก็จะเข้ามาทับทมในตัวกระดอง

ชิ้นนี้ก็ยาวเมตรนิด แต่คนล่ะสี ขึ้นอยู่กับว่า เวลามันตาย ซากกระดองจะหล่นลงไปบนพื้นทะเลแบบไหน

 

ขอต้อนรับเข้าสู่เว็บไซต์
www.iok2u.com
แหล่งข้อมูลสารสนเทศเพื่อคุณ

เว็บไซต์ www.iok2u.com นี้เกิดมาจาก แรงบันดาลใจในภาพยนต์เรื่อง Pay It Forward โดยมีเป้าหมายเล็ก ๆ ที่กำหนดไว้ว่า ทุกครั้งที่เข้าเรียนสัมมนาหรืออบรมในแต่ละครั้ง จะนำความรู้มาจัดทำเป็นบทความอย่างน้อย 3 เรื่อง เพื่อมาลงในเว็บนี้
ความตั้งใจที่จะถ่ายทอดความรู้ที่ได้รับมาทำการถ่ายทอดต่อไป และหวังว่าจะมีคนมาอ่านแล้วเห็นว่ามีประโยชน์นำเอาไปใช้ได้ หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลย โดยอาจไม่ต้องอ้างอิงที่มาหรือมาตอบแทนผู้จัด แต่ขอให้ส่งต่อหากคิดว่ามันดีหรือมีประโยชน์ เพื่อถ่ายทอดความรู้และสิ่งดี ๆ ต่อไปข้างหน้าต่อไป Pay It Forward