Owas เหนือฟ้าลิขิตชีวิตโอวาส จิโนรส สอบติดวิดยา
เหนือฟ้าลิขิตชีวิต โอวาส จิโนรส
สอบติดวิดยา
ตอนขึ้น ม.ศ. 4-5 ผมเรียนหนังสืออย่างเดียว อีกทั้งยังต้องเรียนพิเศษอีกด้วย กีฬาวอลเล่ย์บอลก็ไม่เล่นแล้ว ที่โรงเรียนนี้จะให้บราเดอร์เป็นคนสอนหนังสือเป็นส่วนมาก โดยเพราะคณิตศาสตร์ เรขาคณิต ก็เรียนเป็นภาษาอังกฤษหมดเลย ค่อนข้างหนักไม่น้อย แต่ผมก็ไม่ถอยและอาศัยว่าใจสู้มีความมุ่งมั่นทุ่มเทเพื่อที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยให้ได้ และที่นี่ผมได้เจอเพื่อนที่เรียนเก่งๆหลายคนและอีกอย่างผมมีพี่ชายคนที่ 2 ที่ชื่อพี่ปรีดา สุจริตพรชัยกุล ซึ่งถือได้ว่าเป็นต้นแบบ “Role model” หรือ “Idol” ของผมเลยทีเดียวเพราะพี่เขาขยันและเรียนเก่งมาก ผมจึงเอาเป็นแบบอย่าง
ก่อนสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่สมัยนั้นเรียกกันว่าสอบเอ็นทรานซ์(Entrance) ผมก็จะไปร่วมดูหนังสือกับเพื่อนๆที่เรียนเก่งๆทั้งหมด 12 คนรวมทั้งผมด้วย โดยพากันไปอ่านหนังสือกันที่บ้านพักป่าไม้ จังหวัดลำพูน ซุ่มดูหนังสืออยู่ด้วยกันสัก 10 วัน ก็เริ่มอยากกลับบ้าน จึงพากันแยกย้ายกลับไปดูหนังสือต่อที่บ้านใครบ้านมัน
ตอนนั้นการสอบเอ็นทรานซ์เขาให้เลือกคณะที่เราต้องการ 6 คณะ สำหรับผมก็เลือกคณะแพทย์ศาสตร์ 4 อันดับ อันดับ 5 เภสัชศาสตร์ และอันดับ 6 เลือกคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นอันดับสุดท้าย วันประกาศผลสอบ ผมก็ขี่รถจักรยานยนต์ยามาฮ่าสีเหลืองคู่ใจไปดูผล ใจเต้นแรง...ตื่นเต้นมาก...ปรากฏว่าสอบติดคณะวิทยาศาสตร์ มช. หรืออันดับสุดท้าย เกือบสอบไม่ติดแล้วสิเรา เหล่าเพื่อนๆ 11 คนที่ไปดูหนังสือด้วยกันสอบเอ็นทรานซ์ติดคณะแพทย์ศาสตร์ และคณะวิศวกรรมศาสตร์กันหมด!! ผมก็ไม่ได้คิดอะไร กลับบ้านมาบอกให้คุณแม่ทราบ
“เรียนคณะวิทยาศาสตร์แล้วออกมาทำงานอะไร” คุณแม่สงสัย
“ยังไม่รู้เหมือนกัน น่าจะเป็นอาจารย์มั้งครับ แต่ผมอาจสอบเอ็นทรานซ์ใหม่ก็ได้นะแม่”
ตัวเองก็ยังลังเล
คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (ภาพจากกูเกิ้ล)
มันอาจมีลางสังหรณ์ตั้งแต่คุณแม่ซื้อรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า“สีเหลือง”ให้ผมแล้วมั้งว่าจะได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยในคณะวิทยาศาสตร์ เพราะสีประจำของคณะนี้คือ “สีเหลือง” การเรียนในชั้นปี1 ของผมเป็นไปแบบสนุกๆ ไม่มีอะไรให้ทุกข์ร้อน
ขณะอยู่ปี 1 คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ปี 2516
อยู่มาวันหนึ่ง จำได้ว่าตอนเข้าเรียนวิชาเคมี101 เผอิญมีนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์นั่งเก้าอี้ขวางตรงทางเข้าและเขาก็ไม่ยอมลุกขึ้นเพื่อให้ผมเดินเข้าไปนั่งเก้าอี้ว่างด้านใน ผมก็ไม่สนใจ เดินผ่านเขาเข้าไปเลยและขาก็น่าจะไปโดนเข่าเขา ทำให้เขาไม่พอใจ พอเลิกเรียนเขาก็เดินเข้ามาหาเรื่องและจะต่อยผม เอาละสิ...พอดีมีเพื่อนที่ชื่อสุรชัย สัมภวมาน ชื่อเล่น “ไอ้นกเขา” ได้ปรี่เข้ามาแนะนำว่า “ไปหาที่ต่อยกันเดี่ยวๆเลยจะดีกว่า”
เมื่อตกลงกันได้ดังนั้น ก็พากันนั่งรถมอเตอร์ไซค์ยามาฮ่าสีเหลืองของผมไปโดยไอ้นกเขาเป็นคนขี่ คู่กรณีนั่งซ้อนคนที่ 2 ส่วนผมนั่งปิดท้าย ไปที่สวนรุกชาติห้วยแก้ว
พอถึงที่หมายก็เริ่มบรรเลงมวยไทยใส่กันเดี่ยวๆ ยังจำได้ที่มีคนเคยสอนผมว่าถ้าต่อยเดี่ยวๆ
“อย่าเตะนะ ให้ใช้หมัดเพียวๆต่อยอย่างเดียวเท่านั้น!” เขาเตะมา ผมก็สวนเข้าเป้าตรงปลายคางเขาเล่นเอาสลบลงไปกองกับพื้นเลย ผมกับไอ้นกเขาก็พยายามช่วยให้เขาฟื้นขึ้นมาและพากันไปส่งกลับหอพักอย่างปลอดภัย
กับเพื่อนวิดยา’165
ได้เคลียร์กันอย่าง“ลูกผู้ชาย”และอาจกลายมาเป็นเพื่อนกันได้ในภายหลัง แต่การณ์หาเป็นเช่นนั้นไม่ เพราะในวันรุ่งขึ้นเขาได้พาเพื่อนวิศวะหลายสิบคนมาเดินตามหาผมตามหอพักชายในมหาวิท ยาลัย แต่หาเจอผมไม่เพราะผมเป็น"เด็กเมือง"คือพักอยู่ที่บ้านไม่ใช่“เด็กหอ” พอผมรู้ ผมจึงพา"ไอ้อ๋อง"เพื่อนผมที่นักเลงแถวเชียงใหม่เรียก“อ้าย”ไปหาเขาถึงหอพัก เมื่อไอ้อ๋องเจอเขาก็เข้าไปทักและเอ่ยวาจาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มอย่างสุภาพว่า
“มึงอย่าซ่าให้มากนักนะ!!”
และก่อนจะบานปลายไปมากกว่านี้ ก็มีเพื่อนวิศวะของเขาปรี่เข้ามาขอโทษให้เลิกแล้วต่อกัน...เป็นอันจบ!!
-------------------------------------------------
ที่มา
- https://www.facebook.com/owas.chinoroje
รวบรวมข้อมูลและภาพ
-------------------------------------------------
บทความ โอวาส จิโนรส (Owas Chinoroje) รวมข้อมูล
รวมบทความที่น่าสนใจจากนักธรณีวิทยาของไทย-------------------------------------------------