iok2u.com แหล่งรวมข้อมูลข่าวสารเรื่องราวน่าสนใจเพื่อการศึกษาแลกเปลี่ยนและเรียนรู้

ยืนหยัด เข้มแข็ง และกล้าหาญ (Stay Strong & Be Brave)
ขอเป็นกำลังใจให้คนดีทุกคนในการต่อสู้ความอยุติธรรม ในยุคสังคมที่คดโกงยึดถึงประโยชน์ส่วนตนและพวกฟ้องมากกว่าผลประโยชน์ส่วนรวม จนหลายคนคิดว่าพวกด้านได้อายอดมักได้ดี แต่หากยึดคำในหลวงสอนไว้ในเรื่องการทำความดีเราจะมีความสุขครับ
Pay It Forward เป้าหมายเล็ก ๆ ในการส่งมอบความดีต่อ ๆ ไป
เว็ปไซต์นี้เกิดจากแรงบันดาลใจในภาพยนต์เรื่อง Pay It Forward ที่เล่าถึงการมีเป้าหมายเล็ก ๆ กำหนดไว้ให้ส่งมอบความดีต่อไปอีก 3 คน หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลยโดยไม่ต้องตอบแทนกลับมา อยากให้ส่งต่อเพื่อถ่ายทอดต่อไป
มิสเตอร์เรน (Mr. Rain) และมิสเตอร์เชน (Mr. Chain)
Mr. Rain และ Mr. Chain สองพี่น้องในโลกออฟไลน์และออนไลน์ที่จะมาร่วมมือกันสร้างสื่อสารสนเทศ เพื่อเผยแพร่ให้ความรู้ในเรื่องราวต่างๆ มากมายสร้างสังคมในการเรียนรู้ หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลยโดยไม่ต้องตอบแทนกลับมา

เที่ยวกรุงเทพ ตะเวณป้อมปราการแห่งกรุงรัตนโกสินทร์

 

ย้อนรอย 14 ป้อมปราการแห่งกรุงรัตนโกสินทร์: จากอดีตที่ยิ่งใหญ่ สู่ปัจจุบันที่เหลือเพียงความทรงจำ

เมื่อเรานึกถึงกรุงเทพมหานคร ภาพของตึกระฟ้า รถไฟฟ้า และแสงสีที่ไม่เคยหลับใหลคงผุดขึ้นมาในความคิด แต่หากเราลองปัดฝุ่นแห่งกาลเวลาออกไป เราจะพบว่ามหานครแห่งนี้เคยถูกโอบล้อมด้วยกำแพงเมืองอันแข็งแกร่งและป้อมปราการที่น่าเกรงขามถึง 14 ป้อม เรื่องราวการเดินทางตามรอยกำแพงเมืองและป้อมปราการแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นหัวใจสำคัญในการปกป้องราชธานีแห่งใหม่

ป้อมปราการแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ร่องรอยความยิ่งใหญ่แห่งเมืองพระนคร

เมื่อเอ่ยถึงกรุงรัตนโกสินทร์ เรามักนึกถึงพระบรมมหาราชวัง วัดพระแก้ว และแม่น้ำเจ้าพระยา แต่สิ่งหนึ่งที่มักถูกมองข้าม หากแต่มีความสำคัญยิ่งต่อ “การป้องกันราชธานี” ในอดีตก็คือ “ป้อมปราการและกำแพงเมือง” ที่โอบล้อมเกาะรัตนโกสินทร์ไว้ดุจโล่ห์ศักดิ์สิทธิ์แห่งกรุง ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1) เมื่อครั้งทรงสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ขึ้นเป็นราชธานีในปี พ.ศ. 2325 พระองค์โปรดให้สร้าง “กำแพงเมืองและป้อมปราการ” ล้อมรอบพื้นที่ราชธานี เพื่อป้องกันการรุกรานจากข้าศึกทางบกและทางน้ำ เพื่อเป็นแนวป้องกันข้าศึกศัตรู ไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยดั่งเช่นกรุงศรีอยุธยา กำแพงเมืองพระนครถูกสร้างขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ มีความยาวโดยรอบประมาณ 7.2 กิโลเมตร ก่อด้วยอิฐถือปูน เลียบริมคลองรอบกรุง (คลองบางลำพูและคลองโอ่งอ่าง) และแม่น้ำเจ้าพระยา ตลอดแนวกำแพงได้มีการสร้าง "ป้อมปราการ" ประจำการอยู่ตามจุดยุทธศาสตร์สำคัญรวมทั้งสิ้น 14 ป้อม เพื่อใช้เป็นที่มั่นสำหรับทหารและปืนใหญ่ในการสังเกตการณ์และป้องกันเมือง 

กำแพงเมืองและประตูแห่งกาลเวลา

กำแพงเมือง มีความยาวราว 7 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ “เกาะรัตนโกสินทร์” ซึ่งเกิดจากการขุด “คลองรอบกรุง” ให้เป็นแนวคูเมือง และสร้าง “ป้อม” ขึ้นตามจุดยุทธศาสตร์สำคัญ รวมทั้งสิ้น 14 ป้อมสังเกตการณ์ โดยแต่ละป้อมมีชื่ออันเป็นมงคล สื่อถึงอำนาจ ความกล้าหาญ และชัยชนะในสงคราม กำแพงเมืองรัตนโกสินทร์ไม่เพียงเป็นแนวป้องกัน แต่ยังเป็นสัญลักษณ์แห่งความรุ่งเรืองของสถาปัตยกรรมไทย

ในสมัยรัชกาลที่ 1 ประตูเมืองเป็นไม้ทาดินแดง

ในสมัยรัชกาลที่ 3 มีการสร้าง หอรบก่ออิฐ ขึ้นบนประตู เพื่อใช้สังเกตการณ์และตั้งปืนใหญ่

ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 มีการปรับปรุงเป็น ประตูยอดทรงสูงแบบตะวันตก สะท้อนอิทธิพลของสถาปัตยกรรมสมัยใหม่

กรมศิลปากรได้บูรณะส่วนหนึ่งของกำแพงเมืองและประตูทางทิศเหนือเมื่อปี พ.ศ. 2524 เพื่อรักษาไว้เป็นมรดกทางประวัติศาสตร์ของชาติ รายนามป้อมทั้ง 14 แห่งนั้น ล้วนมีชื่อที่ไพเราะและแฝงความหมายอันเป็นมงคล ได้แก่:

1. ป้อมพระสุเมรุ ตั้งอยู่เหนือสุดของเกาะรัตนโกสินทร์ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ปัจจุบันยังคงงดงามและสมบูรณ์ที่สุด เหมือนเป็นพยานเงียบของกาลเวลา ที่บอกเล่าเรื่องราวกว่า 200 ปี

2. ป้อมยุคุนธร ตั้งอยู่บริเวณหน้าวัดบวรนิเวศวิหาร ปัจจุบันเหลือเพียงแนวกำแพงและประตูเมือง เป็นร่องรอยของอดีตที่ยังหายใจอยู่กลางความพลุกพล่านของพระนคร

3. ป้อมมหาปราบ ตั้งอยู่ระหว่างสะพานเฉลิมวันชาติกับแยกผ่านฟ้าลีลาศ ตรงหัวโค้งถนนพระสุเมรุ เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญทางทิศเหนือ

4. ป้อมมหากาฬ เชิงสะพานผ่านฟ้าลีลาศ ป้อมแห่งนี้เคยเป็นแนวป้องกันสำคัญทางประตูผีและถนนมหาไชย ปัจจุบันกลายเป็นแหล่งเรียนรู้ชุมชนและประวัติศาสตร์ของกรุงรัตนโกสินทร์

5. ป้อมหมู่ทะลวง (ทลวง) อยู่ใกล้สวนรมณีนาถ ป้อมแห่งนี้เคยถูกทุบทิ้งบางส่วนเมื่อปี พ.ศ. 2440 เพื่อนำอิฐไปสร้างทางรถไฟสายอยุธยา–บ้านภาชี–แก่งคอย นับเป็นการ “สละร่างเพื่อสร้างชาติ” อย่างแท้จริง

6. ป้อมเสือทยาน อยู่ใกล้สะพานดำรงสถิต (สะพานเหล็กบน) ตรงบริเวณโรงแรมมิรามา ชื่อ “เสือทยาน” บ่งบอกถึงความรวดเร็วและดุดันดั่งเสือในสนามรบ

7. ป้อมมหาไชย ตั้งอยู่บริเวณหัวถนนเยาวราช แถวสะพานหัน ปัจจุบันกลายเป็นที่ตั้งของธนาคารทหารไทย สาขาวังบูรพา ป้อมนี้ถูกรื้อเมื่อปลายปี พ.ศ. 2469

8. ป้อมจักรเพชร อยู่ใต้สุดของเกาะรัตนโกสินทร์ ตรงเชิงสะพานพุทธยอดฟ้า ปากคลองรอบกรุง เคยเป็นป้อมสำคัญป้องกันข้าศึกทางน้ำด้านใต้

9. ป้อมผีเสื้อ ตั้งอยู่บริเวณปากคลองตลาด ปากคลองคูเมืองเดิมด้านใต้ ปัจจุบันพื้นที่บริเวณนี้ยังคงคึกคักไม่ต่างจากในอดีต

10. ป้อมมหาฤกษ์ อยู่ภายในบริเวณโรงเรียนราชินี ฝั่งตรงข้ามกับป้อมวิชัยประสิทธิ์ในธนบุรี เป็นป้อมที่สะท้อนความสมมาตรของการป้องกันทั้งสองฝั่งแม่น้ำ

11. ป้อมมหายักษ์ ตั้งอยู่บริเวณท่าเตียน ใกล้อาคารกรมการค้าภายในเก่า เป็นป้อมที่มีบทบาทในการป้องกันเส้นทางทางน้ำจากเจ้าพระยาเข้าสู่พระบรมมหาราชวัง

12. ป้อมพระจันทร์ ตั้งอยู่ที่ “ท่าพระจันทร์” ข้างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปัจจุบันเหลือเพียงชื่อที่ยังถูกใช้เรียกย่านนี้ ซึ่งเคยเป็นแนวป้อมปราการสำคัญของเมือง

13. ป้อมพระอาทิตย์ อยู่บริเวณเชิงสะพานพระปิ่นเกล้า ปากคลองคูเมืองเดิม เป็นป้อมสำคัญคู่กับป้อมพระสุเมรุ ปัจจุบันยังคงอยู่ในสภาพดีและเปิดให้ประชาชนเข้าเยี่ยมชม

14. ป้อมอิสินธร ตั้งอยู่บริเวณพุทธสมาคมแห่งประเทศไทย ตรงข้ามซอยชนะสงคราม เคยเป็นป้อมสำหรับควบคุมแนวทางเข้าออกทางทิศเหนือของพระนคร

สองปราการสุดท้ายที่ยังคงยืนหยัด

กาลเวลาผ่านไป ความจำเป็นในการใช้ป้อมปราการเพื่อการป้องกันข้าศึกได้ลดน้อยลง ในสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อมีการขยายและพัฒนาเมือง กำแพงและป้อมปราการส่วนใหญ่จึงถูกรื้อถอนเพื่อสร้างถนนและอาคารบ้านเรือน ทำให้ปัจจุบันหลงเหลือป้อมปราการที่ยังคงสภาพสมบูรณ์ให้เราได้เห็นเพียง 2 แห่งเท่านั้น ซึ่งเปรียบเสมือนอนุสรณ์สถานผู้พิทักษ์เมืองในอดีต

1. ป้อมพระสุเมรุ ป้อมสีขาวรูปทรงแปดเหลี่ยมสง่างาม ตั้งตระหง่านอยู่บริเวณมุมถนนพระอาทิตย์และถนนพระสุเมรุ ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ป้อมแห่งนี้ทำหน้าที่ควบคุมการเดินเรือที่ผ่านเข้ามาทางปากคลองบางลำพู ปัจจุบัน ป้อมพระสุเมรุกลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญของย่านเมืองเก่า และเป็นที่ตั้งของ "สวนสันติชัยปราการ" สวนสาธารณะบรรยากาศร่มรื่นที่ผู้คนนิยมมาพักผ่อนหย่อนใจ ชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยา และซึมซับลมหายใจแห่งประวัติศาสตร์ การได้มานั่งมองป้อมเก่าแก่แห่งนี้ในยามเย็น ถือเป็นประสบการณ์ที่เชื่อมโยงอดีตกับปัจจุบันได้อย่างน่าประทับใจ

2. ป้อมมหากาฬ อีกหนึ่งป้อมที่ยังคงยืนหยัดอย่างแข็งแกร่ง ตั้งอยู่บริเวณเชิงสะพานผ่านฟ้าลีลาศ ริมถนนมหาไชย ป้อมมหากาฬมีลักษณะทางสถาปัตยกรรมที่คล้ายคลึงกับป้อมพระสุเมรุ บนตัวป้อมยังมีใบเสมาและช่องยิงปืน (ช่องหอรบ) ให้เห็นอย่างชัดเจน ในอดีต ป้อมแห่งนี้เคยเป็นที่รู้จักควบคู่ไปกับชุมชนเก่าแก่ที่อาศัยอยู่เบื้องหลังแนวกำแพง แม้วันนี้ชุมชนจะย้ายออกไปแล้ว แต่พื้นที่โดยรอบได้ถูกปรับปรุงให้เป็นสวนสาธารณะและพื้นที่เรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ เปิดให้ผู้คนได้เข้าไปชื่นชมความงามของตัวป้อมและแนวกำแพงเมืองเก่าที่ยังหลงเหลืออยู่ได้อย่างใกล้ชิด แม้เวลาจะผ่านมากว่าสองศตวรรษ แต่ “ป้อมพระสุเมรุ” และ “ป้อมพระอาทิตย์” ยังตั้งตระหง่านอยู่ริมเจ้าพระยา เป็นอนุสรณ์แห่งยุทธศาสตร์และความยิ่งใหญ่ของกรุงรัตนโกสินทร์ ทุกอิฐทุกก้อนของป้อมเหล่านี้ล้วนบันทึกเรื่องราวของ “กรุงที่ไม่เคยหลับใหล” เป็นพยานแห่งความรุ่งเรืองของสยามประเทศที่ยังคงส่องแสงงดงามมาจนถึงปัจจุบัน

ตามร่องรอยป้อมที่หายไป

แม้ป้อมอื่นๆ อีก 12 แห่งจะถูกรื้อถอนไปแล้ว แต่ร่องรอยของป้อมเหล่านั้นยังคงแฝงตัวอยู่ในชื่อของสถานที่ต่างๆ ในปัจจุบัน เช่น "สี่แยกป้อมมหาไชย" หรือชื่อของสะพานและถนนบางสายที่สร้างขึ้นทับตำแหน่งเดิมของป้อม การเดินทางสำรวจเกาะรัตนโกสินทร์โดยสังเกตชื่อสถานที่เหล่านี้ ก็เปรียบเสมือนการตามหาจิ๊กซอว์ทางประวัติศาสตร์ที่กระจัดกระจายไปตามกาลเวลา

การตะลอนเที่ยวตามรอยป้อมปราการแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ไม่ใช่แค่การชมโบราณสถาน แต่คือการเดินทางเพื่อทำความเข้าใจรากฐานของเมืองหลวงที่เราอาศัยอยู่ จาก 14 ป้อมที่เคยตั้งตระหง่านเป็นองครักษ์พิทักษ์พระนคร มาวันนี้เหลือเพียง 2 ป้อมที่ทำหน้าที่เป็นครูผู้เล่าขานตำนานแห่งอดีต หากมีโอกาส ลองใช้เวลาหนึ่งวันเดินเท้าหรือปั่นจักรยานเลียบคลองรอบกรุง จากป้อมมหากาฬสู่ป้อมพระสุเมรุ แล้วคุณจะพบว่า...ใต้ความวุ่นวายของกรุงเทพฯ ยังมีเรื่องราวความยิ่งใหญ่และความทรงจำอันล้ำค่าซ่อนอยู่เสมอ

ป้อมปราการไม่ใช่เพียงกำแพงหิน แต่คือความทรงจำของแผ่นดินไทย ที่บอกเราว่า... “กว่าจะเป็นกรุงเทพฯ อย่างวันนี้ เมืองนี้เคยผ่านศึก ผ่านไฟ และผ่านเวลา มามากกว่าที่เราคิด”

.

------------------------

ที่มาข้อมูล

รวบรวมรูปภาพ

www.iok2u.com

------------------------

เที่ยวกรุงเทพ (Travel Bangkok)

เที่ยวไทย (Travel Thailand)

------------------------

 

 

ขอต้อนรับเข้าสู่เว็บไซต์
www.iok2u.com
แหล่งข้อมูลสารสนเทศเพื่อคุณ

เว็บไซต์ www.iok2u.com นี้เกิดมาจาก แรงบันดาลใจในภาพยนต์เรื่อง Pay It Forward โดยมีเป้าหมายเล็ก ๆ ที่กำหนดไว้ว่า ทุกครั้งที่เข้าเรียนสัมมนาหรืออบรมในแต่ละครั้ง จะนำความรู้มาจัดทำเป็นบทความอย่างน้อย 3 เรื่อง เพื่อมาลงในเว็บนี้
ความตั้งใจที่จะถ่ายทอดความรู้ที่ได้รับมาทำการถ่ายทอดต่อไป และหวังว่าจะมีคนมาอ่านแล้วเห็นว่ามีประโยชน์นำเอาไปใช้ได้ หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลย โดยอาจไม่ต้องอ้างอิงที่มาหรือมาตอบแทนผู้จัด แต่ขอให้ส่งต่อหากคิดว่ามันดีหรือมีประโยชน์ เพื่อถ่ายทอดความรู้และสิ่งดี ๆ ต่อไปข้างหน้าต่อไป Pay It Forward