เที่ยวนครราชสีมา เมือง อุทยานธรณีโคราช (Korat UNESCO Global Geopark)
อุทยานธรณีโคราช (Korat Geopark): อัญมณีแห่งการอนุรักษ์และท่องเที่ยวเชิงธรณีวิทยา
แผนที่: https://maps.app.goo.gl/HQmPQVgh6mut3Rkq8
อุทยานธรณีโคราช (Korat Geopark) ตั้งอยู่ในจังหวัดนครราชสีมา ประเทศไทย เป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญทั้งในด้านธรณีวิทยา มรดกทางธรรมชาติ และวัฒนธรรม โดยพื้นที่นี้ได้รับการพัฒนาและส่งเสริมให้เป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายอุทยานธรณีโลก (Global Geopark) ของ UNESCO เพื่อสร้างความสมดุลระหว่างการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติกับการพัฒนาชุมชนท้องถิ่น ด้วยภูมิประเทศที่โดดเด่นและหลากหลาย อุทยานธรณีโคราชเป็นแหล่งเรียนรู้ที่สำคัญสำหรับนักธรณีวิทยา นักท่องเที่ยว และชุมชนในพื้นที่ อีกทั้งยังเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจเรียนรู้เกี่ยวกับการก่อตัวของหินและฟอสซิล ตลอดจนมรดกทางวัฒนธรรมที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตในท้องถิ่น
ความหมายของ “โคราชจีโอพาร์ค” หมายถึง “พื้นที่ลุ่มน้ำลำตะคอง ในเขตอำเภอสีคิ้ว สูงเนิน ขามทะเลสอ เมืองนครราชสีมา และ เฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครราชสีมา ที่มีภูมิประเทศเขาเควสตา (เขารูปอีโต้) และฟอสซิล 3 ยุค 1 โดดเด่นเป็น เอกลักษณ์ (Cuesta & Fossil Land) เชื่อมโยงกับระบบนิเวศป่าเต็งรัง ป่าดิบแล้ง และวิถีชีวิตผู้คนกว่า 4,000 ปี
ความโดดเด่นของอุทยานธรณีโคราชจีโอพาร์ค ประกอบไปด้วย
1. ลักษณะภูมิประเทศเควสตา (Cuesta) หรือเขารูปอีโต้ “เควสตาโคราช (Khorat Cuesta)” เป็นชื่อเควสตาบริเวณขอบและใกล้ขอบที่ราบสูงโคราช (Khorat Plateau) ของหินทรายหมวดหินพระวิหารและหมวดหินภูพานที่ต้านทานมากกว่าหินโผล่ของหมวดหินอื่น ๆ จึงก่อให้เกิดเป็นเควสตาหรือเขารูปอีโต้ 2 แนวคู่ขนานกัน (Double Cuesta) จำนวนมากกว่า 20 เขา ในพื้นที่ จีโอพาร์ค โดยมีความสูงอยู่ในช่วง 400-800 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง เช่น เขายายเที่ยง เขาขนานจิต เขากระโดน เขาสะเดา เขาซับประดู่ เขาปืนแตก เขาเขียว เขาสามสิบส่าง เป็นต้น และอยู่ในเขต อำเภอสีคิ้ว กับอำเภอสูงเนิน เขาเหล่านี้เกิดจากลำตะคองและสาขาไหลตัดผ่านหรือเซาะกร่อน น้ำตะกอนกรวด ทราย ทรายแป้งและดินเหนียวไปทับถมในที่ราบหรือที่ราบลุ่มจนถึงอำเภอเฉลิมพระเกียรติ จึงทำให้เกิดภูมิประเทศ เขาสลับหุบเขาเป็นแนวในทิศตะวันตกเฉียงเหนือ-ตะวันออกเฉียงใต้ ในบริเวณด้านตะวันตกสุด ซึ่งบางส่วน เกิดเป็นช่องเขาน้ำกัด (Water Gap) เช่น บริเวณลำตะคองระหว่างเขายายเที่ยงและเขาเขื่อนลั่น กับเขา ขนานจิตและเขาเตียน ทำให้สามารถสร้างเขื่อนล าตะคองได้ ส่วนบริเวณที่ถัดออกมาทางด้านตะวันออก ลำตะคองและสาขาไหลกัดเซาะพื้นที่มาก่อนหรือนานกว่า จึงเกิดภูมิประเทศเป็นเขาโดด ในพื้นที่ราบลูกคลื่นลอน ลาด โดยกระจายตัวเป็นแนวเขาโดดคู่ขนานกับแนวแรกที่กล่าวแล้ว คือ แนวเขาโดดเขาผาแดง – เขาพริก – เขาเขียว
2. ซากดึกดำบรรพ์ สิ่งที่เป็นความพิเศษเฉพาะพื้นที่ (Unique) ในทางธรณีวิทยา คือ ฟอสซิลไดโนเสาร์และสัตว์ร่วมยุค จำนวนมากและหลากหลายชนิดในชั้นหินกรวดมนปนปูนที่แทรกสลับชั้นอยู่กับหินทราย ในเขตอำเภอเมือง นครราชสีมา กับฟอสซิลช้างดึกด าบรรพ์และสัตว์ร่วมยุค รวมทั้งไม้กลายเป็นหินที่สะสมตัวอยู่ในชั้นตะกอนร่วน กรวดทราย ในเขตอ าเภอเฉลิมพระเกียรติเมืองนครราชสีมา และอำเภอขามทะเลสอ จนอาจกล่าวได้ว่า เมือง โคราช คือ มหานครแห่งบรรพชีวินของโลก หรือเวิร์ลพาลีออนโตโปลิส (World Paleontopolis)
1) แหล่งไดโนเสาร์ ในเขตอำเภอเมืองนครราชสีมา และอำเภอใกล้เคียง เป็นแหล่งพบฟอสซิลไดโนเสาร์จำนวนนับพันชิ้น ฟันไดโนเสาร์มากกว่า 200 ชิ้น และพบไดโนเสาร์อิกัวโนดอนต์สายพันธุ์ใหม่ของโลกแล้ว 3 สกุล มากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คือ ราชสีมาซอรัส สุรนารีเอ (Ratchasimasaurus suranareae) สยามโมดอน นิ่มงามมิ (Siamodon nimngami) และ สิรินธรน่า โคราชเอนซิส (Sirindhorna khoratensis) พบจระเข้สายพันธุ์ใหม่ของโลก โคราโตซูคัส จินตสกุลไล (Khoratosuchus jintasakuli) เต่าพันธุ์ใหม่ของโลกชนิด คิซิลคูเมมิส โคราชเอนซิส (Kizylkumemys khoratensis) รวมทั้ง ไดโนเสาร์พันธุ์กินเนื้อที่คาดว่ามีความยาวมากกว่า 10 เมตร ในจำพวก “คาร์คาโรดอนโตซอร์” (Carcharodontosaur)
2) แหล่งฟอสซิลไม้กลายเป็นหิน พบกระจายทั้งบนผิวดินและใต้ดินในทุกอำเภอของอุทยานธรณี ด้วยความสวยงามที่มีเนื้อดั่งอัญมณี ความหลากหลายชนิดและรูปแบบการพบในปริมาณที่มาก และพบเป็นพันธุ์ใหม่ของโลกหลายชนิดทำให้จังหวัดนครราชสีมาและหลายภาคส่วน ร่วมกันจัดตั้งสถาบันวิจัยและพิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหินและทรัพยากรธรณีขึ้นในอำเภอเมืองนครราชสีมา และนับเป็นพิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหินขนาดใหญ่แห่งแรกของเอเชียและเป็น 1 ใน 7 แห่งของโลก
3) แหล่งฟอสซิลช้างลุ่มน้ำมูล เป็นแหล่งในอำเภอเฉลิมพระเกียรติและอำเภอเมืองนครราชสีมา ในพื้นที่ราบลุ่มบริเวณจุดบรรจบของลำตะคองกับแม่น้ำมูลที่เป็นสายหลักของภาคอีสาน รวมทั้งในลุ่มน้ำลำเชียงไกรอีกสาขาหนึ่งของแม่น้ำมูล โดยพบฟอสซิลช้างดึกดำบรรพ์หลากหลายสายพันธุ์ที่สุดในโลกที่มีอายุอยู่ในช่วง 16 – 0.01 ล้านปีก่อน คือพบถึง 10 สกุล จาก 55 สกุลที่พบทั่วโลก (ร้อยละ 18) ได้แก่ ช้างสี่งากอมโฟธีเรียม (Gomphotherium) ช้างงาจอบเล็กโปรไดโนธีเรียม (Prodeinotherium) ช้างงาเสียมโปรตานันคัส (Protanancus) เตตระโลโฟดอน (Tetralophodon) สเตโกโลโฟดอน (Stegolophodon) ไซโกโลโฟดอน (Zygolophodon) ช้างงาจอบใหญ่ไดโนธีเรียม (Deinotherium) ช้างสองงาไซโนมาสโตดอน (Sinomastodon) สเตโกดอน (Stegodon) และเอลิฟาส (Elephas) แหล่งพบเป็นบ่อทรายริมแม่น้ำมูลในตำบลท่าช้าง และพบร่วมกับสัตว์อื่นๆ ซึ่งบางชนิดเป็นสายพันธุ์ใหม่ของโลก ได้แก่ อุรังอุตังโคราช (Khoratpithecus piriyai) บรรพบุรุษฮิปโปโบราณ คือ เมอริโคโปเตมัส ท่าช้างเอนซิส (Merycopotamus thachangensis) แรดโคราชไร้นอ (Aceratherium porpani) รวมทั้งฟอสซิลสัตว์อื่น ๆ อีกจำนวนมาก เช่น ยีราฟคอสั้น ม้าสามนิ้วฮิปปาเรียน ฮิปโปโบราณ ชาลิโคแธร์ เสือเขี้ยวดาบ หมูป่า กวางเขาเกลียว วัวควาย จระเข้ ตะโขง ตะพาบน้ำ หอยกาบ ฯลฯ
โดยคาดว่าแหล่งฟอสซิลสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมท่าช้าง ซึ่งมีอายุอยู่ในสมัยไมโอซีน-ไพลโอซีน-ไพลสโตซีน มีความสำคัญเทียบเท่าแหล่งมรดกโลกเมสเซล (Messel) ซึ่งเป็นแหล่งฟอสซิลสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในสมัยอีโอซีน (57 – 36 ล้านปีก่อน) ของประเทศเยอรมนี ส่วนในพื้นที่ราบทางตอนเหนือของอำเภอเมืองนครราชสีมา พบฟอสซิลสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมสมัยไพลโตซีนตอนปลาย หลากหลายชนิดมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไม่ต่ำกว่า 15 ชนิด เช่น ไฮยีน่า ช้างสเตโกดอน ช้างเอลิฟาส กวางดาว กูปรี ลิงแม็คแคก หมาใน เลียงผาใต้ แรดชวา แรดอินเดีย เป็นต้น
มรดกทางธรรมชาติและวัฒนธรรม
แหล่งเรียนรู้ทางธรรมชาติ Korat Geopark ไม่ได้มีเพียงธรณีวิทยา แต่ยังมีความหลากหลายทางชีวภาพ เช่น ป่าเต็งรัง และป่าดิบแล้งที่มีพันธุ์ไม้พื้นถิ่นซึ่งหายาก นอกจากนี้ยังมีถ้ำและน้ำตกที่งดงาม เช่น ถ้ำวังน้ำเขียว และ น้ำตกเหวสุวัต
วิถีชีวิตและมรดกวัฒนธรรม ชุมชนในพื้นที่ของอุทยานมีวัฒนธรรมที่เชื่อมโยงกับทรัพยากรธรรมชาติ เช่น การทำเครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน และประเพณีท้องถิ่นที่สะท้อนถึงความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ เช่น ประเพณีแห่นาคโคราชและการเลี้ยงผีปู่ตา
การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ใน Korat Geopark อุทยานธรณีโคราชมุ่งเน้นการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ โดยส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้ผ่านกิจกรรมที่หลากหลาย เช่น
- การเดินป่าและสำรวจแหล่งธรณีวิทยา
เส้นทางเดินป่าในอุทยานพานักท่องเที่ยวไปสำรวจหิน ฟอสซิล และลักษณะธรณีสัณฐานที่น่าสนใจ พร้อมคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญในพื้นที่ - กิจกรรมเชิงวัฒนธรรม
นักท่องเที่ยวสามารถมีส่วนร่วมในกิจกรรมวัฒนธรรม เช่น การทำเครื่องปั้นดินเผา หรือการเรียนรู้วิถีชีวิตพื้นบ้านของชาวโคราช - นิทรรศการและศูนย์การเรียนรู้
อุทยานธรณีโคราชมีศูนย์การเรียนรู้และพิพิธภัณฑ์ที่ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับธรณีวิทยาและมรดกทางธรรมชาติของพื้นที่ เช่น พิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหิน และ ศูนย์เรียนรู้ธรณีวิทยาโคราช
บทบาทต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน
การจัดตั้งอุทยานธรณีโคราชมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) เช่น:
- SDG 4: การศึกษาที่มีคุณภาพ
พื้นที่นี้ทำหน้าที่เป็นแหล่งเรียนรู้ที่ส่งเสริมความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และการอนุรักษ์แก่เยาวชนและชุมชน - SDG 11: เมืองและชุมชนที่ยั่งยืน
อุทยานธรณีโคราชสนับสนุนการพัฒนาชุมชนท้องถิ่นให้เติบโตควบคู่กับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ - SDG 15: ระบบนิเวศบนบก
การอนุรักษ์ระบบนิเวศและการส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพเป็นหัวใจสำคัญของอุทยาน
อุทยานธรณีโคราช (Korat Geopark) เป็นมากกว่าพื้นที่อนุรักษ์ทางธรรมชาติและธรณีวิทยา แต่ยังเป็นแหล่งเรียนรู้และสถานที่ท่องเที่ยวที่ช่วยเสริมสร้างความยั่งยืนให้กับชุมชนและสิ่งแวดล้อม นักท่องเที่ยวที่มาเยือนจะได้สัมผัสทั้งความงดงามของธรรมชาติและเรียนรู้เรื่องราวทางธรณีวิทยาที่มีคุณค่า พร้อมทั้งสนับสนุนการอนุรักษ์และการพัฒนาที่สมดุลในพื้นที่นี้ การเดินทางสู่อุทยานธรณีโคราชจึงไม่ใช่แค่การท่องเที่ยว แต่เป็นโอกาสในการสร้างความตระหนักรู้และความรักในมรดกธรรมชาติที่ล้ำค่า “โคราช” เมืองที่มีความสำคัญทางธรณีวิทยาแห่งหนึ่งของโลก หากคุณกำลังมองหาประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ทั้งสนุกและได้ความรู้ Korat Geopark คือตัวเลือกที่ไม่ควรพลาด!
.
-------------------------------------------------
ที่มา
- https://www.geopark-thailand.org
รวบรวมรูปภาพ
-----------------------------------------
เที่ยวนครราชสีมา (Travel Nakhon Ratchasima)-----------------------------------------