2018 จางเย่ อุทยานธรณีโลก (Zhangye UNESCO GLOBAL GEOPARK) จีน

แผนที่ https://maps.app.goo.gl/oyssprfFZsg9hMXW9
อุทยานธรณีโลกจางเย่ ยูเนสโก มหัศจรรย์แห่งธรณีวิทยา สีสันแห่งธรรมชาติ และมรดกวัฒนธรรม
อุทยานธรณีโลกจางเย่ ยูเนสโก (Zhangye UNESCO Global Geopark) ซึ่งตั้งอยู่ในมณฑลกานซู สาธารณรัฐประชาชนจีน ถือเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรณีวิทยา (Geo-tourism) ที่โดดเด่นและน่าตื่นตาตื่นใจที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ด้วยภูมิทัศน์ธรณีวิทยาที่งดงามและมีเอกลักษณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภูมิทัศน์แบบตันเซี่ย (Danxia landforms) ที่มีสีสันสดใสราวกับภาพวาด อุทยานแห่งนี้ไม่เพียงแต่เป็นแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเท่านั้น แต่ยังเป็นห้องเรียนธรรมชาติขนาดใหญ่ที่ช่วยส่งเสริมความเข้าใจด้านวิทยาศาสตร์โลก (Earth Science education) และปลูกฝังจิตสำนึกในการอนุรักษ์ธรณีวิทยา (geoconservation) ให้แก่สาธารณชน
การมาเยือนอุทยานธรณีจางเย่เป็นการเดินทางที่เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับความยิ่งใหญ่ของกระบวนการทางธรณีวิทยาที่ใช้เวลาหลายล้านปีในการรังสรรค์ พร้อมทั้งเรียนรู้ความสัมพันธ์อันลึกซึ้งระหว่างโลก ธรรมชาติ และมนุษย์ อุทยานแห่งนี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการเป็นแบบอย่างของการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โดยเน้นคุณค่าทางธรณีวิทยา วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม เพื่อส่งต่อมรดกอันล้ำค่านี้สู่คนรุ่นต่อไป
บริบททางภูมิศาสตร์และธรณีวิทยา (Geographical & Geological Context)
ภูมิประเทศ (Topography)
อุทยานธรณีโลกจางเย่ ตั้งอยู่ในพื้นที่ตอนกลางของมณฑลกานซู ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศจีน ครอบคลุมพื้นที่กว้างขวางบริเวณชายขอบทิศเหนือของเทือกเขาฉีเหลียน (Qilian Mountains) ภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นที่ราบสูงและหุบเขาที่มีความลาดชันปานกลางถึงมาก โดดเด่นด้วยภูมิทัศน์แบบทะเลทรายกึ่งแห้งแล้ง (semi-arid desert) และภูเขาสีแดงสดที่สลับซับซ้อน พื้นที่นี้ได้รับอิทธิพลจากลมและน้ำ ทำให้เกิดการกัดเซาะ (erosion) ที่สร้างสรรค์รูปร่างประหลาดตา อาทิ เสาหิน (pillars), หน้าผา (cliffs), หุบเหว (gorges), และสันเขา (ridges)
ธรณีวิทยา (Geology)
ธรณีวิทยาของอุทยานจางเย่ส่วนใหญ่ประกอบด้วยหินตะกอน (sedimentary rocks) โดยเฉพาะอย่างยิ่งหินทราย (sandstone) และหินกรวดมน (conglomerate) ซึ่งมีอายุตั้งแต่ยุคครีเทเชียส (Cretaceous period, ประมาณ 145 ถึง 66 ล้านปีที่แล้ว) ไปจนถึงยุคพาลีโอจีน (Paleogene period, ประมาณ 66 ถึง 23 ล้านปีที่แล้ว) หินเหล่านี้ถูกสะสมตัวในสภาพแวดล้อมแบบทะเลสาบและธารน้ำโบราณ สลับกับชั้นหินโคลน (mudstone) และหินดินดาน (shale) ซึ่งมีแร่ธาตุต่างๆ เช่น เหล็ก (iron) และแมงกานีส (manganese) เป็นองค์ประกอบ
กระบวนการเกิด (Formation Process)
ภูมิทัศน์ตันเซี่ยอันงดงามของจางเย่เกิดขึ้นจากกระบวนการทางธรณีวิทยาที่ซับซ้อนและยาวนานหลายขั้นตอน
การสะสมตัวของตะกอน (Sediment Deposition): ในช่วงยุคครีเทเชียสและพาลีโอจีน ตะกอนจากเทือกเขาฉีเหลียนที่อยู่ใกล้เคียงถูกพัดพามาสะสมตัวในแอ่ง (basin) ซึ่งในขณะนั้นเป็นทะเลสาบและระบบแม่น้ำขนาดใหญ่ ทำให้เกิดชั้นหินทรายและหินกรวดมนสีแดงหนาหลายร้อยเมตร สารประกอบเหล็ก (iron compounds) ในตะกอนได้ทำปฏิกิริยาออกซิเดชัน (oxidation) ทำให้หินมีสีแดงอมส้มเป็นส่วนใหญ่ ส่วนแร่ธาตุอื่นๆ เช่น แมงกานีสและทองแดง ก็ทำให้เกิดเฉดสีอื่น ๆ เช่น สีเหลือง สีเขียว และสีน้ำเงิน
การยกตัวของเปลือกโลก (Tectonic Uplift): ในช่วงปลายยุคพาลีโอจีนถึงไมโอซีน (Miocene) การเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลก (plate tectonics) และการชนกันของแผ่นอินเดีย-ยูเรเซีย (Indo-Eurasian plate collision) ส่งผลให้เทือกเขาฉีเหลียนยกตัวขึ้นอย่างรุนแรง และชั้นหินตะกอนที่เคยราบเรียบก็ถูกยกตัวขึ้นและพับงอ (folding) จนเกิดเป็นโครงสร้างภูเขาในปัจจุบัน
การกัดเซาะที่แตกต่างกัน (Differential Erosion): หลังจากเกิดการยกตัว พื้นที่ดังกล่าวก็ถูกกัดเซาะอย่างต่อเนื่องโดยลม (wind erosion) และน้ำ (water erosion) เป็นเวลานับล้านปี ชั้นหินที่มีความแข็งต่างกัน (harder and softer layers) ถูกกัดเซาะในอัตราที่แตกต่างกัน ทำให้เกิดรูปร่างที่เป็นเอกลักษณ์ของภูมิทัศน์ตันเซี่ย เช่น หน้าผา เสาหิน และหุบเหวที่มีลักษณะคล้ายริ้วสี ซึ่งเป็นผลมาจากความหลากหลายขององค์ประกอบแร่ธาตุและโครงสร้างของชั้นหิน
แหล่งธรณีวิทยาที่สำคัญ (Key Geosites)
อุทยานธรณีโลกจางเย่ มีแหล่งธรณีวิทยาที่สำคัญหลายแห่ง แต่ละแห่งนำเสนอความงดงามทางธรณีวิทยาที่แตกต่างกัน ซึ่งเชื้อเชิญให้นักสำรวจได้เรียนรู้และชื่นชม:
1. เขตทิวทัศน์ตันเซี่ยฉีไฉ่ (Colorful Danxia Scenic Area / 七彩丹霞景区)
นี่คือหัวใจของอุทยานธรณีจางเย่ และเป็นภาพจำที่โด่งดังที่สุดในระดับโลก ภูเขาที่นี่แสดงให้เห็นถึงความหลากหลายของสีสันอย่างไม่น่าเชื่อ ตั้งแต่สีแดงเพลิง สีส้มสด สีเหลืองทอง สีเขียวมรกต ไปจนถึงสีน้ำตาลและสีขาว แต่ละเฉดสีเรียงซ้อนกันเป็นชั้นๆ คล้ายริ้วผ้าไหมยักษ์
คำอธิบายทางธรณีวิทยา: สีสันอันเจิดจ้าเหล่านี้เกิดจากการสะสมตัวของชั้นหินทรายและหินกรวดมนที่มีองค์ประกอบของแร่ธาตุต่างกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งออกไซด์ของเหล็ก (iron oxides) ที่ให้สีแดงและส้ม และแร่ธาตุแมงกานีส (manganese minerals) ที่ให้สีเหลืองและเขียวอ่อน กระบวนการออกซิเดชันของแร่ธาตุเหล่านี้ในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันในอดีต ผนวกกับการกัดเซาะที่แตกต่างกัน (differential erosion) ได้เผยให้เห็นชั้นหินหลากหลายสีสันที่ถูกบีบอัดและยกตัวขึ้นในแนวเอียง ก่อให้เกิดลวดลายทางธรณีวิทยาที่ไม่ซ้ำกันในแต่ละบริเวณ นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมและถ่ายภาพความงดงามของชั้นหินที่เปลี่ยนไปตามช่วงเวลาของวันและแสงอาทิตย์
2. เขตทิวทัศน์ตันเซี่ยปิงโก่ว (Binggou Danxia Scenic Area / 冰沟丹霞)
เขตปิงโก่วตันเซี่ยตั้งอยู่ห่างจากเขตฉีไฉ่ไปทางตะวันตกเฉียงเหนือเล็กน้อย มีลักษณะธรณีวิทยาที่แตกต่างออกไป โดยเน้นไปที่รูปร่างและโครงสร้างที่ดูแข็งแกร่งและยิ่งใหญ่ คล้ายกับปราสาทโบราณ หอคอย และหน้าผาขนาดใหญ่
คำอธิบายทางธรณีวิทยา: พื้นที่นี้ยังคงประกอบด้วยหินทรายสีแดงเป็นหลัก แต่ชั้นหินที่นี่มีความแข็งและทนทานต่อการกัดเซาะ (erosion resistance) ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ทำให้เกิดการกัดเซาะแบบเลือกสรร (selective erosion) ที่สร้างสรรค์รูปทรงทางธรณีวิทยาที่ดูเป็นสามมิติและซับซ้อน เช่น เสาหินรูปทรงประหลาด (isolated pillars), กำแพงหินธรรมชาติ (natural rock walls), และช่องหินที่คล้ายหน้าต่าง (window-like formations) รูปทรงเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงอำนาจของแรงธรรมชาติในการปั้นแต่งหินให้กลายเป็นประติมากรรมอันน่าทึ่ง
3. ถ้ำมาถีซื่อ (Mati Temple Grottoes / 马蹄寺石窟)
แม้จะไม่ใช่แหล่งธรณีวิทยาในเชิงภูมิทัศน์โดยตรง แต่ถ้ำมาถีซื่อเป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของการผสมผสานระหว่างธรณีวิทยา วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ ถ้ำแห่งนี้เป็นหมู่วัดถ้ำพุทธศาสนาโบราณที่แกะสลักเข้าไปในหน้าผาหินทรายสีแดง
คำอธิบายทางธรณีวิทยา: ถ้ำและอุโบสถหินเหล่านี้ถูกแกะสลักโดยตรงจากหินทรายสีแดง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างทางธรณีวิทยาที่พบในอุทยาน การเลือกแกะสลักในหน้าผาหินทรายแสดงให้เห็นถึงความเข้าใจของมนุษย์ในอดีตเกี่ยวกับคุณสมบัติของหิน ซึ่งมีความทนทานแต่สามารถแกะสลักได้ ถ้ำเหล่านี้ยังเป็นหลักฐานของการเปลี่ยนแปลงของภูมิประเทศในระยะยาวที่ทำให้หน้าผาเหล่านี้สามารถเข้าถึงและใช้เป็นที่พำนักและสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาได้ สะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่ยาวนานระหว่างมนุษย์กับสภาพแวดล้อมทางธรณีวิทยา
ความหลากหลายทางชีวภาพและวัฒนธรรม (Biodiversity & Culture)
ความสัมพันธ์ระหว่างหิน ดิน น้ำ ป่า และมนุษย์ (Rock-Soil-Water-Forest-Human Relationship)
อุทยานธรณีจางเย่ตั้งอยู่ในเขตภูมิอากาศแบบทะเลทรายกึ่งแห้งแล้ง ซึ่งส่งผลต่อความหลากหลายทางชีวภาพ (biodiversity) และการดำเนินชีวิตของผู้คนอย่างใกล้ชิด
-
หินและดิน (Rock & Soil): หินทรายและหินกรวดมนสีแดงที่ผุพังเป็นแหล่งกำเนิดของดินที่มีลักษณะเฉพาะ มักมีสีแดงอมส้มและมีปริมาณแร่ธาตุสูง ดินเหล่านี้แม้จะแห้งแล้ง แต่ก็เป็นรากฐานของการดำรงอยู่ของพืชพรรณที่ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้อย่างดี
-
น้ำ (Water): น้ำเป็นปัจจัยจำกัดที่สำคัญที่สุด แหล่งน้ำส่วนใหญ่มาจากธารน้ำแข็งและหิมะที่ละลายจากเทือกเขาฉีเหลียน ซึ่งเป็นเส้นเลือดหล่อเลี้ยงชีวิตในพื้นที่แห้งแล้งนี้ ระบบคลองชลประทานโบราณและสมัยใหม่จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเกษตรและการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์
-
ป่า (Forest): พืชพรรณธรรมชาติในอุทยานมีลักษณะเฉพาะของเขตแห้งแล้งและกึ่งแห้งแล้ง เช่น พืชตระกูลหญ้า (grasses), ไม้พุ่มทนแล้ง (drought-resistant shrubs), และต้นสนบางชนิดในพื้นที่สูง ซึ่งล้วนปรับตัวเพื่อเอาชีวิตรอดในสภาพน้ำน้อย นอกจากนี้ยังมีการปลูกป่าเพื่อป้องกันการขยายตัวของทะเลทราย
-
มนุษย์ (Human): ผู้คนในจางเย่มีประวัติศาสตร์ยาวนานในการปรับตัวและอยู่ร่วมกับธรรมชาติที่ท้าทาย ชางเย่เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญบนเส้นทางสายไหม (Silk Road) โบราณ ซึ่งเป็นเส้นทางการค้าและวัฒนธรรมที่เชื่อมโยงตะวันออกและตะวันตก การเกษตรโดยเฉพาะการปลูกข้าวสาลีและพืชอื่นๆ ที่ทนแล้ง เป็นอาชีพหลัก วัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์ยูกูร์ (Yugur) และทิเบต (Tibetan) ที่ยังคงสืบทอดประเพณีอันเป็นเอกลักษณ์ และการสร้างสรรค์งานศิลปะอย่างถ้ำมาถีซื่อ แสดงให้เห็นถึงปฏิสัมพันธ์อันลึกซึ้งระหว่างมนุษย์กับภูมิทัศน์ธรณีวิทยา
อุทยานธรณีโลกจางเย่ ยูเนสโก เป็นมากกว่าแหล่งท่องเที่ยว เป็นสถานที่ที่รวบรวมเอาความมหัศจรรย์ทางธรณีวิทยา ประวัติศาสตร์ทางวัฒนธรรม และระบบนิเวศอันเป็นเอกลักษณ์เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ภูมิทัศน์แบบตันเซี่ยที่มีสีสันตระการตา ไม่เพียงแต่สร้างความประทับใจด้วยความงามทางสายตา แต่ยังเป็นเครื่องเตือนใจถึงพลังอันยิ่งใหญ่ของโลกที่สามารถรังสรรค์ปรากฏการณ์ธรรมชาติอันน่าทึ่งได้
การมาเยือนอุทยานแห่งนี้จึงไม่เพียงแต่เป็นการพักผ่อนหย่อนใจ แต่ยังเป็นการเดินทางเพื่อการเรียนรู้ (learning journey) ที่ส่งเสริมความเข้าใจในกระบวนการทางธรณีวิทยา ความหลากหลายทางชีวภาพ และความสำคัญของการอนุรักษ์มรดกทางธรรมชาติและวัฒนธรรม การปกป้องและรักษาอุทยานธรณีจางเย่ให้อยู่คู่โลกไปอีกนานแสนนาน เป็นความรับผิดชอบร่วมกันของเราทุกคน เพื่อให้คนรุ่นหลังได้ชื่นชมและเรียนรู้จาก "ภาพวาดของโลก" ผืนนี้ต่อไป
เอกสารอ้างอิง (References)
-
Zhangye UNESCO Global Geopark Official Website. https://www.zhangyegeopark.com/
-
UNESCO Global Geoparks: Zhangye. https://www.unesco.org/en/iggp/geoparks/zhangye
.
.
------------------------
ที่มา
- http://www.globalgeopark.org
- https://www.unesco.org/en/mab/wnbr/
รวบรวมรูปภาพ
------------------------
------------------------

