เที่ยวจีน เหอหนาน ลั่วหยาง ถ้ำหินหลงเหมิน (Longmen Grottoes)
ถ้ำหินหลงเหมิน (Longmen Grottoes): มรดกโลกแห่งพุทธศิลป์ ณ ประตูมังกร จีน
แผนที่ https://maps.app.goo.gl/NvyyijAA2KuSMoDA8
ถ้ำหินหลงเหมิน (Longmen Grottoes) แหล่งท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ ศิลปะ และความงดงามของพระพุทธรูปและศิลปะการแกะสลักหินที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศจีน ซึ่งตั้งอยู่ในมณฑลเหอหนาน ถ้ำหลงเหมินเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกไม่ควรพลาด หากคุณสนใจในประวัติศาสตร์จีน ศิลปะการแกะสลักหินที่ละเอียดลออ และต้องการสัมผัสวัฒนธรรมที่สำคัญของจีน ถ้ำหลงเหมินคือจุดหมายที่เหมาะสมที่สุด
ถ้ำหลงเหมิน ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำอี้ (Yi River) ห่างจากเมืองหลัวหยาง (Luoyang) มณฑลเหอหนาน เพียง 12 กิโลเมตร ถือเป็นหนึ่งในสามถ้ำพุทธที่สำคัญที่สุดในจีน ควบคู่กับถ้ำหยุนกัง (Yungang Grottoes) และถ้ำม็อกเกา (Mogao Caves) สถานที่นี้ไม่เพียงแต่เป็นแหล่งศิลปะการแกะสลักหินที่มีขนาดใหญ่และซับซ้อนที่สุดแห่งหนึ่ง แต่ยังเป็นแหล่งรวมของงานศิลปะพระพุทธที่สะท้อนถึงความเชื่อและวัฒนธรรมทางพุทธศาสนาของจีนที่รุ่งเรืองในช่วงหลายยุคหลายสมัย การสร้างถ้ำหลงเหมินเริ่มต้นในสมัยราชวงศ์เว่ยเหนือ (Northern Wei Dynasty) ในปี ค.ศ. 493 และต่อเนื่องในช่วงหลายร้อยปีถัดมา จนถึงสมัยราชวงศ์ถัง (Tang Dynasty) ซึ่งเป็นยุคที่ศิลปะการแกะสลักหินและการสร้างพระพุทธรูปในจีนเจริญรุ่งเรืองมากที่สุด ผลงานที่ปรากฏในถ้ำหลงเหมินถือเป็นศิลปะพุทธจีนที่โดดเด่นและมีอิทธิพลอย่างยิ่ง ทั้งในด้านการออกแบบ การแกะสลัก และการนำเสนอเนื้อหาทางศาสนา ซึ่งสะท้อนถึงการหลอมรวมของวัฒนธรรมจีนกับพุทธศาสนาที่ได้รับอิทธิพลจากอินเดีย
ถ้ำหินหลงเหมิน โดดเด่นด้วย "พระพุทธรูปแกะสลัก" จำนวนมหาศาล ที่ประดิษฐานอยู่ภายในถ้ำ และ "ซุ้มประตู" แกะสลัก ที่วิจิตรงดงาม สะท้อนให้เห็นถึง "ความรุ่งเรือง" ของพุทธศาสนา และ "ศิลปะ" ในยุคราชวงศ์เหนือ และ ราชวงศ์ถัง
ถ้ำหลงเหมิน ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำอี้ (Yi River) ห่างจากเมืองหลัวหยาง (Luoyang) มณฑลเหอหนาน เพียง 12 กิโลเมตร ถือเป็นหนึ่งในสามถ้ำพุทธที่สำคัญที่สุดในจีน ควบคู่กับถ้ำหยุนกัง (Yungang Grottoes) และถ้ำม็อกเกา (Mogao Caves) สถานที่นี้ไม่เพียงแต่เป็นแหล่งศิลปะการแกะสลักหินที่มีขนาดใหญ่และซับซ้อนที่สุดแห่งหนึ่ง แต่ยังเป็นแหล่งรวมของงานศิลปะพระพุทธ ที่สะท้อนถึงความเชื่อและวัฒนธรรมทางพุทธศาสนาของจีนที่รุ่งเรืองในช่วงหลายยุคหลายสมัย
การสร้างถ้ำหลงเหมินเริ่มต้นในสมัยราชวงศ์เว่ยเหนือ (Northern Wei Dynasty) ในปี ค.ศ. 493 และต่อเนื่องในช่วงหลายร้อยปีถัดมา จนถึงสมัยราชวงศ์ถัง (Tang Dynasty) ซึ่งเป็นยุคที่ศิลปะการแกะสลักหินและการสร้างพระพุทธรูปในจีนเจริญรุ่งเรืองมากที่สุด ผลงานที่ปรากฏในถ้ำหลงเหมินถือเป็นศิลปะพุทธจีนที่โดดเด่นและมีอิทธิพลอย่างยิ่ง ทั้งในด้านการออกแบบ การแกะสลัก และการนำเสนอเนื้อหาทางศาสนา ซึ่งสะท้อนถึงการหลอมรวมของวัฒนธรรมจีนกับพุทธศาสนาที่ได้รับอิทธิพลจากอินเดีย
การสร้างถ้ำหินหลงเหมิน เริ่มขึ้นในปี พ.ศ. 1014 (ค.ศ. 470) ในสมัย "ราชวงศ์เว่ยเหนือ" (Northern Wei Dynasty) หลังจากที่ "จักรพรรดิเสี้ยวเหวิน" (Emperor Xiaowen) ทรงย้ายเมืองหลวง จาก "ผิงเฉิง" (Pingcheng) มายัง "ลั่วหยาง" (Luoyang) พระองค์ทรงมีพระราชประสงค์ที่จะ "เผยแพร่" และ "ทำนุบำรุง" พุทธศาสนา จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้าง "วัด" และ "แกะสลักพระพุทธรูป" ขึ้นที่ "ภูเขาหลงเหมิน" และ "ภูเขาเซียงซาน" ริมฝั่งแม่น้ำอี้
ถ้ำหินหลงเหมิน ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก (World Heritage Site) ในปี พ.ศ. 2543 (ค.ศ. 2000) เพื่อ "อนุรักษ์" และ "คุ้มครอง" มรดกทางวัฒนธรรม อันล้ำค่านี้ โดยยูเนสโกกล่าวว่าถ้ำหลงเหมินเป็น "ตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของศิลปะพระพุทธที่เจริญรุ่งเรืองในช่วงสมัยราชวงศ์ถัง" ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในประวัติศาสตร์ศิลปะของเอเชียตะวันออก และมีความสำคัญต่อการศึกษาและการทำความเข้าใจเกี่ยวกับศิลปะและวัฒนธรรมพุทธจีนโครงสร้างและผลงานศิลปะในถ้ำหลงเหมิน
ถ้ำหลงเหมิน ประกอบด้วยการแกะสลักหินปูนมากกว่า 2,300 ถ้ำและซอกถ้ำขนาดต่าง ๆ ภายในถ้ำเหล่านี้มีการแกะสลักพระพุทธรูปมากถึง 100,000 รูป เจดีย์กว่า 2,800 องค์ และศิลาจารึกกว่า 3,600 แผ่น ตั้งแต่ขนาดเล็กเพียงไม่กี่เซนติเมตร จนถึงขนาดใหญ่ที่มีความสูงมากกว่า 17 เมตร นอกจากนั้นยังมีภาพแกะสลักของพระโพธิสัตว์ (Bodhisattva) เทพเจ้า ทวยเทพ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ อีกมากมาย รวมถึงจารึกและบทกวีที่ถูกแกะสลักไว้บนผนังของถ้ำ ซึ่งเป็นงานศิลปะและวรรณคดีที่สำคัญของยุคโบราณ
หนึ่งในผลงานที่โดดเด่นที่สุดในถ้ำหลงเหมินคือพระพุทธรูปขนาดใหญ่ในถ้ำฟึงเซี่ยน (Fengxian Cave) ซึ่งเป็นถ้ำที่ใหญ่ที่สุดและมีความสำคัญทางศิลปะและศาสนามากที่สุดในกลุ่มถ้ำหลงเหมิน พระพุทธรูปองค์นี้เป็นพระพุทธรูปที่ถูกแกะสลักในยุคของพระนางบูเช็กเทียน (Empress Wu Zetian) แห่งราชวงศ์ถัง โดยเชื่อกันว่าพระพุทธรูปใบหน้ายิ้มแย้มองค์นี้ถูกสร้างขึ้นตามลักษณะใบหน้าของพระนางบูเช็กเทียนเอง องค์พระพุทธรูปมีความสูงถึง 17.14 เมตร โดยเฉพาะใบหน้าของพระพุทธรูปมีความสูง 4 เมตร ซึ่งถือเป็นการแกะสลักที่งดงามและสมจริงอย่างยิ่ง นอกจากนี้ ในถ้ำฟึงเซี่ยนยังมีพระโพธิสัตว์และพระอรหันต์อีกหลายองค์ที่แกะสลักไว้อย่างประณีต
นอกจากนี้ยังมีถ้ำเก่าแก่เช่น ถ้ำกูหยาง (Guyang Cave) ซึ่งเป็นหนึ่งในถ้ำแรก ๆ ที่ถูกสร้างขึ้นในยุคของราชวงศ์เว่ยเหนือ ถ้ำนี้มีความโดดเด่นในด้านการออกแบบและการจัดวางพระพุทธรูป พระพุทธรูปในถ้ำกูหยางมีลักษณะใบหน้าที่คมชัดและมีรายละเอียดที่ซับซ้อน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงศิลปะการแกะสลักหินในยุคแรก ๆ ของจีนได้อย่างชัดเจน
ความสัมพันธ์ของถ้ำหลงเหมินกับพุทธศาสนา ถ้ำหลงเหมินมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับพุทธศาสนาของจีน ซึ่งเป็นศาสนาที่เข้ามาในจีนผ่านทางเส้นทางสายไหม (Silk Road) ตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฮั่น พุทธศาสนาได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในจีน และกลายเป็นศาสนาหลักที่มีอิทธิพลในหลายด้าน รวมถึงด้านศิลปะ สถาปัตยกรรม และวัฒนธรรม
ในสมัยราชวงศ์เว่ยเหนือ ราชสำนักและขุนนางผู้มีอำนาจให้การสนับสนุนการสร้างถ้ำและการแกะสลักพระพุทธรูปในหลากหลายพื้นที่ของจีน ถ้ำหลงเหมินเป็นหนึ่งในโครงการใหญ่ที่ได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากราชสำนักและคณะสงฆ์พระพุทธ ซึ่งส่งผลให้เกิดการสร้างถ้ำและการแกะสลักพระพุทธรูปที่มีขนาดใหญ่และซับซ้อนมากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศ
ในสมัยราชวงศ์ถัง การแกะสลักพระพุทธรูปในถ้ำหลงเหมินได้รับการยกระดับขึ้นอีกระดับ เนื่องจากราชวงศ์ถังมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพุทธศาสนา โดยเฉพาะในยุคของพระนางบูเช็กเทียน ซึ่งเป็นจักรพรรดินีเพียงพระองค์เดียวในประวัติศาสตร์จีนที่ให้การสนับสนุนการสร้างศาสนสถานและการแกะสลักพระพุทธรูปอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ยังมีการสร้างวัดและอารามพุทธมากมายในพื้นที่นี้ เพื่อเป็นสถานที่สำหรับบำเพ็ญธรรมและประกอบพิธีกรรมทางศาสนา
การอนุรักษ์ถ้ำหลงเหมินในปัจจุบัน ถ้ำหลงเหมินถือเป็นแหล่งประวัติศาสตร์และศิลปะที่สำคัญระดับโลก และได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยว นักประวัติศาสตร์ และนักวิชาการจากทั่วโลก ในปัจจุบัน ทางการจีนได้ดำเนินการอนุรักษ์และปกป้องถ้ำหลงเหมินอย่างเข้มงวด เพื่อรักษาสภาพและความงดงามของศิลปะในถ้ำไว้ให้ยาวนานที่สุด แม้ว่าการกัดเซาะของลม น้ำ และสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติจะส่งผลให้ถ้ำบางแห่งเสื่อมสภาพลงตามกาลเวลา แต่ความพยายามในการอนุรักษ์และบูรณะถ้ำเหล่านี้ยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง นักอนุรักษ์และผู้เชี่ยวชาญในด้านศิลปะและประวัติศาสตร์ได้ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการรักษาและบูรณะศิลปะในถ้ำ เพื่อให้ถ้ำหลงเหมินคงอยู่เป็นมรดกสำคัญของมนุษยชาติไปอีกนาน
ถ้ำหลงเหมิน เปิดให้บริการสำหรับนักท่องเที่ยวตลอดทั้งปี โดยนักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมถ้ำและเพลิดเพลินกับความงดงามของศิลปะการแกะสลักหินและประวัติศาสตร์พุทธศาสนาของจีน นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมและข้อมูลเกี่ยวกับถ้ำให้ศึกษาเรียนรู้อย่างครบครัน นักท่องเที่ยวสามารถเดินสำรวจถ้ำต่างๆ ที่กระจายตัวอยู่ตลอดแนว หุบเขาหลงเหมิน หรือจะใช้บริการไกด์ทัวร์เพื่อเรียนรู้ประวัติและความสำคัญของสถานที่นี้อย่างละเอียด ถ้ำหินหลงเหมิน เป็นแหล่งมรดกโลกที่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ศิลปะ และ วัฒนธรรม เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ ควรค่าแก่การเยี่ยมชมและเรียนรู้" เพื่อสัมผัสและชื่นชมความงดงามของ "พุทธศิลป์" ที่ "ยิ่งใหญ่" และ "ทรงคุณค่า"
.
หมายเหตุ บทความนี้เกี่ยวกับ
ถ้ำที่สำคัญและยิ่งใหญ่ในประเทศจีน ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าทึ่ง สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการสำรวจธรรมชาติและประวัติศาสตร์จีน ประเทศจีนมีภูมิประเทศที่หลากหลายและกว้างใหญ่ ทำให้เกิดถ้ำที่มีความงดงามทางธรรมชาติและมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ในหลากหลายพื้นที่ ตั้งแต่ถ้ำหินปูนที่มีการตกแต่งโดยธรรมชาติ ไปจนถึงถ้ำที่มีการแกะสลักพระพุทธรูปและโบราณวัตถุจากยุคก่อนประวัติศาสตร์
.
--------------------------------------------------------------------
ที่มา
- เที่ยวจีน สถานที่ท่องเที่ยวระดับ 5A (AAAAA Tourist Attractions of China)
รวบรวมข้อมูลและรูป
-
---------------------------------------------
ดูเพิ่มเติมในเรื่องที่เกี่ยวข้องได้ที่
---------------------------------------------
ชมอัลปั้มภาพเพิ่มเติมที่
.
xxx
yyy
------------------