iok2u.com แหล่งรวมข้อมูลข่าวสารเรื่องราวน่าสนใจเพื่อการศึกษาแลกเปลี่ยนและเรียนรู้

Pay It Forward เป้าหมายเล็ก ๆ ในการส่งมอบความดีต่อ ๆ ไป
เว็ปไซต์นี้เกิดจากแรงบันดาลใจในภาพยนต์เรื่อง Pay It Forward ที่เล่าถึงการมีเป้าหมายเล็ก ๆ กำหนดไว้ให้ส่งมอบความดีต่อไปอีก 3 คน หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลยโดยไม่ต้องตอบแทนกลับมา อยากให้ส่งต่อเพื่อถ่ายทอดต่อไป
มิสเตอร์เรน (Mr. Rain) และมิสเตอร์เชน (Mr. Chain)
Mr. Rain และ Mr. Chain สองพี่น้องในโลกออฟไลน์และออนไลน์ที่จะมาร่วมมือกันสร้างสื่อสารสนเทศ เพื่อเผยแพร่ให้ความรู้ในเรื่องราวต่างๆ มากมายสร้างสังคมในการเรียนรู้ หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลยโดยไม่ต้องตอบแทนกลับมา
ยืนหยัด เข้มแข็ง และกล้าหาญ (Stay Strong & Be Brave)
ขอเป็นกำลังใจให้คนดีทุกคนในการต่อสู้ความอยุติธรรม ในยุคสังคมที่คดโกงยึดถึงประโยชน์ส่วนตนและพวกฟ้องมากกว่าผลประโยชน์ส่วนรวม จนหลายคนคิดว่าพวกด้านได้อายอดมักได้ดี แต่หากยึดคำในหลวงสอนไว้ในเรื่องการทำความดีเราจะมีความสุขครับ

เที่ยวจีน เสฉวน (Sichuan)

เสฉวน: ดินแดนแห่งมังกรเร้นกาย แพนด้าเริงร่า และรสชาติอันเร่าร้อน สู่การผจญภัยสุดอัศจรรย์

ขอเชิญชวนนักเดินทางผู้กระหายการผจญภัยและจิตวิญญาณผู้ใฝ่หาความงดงาม สู่มณฑลเสฉวน ดินแดนอันกว้างใหญ่ไพศาลทางตะวันตกเฉียงใต้ของสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่ซึ่งธรรมชาติ วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ ผสานรวมกันเป็นผืนผ้าแห่งความมหัศจรรย์ เสฉวนไม่ใช่เพียงแค่จุดหมายปลายทาง แต่คือบทกวีที่ร่ายมนต์สะกดทุกประสาทสัมผัส ด้วยภูมิประเทศที่หลากหลายราวกับภาพวาดจากพู่กันของเทพเจ้า ตั้งแต่ยอดเขาหิมะที่เสียดฟ้าจรดที่ราบลุ่มอันอุดมสมบูรณ์ แม่น้ำน้อยใหญ่ที่ไหลคดเคี้ยวราวกับเส้นเลือดหล่อเลี้ยงชีวิต และป่าไม้เขียวขจีที่ซ่อนเร้นความลับนับพันปี ที่นี่คืออาณาจักรที่เต็มไปด้วยเรื่องราว ตำนาน และเสน่ห์อันมิอาจต้านทานได้

ทันทีที่ย่างกรายเข้าสู่เสฉวน คุณจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแห่งการผจญภัยที่อบอวลไปทั่ว ไม่ว่าจะเป็นการเดินป่าฝ่าเมฆหมอกบนยอดเขาเอ๋อเหมยอันศักดิ์สิทธิ์ เยือนหุบเขาจิ่วจ้ายโกวที่ประดับประดาด้วยทะเลสาบหลากสีสันดุจอัญมณี หรือตื่นตาตื่นใจกับพุทธรูปเล่อซานที่แกะสลักจากหน้าผาอันสูงชัน ประหนึ่งสิ่งมหัศจรรย์ที่ท้าทายกาลเวลาและธรรมชาติ ความหลากหลายทางชีวภาพของเสฉวนก็เป็นอีกหนึ่งมนต์เสน่ห์ ที่นี่คือบ้านของแพนด้ายักษ์ สัตว์สัญลักษณ์แห่งความน่ารักและสันติภาพ ที่อาศัยอยู่ในเขตรักษาพันธุ์ธรรมชาติอันกว้างใหญ่ ผู้มาเยือนจะได้มีโอกาสใกล้ชิดกับสิ่งมีชีวิตอันแสนพิเศษนี้ สร้างความประทับใจและความทรงจำที่มิอาจลืมเลือน

นอกเหนือจากความงดงามทางธรรมชาติแล้ว เสฉวนยังเป็นแหล่งกำเนิดอารยธรรมโบราณที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 2 ล้านปี ดินแดนแห่งนี้เคยเป็นที่ตั้งของอาณาจักรปาและสู่โบราณ รวมถึงเป็นราชธานีของจ๊กก๊กในสมัยสามก๊ก ตำนานวีรบุรุษและเรื่องราวการต่อสู้เพื่ออำนาจยังคงถูกเล่าขานผ่านซากอารยธรรมและวัดวาอารามที่ตั้งตระหง่าน บ่มเพาะวัฒนธรรมอันล้ำค่าที่สะท้อนผ่านศิลปะการแสดงอันเป็นเอกลักษณ์อย่างงิ้วเสฉวนที่มีการเปลี่ยนหน้ากากอย่างรวดเร็วราวกับมายากล และวิถีชีวิตผู้คนที่ยังคงยึดมั่นในประเพณีอันดีงาม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วัฒนธรรมชาที่ฝังรากลึกมานานกว่า 3,000 ปี ทำให้เสฉวนเป็นเสมือนหัวใจทางวัฒนธรรมแห่งหนึ่งของจีน

และที่ขาดไม่ได้เลยคือเสน่ห์แห่งรสชาติ อาหารเสฉวนขึ้นชื่อไปทั่วโลกในเรื่องความจัดจ้านและรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรสเผ็ดร้อนและชาจากพริกเสฉวน ที่จะปลุกเร้าทุกต่อมรับรสให้ตื่นเต้นมีชีวิตชีวา ไม่ว่าจะเป็นหม้อไฟเสฉวนที่อุดมไปด้วยเครื่องเทศ ไก่ผัดพริกเสฉวน หรือเต้าหู้หม่าโป ทุกจานล้วนเป็นงานศิลปะที่สะท้อนถึงจิตวิญญาณอันกล้าหาญและร่าเริงของชาวเสฉวน การได้ลิ้มลองอาหารพื้นเมืองแท้ๆ ถือเป็นส่วนหนึ่งของการผจญภัยที่สมบูรณ์แบบในดินแดนแห่งนี้ เสฉวนจึงเป็นดั่งสรวงสวรรค์สำหรับนักเดินทางที่ปรารถนาจะสัมผัสประสบการณ์ที่ครบวงจร ทั้งการผจญภัยในธรรมชาติ การเรียนรู้วัฒนธรรม และการลิ้มรสอาหารที่ไม่มีวันลืมเลือน

ที่ตั้งและภูมิศาสตร์

มณฑลเสฉวน หรือซื่อชวน ตั้งอยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของสาธารณรัฐประชาชนจีน มีอาณาเขตอันกว้างใหญ่ไพศาลครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของแอ่งเสฉวนและพื้นที่ทางตะวันออกสุดของที่ราบสูงทิเบต เป็นมณฑลที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล

เมือง: นครเฉิงตู (Chengdu) เป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของมณฑลเสฉวน

รัฐ/ภูมิภาค: เสฉวนเป็นหนึ่งในมณฑล (Province) ของสาธารณรัฐประชาชนจีน

ประเทศ: สาธารณรัฐประชาชนจีน

สภาพแวดล้อมทางภูมิศาสตร์: มณฑลเสฉวนมีลักษณะภูมิประเทศที่หลากหลายและน่าทึ่งอย่างยิ่ง โดยทั่วไปแล้วภูมิประเทศจะลาดเอียงจากทิศตะวันตกสู่ทิศตะวันออก ทางตะวันตกประกอบด้วยที่ราบสูงและภูเขาสูงจำนวนมาก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของที่ราบสูงทิเบตที่รู้จักกันในชื่อเทือกเขาเหิงต้วน ระดับความสูงในพื้นที่ตะวันตกสามารถสูงถึงประมาณ 4,000 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ยอดเขา Gongga Shan เป็นจุดที่สูงที่สุดของมณฑล ด้วยความสูงถึง 7,556 เมตร ภูมิประเทศแถบนี้จึงมีลักษณะคล้ายกับวัฒนธรรมทิเบต มีเทือกเขาสูงชัน ทะเลสาบอัลไพน์ และสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิม

ในขณะที่ทางตะวันออกจะลาดลงสู่ที่ราบลุ่มและเนินเขา ซึ่งเป็นที่ตั้งของแอ่งเสฉวนหรือที่รู้จักกันในชื่อ "แอ่งสีแดง" เนื่องจากมีหินดินดานและหินทรายสีแดงจำนวนมาก แอ่งเสฉวนนี้เป็นภูมิภาคที่อุดมสมบูรณ์ ล้อมรอบด้วยภูเขาหลายลูก รวมถึงเทือกเขาฉินหลิงทางทิศตะวันออก และเทือกเขาต้าปาทางทิศเหนือ ที่ราบเฉิงตูเป็นพื้นที่ราบที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน มณฑลเสฉวนมีแม่น้ำกว่า 1,300-1,400 สายไหลผ่าน ซึ่งทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งของระบบแม่น้ำแยงซีเกียง รวมถึงแม่น้ำยาลอง แม่น้ำหมิน แม่น้ำต้าตู้ แม่น้ำทัวะ และแม่น้ำเจียหลิง แม่น้ำจินซา ซึ่งเป็นลำน้ำหลักของแม่น้ำแยงซี จะไหลเข้าสู่แอ่งทางตอนใต้ที่เมืองอี้ปิน และมาบรรจบกับแม่น้ำหมินเพื่อก่อกำเนิดเป็นแม่น้ำแยงซี มณฑลนี้ยังเป็นพื้นที่ที่มีการเคลื่อนไหวทางธรณีวิทยา โดยมีรอยเลื่อนหลงเหมินซานพาดผ่านบางส่วน

ภูมิอากาศ:

  • ทางตะวันออก (แอ่งเสฉวน): มีภูมิอากาศแบบกึ่งร้อนชื้น อบอุ่นในฤดูหนาวและร้อนในฤดูร้อน โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยในฤดูร้อนประมาณ 25-28 องศาเซลเซียส และในฤดูหนาวประมาณ 5-10 องศาเซลเซียส มีความชื้นและฝนตกชุกตลอดปี โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อน

  • ทางตะวันตก (ที่ราบสูงและภูเขาสูง): มีภูมิอากาศแบบที่ราบสูง ความชื้นและปริมาณน้ำฝนต่ำ อากาศเย็นถึงหนาวจัดในฤดูหนาว โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยในฤดูหนาวสามารถต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียส ส่วนฤดูร้อนจะมีอากาศเย็นสบายกว่าแอ่งเสฉวน โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 10-20 องศาเซลเซียส และมีแดดจัดกว่า

ประวัติศาสตร์

มณฑลเสฉวนมีประวัติศาสตร์อันยาวนานและซับซ้อน ย้อนกลับไปถึงยุคหินเก่า โดยมีหลักฐานการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ยุคแรกเริ่มที่พบในรูปแบบของเครื่องมือหินอย่างง่ายและส่วนกะโหลกศีรษะ ซึ่งบ่งบอกถึงการมีอยู่ของอารยธรรมโบราณที่หยั่งรากลึกในดินแดนแห่งนี้มานานกว่า 2 ล้านปี

ในยุคหินใหม่ (ประมาณ 8,000 – 2,000 ปีก่อนคริสตกาล) ผู้คนในเสฉวนได้พัฒนาการใช้ขวาน เครื่องปั้นดินเผา เข็มกระดูก และอาวุธพื้นฐาน แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าทางอารยธรรม อารยธรรมสำคัญยุคแรกของภูมิภาคนี้คือชนเผ่าปาและสู่ ซึ่งอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่เรียกว่าเหลียงโจวประมาณ 2,000 ปีก่อนคริสตกาล ชาวสู่ตั้งถิ่นฐานอยู่บนที่ราบเฉิงตู ขณะที่อาณาจักรปามีศูนย์กลางอยู่ทางตะวันออกของเสฉวน ตำราจีนโบราณเรียกพื้นที่นี้ว่า "ปา-สู่" ซึ่งเป็นการรวมรัฐอิสระทั้งสองในแอ่งเสฉวนเข้าด้วยกัน

เสฉวนเป็นหนึ่งในพื้นที่ทางใต้แห่งแรกของจีนที่ชาวฮั่นเข้ามาตั้งถิ่นฐาน โดยมีการอพยพของชาวฮั่นอย่างเป็นระบบเริ่มขึ้นในศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสตกาล ในช่วงยุครณรัฐ (453-221 ปีก่อนคริสตกาล) จักรพรรดิจิ๋นได้พิชิตอาณาจักรสู่ และได้เคลื่อนย้ายชาวจิ๋นหลายพันคนมายังที่ราบเฉิงตูอันอุดมสมบูรณ์เพื่อเสริมสร้างการควบคุม ในปี 311 ปีก่อนคริสตกาล กำแพงเมืองหนาทึบได้ถูกสร้างขึ้นรอบนครเฉิงตู ซึ่งได้กลายเป็นเมืองหลวงของเสฉวนตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ภูมิภาคนี้ได้ถูกรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิจีนในช่วงศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสตกาล ภายใต้ราชวงศ์ฉิน สถาปนิกอัจฉริยะชื่อ หลี่ปิง (ซึ่งมักถูกกล่าวถึงในบริบททางประวัติศาสตร์ว่า หลินเป่า) ได้กำกับดูแลการก่อสร้างระบบชลประทานตูเจียงเอี้ยน ประมาณศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสตกาล ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อป้องกันน้ำท่วมจากแม่น้ำหมิน ระบบนี้ยังคงใช้งานได้ดีมาจนถึงปัจจุบัน หลังจากผ่านไปกว่า 2,200 ปี สะท้อนถึงความชาญฉลาดทางวิศวกรรมของคนโบราณ

ในช่วงยุคสามก๊ก (ค.ศ. 220–280) ภูมิภาคเสฉวนได้ก่อตั้งเป็นอาณาจักรจ๊กก๊ก โดยมีนครเฉิงตูเป็นเมืองหลวง ชื่อ "เสฉวน" ซึ่งมีความหมายว่า "สี่แม่น้ำ" มีที่มาจากสมัยราชวงศ์ซ่ง (ค.ศ. 960–1279) เมื่อมีการจัดตั้งเขตการปกครองสี่แห่ง หรือ "หลู่" ทางตะวันออกของมณฑล และเสฉวนได้รับการกำหนดให้เป็นมณฑลอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ. 1286 ในสมัยราชวงศ์หยวน ภายใต้การปกครองของกุบไล ข่าน

ศตวรรษที่ 17 เสฉวนเผชิญกับการทำลายล้างครั้งใหญ่จากการกบฏที่นำโดยจางเซี่ยนจงและการพิชิตของแมนจูในเวลาต่อมา แต่ภูมิภาคนี้ก็ฟื้นตัวขึ้นและกลายเป็นพื้นที่ที่มีผลิตภาพสูงภายในศตวรรษที่ 19 หลังจากการก่อตั้งสาธารณรัฐจีนในปี ค.ศ. 1911 เสฉวนได้ประสบกับช่วงเวลาแห่งความแตกแยกและความขัดแย้ง เนื่องจากขุนศึกต่างๆ แย่งชิงอำนาจ สร้างความวุ่นวายอย่างมากจนกระทั่งได้รับการรวมเป็นหนึ่งเดียวภายใต้รัฐบาลชาตินิยมในปี ค.ศ. 1935

ในช่วงสงครามจีน-ญี่ปุ่น (ค.ศ. 1937-1945) เสฉวนมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่ง รัฐบาลชาตินิยมได้ถอยร่นมายังเสฉวนหลังจากสูญเสียการควบคุมชายฝั่งตะวันออกของจีน ทำให้ฉงชิ่ง (ซึ่งในขณะนั้นเป็นส่วนหนึ่งของเสฉวน) เป็นเมืองหลวงตั้งแต่ปี ค.ศ. 1938 ถึง ค.ศ. 1945 ช่วงเวลานี้ทำให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว โดยมีโรงงานและจุดค้าขายจำนวนมากย้ายมายังมณฑล ก่อตั้งศูนย์อุตสาหกรรมใหม่ในฉงชิ่งและเฉิงตู

หลังจากการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนในปี ค.ศ. 1949 เสฉวนยังคงพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม "ก้าวกระโดดครั้งใหญ่" (ค.ศ. 1958-1961) ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อมณฑล นำไปสู่ภาวะอดอยากที่ทำให้ประชากรลดลงประมาณ 13% เสฉวนยังคงเป็นมณฑลที่มีประชากรมากที่สุดของจีนจนกระทั่งปี ค.ศ. 1997 เมื่อเทศบาลนครฉงชิ่งแยกตัวออกไป หลังจากที่เติ้งเสี่ยวผิง ชาวเสฉวนโดยกำเนิด ได้กลับมามีอำนาจอีกครั้งในปี ค.ศ. 1977 มณฑลนี้ก็ได้รับการปฏิรูปเศรษฐกิจและมักจะเป็นผู้บุกเบิกการปฏิรูปดังกล่าว

ตำนานและความสำคัญ

มณฑลเสฉวนโดดเด่นด้วยความสำคัญทางวัฒนธรรมอันลึกซึ้งและหลากหลาย ซึ่งหยั่งรากลึกในประวัติศาสตร์อันยาวนาน ประเพณีอันเป็นเอกลักษณ์ อาหารขึ้นชื่อระดับโลก และภูมิทัศน์ธรรมชาติอันงดงาม เป็นที่ยอมรับว่าเป็นหนึ่งในแหล่งกำเนิดของชนชาติจีน และมีบทบาทสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ของประเทศ

มรดกทางประวัติศาสตร์และศาสนา

เสฉวนเป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และศาสนาหลายแห่ง ที่เปรียบเสมือนสมบัติล้ำค่าของมวลมนุษยชาติ

  • พระพุทธรูปเล่อซาน: พุทธรูปแกะสลักจากหน้าผาขนาดมหึมา สูงถึง 71 เมตร ที่เมืองเล่อซาน ตรงจุดบรรจบของแม่น้ำสามสาย ถือเป็นหนึ่งในพุทธรูปแกะสลักหน้าผาที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นสถานที่สำคัญยิ่งสำหรับพุทธศาสนาและวัฒนธรรมจีน ตำนานเล่าขานว่าพระภิกษุไห่ทงได้ริเริ่มการสร้างพุทธรูปนี้ขึ้นในสมัยราชวงศ์ถัง เพื่อสงบกระแสน้ำอันเชี่ยวกรากที่สร้างความเดือดร้อนแก่ชาวเมืองและผู้สัญจรทางเรือ การสร้างใช้เวลานานนับทศวรรษและได้รับการสนับสนุนจากชนชั้นสูงและชาวบ้าน ความยิ่งใหญ่ของพระพุทธรูปนี้ไม่ได้อยู่ที่ขนาดเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงความศรัทธาและความพยายามของมนุษย์ที่สามารถสร้างสรรค์สิ่งอัศจรรย์นี้ขึ้นมาท่ามกลางธรรมชาติอันยิ่งใหญ่

  • ภูเขาเอ๋อเหมย (เอ๋อเหมยซาน): ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในสี่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ทางพุทธศาสนาของจีน โดดเด่นด้วยวัดวาอารามโบราณมากมาย รวมถึงวัดยอดทอง (Jinding) ที่ตั้งอยู่บนจุดสูงสุดของภูเขา ซึ่งมอบทิวทัศน์พระอาทิตย์ขึ้นและตกที่งดงามเหนือจินตนาการ ตำนานกล่าวว่าภูเขาแห่งนี้เป็นสถานที่ตรัสรู้ของพระโพธิสัตว์สมันตภัทร ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้แสวงบุญและนักท่องเที่ยวเดินทางขึ้นสู่ยอดเขา เพื่อค้นหาสันติสุขทางจิตวิญญาณและความงามของธรรมชาติ ความเขียวขจีของป่าไม้และความสงบเงียบของวัดวาอารามทำให้เอ๋อเหมยซานเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยพลังแห่งศรัทธาและความลึกลับ

  • ภูเขาชิงเฉิง: มีความสำคัญอย่างยิ่งในฐานะแหล่งกำเนิดลัทธิเต๋าในประเทศจีน รายล้อมไปด้วยวัดเต๋าโบราณที่ตั้งอยู่ท่ามกลางป่าเขียวขจีและบรรยากาศอันเงียบสงบ ตำนานเล่าว่าจางต้าหลิง ผู้ก่อตั้งลัทธิเต๋า ได้ฝึกฝนวิชาและเผยแพร่คำสอนที่นี่ ทำให้ภูเขาชิงเฉิงกลายเป็นศูนย์กลางแห่งจิตวิญญาณของลัทธิเต๋า ที่ซึ่งผู้คนสามารถค้นพบความกลมกลืนกับธรรมชาติและแสวงหาความสงบภายใน

  • ระบบชลประทานตูเจียงเอี้ยน: วิศวกรรมอันน่าทึ่งที่สร้างขึ้นมานานกว่าสองพันปีแล้ว ยังคงใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพในการควบคุมน้ำท่วมและส่งน้ำเพื่อการเกษตร ทำให้ที่ราบเฉิงตูได้รับการขนานนามว่า "ดินแดนแห่งความอุดมสมบูรณ์" การก่อสร้างระบบนี้ในศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสตกาล โดยหลี่ปิง แสดงให้เห็นถึงภูมิปัญญาอันล้ำเลิศในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาและหล่อเลี้ยงอารยธรรมเสฉวนมาอย่างยาวนาน

  • เมืองโบราณต่างๆ: เช่น ซีกง, เฉิงตู, อี้ปิน และหลี่จวง นำเสนอภาพวิถีชีวิตและสถาปัตยกรรมแบบจีนดั้งเดิมที่ยังคงมีมนต์ขลัง แต่ละเมืองต่างมีเรื่องราวและเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่รอให้ผู้มาเยือนได้สำรวจ

ประเพณีการทำอาหารอันเป็นเอกลักษณ์

อาหารเสฉวนมีชื่อเสียงก้องโลกในเรื่องรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์และจัดจ้าน โดยเฉพาะการใช้เครื่องเทศและพริกเป็นส่วนประกอบหลัก อาหารจานเด่นอย่างหม้อไฟเสฉวน ไก่ผัดพริกเสฉวน และปลาผัดพริก ต่างเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องสีสันที่สดใส กลิ่นหอมที่เย้ายวน และรสชาติที่เข้มข้นจัดจ้าน ชาวเสฉวนเชื่อว่ารสชาติที่เผ็ดร้อนและชาของอาหารสะท้อนถึงอารมณ์และวัฒนธรรมอันเข้มแข็งของพวกเขา การลิ้มรสอาหารเสฉวนจึงเป็นมากกว่าแค่การกิน แต่เป็นการสัมผัสถึงจิตวิญญาณและวิถีชีวิตของคนในท้องถิ่นที่เปี่ยมไปด้วยพลังและความมีชีวิตชีวา

ศิลปะและประเพณีที่รุ่งเรือง

เสฉวนเป็นบ้านเกิดของ งิ้วเสฉวน (Chuan Ju) ซึ่งเป็นศิลปะการแสดงที่เป็นเอกลักษณ์ที่ผสมผสานดนตรี การร้องเพลง ศิลปะการต่อสู้ กายกรรม และการแสดงตลกเข้าไว้ด้วยกันอย่างประณีต จุดเด่นที่สร้างความตื่นตาตื่นใจเป็นพิเศษคือเทคนิค biànliǎn หรือ "เปลี่ยนหน้ากาก" ที่นักแสดงสามารถเปลี่ยนหน้ากากได้อย่างรวดเร็วในพริบตาเดียว ราวกับเวทมนตร์ วัฒนธรรมชาเป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญของอัตลักษณ์ชาวเสฉวน โดยเป็นหนึ่งในภูมิภาคแรกๆ ในจีนและในโลกที่ปลูกและบริโภคชา ซึ่งมีประเพณีสืบทอดมานานกว่า 3,000 ปี เสฉวนมีโรงน้ำชามากที่สุดในจีน ซึ่งการดื่มชาถือเป็นประสบการณ์ที่สงบและครบวงจร มักจะมีการแสดงความบันเทิงพื้นเมืองควบคู่ไปด้วย ศิลปะดั้งเดิมอื่นๆ ได้แก่ ศิลปะการต่อสู้เอ๋อเหมย ซึ่งมีต้นกำเนิดจากภูเขาเอ๋อเหมย และเครื่องเขินหยีอันงดงามที่ประดิษฐ์โดยชนกลุ่มน้อยชาวหยี นครเฉิงตูซึ่งเป็นเมืองหลวงของมณฑล เป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมและอุตสาหกรรมที่สำคัญมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 มีชื่อเสียงด้านผ้าต่วน ผ้าไหม และผลิตภัณฑ์เครื่องเขินอันหรูหรา

มรดกทางธรรมชาติอันน่าทึ่งและการอนุรักษ์ 

ความสำคัญทางวัฒนธรรมของเสฉวนยังได้รับการเสริมแต่งด้วยภูมิทัศน์ธรรมชาติอันน่าทึ่ง ซึ่งหลายแห่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดย UNESCO

  • หุบเขาจิ่วจ้ายโกว: มีชื่อเสียงด้านทะเลสาบน้ำใสราวคริสตัล น้ำตกที่ลดหลั่นเป็นชั้น และระบบนิเวศป่าไม้ที่หลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูใบไม้ร่วงที่ทิวทัศน์จะงดงามตระการตา หุบเขานี้เป็นดั่งสวรรค์บนดินที่เต็มไปด้วยความงามและความสงบ เป็นแหล่งรวมความหลากหลายทางชีวภาพที่สำคัญ

  • พื้นที่ภูมิทัศน์ประวัติศาสตร์หวงหลง: นำเสนอภาพยอดเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ ธารน้ำแข็งทางตะวันออกสุดของจีน การก่อตัวของหินปูนที่น่าตื่นตาตื่นใจ และบ่อน้ำพุร้อนที่มีคุณสมบัติบำบัด ภูมิประเทศที่นี่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ยากที่จะหาที่ใดเสมอเหมือน ด้วยบ่อน้ำหลากสีที่เปลี่ยนไปตามฤดูกาล

  • เขตรักษาพันธุ์แพนด้ายักษ์เสฉวน: เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดของแพนด้ายักษ์ทั่วโลก ซึ่งปกป้องประชากรแพนด้าป่ากว่า 30% ของโลก เขตรักษาพันธุ์เหล่านี้ยังมีความโดดเด่นด้านความหลากหลายทางพฤกษชาติ โดยมีพืชกว่า 10,000 ชนิด และเป็นแหล่งพักพิงของสัตว์ใกล้สูญพันธุ์อื่นๆ เช่น แพนด้าแดง เสือดาวหิมะ และลิงจมูกเชิดทองเสฉวน ความพยายามในการอนุรักษ์ที่นี่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของมนุษย์ในการปกป้องและรักษาความหลากหลายทางชีวภาพอันล้ำค่าของโลก

ไฮไลท์และจุดสนใจ

มณฑลเสฉวนเปรียบเสมือนขุมทรัพย์แห่งความงามทางธรรมชาติ มรดกทางวัฒนธรรม และเสน่ห์อันน่าหลงใหล ที่รอให้นักเดินทางมาสำรวจจากทุกมุมโลก ด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลาย ตั้งแต่พุทธสถานโบราณไปจนถึงบ้านของแพนด้ายักษ์ และภูมิทัศน์ที่ตราตรึงใจ

มรดกโลกโดย UNESCO

  • พระพุทธรูปเล่อซาน คือ ประติมากรรมหินแกะสลักพุทธรูปพระศรีอริยเมตไตรยขนาดมหึมา ที่สลักอยู่บนหน้าผาภูเขาหลิงหยุน บริเวณจุดบรรจบของแม่น้ำสามสาย ใกล้กับเมืองเล่อซาน องค์พระพุทธรูปมีความสูงถึง 71 เมตร และกว้าง 28 เมตร นับเป็นพระพุทธรูปนั่งแกะสลักจากหน้าผาที่ใหญ่ที่สุดในโลก ความยิ่งใหญ่ของพระพุทธรูปนี้ทำให้ผู้มาเยือนรู้สึกทึ่งในความพยายามและศรัทธาของมนุษย์ในสมัยโบราณ การสร้างพระพุทธรูปนี้เริ่มต้นขึ้นในสมัยราชวงศ์ถัง โดยพระภิกษุไห่ทง ผู้ปรารถนาจะสร้างพุทธรูปเพื่อสงบกระแสน้ำอันเชี่ยวกรากของแม่น้ำที่สร้างความลำบากให้แก่ผู้สัญจรทางเรือ และใช้เวลาในการก่อสร้างยาวนานกว่า 90 ปี พระพุทธรูปเล่อซานได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมและธรรมชาติร่วมกับภูเขาเอ๋อเหมยในปี ค.ศ. 1996 การได้ล่องเรือชมความงามของพระพุทธรูปจากแม่น้ำ หรือเดินขึ้นไปชมจากด้านบนหน้าผา ล้วนเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจและได้สัมผัสถึงความสงบแห่งศรัทธา

  • ภูเขาเอ๋อเหมย (Emeishan) หรือ เอ๋อเหมยซาน เป็นหนึ่งในสี่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ทางพุทธศาสนาที่สำคัญที่สุดของจีน มีชื่อเสียงด้านวัดวาอารามโบราณอันศักดิ์สิทธิ์ ภูมิประเทศที่งดงามราวภาพวาด และความสำคัญทางจิตวิญญาณ ภูเขาแห่งนี้เป็นที่รู้จักในฐานะสถานที่ประดิษฐานของพระโพธิสัตว์สมันตภัทร ซึ่งดึงดูดผู้แสวงบุญและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้เดินทางมาเยือน ที่นี่มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย อาทิ วัดเป้ากั๋ว วัดฝูหู ศาลาชิงอิน วัดว่านเหนียน และไฮไลท์สำคัญคือยอดทอง (Jinding) ที่ความสูง 3,099 เมตร ซึ่งเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นและตกดินที่สวยงามตระการตา การเดินทางขึ้นสู่ยอดเขาอาจต้องใช้กระเช้าไฟฟ้าหรือการเดินเท้าผ่านเส้นทางที่คดเคี้ยว ท่ามกลางป่าเขาที่เขียวชอุ่มและเมฆหมอกที่ปกคลุม ทำให้รู้สึกราวกับอยู่ในสรวงสวรรค์ นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งรวมความหลากหลายทางชีวภาพที่สำคัญอีกด้วย

  • อุทยานแห่งชาติจิ่วจ้ายโกว ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติและเขตสงวนชีวมณฑลโลก มีชื่อเสียงโด่งดังจากทะเลสาบหลายระดับชั้นที่ใสดุจคริสตัล น้ำตกที่ลดหลั่นเป็นชั้นอย่างงดงาม และป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์และมีสีสันสดใส โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่ใบไม้จะเปลี่ยนสีเป็นเฉดต่างๆ สร้างทัศนียภาพที่น่าทึ่งและดึงดูดใจ ไฮไลท์ที่พลาดไม่ได้คือทะเลสาบห้าสี (Five-Color Lake) ที่น้ำในทะเลสาบสะท้อนแสงเป็นสีสันต่างๆ อย่างน่าอัศจรรย์ และน้ำตกไข่มุก (Pearl Shoal Waterfall) ที่สายน้ำไหลพรั่งพรูลงมาเป็นม่านไข่มุกระยิบระยับ ทั่วทั้งอุทยานแห่งนี้เต็มไปด้วยความงามตามธรรมชาติที่บริสุทธิ์และมหัศจรรย์ ทำให้ผู้มาเยือนรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปในดินแดนแห่งเทพนิยาย

  • พื้นที่ภูมิทัศน์ประวัติศาสตร์หวงหลง ตั้งอยู่ในเขตซงพาน พื้นที่ภูมิทัศน์ประวัติศาสตร์หวงหลงเป็นมรดกโลกอีกแห่งหนึ่งที่ขึ้นชื่อเรื่องภูมิประเทศที่เกิดจากการสะสมตัวของหินปูนปนตะกอน ก่อให้เกิดสระน้ำหลากสี น้ำตก และน้ำพุธรรมชาติที่สวยงามราวกับภาพวาด จุดเด่นสำคัญคือสระน้ำสีสันสดใส (Colorful Pools) ซึ่งเปลี่ยนสีไปตามฤดูกาลและแสงแดดที่ตกกระทบ พื้นที่แห่งนี้ยังโดดเด่นด้วยยอดเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ ธารน้ำแข็งที่อยู่ทางตะวันออกสุดของจีน และความหลากหลายทางชีวภาพที่อุดมสมบูรณ์ การเดินสำรวจหวงหลงเป็นการผจญภัยที่เต็มไปด้วยความตื่นตาตื่นใจในความงดงามทางธรณีวิทยาและธรรมชาติที่หาชมได้ยาก

สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติและวัฒนธรรมที่น่าสนใจอื่นๆ

  • ศูนย์วิจัยและเพาะพันธุ์แพนด้ายักษ์แห่งเฉิงตู ตั้งอยู่ในนครเฉิงตู เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอย่างสูงและเป็นศูนย์กลางสำคัญในการอนุรักษ์แพนด้ายักษ์ นักท่องเที่ยวจะได้มีโอกาสใกล้ชิดกับแพนด้ายักษ์ที่น่ารักและเรียนรู้เกี่ยวกับการอนุรักษ์สัตว์ชนิดนี้ ศูนย์แห่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่สวนสัตว์ แต่เป็นสถาบันวิจัยที่มีบทบาทสำคัญในการเพาะพันธุ์และปล่อยแพนด้ากลับคืนสู่ธรรมชาติ มีแพนด้าทุกช่วงวัย ตั้งแต่ลูกแพนด้าตัวเล็กๆ ไปจนถึงแพนด้าที่โตเต็มวัย การได้เห็นแพนด้ากินไผ่ เล่นสนุกสนาน และใช้ชีวิตตามธรรมชาติในสภาพแวดล้อมที่ได้รับการดูแลอย่างดี เป็นประสบการณ์ที่สร้างความสุขและความประทับใจให้กับผู้มาเยือนทุกเพศทุกวัย

  • ระบบชลประทานตูเจียงเอี้ยน ระบบชลประทานโบราณแห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อกว่าสองพันปีที่แล้ว ยังคงเป็นต้นแบบของวิศวกรรมชลประทานที่ยั่งยืน ระบบนี้ถูกออกแบบมาเพื่อควบคุมน้ำท่วมและผันน้ำจากแม่น้ำหมินไปยังที่ราบเฉิงตู ทำให้พื้นที่แห่งนี้เป็น "ดินแดนแห่งความอุดมสมบูรณ์" มานานหลายศตวรรษ ตูเจียงเอี้ยนไม่เพียงแต่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และวิศวกรรมเท่านั้น แต่ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามและเงียบสงบอีกด้วย นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมความยิ่งใหญ่ของเขื่อนและระบบคลองที่สลับซับซ้อน เรียนรู้ประวัติศาสตร์ และเพลิดเพลินกับทัศนียภาพอันเขียวชอุ่มรอบๆ บริเวณ

  • ภูเขาชิงเฉิง เป็นภูเขาเต๋าที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของจีน ที่นี่เป็นแหล่งกำเนิดของลัทธิเต๋า ซึ่งเป็นหนึ่งในปรัชญาและศาสนาที่เก่าแก่ที่สุดของจีน บรรยากาศบนภูเขามีความสงบและเงียบสงบ เหมาะสำหรับการแสวงหาความสงบทางจิตวิญญาณและชื่นชมความงามของธรรมชาติ ภูเขาแห่งนี้เต็มไปด้วยวัดวาอารามเต๋าโบราณที่ตั้งอยู่ท่ามกลางป่าไม้หนาทึบและยอดเขาที่ปกคลุมไปด้วยเมฆหมอก การเดินป่าบนเส้นทางที่คดเคี้ยวจะนำไปสู่ทิวทัศน์อันน่าทึ่งและสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวและตำนาน

  • ศาลเจ้าสามก๊ก (Wuhou Temple) ศาลเจ้าแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงจูกัดเหลียง มหาบัณฑิตและนักยุทธศาสตร์ผู้เลื่องชื่อในสมัยสามก๊ก ศาลเจ้าสามก๊กในเฉิงตูไม่ได้เป็นเพียงแค่วัด แต่เป็นสวนสวยที่ผสมผสานศาลเจ้า พิพิธภัณฑ์ และอนุสรณ์สถานเข้าไว้ด้วยกัน ทำให้ผู้มาเยือนได้เรียนรู้เรื่องราวของวีรบุรุษในตำนานอย่างใกล้ชิด ภายในศาลเจ้ามีรูปปั้นของจูกัดเหลียง เล่าปี่ และขุนศึกคนอื่นๆ ในสมัยสามก๊ก รวมถึงป้ายจารึกและสิ่งประดิษฐ์โบราณที่เกี่ยวข้องกับการศึกสงคราม บรรยากาศอันร่มรื่นและเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ทำให้ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ควรค่าแก่การเยี่ยมชมสำหรับผู้ที่ชื่นชอบวรรณกรรมสามก๊ก

  • ถนนโบราณจินหลี่ (Jinli Ancient Street) และตรอกควนไจ่ (Kuanzhai Alley) ทั้งสองเป็นย่านคนเดินในนครเฉิงตูที่มอบประสบการณ์ที่ผสมผสานระหว่างความเก่าแก่และทันสมัยได้อย่างลงตัว ถนนโบราณจินหลี่เป็นที่รู้จักจากสถาปัตยกรรมแบบจีนดั้งเดิม ร้านค้าที่ขายของที่ระลึก งานฝีมือ และอาหารท้องถิ่นรสเลิศ ขณะที่ตรอกควนไจ่ประกอบด้วยตรอกสามสายที่สะท้อนวิถีชีวิตชาวเฉิงตูในอดีตและปัจจุบัน มีร้านกาแฟเก๋ๆ ร้านอาหาร และร้านบูติกมากมาย ทั้งสองย่านเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการเดินเล่น ซื้อของฝาก และสัมผัสกับบรรยากาศทางวัฒนธรรมอันมีชีวิตชีวาของเฉิงตู

  • อุทยานแห่งชาติภูเขาสี่ดรุณี (Mount Siguniang National Park)

  • ซากปรักหักพังซานซิงตุย (Sanxingdui Ruins)

  • ทะเลไผ่ซูหนาน (Shunan Bamboo Sea)

  • อุทยานธารน้ำแข็งไห่หลัวโกว (Hailuogou Glacier Forest Park)

ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเยี่ยมชม

ภูมิประเทศที่กว้างใหญ่และหลากหลายของเสฉวนส่งผลให้สภาพภูมิอากาศแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ โดยทั่วไปแล้ว ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคมถึงมิถุนายน) และฤดูใบไม้ร่วง (กันยายนถึงพฤศจิกายน) ถือเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการท่องเที่ยวเสฉวน ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ คุณจะได้เห็นดอกไม้บานสะพรั่งและลำธารที่ไหลเอื่อยในภูเขา ขณะที่ฤดูใบไม้ร่วงให้สภาพอากาศที่สบาย ไม่ร้อนหรือหนาวจนเกินไป และมักจะมีท้องฟ้าแจ่มใส มองเห็นยอดเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะทางตะวันตกของเสฉวนได้อย่างชัดเจน

สำหรับแอ่งเสฉวนทางตะวันออก รวมถึงเฉิงตู จะมีฤดูหนาวที่ไม่รุนแรงมากนัก มีหิมะตกน้อยครั้ง ฤดูร้อนจะร้อนและมีฝนตกชุก ซึ่งอาจทำให้เกิดดินถล่มและถนนปิดในบางพื้นที่ได้ ส่วนภูมิภาคภูเขาทางตะวันตกจะมีฤดูหนาวที่หนาวเย็นจัดและปริมาณน้ำฝนน้อยกว่า ฤดูร้อนที่เย็นสบายกว่า การเดินทางในฤดูหนาว (ธันวาคมถึงกุมภาพันธ์) อาจทำได้ยากในบางพื้นที่เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวจัด

เสฉวน ดินแดนที่เปี่ยมด้วยมนต์ขลังและความมหัศจรรย์ ได้เปิดประตูต้อนรับนักผจญภัยจากทั่วทุกมุมโลกให้เข้ามาสัมผัสกับเสน่ห์อันไร้ขีดจำกัด ตั้งแต่ยอดเขาหิมะที่เสียดฟ้าจรดที่ราบลุ่มอันอุดมสมบูรณ์ แม่น้ำที่ไหลคดเคี้ยวราวกับมังกรเลื้อย และป่าไม้เขียวขจีที่ซ่อนเร้นความลับนับพันปี ที่นี่คือผืนผ้าแห่งความงามทางธรรมชาติที่ถักทอด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่าสองล้านปี วัฒนธรรมที่หยั่งรากลึก และรสชาติอาหารที่เผ็ดร้อนจัดจ้านอันเป็นเอกลักษณ์ การเดินทางในเสฉวนคือการดำดิ่งสู่ประสบการณ์ที่กระตุ้นทุกประสาทสัมผัส ไม่ว่าจะเป็นการตื่นตาตื่นใจกับพุทธรูปเล่อซานอันยิ่งใหญ่ การดื่มด่ำกับความงดงามราวเทพนิยายของหุบเขาจิ่วจ้ายโกว การใกล้ชิดกับแพนด้ายักษ์แสนน่ารัก หรือการลิ้มลองหม้อไฟเสฉวนที่เผ็ดร้อนถึงใจ ทุกย่างก้าวในเสฉวนคือการค้นพบสิ่งใหม่ๆ ที่จะเติมเต็มจิตวิญญาณแห่งการผจญภัยของคุณให้เต็มเปี่ยมไปด้วยความอัศจรรย์ ความชื่นชม และความประทับใจที่ยากจะลืมเลือน เสฉวนไม่ใช่แค่จุดหมายปลายทาง แต่คือการเดินทางอันยิ่งใหญ่ที่จะเปลี่ยนแปลงมุมมองของคุณต่อโลกใบนี้

มณฑลเสฉวน แบ่งออกเป็น 18 นครระดับจังหวัด (Prefecture-level Cities) และ 3 เขตปกครองตนเองของชนชาติส่วนน้อย (Autonomous Prefectures) ได้แก่

@ นครระดับจังหวัด (Prefecture-level Cities) เป็นเมืองขนาดใหญ่ที่มีอิทธิพลทางเศรษฐกิจและการเมืองในภูมิภาคนั้นๆ และมักจะเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งและวัฒนธรรม

@ เฉิงตู (Chengdu) เป็นเมืองหลวงของมณฑลเสฉวน และเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การเงิน วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การคมนาคม และวัฒนธรรมของภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน เป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดและเป็นที่ตั้งของหน่วยงานราชการสำคัญ

@ เหมียนหยัง (Mianyang)

@ เต๋อหยาง (Deyang)

@ กว่างหยวน (Guangyuan)

@ ซุ่ยหนิง (Suining)

@ เน่ยเจียง (Neijiang)

@ เล่อซาน (Leshan) - ที่ตั้งพระพุทธรูปเล่อซาน

@ จื้อก้ง (Zigong) - เมืองแห่งโคมไฟและไดโนเสาร์

@ ลูโจว (Luzhou) - เมืองแห่งสุราไป๋จิ่ว

@ อี๋ปิน (Yibin)

@ กว่างอัน (Guang'an)

@ ต้าโจว (Dazhou)

@ หยาอัน (Ya'an)

@ เหมยซาน (Meishan)

@ จือหยาง (Ziyang)

@ หนานชง (Nanchong)

@ ปาจง (Bazhong)

@ ปานจือฮัว (Panzhihua)

@ เขตปกครองตนเองของชนชาติส่วนน้อย (Autonomous Prefectures) เป็นพื้นที่ที่มีชนกลุ่มน้อยอาศัยอยู่หนาแน่น และมีสิทธิในการปกครองตนเองบางประการเพื่อรักษาวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของตน

- เขตปกครองตนเองชนชาติ ทิเบตอาป้าและเชียง (Ngawa Tibetan and Qiang Autonomous Prefecture) เป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์สูง ทั้งชาวทิเบต ชาวเชียง และอื่นๆ มีภูเขาที่สูงชันและธรรมชาติที่สวยงาม เช่น จิ่วจ้ายโกว และหวงหลง

- เขตปกครองตนเองชนชาติ ทิเบตกานจือ (Garzê Tibetan Autonomous Prefecture) เป็นพื้นที่ที่มีขนาดใหญ่และมีความสำคัญทางวัฒนธรรมทิเบตสูง มีภูมิประเทศเป็นที่ราบสูงและยอดเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ

- เขตปกครองตนเองชนชาติ อี๋เหลียงซาน (Liangshan Yi Autonomous Prefecture) เป็นที่อยู่อาศัยหลักของชนชาติอี๋ ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่แข็งแกร่ง

เสฉวน คือ มณฑลที่เต็มเปี่ยมด้วยพลังแห่งธรรมชาติ วัฒนธรรมลึกซึ้ง และรสชาติที่เร้าใจ เมืองนี้ไม่เพียงแต่มอบความสุขทางรสสัมผัส แต่ยังนำพาผู้มาเยือนไปสัมผัสเรื่องราวแห่งประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่และความงามทางธรรมชาติที่ไม่รู้ลืม

"เสฉวน... ดินแดนที่เผ็ดร้อนด้วยรสชาติ และลึกซึ้งด้วยวัฒนธรรม"

.

-------------------------

ที่มา

-

รวบรวมข้อมูลและรูป

www.iok2u.com

-------------------------

ดูเพิ่มเติมในเรื่องที่เกี่ยวข้องได้ที่

เที่ยวจีน (Travel China)

เที่ยวรอบโลก (World Travel)

รวมเรื่องราวการท่องเที่ยว iok2u

-------------------------

ชมอัลปั้มภาพเพิ่มเติมที่

-

-

-

.

-------------------------

ขอต้อนรับเข้าสู่เว็บไซต์
www.iok2u.com
แหล่งข้อมูลสารสนเทศเพื่อคุณ

เว็บไซต์ www.iok2u.com นี้เกิดมาจาก แรงบันดาลใจในภาพยนต์เรื่อง Pay It Forward โดยมีเป้าหมายเล็ก ๆ ที่กำหนดไว้ว่า ทุกครั้งที่เข้าเรียนสัมมนาหรืออบรมในแต่ละครั้ง จะนำความรู้มาจัดทำเป็นบทความอย่างน้อย 3 เรื่อง เพื่อมาลงในเว็บนี้
ความตั้งใจที่จะถ่ายทอดความรู้ที่ได้รับมาทำการถ่ายทอดต่อไป และหวังว่าจะมีคนมาอ่านแล้วเห็นว่ามีประโยชน์นำเอาไปใช้ได้ หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลย โดยอาจไม่ต้องอ้างอิงที่มาหรือมาตอบแทนผู้จัด แต่ขอให้ส่งต่อหากคิดว่ามันดีหรือมีประโยชน์ เพื่อถ่ายทอดความรู้และสิ่งดี ๆ ต่อไปข้างหน้าต่อไป Pay It Forward