iok2u.com แหล่งรวมข้อมูลข่าวสารเรื่องราวน่าสนใจเพื่อการศึกษาแลกเปลี่ยนและเรียนรู้

Pay It Forward เป้าหมายเล็ก ๆ ในการส่งมอบความดีต่อ ๆ ไป
เว็ปไซต์นี้เกิดจากแรงบันดาลใจในภาพยนต์เรื่อง Pay It Forward ที่เล่าถึงการมีเป้าหมายเล็ก ๆ กำหนดไว้ให้ส่งมอบความดีต่อไปอีก 3 คน หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลยโดยไม่ต้องตอบแทนกลับมา อยากให้ส่งต่อเพื่อถ่ายทอดต่อไป
ยืนหยัด เข้มแข็ง และกล้าหาญ (Stay Strong & Be Brave)
ขอเป็นกำลังใจให้คนดีทุกคนในการต่อสู้ความอยุติธรรม ในยุคสังคมที่คดโกงยึดถึงประโยชน์ส่วนตนและพวกฟ้องมากกว่าผลประโยชน์ส่วนรวม จนหลายคนคิดว่าพวกด้านได้อายอดมักได้ดี แต่หากยึดคำในหลวงสอนไว้ในเรื่องการทำความดีเราจะมีความสุขครับ
มิสเตอร์เรน (Mr. Rain) และมิสเตอร์เชน (Mr. Chain)
Mr. Rain และ Mr. Chain สองพี่น้องในโลกออฟไลน์และออนไลน์ที่จะมาร่วมมือกันสร้างสื่อสารสนเทศ เพื่อเผยแพร่ให้ความรู้ในเรื่องราวต่างๆ มากมายสร้างสังคมในการเรียนรู้ หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลยโดยไม่ต้องตอบแทนกลับมา

มหาเจดีย์บุโรพุทโธ (Borobudur Temple)

มหาเจดีย์บุโรพุทโธ (Borobudur Temple) สัญลักษณ์แห่งวัฒนธรรมพุทธศาสนา มรดกโลกอันล้ำค่าของอินโดนีเซีย

มหาเจดีย์บุโรพุทโธ (Borobudur Temple) เป็นสถาปัตยกรรมทางพุทธศาสนาที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ในจังหวัดชวากลาง ประเทศอินโดนีเซีย สถานที่แห่งนี้ไม่เพียงแค่เป็นศาสนสถานที่สำคัญของชาวพุทธ แต่ยังเป็นมรดกโลกที่องค์การยูเนสโก (UNESCO) ขึ้นทะเบียนไว้ ด้วยความยิ่งใหญ่ของโครงสร้าง ความซับซ้อนของรายละเอียดการแกะสลักหิน และความสำคัญทางประวัติศาสตร์ บุโรพุทโธจึงถือเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของศาสนาพุทธในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ตำแหน่งที่ตั้งของมหาเจดีย์บุโรพุทโธ ตั้งอยู่ในเขตหมู่บ้านโบริชานโต (Borichanto) ใกล้เมืองมากาลัง (Magelang) ในจังหวัดชวากลาง ห่างจากเมืองยอกยาการ์ตา (Yogyakarta) ประมาณ 40 กิโลเมตร

แผนที่ Google Maps https://maps.app.goo.gl/KbvCmWytFpXRENej8

ประวัติและความสำคัญ

ยุคการก่อสร้าง มหาเจดีย์บุโรพุทโธ ถูกสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 8-9 โดยราชวงศ์ไศเลนทรา (Sailendra Dynasty) ซึ่งเป็นราชวงศ์ที่นับถือพุทธศาสนามหายาน โครงสร้างของมหาเจดีย์มีลักษณะเป็นเจดีย์ทรงภูเขาซ้อนกัน 9 ชั้น แบ่งออกเป็น 3 ส่วนตามหลักไตรภูมิ ได้แก่ กามภูมิ (โลกแห่งความปรารถนา) รูปภูมิ (โลกแห่งรูปธรรม) และอรูปภูมิ (โลกแห่งความไม่มีตัวตน) การค้นพบ บุโรพุทโธ ถูกทิ้งร้างไปในช่วงศตวรรษที่ 14 หลังจากการแพร่หลายของศาสนาอิสลามในภูมิภาคนี้ ต่อมาในปี พ.ศ. 2357 นักสำรวจชาวอังกฤษชื่อ โทมัส สแตมฟอร์ด ราฟเฟิลส์ (Thomas Stamford Raffles) ได้ค้นพบสถานที่แห่งนี้และเริ่มต้นกระบวนการฟื้นฟู การฟื้นฟูและมรดกโลก ยูเนสโกและรัฐบาลอินโดนีเซีย ได้ร่วมกันบูรณะบุโรพุทโธในช่วงปี พ.ศ. 2518-2525 ทำให้สถานที่แห่งนี้กลับมามีความยิ่งใหญ่อีกครั้งและได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี พ.ศ. 2535

จุดเด่นของ มหาเจดีย์บุโรพุทโธ การแกะสลักหินที่งดงาม บุโรพุทโธ ประกอบด้วยภาพแกะสลักหินจำนวนมากกว่า 2,672 แผ่นที่บอกเล่าเรื่องราวจากพุทธศาสนา เช่น ชีวิตของพระพุทธเจ้าและเรื่องราวจากชาดกเจดีย์ทรงระฆังและพระพุทธรูป ในชั้นบนสุดของบุโรพุทโธมีเจดีย์ทรงระฆังมากกว่า 72 องค์ แต่ละองค์มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ภายใน เป็นสัญลักษณ์ของอรูปภูมิ หรือโลกแห่งความไม่มีตัวตนวิวทิวทัศน์รอบตัวเจดีย์ จากชั้นบนสุดของบุโรพุทโธ นักท่องเที่ยวสามารถชมวิวที่งดงามของภูเขาและท้องทุ่งโดยรอบ โดยเฉพาะในช่วงพระอาทิตย์ขึ้นที่ถือเป็นไฮไลต์สำคัญเทศกาลวิสาขบูชา ทุกปีในช่วงวันวิสาขบูชา บุโรพุทโธจะเป็นสถานที่จัดงานเฉลิมฉลองใหญ่ของชาวพุทธจากทั่วโลก ซึ่งเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความศักดิ์สิทธิ์และความศรัทธา

การเดินทาง

- ทางอากาศ สนามบินที่ใกล้ที่สุดคือสนามบินยอกยาการ์ตา (Yogyakarta International Airport) ซึ่งมีเที่ยวบินตรงจากหลายเมืองใหญ่ในอินโดนีเซีย

- ทางบก จากเมืองยอกยาการ์ตา สามารถนั่งรถโดยสาร รถแท็กซี่ หรือรถยนต์เช่ามายังบุโรพุทโธ โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 1-1.5 ชั่วโมง

- บริการนำเที่ยว มีแพ็กเกจนำเที่ยวแบบครึ่งวันหรือเต็มวันจากยอกยาการ์ตา ที่รวมการเดินทางและไกด์นำเที่ยวเคล็ดลับสำหรับนักท่องเที่ยว

- เลือกช่วงเวลาเยี่ยมชม แนะนำให้มาในช่วงเช้าตรู่เพื่อหลีกเลี่ยงความร้อน และชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงาม

- การแต่งกายสุภาพ เนื่องจากเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ควรแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่เหมาะสมและสุภาพ การเตรียมตัวสำหรับการเดิน บุโรพุทโธมีขั้นบันไดจำนวนมาก ควรสวมรองเท้าที่สบายสำหรับการเดินขึ้น-ลง

- การจองล่วงหน้า สำหรับการเข้าชมในช่วงเทศกาลสำคัญ ควรจองบัตรล่วงหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงความแออัด

มหาเจดีย์บุโรพุทโธ เป็นสถานที่ที่สะท้อนถึงความงดงามทางศิลปะและความลึกซึ้งทางจิตวิญญาณของพุทธศาสนา การเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้ไม่เพียงแต่จะได้สัมผัสความยิ่งใหญ่ของสถาปัตยกรรมโบราณ แต่ยังเป็นโอกาสในการเรียนรู้ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่ลึกซึ้ง บุโรพุทโธจึงเป็นจุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาดสำหรับผู้รักในศิลปะ ประวัติศาสตร์ และจิตวิญญาณ

มหาเจดีย์บุโรพุทโธ (Borobudur Temple)  ศาสนสถานของศาสนาพุทธที่ใหญ่ที่สุดในโลก สร้างขึ้นโดยกษัตริย์แห่งราชวงศ์ไศเลนทร์ เป็นสถูปแบบมหายาน สันนิษฐานว่าสร้างราวคริสต์ศตวรรษที่ 7-9 หรือพุทธศักราช 1393 ตั้งอยู่ทางภาคกลางของเกาะชวา บนที่ราบเกฑุ ทางฝั่งขวาใกล้กับแม่น้ำโปรโก ห่างจากยอกยาการ์ตา ทางตะวันตกเฉียงเหนือ 40 กิโลเมตร มหาสถูปบุโรพุทโธ อันงดงามนั้นรังสรรค์ขึ้นด้วยความรักความศรัทธาอย่างเปี่ยมล้นต่อพระพุทธศาสนาของชนชาวศรีวิชัย ประติมากรรมแต่ละชิ้นได้รับการจัดวางอย่างงดงามลงตัวและมีความหมายอันมีนัยถึงธรรม ธรรมชาติ หรือจักรวาล โดยสร้างขึ้นจากหินลาวา มีพื้นที่โดยรวมประมาณ 55,000 ตารางเมตร รูปทรงด้านฐานเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสกว้างยาวด้านละ 123 เมตร แต่ละด้านมีบันไดและซุ้มประตูขึ้นสู่มหาเจดีย์ ซึ่งมีทั้งหมด 10 ชั้น ชั้น 1-6 มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยม ส่วนชั้นที่ 7-10 มีลักษณะเป็นรูปทรงกลม ส่วนฐานของบุโรพุทโธ ประกอบด้วยขั้นบันไดใหญ่ 4 ขั้น กำแพงรอบฐานมีภาพสลักประมาณ 160 ภาพ เป็นภาพที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นมนุษย์ที่ยังข้องอยู่ในกาม ผูกพันกับความสุข สนุกสนาน ความปรารถนาทางโลกอันไม่รู้จบ ส่วนนี้จัดอยู่ในขั้นกามภูมิ ในส่วนที่สอง คือส่วนบนของฐานนั้น ผนังทั้งด้านนอกด้านในมีรูปสลักเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติและชาดกต่างๆ ประมาณ 1,460 ภาพ ในส่วนนี้ถือเป็นขั้นรูปภูมิ คือขั้นตอนที่มนุษย์หลุดพ้นจากกิเลสทางโลกมาได้บางส่วนส่วนที่สาม คือส่วนของฐานกลมที่มีเจดีย์ทรงระฆังคว่ำ จำนวน 72 องค์ แต่ละองค์บรรจุด้วยพระพุทธรูป ตั้งเรียงรายอยู่ 3 ระดับ โอบล้อมพระเจดีย์องค์ใหญ่ซึ่งเป็นสัญลักษณ์สุดยอดของบุโรพุทโธ จำนวน 72 นั้น หากพิจารณาในทางธรรมแล้วหมายถึง รูป 18 เจตสิก 52 จิต 1 นิพพาน 1 และฐานพระเจดีย์ที่เป็นรูปบัวผลิบานนั้นบ่งบอกถึงการรู้ตื่นและเบิกบาน ส่วนพระเจดีย์องค์ใหญ่นั้นภายในไม่ได้บรรจุสิ่งใดไว้ อาจสื่อให้เห็นถึงความว่าง อันถึงที่สุดของนิพพานแล้ว ย่อมไร้ลักษณ์ ไร้รูปรอยใดๆ ในส่วนนี้ถือเป็นขั้นอรูปภูมิ ที่มนุษย์ไม่ผูกพันกับทางโลกอีกต่อไป จากนั้นนำท่านสู่ ศูนย์เครื่องเงิน ท่านจะได้ชมการสาธิตการทำเครื่องเงินอย่างละเอียด โดยช่างฝีมือที่ประณีต

วัดปะวน (Candi Pawon) หรือ เป็นวัดที่ได้สร้างขึ้นเป็นที่สำหรับเก็บน้ำศักดิ์สิทธิ์เพื่อชำระล้างจิตใจ

มหาเจดีย์บุโรพุทโธ (Borobudur Temple) ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางทุ่งเขียวขจี บนเกาะชวา ประเทศอินโดนีเซีย มรดกโลกทางวัฒนธรรมที่ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโก้ ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกด้วยสถาปัตยกรรมอันงดงาม ประวัติศาสตร์อันยาวนาน และความเชื่อทางศาสนาอันล้ำค่า

จุดเด่นของมหาเจดีย์บุโรพุทโธ 

- สถาปัตยกรรม เจดีย์ทรงระฆังคว่ำ ฐานสี่เหลี่ยม บันได 8 ชั้น รูปปั้นพระพุทธรูป 504 องค์ ภาพสลักนูนต่ำ 2,672 ชิ้น ผสมผสานศิลปะฮินดู พุทธ และชวา

ประวัติศาสตร์ สร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 8-9 รุ่งเรืองในสมัยราชวงศ์ไศเลนทร์ ถูกปกคลุมด้วยเถ้าภูเขาไฟ ค้นพบใหม่ในศตวรรษที่ 19 ผ่านการบูรณะหลายครั้ง

ความเชื่อทางศาสนา เป็นสถานที่แสวงบุญของชาวพุทธ สื่อถึงเส้นทางการบรรลุนิพพาน รูปปั้นพระพุทธรูป ภาพสลักนูนต่ำ ปรัชญาทางพุทธศาสนา 

กิจกรรม ชมวิวทิวทัศน์จากยอดเจดีย์ เดินชมภาพสลักนูนต่ำ เรียนรู้ประวัติศาสตร์ เข้าร่วมพิธีกรรมทางศาสนา และถ่ายรูป

มหาเจดีย์บุโรพุทโธ สถานที่ท่องเที่ยวที่ห้ามพลาดเมื่อมาเยือนอินโดนีเซีย สัมผัสประสบการณ์อันน่าทึ่ง ดื่มด่ำสถาปัตยกรรมอันงดงาม เรียนรู้ประวัติศาสตร์อันยาวนาน และสัมผัสความเชื่อทางศาสนาอันล้ำค่า  และเปิดมุมมองใหม่เกี่ยวกับวัฒนธรรมพุทธศาสนา

 

.

---------------------------------------------

ที่มาข้อมูล

ที่มารูป 

www.iok2u.com

---------------------------------------------

ดูเพิ่มเติมในเรื่องที่เกี่ยวข้องได้ที่

เที่ยวอินโดนีเซีย (Travel Indonesia)

เที่ยวรอบโลก (Travel World)

---------------------------------------------

ชมอัลปั้มภาพเพิ่มเติมที่

20230729 มหาเจดีย์บุโรพุทโธ (Borobudur Temple) อินโดนีเซีย

https://photos.app.goo.gl/fWzN3ctruwmzqFN98

.

---------------------------------------------

 

 

 

ขอต้อนรับเข้าสู่เว็บไซต์
www.iok2u.com
แหล่งข้อมูลสารสนเทศเพื่อคุณ

เว็บไซต์ www.iok2u.com นี้เกิดมาจาก แรงบันดาลใจในภาพยนต์เรื่อง Pay It Forward โดยมีเป้าหมายเล็ก ๆ ที่กำหนดไว้ว่า ทุกครั้งที่เข้าเรียนสัมมนาหรืออบรมในแต่ละครั้ง จะนำความรู้มาจัดทำเป็นบทความอย่างน้อย 3 เรื่อง เพื่อมาลงในเว็บนี้
ความตั้งใจที่จะถ่ายทอดความรู้ที่ได้รับมาทำการถ่ายทอดต่อไป และหวังว่าจะมีคนมาอ่านแล้วเห็นว่ามีประโยชน์นำเอาไปใช้ได้ หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลย โดยอาจไม่ต้องอ้างอิงที่มาหรือมาตอบแทนผู้จัด แต่ขอให้ส่งต่อหากคิดว่ามันดีหรือมีประโยชน์ เพื่อถ่ายทอดความรู้และสิ่งดี ๆ ต่อไปข้างหน้าต่อไป Pay It Forward