iok2u.com แหล่งรวมข้อมูลข่าวสารเรื่องราวน่าสนใจเพื่อการศึกษาแลกเปลี่ยนและเรียนรู้

มิสเตอร์เรน (Mr. Rain) และมิสเตอร์เชน (Mr. Chain)
Mr. Rain และ Mr. Chain สองพี่น้องในโลกออฟไลน์และออนไลน์ที่จะมาร่วมมือกันสร้างสื่อสารสนเทศ เพื่อเผยแพร่ให้ความรู้ในเรื่องราวต่างๆ มากมายสร้างสังคมในการเรียนรู้ หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลยโดยไม่ต้องตอบแทนกลับมา
Pay It Forward เป้าหมายเล็ก ๆ ในการส่งมอบความดีต่อ ๆ ไป
เว็ปไซต์นี้เกิดจากแรงบันดาลใจในภาพยนต์เรื่อง Pay It Forward ที่เล่าถึงการมีเป้าหมายเล็ก ๆ กำหนดไว้ให้ส่งมอบความดีต่อไปอีก 3 คน หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลยโดยไม่ต้องตอบแทนกลับมา อยากให้ส่งต่อเพื่อถ่ายทอดต่อไป
ยืนหยัด เข้มแข็ง และกล้าหาญ (Stay Strong & Be Brave)
ขอเป็นกำลังใจให้คนดีทุกคนในการต่อสู้ความอยุติธรรม ในยุคสังคมที่คดโกงยึดถึงประโยชน์ส่วนตนและพวกฟ้องมากกว่าผลประโยชน์ส่วนรวม จนหลายคนคิดว่าพวกด้านได้อายอดมักได้ดี แต่หากยึดคำในหลวงสอนไว้ในเรื่องการทำความดีเราจะมีความสุขครับ

Industry4_005 ความสำเร็จเชิงปริมาณในงาน อุตสาหกรรม 4.0 (Industry 4.0)

 

 

005 ความสำเร็จเชิงปริมาณ (quantitative) ในงาน อุตสาหกรรม 4.0 (Industry 4.0)

ความสำเร็จในงานด้านนี้สามารถวัดได้ผ่านตัวชี้วัดประสิทธิภาพหลัก (KPI) ได้หลายตัว ตัวอย่างความสำเร็จเชิงปริมาณทั่วไปที่สามารถรับรู้ได้ผ่านการนำเอาอุตสาหกรรม 4.0 มาช่วยในการทำงาน เช่น

1. ผลผลิตที่เพิ่มขึ้น (Increased Productivity) อุตสาหกรรม 4.0 สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานได้ โดยการปรับกระบวนการให้เหมาะสมและลดเวลาหยุดทำงาน องค์กรสามารถบรรลุผลผลิตที่สูงขึ้นโดยใช้ทรัพยากรเท่าเดิมหรือน้อยลง ซึ่งนำไปสู่การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ตัวชี้วัดสำหรับการปรับปรุงประสิทธิภาพ ได้แก่

1.1 ประสิทธิภาพของอุปกรณ์โดยรวม (Overall Equipment Efficiency: OEE) อุตสาหกรรม 4.0 สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพของการใช้อุปกรณ์ โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ ที่มีการส่งข้อมูล เช่น ความพร้อมใช้งาน ประสิทธิภาพ และคุณภาพ การใช้งานในอุตสาหกรรม 4.0 สามารถนำไปสู่คะแนน OEE ที่สูงขึ้น

1.2 การเพิ่มปริมาณงาน (Throughput) อุตสาหกรรม 4.0 ช่วยให้วงจรการผลิตเร็วขึ้น ส่งผลให้มีปริมาณของผลผลิตหรือจำนวนหน่วยที่ผลิตต่อหน่วยเวลาเพิ่มขึ้น

2. การลดต้นทุน (Cost Reduction) อุตสาหกรรม 4.0 สามารถช่วยประหยัดต้นทุนได้โดยการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากร ลดของเสีย และลดการใช้แรงงานคน ตัวชี้วัดที่สำคัญสำหรับการลดต้นทุน ได้แก่

2.1 การลดต้นทุนแรงงาน (Labor Cost Reduction) อุตสาหกรรม 4.0 ที่มีการนำเอาระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์มาใช้จะสามารถลดความต้องการแรงงานคน ส่งผลให้ประหยัดต้นทุนทั้งในด้านค่าจ้าง การฝึกอบรม และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง

2.2 ประสิทธิภาพการใช้พลังงาน (Energy Efficiency) อุตสาหกรรม 4.0 สามารถปรับปรุงการตรวจสอบพลังงานและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ทำให้ต้นทุนด้านพลังงานลดลง

2.3 การลดต้นทุนสินค้าคงคลัง (Inventory Cost Reduction) อุตสาหกรรม 4.0 สามารถให้ข้อมูลที่เป็นเรียลไทม์ ซึ่งจะช่วยในการนำมาใช้ช่วยวิเคราะห์การทำงานขั้นสูง ทำให้การจัดการสินค้าคงคลังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้ ส่งผลให้ระดับสินค้าคงคลังลดลง ต้นทุนการแบกรับ และความล้าสมัย

3. ปรับปรุงคุณภาพและลดข้อบกพร่อง (Improved Quality and Reduced Defects) อุตสาหกรรม 4.0 ช่วยให้สามารถจัดการคุณภาพเชิงรุก ลดข้อบกพร่องในการผลิตและปรับปรุงคุณภาพผลิตภัณฑ์โดยรวม ตัวอย่างตัวชี้วัดที่ใช้สำหรับการประเมินผลการปรับปรุงคุณภาพ ได้แก่

3.1 เปอร์เซ็นต์ของผลิตภัณฑ์ (First Pass Yield: FPY) อุตสาหกรรม 4.0 ช่วยในการวัดเปอร์เซ็นต์ของผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการควบคุมคุณภาพในการผลิต การนำอุตสาหกรรม 4.0 มาใช้ช่วยให้สามารถนำไปสู่อัตรา FPY ที่สูงขึ้น ซึ่งบ่งชี้ถึงคุณภาพการผลิตที่ดีขึ้น

3.2 ข้อร้องเรียนของลูกค้า (Customer Complaints) ด้วยการควบคุมคุณภาพที่ดีขึ้นและการตรวจสอบตามเวลาจริง การใช้อุตสาหกรรม 4.0 มาช่วยจัดการข้อมูลทำให้ส่งผลได้ข้อร้องเรียนของลูกค้าที่เกี่ยวข้องกับข้อบกพร่องได้อย่างรวดเร็ว หรือประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ลดลง

4. การบำรุงรักษาและความน่าเชื่อถือของอุปกรณ์ที่ได้รับการปรับปรุง (Enhanced Equipment Maintenance and Reliability) อุตสาหกรรม 4.0 ช่วยให้สามารถบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์และเชิงรุก ลดเวลาการหยุดทำงานของอุปกรณ์และเพิ่มความน่าเชื่อถือ ตัวชี้วัดที่สำคัญสำหรับการบำรุงรักษาอุปกรณ์ ได้แก่

4.1 เวลาเฉลี่ยระหว่างความล้มเหลว Mean Time Between Failures: MTBF) วัดเวลาเฉลี่ยระหว่างความล้มเหลวของอุปกรณ์ การใช้งานในอุตสาหกรรม 4.0 สามารถนำไปสู่ MTBF ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งบ่งชี้ถึงความน่าเชื่อถือของอุปกรณ์ที่ดีขึ้น

4.2 เวลาเฉลี่ยในการซ่อมแซม (Mean Time to Repair: MTTR) อุตสาหกรรม 4.0 ช่วยวัดเวลาเฉลี่ยที่ต้องใช้ในการซ่อมแซมอุปกรณ์หลังจากเกิดความล้มเหลว ความคิดริเริ่มของอุตสาหกรรม 4.0 สามารถลด MTTR ลดเวลาหยุดทำงานและเพิ่มความพร้อมใช้งานของอุปกรณ์

5. เวลานำที่ลดลงและเพิ่มความยืดหยุ่น (Reduced Lead Time and Increased Flexibility) อุตสาหกรรม 4.0 ทำให้ระยะเวลานำสั้นลงและมีความยืดหยุ่นในการผลิตมากขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า KPI ที่สำคัญสำหรับการลดระยะเวลารอคอยสินค้าและความยืดหยุ่น ได้แก่

5.1 เวลาดำเนินการตามคำสั่งซื้อ (Order Fulfillment Time) การใช้งานในอุตสาหกรรม 4.0 สามารถลดเวลาที่จำเป็นในการดำเนินการตามคำสั่งซื้อของลูกค้า ปรับปรุงความพึงพอใจและการตอบสนองของลูกค้า

5.2 เวลาเปลี่ยน (Changeover Time) การใช้ อุตสาหกรรม 4.0 ที่มีระบบอัตโนมัติและระบบอัจฉริยะ ช่วยในการปรับเปลี่ยนในเรื่องของเวลา ส่วนให้จะทำให้เวลาในการผลิตผลิตภัณฑ์หรือการตั้งค่าการผลิตต่างๆ สามารถลดลงได้ ช้วยทำให้เกิดมีความยืดหยุ่นในการผลิตที่มากขึ้น

จากตัวอย่างความสำเร็จเชิงปริมาณของ Industry 4.0 KPI และความสำเร็จที่เฉพาะเจาะจงจะแตกต่างกันไปตาม อุตสาหกรรม องค์กร และวัตถุประสงค์ของการดำเนินการ การกำหนด KPI ที่เกี่ยวข้องและการวัดผลและติดตามความคืบหน้าอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อประเมินความสำเร็จของโครงการ

---------------------------------

 

ที่มาข้อมูล 

ที่มาภาพและรวบรวมโดย www.iok2u.com

---------------------------------

สนใจเรื่องราวเพิ่มเติมคลิกที่นี่

อุตสาหกรรม 4.0 (Industry 4.0) รวมข้อมูล
---------------------------------

ขอต้อนรับเข้าสู่เว็บไซต์
www.iok2u.com
แหล่งข้อมูลสารสนเทศเพื่อคุณ

เว็บไซต์ www.iok2u.com นี้เกิดมาจาก แรงบันดาลใจในภาพยนต์เรื่อง Pay It Forward โดยมีเป้าหมายเล็ก ๆ ที่กำหนดไว้ว่า ทุกครั้งที่เข้าเรียนสัมมนาหรืออบรมในแต่ละครั้ง จะนำความรู้มาจัดทำเป็นบทความอย่างน้อย 3 เรื่อง เพื่อมาลงในเว็บนี้
ความตั้งใจที่จะถ่ายทอดความรู้ที่ได้รับมาทำการถ่ายทอดต่อไป และหวังว่าจะมีคนมาอ่านแล้วเห็นว่ามีประโยชน์นำเอาไปใช้ได้ หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลย โดยอาจไม่ต้องอ้างอิงที่มาหรือมาตอบแทนผู้จัด แต่ขอให้ส่งต่อหากคิดว่ามันดีหรือมีประโยชน์ เพื่อถ่ายทอดความรู้และสิ่งดี ๆ ต่อไปข้างหน้าต่อไป Pay It Forward