องค์ประกอบที่ควรมีในเว็บไซต์ยุคที่ 3 (Web 3.0)
ในปัจจุบันเราเริ่มคุ้นเคยกับคำว่า เว็บไซต์ยุคที่ 3 (Web 3.0) อินเทอร์เน็ตในยุคอนาคต ซึ่งการที่จะทำงานได้ในด้านนี้ควรที่จะต้องมีส่วนประกอบในหลายด้าน องค์ประกอบที่ควรมีใน Web 3.0 ประกอบด้วยส่วนที่สำคัญ ได้แก่
- โอเพ่นซอร์ส (Open-source) ซอฟต์แวร์ฟรีมาตรฐานและใบอนุญาตในการนำเอาระบบต่าง ๆ มาใช้จะมีการแชร์ใช้งานร่วมกันมากขึ้น โปรแกรมหรือระบบหลายอย่างจะได้กลายเป็นบรรทัดฐานบนโลกอินเทอร์เน็ตอย่างรวดเร็วในรูปแบบโปรแกรมเปิด ข้อมูลระบบถูกแจกจ่ายอย่างอิสระทั่วทั้งโลกในเว็บ เกิดการพัฒนาร่วมกันทำให้มีความก้าวหน้าของระบบที่รวดเร็ว และยังป้องกันไม่ให้ปัญหามีเจ้าของคนเดียวผูกขาดระบบ ในอนาคตหากใครที่ต้องการที่จะสร้างระบบอาจต้องเลือกนำเอาระบบที่มีการพัฒนาด้วยซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์ส (open source software) ที่พัฒนาโดยชุมชนนักพัฒนาที่เปิดกว้างและพร้อมใช้งานมาช่วย เพราะจะทำให้เข้าถึงผู้ใช้ได้ง่ายและมากเกิดเป็นผลสำเร็จในมุมมองของสาธารณะเร็ว การใช้ข้อมูลจะกลายข้อมูลที่มีการใช้งานร่วมกันและไม่มีการผูกขาดเกิดเป็นประชาธิปไตยในการใช้ข้อมูลมากขึ้น
- การมีความสามารถในการอยู่ทุกที่ทุกแห่งในเวลาเดียวกัน (Ubiquity) หมายถึง หรือมีอีกหนึ่งคำที่ใช้เรียกกัน คือ Omnipresent หรือไปทั่วทุกหนทุกแห่งในเวลาเดียวกัน คำนี้ใช้อธิบายได้ทั้ง Web 2.0 และ 3.0 โดยในยุคปัจจุบันที่เป็น Web 2.0 มีการใช้คำนี้แล้ว เช่น การใช้งาน Facebook ที่ผู้ใช้สามารถแชร์ภาพ วิดีโอ รวมถึงข้อมูลสื่อมิเดียต่าง ๆ ได้ทันทีจากทุกที่ เพียงแค่มีบัญชีบน Facebook และเมื่อเราก้าวเข้าสู่ยุคต่อไปที่เป็น Web 3.0 สิ่งต่าง ๆ ก็จะก้าวหน้ามากขึ้น เมื่ออินเทอร์เน็ตเข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลา การเชื่อมต่อสิ่งต่าง ๆ ก็จะเป็นไปได้เร็วขึ้น และต่อไปการเชื่อมต่ออุปกรณ์อย่าง IoT ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเชื่อมผ่านคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์สมาร์ทโฟนเหมือนกับ Web 2.0 อีกต่อไป
- แพร่หลายทุกที่ทุกเวลา (Ubiquitous) ทำให้ทุกคนสามารถใช้อินเทอร์เน็ตได้ทุกที่ทุกเวลา ในจุดที่อุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไม่มีการจำกัดเฉพาะรูปแบบคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนอีกต่อไป โดยผ่าน IoT (Internet of Things) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้สามารถพัฒนาอุปกรณ์อัจฉริยะประเภทใหม่เพิ่มได้มากมาย หน้าจอขนาดเล็กมีขนาดและความละเอียดเพิ่มขึ้น ทำให้มองเห็นเนื้อหาเว็บได้ดีขึ้น การสร้างเครือข่ายไร้สายและโทรศัพท์เพิ่มขึ้นทวีคูณ ขยายความครอบคลุมของเครือข่าย
- สามารถทำงานได้อย่างอัตโนมัติและรองรับเทคโนโลยีอัจฉริยะ (Semantic Web) คือ เป็นอินเทอร์เน็ตยุคใหม่ที่สามารถทำงานได้อย่างอัตโนมัติ มีความคิดที่คล้ายหรือใกล้เคียงมนุษย์ มีความฉลาดมากขึ้น และรองรับเทคโนโลยีอัจฉริยะได้ การประยุกต์ความสามารถในงานด้านเว็บจะทำให้ มีความสามารถในการวิเคราะห์ ดำเนินการทำงาน การแก้ไขปัญหาถอดโค้ดและทำงานด้านต่าง ๆ จนมีความอัจฉริยะมากขึ้น ช่วยให้ผู้ใช้งานได้พบกับประสบการณ์ที่เหนือกว่าในการท่องโลกอินเทอร์เน็ตแบบเดิม
- ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence AI) หลายคนมองว่าเมื่อเข้าสู่ยุคของ Web 3.0 ระบบจะมีความฉลาดมากขึ้นสามารถที่อ่านข้อมูลทำการวิเคราะห์และนำมาทำการถอดความหมายได้จากชุดข้อมูลที่ป้อนเข้าไป และใช้แจ้งกลับสั่งการอุปกรณ์ที่ต่อพ่วง ซึ่งจะทำให้เครื่องมือต่าง ๆ มีความสามารถทำงานและมีความเป็นอัจฉริยะมากขึ้น ปัญญาที่กล่าวถึงใน Web 3.0 จะมุ่งสร้างวิธีการจัดประเภทเพจด้วยระบบการติดแท็ก ที่ไม่เพียงแต่ช่วยให้เสิร์ชเอ็นจิ้นสามารถค้นหาข้อมูลได้แต่ยังต้องทำความเข้าใจด้วย ผู้ใช้จะสามารถไปที่เว็บเพื่อถามคำถามในภาษาแม่ของตนได้ โดยไม่ต้องใช้คีย์เวิร์ดในหัวข้อที่กำหนด เว็บจะเรียนรู้จากผลการค้นหาสำหรับการค้นหาในอนาคต แม้ว่าในยุค Web 2.0 มีเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นมามาก แต่คนก็ยังเป็นผู้ขับเคลื่อนหลักที่คอยดำเนินการต่างคอยควบคุมอยู่ ตัวอย่างเช่น การรีวิวบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ ที่คนสามารถแสดงความคิดเห็นได้ทั้งด้านดีและด้านลบ รวมทั้งสามารถใส่ข้อมูลเท็จลงไปได้ ทำให้ผู้ให้บริการต่าง ๆ ต้องคอยว่าจ้างคนหลายกลุ่มให้เข้ามารีวิวผลิตภัณฑ์ไปในทางที่ดี สิ่งนี้เองทำให้อินเทอร์เน็ตถูกพัฒนาไป โดยนำเอา AI เข้ามาคัดแยกข้อมูลรีวิวที่เป็นด้านลบ หรือข้อมูลเท็จออก และเพิ่มเฉพาะข้อมูลที่เชื่อถือได้ลงไป อย่างเช่น ระบบ AI ของ Google ที่ไปลบรีวิวด้านลบกว่า 100,000 รีวิวของแอปฯ Robinhood ออกจาก Play Store ซึ่งนับเป็นอีกก้าวของ AI ที่จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในยุคของ Web 3.0 และในอนาคตเราอาจจะได้เห็นข้อมูลต่าง ๆ ที่ถูก AI คัดกรอง และช่วยลดความลำเอียง (Bias) ของการให้ข้อมูลที่เกิดจากคนได้
- การปฏิวัติเทคโนโลยีด้านกราฟิก 3D Graphics และมีความเป็น Spatial Web เนื่องจาก จะปิดช่องว่างระหว่างโลกดิจิทัลกับโลกจริง โดยการปฏิวัติเทคโนโลยีด้านกราฟิกทำให้สามารถออกแบบและสร้างโลก 3D เสมือนจริงขึ้นได้ และโลกเสมือน 3D นี้ไม่เพียงจะนำเข้ามาในเฉพาะรูปแบบของเกมที่ใครหลายคนให้ความสนใจ แต่จะมาเพิ่มในรูปแบบการใช้ชีวิตจริง ทำให้งานหลายด้าน เช่น งานด้านอสังหาริมทรัพย์ ด้านสุขภาพ หรือด้านธุรกิจการค้า E-Commerce เป็นต้น
รูปแบบในการนำเสนอแบบสามมิติ (Three-dimensionality) หรือเพิ่มในหลายมิติมากขึ้นกว่าแบบเดิม โดยจะทำให้เกิดพื้นที่สามมิติในรูปแบบของโลกเสมือนจริงมากขึ้น การสร้างภาพโลกเสมือนจะสมจริงและทันสมัย เช่น ในเกมส์ต่าง ๆ จะค่อยมีรูปภาพที่ดีสมจริงตอบสนองความฝันและต้องการที่มีมากมายหลายแบบได้ตามต้องการกลายเป็นเรื่องธรรมดามากขึ้น จะมีอุปกรณ์ใหม่สำหรับการนำทางเว็บเชิงพื้นที่ ซึ่งเป็นทางเลือกแทนแป้นพิมพ์และเมาส์ทั่วไป
- ความน่าเชื่อถือ (Trustless) เครือข่ายให้อิสระแก่ผู้ใช้ในการโต้ตอบแบบสาธารณะและแบบส่วนตัว โดยไม่ต้องมีคนกลางเปิดเผยความเสี่ยงจึงเป็นข้อมูลที่ไม่น่าเชื่อถือ
- เป็นรูปแบบสังคมที่ใกล้ชิด (Sociability) มีความเป็นชุมชนทางสังคมออนไลน์ที่เริ่มมีความซับซ้อนมากขึ้น เครือข่ายสังคมออนไลน์และวิธีการเชื่อมต่อสมาชิกที่ขยายแพร่หลายไปได้กว้างไกล ดังนั้นการมีตัวตนหลายอย่างในโลกเสมือนจริงจึงกลายเป็นเรื่องปกติ
- ความเร็ว (Speed) ผู้ให้บริการโทรคมนาคมหลักได้เริ่มให้บริการใยแก้วนำแสงแก่ผู้ใช้ด้วยแบนด์วิดท์สูงสุด 3Mbps ของ ADSL ซึ่งจะเพิ่มความเร็วเป็นตั้งแต่ 30Mbps ถึง 1,000 Mbps
- ความสะดวกและง่ายในการใช้ (Ease of Use) ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตที่เข้าชมเว็บไซต์ใช้เวลาในการทำความคุ้นเคย Web 3.0 ค้นหาเว็บที่เป็นเนื้อเดียวกันมากขึ้น จดจำได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างช่องว่างที่ผู้ใช้สามารถกำหนดค่าได้ตามต้องการ
- สิทธิและการอนุญาต (Permission) ทุกคนรวมถึงผู้ใช้และผู้ให้บริการสามารถมีส่วนร่วมโดยไม่จำเป็นต้องได้รับอนุญาตจากองค์กรที่ควบคุม
ที่มาข้อมูลภาพ www.iok2u.com
---------------------------------
web รวมบทความความรู้ด้านงานเว็บไซต์ (Website).
---------------------------------