CT51 การบริหารโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมรถยนต์
ลิขสิทธิ์ © พ.ศ.2551 กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่
ผู้เขียน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สถาพร อมรสวัสดิ์วัฒนา
บทนำ
การบริหารโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมรถยนต์มีความต้องการการพัฒนาของอุปทานแบบโมดูลซึ่งจะส่งผลให้มีการสร้างมูลค่าเพิ่มตลอดทั้งกิจกรรมในโซ่อุปทานทั้งหมด โดยที่ซัพพลายเออร์ขั้นต้นเข้ามามีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการผลิตแบบโมดูลของผู้ผลิตประเภทรับจ้างผลิตในแบรนด์ของผู้อื่น ซัพพลายเออร์ต้องมีความพร้อมและเน้นไปที่การสนับสนุนการผลิตแบบโมดูล โดยมีการใช้เทคโนโลยรสารสนเทศที่ทันสมัย การมีเครือข่ายระหว่างประเทศ เป็นต้น
คำสำคัญ การจัดการโซ่อุปทาน, ระบบการผลิตแบบโมดูล, อุตสาหกรรมรถยนต์
การผลิตแบบโมดูล
ความซับซ้อนของความต้องการของลูกค้าส่งผลให้มีการพัฒนาระบบการผลิตแบบโมดูล (Modular system) ผู้ผลิตประเภทรับจ้างผลิตในแบรนด์ของผู้อื่น (Original equipment manufacturer : OEM) โดยที่การผลิตประเภทโมดูลนี้จะใช้ซัพพลายเออร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งซัพพลายเออร์ขั้นต้น (First-tier suppliers) ซึ่งหมายถึงซัพพลายเออร์ที่จำหน่ายวัตถุดิบเฉพาะและมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้ผลิตประเภท OEM ในการสร้างกลยุทธ์ที่จำเป็นในการสนับสนุนการผลิตรูปแบบโมดูลนี้
การผลิตแบบโมดูลหมายถึงกระบวนการของการสร้างผลิตภัณฑ์ (Product) หรือกระบวนการ (Process) จากระบบย่อยที่เล็กกว่าที่ถูกออกแบบให้เป็นอิสระแต่สามารถทำงานได้เมื่อนำมารวมกันเป็นระบบใหญ่ ตัวอย่างเช่น รถยนต์ Mercedes-Benz ได้พัฒนาระบบโมดูลสำหรับโรงงานรถสปอร์ตในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งทางบริษัทได้วางระบบการผลิตรถสปอร์ตไว้กับโมดูลการผลิตขนาดใหญ่หลายโมดูล ซึ่งรวมถึงโมดูลสำหรับที่นั่งคนขับที่มีถุงลมนิรภัย ระบบทำความร้อนและปรับอากาศ ระบบเกียร์ ซึ่งโมดูลทั้งหมดจะถูกทดสอบและส่งมอบ ให้กับบริษัท Mercedes-Benz ตัวอย่างนี้ได้แสดงให้เห็นถึงความซับซ้อนและความท้าทายของระบบการผลิตแบบโมดูล
ที่มา: งานวิจัยเรื่อง “Case study: Rethinking the supply chain- an automotive perspective” โดย Desmond Doran ในวารสาร Supply Chain Management: An International Journal ฉบับที่ 9 เล่มที่ 1 ปี 2004 หน้า 102-109.
รูปที่ 1 โซ่มูลค่า (โซ่อุปทานแบบไม่ใช่โมดูล)
นอกจากนี้การผลิตแบบโมดูลเป็นการส่งผ่านกิจกรรมที่สร้างมูลค่าเพิ่มส่วนใหญ่จากผู้ผลิตประเภท OEM ไปยังซัพพลายเออร์ขั้นต้น โดยที่กิจกรรมที่สร้างมูลค่าเพิ่มจะหมายถึงกระบวนการที่มีการสร้างมูลค่าเพิ่มเป็นกิจกรรมแบบโมดูลที่ดำเนินการโดยซัพพลายเออร์ดังแสดงในรูปที่ 1 และ 2
ที่มา: งานวิจัยเรื่อง “Case study: Rethinking the supply chain- an automotive perspective” โดย Desmond Doran ในวารสาร Supply Chain Management: An International Journal ฉบับที่ 9 เล่มที่ 1 ปี 2004 หน้า 102-109.
รูปที่ 2 กิจกรรมที่สร้างมูลค่าเพิ่ม (โซ่อุปทานแบบโมดูล)
ผู้เล่นรายสำคัญของการผลิตแบบโมดูลจะเป็นซัพพลายเออร์ที่พัฒนาความสามารถในการผลิตแบบโมดูล โดยการเป็นซัพพลายเออร์ขั้นต้นเพียงอย่างเดียวจะไม่สามารถรองรับการผลิตแบบโมดูลได้ แต่ซัพพลายเออร์ขั้นต้นจะประสบความสำเร็จในโซ่อุปทานแบบโมดูลได้จะต้องมีคุณลักษณะที่สำคัญ เช่น มีการใช้เทคโนโลยีในการบริหารจัดการเป็นส่วนใหญ่ มีตลาดในต่างประเทศ ให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนา เป็นต้น นอกจากนี้ซัพพลายเออร์ขั้นต้นที่ประสบความสำเร็จต้องมีความสามารถในการพัฒนาความเชื่อมโยงที่ใกล้ชิดมากขึ้นกับซัพพลายเออร์ที่สำคัญต่อการจัดซื้อแบบโมดูลและกระบวนการประกอบ
กลยุทธ์ในการปฏิบัติงาน
กลยุทธ์ในการปฎิบัติงานในการผลิตแบบโมดูลสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือแบบ integrator ซึ่งหมายถึง ผู้ผลิตประเภท OEM สามารถควบคุมโซ่อุปทาน ในขณะที่กลยุทธ์แบบ modulariser ซึ่งหมายถึง ผู้ผลิตประเภท OEM ย้ายการผลิตไปให้ซัพพลายเออร์ขั้นต้นที่มีศักยภาพในการสนับสนุนการผลิตแบบโมดูล โดยที่กลยุทธ์ทั้ง 2 ประเภทนี้สามารถสรุปได้ดังตารางที่ 1
ในตารางที่ 1 ผู้ผลิตที่ใช้กลยุทธ์แบบ Modulariser จะส่งความซับซ้อนของผลิตภัณฑ์ไปให้กับซัพพลายเออร์ ในขณะที่จะเน้นการออกแบบการผลิตของสินค้าให้เป็นแบบโมดูล อย่างไรก็ตามการผลิตจะต้องพึ่งพาซัพพลายเออร์เป็นหลัก อย่างไรก็ตามความเชี่ยวชาญทางเทคโนโลยีอาจจะถูกถ่ายเทไปให้กับซัพพลายเออร์ของโมดูลได้ง่าย และไม่สามารถมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ได้เท่าที่จะเป็น
สำหรับผู้ผลิตที่ใช้กลยุทธ์แบบ integrator จะทำการผลิตชิ้นส่วนด้วยตนเองเป็นหลัก และมุ่งเน้นที่การลงทุนและพัฒนาเครื่องมือและเครื่องจักรในการผลิตเป็นหลัก อย่างไรก็ตามการใช้กลยุทธ์นี้จะก่อให้เกิดต้นทุนและภาระจากการติดตั้งเครื่องจักร
ที่มา: งานวิจัยเรื่อง “Case study: Rethinking the supply chain- an automotive perspective” โดย Desmond Doran ในวารสาร Supply Chain Management: An International Journal ฉบับที่ 9 เล่มที่ 1 ปี 2004 หน้า 102-109.
ตารางที่ 1 การเปรียบเทียบกลยุทธ์ Modulariser และ integrator
สำหรับซัพพลายเออร์ที่ต้องการจะสนับสนุนการผลิตแบบโมดูลต้องมีกระบวนการปฏิบัติงานที่สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งซัพพลายเออร์ที่มีสัญญาในการส่งมอบวัตถุดิบให้กับผู้ผลิตประเภท OEM หลายรายซึ่งบางรายจะใช้กลยุทธ์เป็น Modulariser ในขณะที่บางรายใช้กลยุทธ์แบบ integrator
กรณีศึกษาของซัพพลายเออร์ขั้นต้นที่ประสบความสำเร็จ
ซัพพลายเออร์ที่จัดหาโมดูลของที่นั่งให้กับผู้ผลิตประเภท OEM ในประเทศอังกฤษรายเดียว และเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรระดับนานาชาติในการจัดหาชิ้นส่วนให้กับผู้ผลิตรถยนต์ในประเทศสหรัฐอเมริกา ยุโรป และ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซัพพลายเออร์ของโมดูลจะรวมกิจกรรมของการออกแบบ การประกันคุณภาพ การทดสอบ การตัด การเย็บ การขึ้นรูป และการประกอบ
ระบบการผลิตจะถูกออกแบบเพื่อทำการส่งมอบระบบที่นั่ง (ที่นั่งด้านหน้าและด้านหลัง, การปรับความสูงของที่นั่ง, ถุงลมนิรภัยและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง) ภายใน 2 ชั่วโมงหลังจากที่ได้รับคำสั่งซื้อจากผู้ผลิตประเภท OEM โดยไม่ให้เกิดการเก็บสินค้าคงคลังของที่นั่งสำเร็จรูปเมื่อสิ้นสุดกะในการผลิต
โมดูลของที่นั่งต้องทำการผลิตให้ถูกต้องตั้งแต่ครั้งแรกในทุกๆ ครั้งที่ทำการผลิตซึ่งจะส่งผลให้อัตราของเสียอยู่ในระดับที่ต่ำมาก และใช้ระบบควบคุมคุณภาพที่มีประสิทธิภาพมาใช้ตลอดทั้งโซ่อุปทาน ซัพพลายเออร์จะจะเกี่ยวข้องในการขายการแก้ปัญหาการผลิตแบบโมดูลมากกว่าการผลิตตามข้อกำหนดของผู้ผลิตแบบ OEM อย่างเดียว
เนื่องจากซัพพลายเออร์นี้มีลูกค้าเพียงรายเดียวการสร้างมูลค่าเพิ่มจึงเกิดขึ้นอย่างจำกัด อย่างไรก็ตามกิจกรรมในการสร้างมูลค่าเพิ่มที่มีศักยภาพในรูปแบบของกิจกรรมของการขึ้นรูป (injection-moulding) และการประกอบโครงที่นั่ง (seat frame assembly) ซึ่งทำการผลิตเองภายในโรงงาน
การตัดสินใจในการย้ายกิจกรรมขึ้นอยู่กับธุรกิจของที่นั่งรถยนต์และต้นทุนและผลประโยชน์ทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับการย้ายกิจกรรมนั้นออกไปให้ซัพพลายเออร์
ที่มา:
- งานวิจัยเรื่อง “Case study: Rethinking the supply chain- an automotive perspective” โดย Desmond Doran ในวารสาร Supply Chain Management: An International Journal ฉบับที่ 9 เล่มที่ 1 ปี 2004 หน้า 102-109.
--------------------------------
สนใจบทความฉบับสมบูรณ์เพิ่มเติม ดาวน์โหลดที่เอกสารแนบด้านล่าง
สนใจบทความอื่นในชุดนี้คลิกดูได้ตามหัวข้อด้านล่าง
CT51 เอกสารเผยแพร่เรื่อง “การจัดการโลจิสติกส์เพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน” ปี 2551
เอกสารเผยแพร่เรื่อง “การจัดการโลจิสติกส์เพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน ปี 2551” จึงเป็นการนำบทความดังกล่าวที่น่าสนใจจำนวน 80 บทความ นำมาจัดทำเป็นรูปเล่มเพื่อเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่สะดวกสำหรับผู้สนใจในการศึกษากรณีศึกษาความรู้ด้านโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเอกสารนี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในองค์กรได้อย่างมีประสิทธิผล
--------------------------------
ที่มา
เอกสารเผยแพร่เรื่อง “การจัดการโลจิสติกส์เพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน” ปี 2551
โดย สำนักโลจิสติกส์ กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่