iok2u.com แหล่งรวมข้อมูลข่าวสารเรื่องราวน่าสนใจเพื่อการศึกษาแลกเปลี่ยนและเรียนรู้

มิสเตอร์เรน (Mr. Rain) และมิสเตอร์เชน (Mr. Chain)
Mr. Rain และ Mr. Chain สองพี่น้องในโลกออฟไลน์และออนไลน์ที่จะมาร่วมมือกันสร้างสื่อสารสนเทศ เพื่อเผยแพร่ให้ความรู้ในเรื่องราวต่างๆ มากมายสร้างสังคมในการเรียนรู้ หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลยโดยไม่ต้องตอบแทนกลับมา
Pay It Forward เป้าหมายเล็ก ๆ ในการส่งมอบความดีต่อ ๆ ไป
เว็ปไซต์นี้เกิดจากแรงบันดาลใจในภาพยนต์เรื่อง Pay It Forward ที่เล่าถึงการมีเป้าหมายเล็ก ๆ กำหนดไว้ให้ส่งมอบความดีต่อไปอีก 3 คน หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลยโดยไม่ต้องตอบแทนกลับมา อยากให้ส่งต่อเพื่อถ่ายทอดต่อไป
ยืนหยัด เข้มแข็ง และกล้าหาญ (Stay Strong & Be Brave)
ขอเป็นกำลังใจให้คนดีทุกคนในการต่อสู้ความอยุติธรรม ในยุคสังคมที่คดโกงยึดถึงประโยชน์ส่วนตนและพวกฟ้องมากกว่าผลประโยชน์ส่วนรวม จนหลายคนคิดว่าพวกด้านได้อายอดมักได้ดี แต่หากยึดคำในหลวงสอนไว้ในเรื่องการทำความดีเราจะมีความสุขครับ

CT52 รู้จักระบบโลจิสติกส์ทั่วโลกเพื่อมุ่งสู่ตลาดสากล

ดร.วัชรวี จันทรประกายกุล

 

บทความนี้จะกล่าวถึงระบบโลจิสติกส์ในภูมิภาคสำคัญของโลก ซึ่งได้แก่ ระบบโลจิสติกส์ในกลุ่มประเทศยุโรป ญี่ปุ่น และอาเซียน การรู้จักระบบโลจิสติกส์ในภูมิภาคต่างๆ นั้น จะทำให้ผู้ประกอบการทราบถึงแนวทางในการดำเนินธุรกิจระหว่างประเทศ และยังเป็นแนวทางสำหรับการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศไทย จากการศึกษาดัชนีความสามารถของการแข่งขันของประเทศ (Global Competitiveness Index) ที่จัดโดย World Economic Forum พบว่ามีความสัมพันธ์กับต้นทุนระบบโลจิสติกส์ (Logistics Cost) อย่างมีนัยสำคัญ โดยกลุ่มประเทศที่มีดัชนีความสามารถในการแข่งขันของประเทศที่อยู่ในระดับสูงดังตารางที่ 1 จะเป็นกลุ่มในประเทศที่มีการพัฒนาแล้ว และมีต้นทุนโลจิสติกส์ในระดับที่ต่ำ ประมาณ 10% ของ GDP (Gross Domestic Product) โดยกลุ่มประเทศเหล่านี้มีระบบการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบที่ดี (Multimodal Transport) มีการขนส่งมวลชนสาธารณะที่มีประสิทธิภาพ และมีโครงข่ายโครงสร้างพื้นฐานเชื่อมโยงกับประเทศอื่นที่ดี 

GCI 2009–2010

GCI 2008–2009

Country/Economy

Rank

Score

Rank*

Switzerland

1

5.60

2

United States

2

5.59

1

Singapore

3

5.55

5

Sweden

4

5.51

4

Denmark

5

5.46

3

Finland

6

5.43

6

Germany

7

5.37

7

Japan

8

5.37

9


ตารางที่ 1 The Global Competitiveness Index 2009-2010 rankings and 2008-2009 comparisons โดย World Economic Forum

ในขณะที่ประเทศที่กำลังพัฒนาอาทิเช่น ประเทศไทย หรือประเทศจีน ซึ่งเป็นประเทศกำลังพัฒนายังมีต้นทุนโลจิสติกส์ที่อยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูงนั่นคือประมาณ 20% ของ GDP เมื่อวิเคราะห์ตัวเลขต้นทุนโลจิสติกส์ในประเทศที่กำลังพัฒนาและประเทศที่กำลังพัฒนาจะเห็นได้ว่าในกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนาเสียค่าใช้จ่ายในด้านโลจิสติกส์มากกว่าประเทศพัฒนาแล้วประมาณ 10% ซึ่งนับเป็นมูลค่ามหาศาล ดังนั้นการเรียนรู้ระบบโลจิสติกส์ของภูมิภาคอื่นๆ จึงมีความจำเป็น เพื่อทราบถึงแนวทางในการดำเนินธุรกิจและยังเป็นการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศเพื่อให้เป็นระบบโลจิสติกส์ที่ดีต่อไป 

ระบบโลจิสติกส์ที่มีความสำคัญในระดับโลกที่จะกล่าวถึงในบทความนี้มีดังนี้

1. ระบบโลจิสติกส์ในกลุ่มประเทศยุโรปประเทศในยุโรป มีการรวมกลุ่มกันเพื่อการพัฒนาทางการค้าและเศรษฐกิจร่วมกันหรือที่เรียกว่ากลุ่มสหภาพยุโรป โดยมีสมาชิกเริ่มแรกอยู่ที่ 10 ประเทศจนพัฒนาความร่วมมือจนมีสมาชิกในปัจจุบันที่ 27 ประเทศ กลุ่มสหภาพยุโรปมีการใช้ระบบสกุลเงินร่วมกันที่เรียกว่า เงินยูโร ความร่วมมือของสหภาพยุโรปส่งผลถึงระบบโลจิสติกส์ในภูมิภาค มีการเชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบ และเป็นการขนส่งแบบต่อเนื่องหลายรูปแบบ (Intermodal Transport) เชื่อมโยงทางถนน ทะเล อากาศ และทางแม่น้ำที่ดี มีท่าเรือสำคัญของโลกได้แก่ ท่าเรือ Antwerp ในเบลเยียม ท่าเรือ Rotterdam ในเนเธอร์แลนด์ มีระบบรถไฟความเร็วสูงที่เชื่อมต่อในประเทศต่างๆ ในกลุ่ม อย่างไรก็ตามระบบโลจิสติกส์ทางประเทศฝั่งตะวันตกจะมีความแตกต่างกับกลุ่มประเทศฝั่งตะวันออก โดยในกลุ่มยุโปตะวันตกจะมีการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ที่ก้าวหน้ามากกว่ากลุ่มประเทศตะวันออก ที่ส่วนใหญ่พึ่งเข้าร่วมเป็นสมาชิกในสหภาพยุโรป ระบบโลจิสติกส์โดยรวมของกลุ่มประเทศยุโรปมีสัดส่วน 7.3% ต่อมูลค่า GDP ในปี ค.ศ. 2008 ดังรูปที่ 1

รูปภาพที่ 1 ต้นทุนโลจิสติกส์ในกลุ่มประเทศยุโรป

กลุ่มประเทศยุโรปมีข้อตกลงในนโยบายร่วมมือกันทางด้านการขนส่งโดยมีมุมมองการพัฒนาเป็นการพัฒนาแบบยั่งยืน หรือ Sustainable Development มีการสร้างตัวชี้วัดผลการดำเนินงานของนโยบายทางด้านการขนส่งในหลายระดับ เช่น ตัวชี้วัดเพื่อการลดปัญหาจุดคอขวดในเครือข่ายขนส่งของยุโรป จำนวนเส้นทางที่พัฒนาเพื่อการเข้าถึงกลุ่มประเทศที่เป็นสมาชิกใหม่ นอกจากนั้นยังได้ริเริ่มโปรแกรม Trans-European Network (TEN-T) เพื่อเชื่อมต่อยุโรปให้เป็นตลาดเดียว (Single market) ในโปรแกรมดังกล่าวมีการดำเนินโครงการ 30 โครงการที่บางส่วนได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว และบางส่วนกำลังดำเนินโครงการอยู่ โดยเน้นไปที่การสนับสนุนการใช้การขนส่งด้วยรถไฟ ทางแม่น้ำ และขนส่งทางทะเลระยะสั้น โดยมีเป้าหมายในปีค.ศ. 2020 จะมีถนน 89,500 กม. เส้นทางรถไฟ 94,000 กม. ท่าเรือสำหรับการเดินทางทางน้ำ (Inland port) 210 ท่าเรือ ท่าเรือทางทะเล 294 ท่าเรือ และ 366 ท่าอากาศยาน และยังมีการออกนโยบายในการขนส่งทางรถเพื่อให้เป็นมาตรฐานทั้งในภูมิภาค

2. ระบบโลจิสติกส์ในญี่ปุ่น ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีระบบโลจิสติกส์ที่ดีแห่งหนึ่งของโลก โดยมีต้นทุนโลจิสติกส์ที่ต่ำ มีระบบเครือข่ายเชื่อมโยงที่มีประสิทธิภาพ มีสนามบินระหว่างประเทศ 6 สนามบินที่สำคัญ มีสายการบินประจำชาติ 2 สายการบิน มีระบบรถไฟที่มีประสิทธิภาพสูง และถือว่าเป็นระบบขนส่งมีความสำคัญที่สุดของประเทศญี่ปุ่น ญี่ปุ่นเปิดเส้นทางรถไฟความเร็วสูง (Shinkansen) ในปีค.ศ. 1964 ในปัจจุบันเปิดให้บริการ 8 เส้นทาง การที่ญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับรถไฟความเร็วสูงเพราะเล็งเห็นผลประโยชน์ที่ได้รับดังแสดงในรูปที่ 2 ที่สามารถลดระยะเวลาการเดินทาง การตรงต่อเวลา การขนจำนวนผู้โดยสาร การลดการปล่อยก๊าซ CO2 และลดต้นทุนการเดินทางได้อย่างมหาศาล

รูปภาพที่ 2 การศึกษาประโยชน์ของรถไฟความเร็วสูง

รูปภาพที่ 3 สนามบินและท่าเรือที่สำคัญในญี่ปุ่น

นอกจากนั้นการขนส่งสินค้าในญี่ปุ่นได้ให้ความสำคัญในการขนสินค้าระหว่างด้วยทางทางเรือ เนื่องจากประเทศญี่ปุ่นมีลักษณะเป็นเกาะ และมีน้ำทะเลล้อมรอบ ระบบการจัดการทางด้านการขนส่งสินค้าจะมีทางด่วนเชื่อมต่อทุกท่าเรือที่สำคัญ และการเดินทางจากทางถนนถึงท่าเรือจะใช้เวลา ไม่เกิน 30 นาที และที่สำคัญญี่ปุ่นยังเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญทางด้านสิ่งแวดล้อม และมีนโยบายในการดำเนินการเพื่อสร้างระบบ Green Logistics ดังรูปที่ 4 โดยแน้นไปที่ความร่วมมือในการจัดการด้านโลจิสติกส์ การขับขี่ปลอดภัยและปลอดมลพิษ การกำหนดเส้นทางหลักในการขนส่ง การออกแบบบรรจุภัณฑ์เพื่อให้สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ สิ่งเหล่านี้ที่ทำให้ญี่ปุ่นมีต้นทุนโลจิสติกส์ที่ต่ำและแข่งขันได้

รูปภาพที่ 4 Green Logistics Roadmap

3. ระบบโลจิสติกส์ในภูมิภาคอาเซียน

ปัจจุบันอาเซียน มีสมาชิกอยู่ทั้งหมด 10 ประเทศ ดังรูปที่ 5 สัญลักษณ์ของอาเซียนเป็นรูปลักษณะรวงข้าวทั้งสิบที่ผูกมัดกันไว้ เหมือนกับ เพื่อนสมาชิกทั้ง 10 ประเทศ มีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน โดยความร่วมมือของอาเซียนนั้นมีวัตถุประสงค์เพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และทางการค้า ระบบโลจิสติกส์ในภูมิภาคนี้ยังอาศัยการขนส่งทางรถเป็นหลัก แต่การขนส่งระหว่างประเทศที่สำคัญอีกทางหนึ่งคือทางทะเล ซึ่งในภูมิภาคอาเซียน มีท่าเรือที่สำคัญๆ อยู่หลายแห่ง อาทิเช่น ท่าเรือคลองเตย ท่าเรือแหลมฉบังของประเทศไทย ท่าเรือกลางในประเทศมาเลเซีย และท่าเรือของประเทศสิงคโปร์ซึ่งถือว่าเป็นท่าเรือที่สำคัญที่มีบทบาทในการพักและขนถ่ายสินค้าในระดับโลก เป็นต้น

รูปภาพที่ 5 สมาชิกในกลุ่มอาเซียน

ส่วนระบบขนส่งทางอากาศนั้นในภูมิภาคอาเซียนถือว่าเป็นศูนย์กลางการขนส่งสากล มีท่าอากาศยานชั้นนำที่ติดระดับโลกอาทิเช่น ท่าอากาศยาน Changi ของสิงคโปร์ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิของไทย และ ท่าอากาศยานกัวลาลัมเปอร์ของประเทศมาเลเซีย เป็นต้น ในกลุ่มภูมิภาคอาเซียน ประเทศที่ถือได้ว่ามีระบบโลจิสติกส์ที่ดีและติดอยู่ในอันดับโลกนั้นได้แก่ ประเทศสิงคโปร์  ซึ่งมีต้นทุนโลจิสติกส์อยู่ที่ 9% ของ GDP ประเทศสิงคโปร์มีโครงข่ายเส้นทางคมนาคมขนส่งที่มีประสิทธิภาพ สิงคโปร์นับเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการขนส่งทางน้ำระหว่างประเทศมากที่สุดในโลก เป็นผู้นำด้านการต่อและซ่อมแซมเรือ และสนามบินชางฮีของสิงคโปร์ (Changi Airport) ได้รับการยอมรับให้เป็นหนึ่งในศูนย์กลางการบินสำคัญในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก นอกจากนี้ สิงคโปร์ยังเป็นศูนย์กลางด้านการเงินแห่งหนึ่งของโลก  การค้าเงินในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศของสิงคโปร์มีมูลค่าสูงเป็นอันดับ 4 ของโลก รองจากลอนดอน นิวยอร์ก และโตเกียว   ปัจจุบันบริษัทธุรกิจข้ามชาติต่าง ๆ ไม่น้อยกว่า 7,000 แห่ง มีสำนักงานที่สิงคโปร์

สิงคโปร์เปรียบเสมือนประตูทางคมนาคมทางทะเล ระหว่างมหาสมุทรอินเดียกับทะเลจีนใต้ และเป็นเสมือนจุดต่อของแผ่นดิน จากผืนแผ่นดินใหญ่ผ่านแหลมมลายู ลงทางใต้ไปสู่อินโดนิเซีย และออสเตรเลีย นอกจากนั้นยังเป็นจุดแวะพัก และจุดคุมการเดินเรือติดต่อระหว่างมหาสมุทรแปซิฟิคกับมหาสมุทรอินเดีย  และได้ชื่อว่าเป็นศูนย์กลางทางการค้า การเงิน ในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นศูนย์กลางการกลั่นน้ำมัน ที่มีความสำคัญเป็นอันดับสามของโลก

รูปภาพที่ 6 ประเทศสิงคโปร์

การจัดการทางด้านการขนส่งของสิงคโปร์ ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว เพราะทุกอย่างจัดการด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ท่าเรือสิงคโปร์เป็นตัวอย่างที่ดีที่แสดงถึงความพยายามในการพัฒนาประเทศให้เป็นเกาะอัจฉริยะ พนักงาน 7,000 คนของท่าเรือนี้ ส่วนใหญ่มีความสามารถในการใช้คอมพิวเตอร์ ระบบเครือข่ายที่มีชื่อว่า “พอร์ตเน็ต” ทำให้สามารถขนถ่ายสินค้าจากเรือคอนเทนเนอร์ที่ใหญ่ที่สุดเสร็จในเวลาไม่ถึง 10 ชั่วโมง  นวัตกรรมอีกอย่างคือ คนขับรถบรรทุกเข้ามาส่งหรือมารับสินค้าในท่าเรือไม่ต้องใช้เอกสารมากมายอีกต่อไป คอมพิวเตอร์จะจ่ายบัตรผ่านเข้าออกที่มีข้อมูลบอกให้คนขับรู้ว่าจะต้องขับรถไปที่ไหน ทำให้กระบวนการการเข้า-ออกท่าเรือใช้เวลาไม่ถึง 1 นาที

เมื่อกลับมาดูความร่วมมือทางด้านโลจิสติกส์ระหว่างประเทศในกลุ่มอาเซียน พบว่ามี โครงการที่สำคัญ ได้แก่ โครงการ GMS หรือ Greater Mekong Subregion ที่มีความร่วมมือจาก 6 ประเทศ ได้แก่ ไทย กัมพูชา พม่า ลาว เวียดนาม จีน(ยูนนาน) โครงการดังกล่าวเริ่มในปี พ.ศ.2535 โดยมี Asian Development Bank เป็นผู้ให้การสนับสนุนหลัก โดยโครงการนี้มีความมุ่งหวังในการพัฒนา 9 สาขาจากความร่วมมือ และมีแผนงานที่สำคัญคือการพัฒนาแนวพื้นที่เศรษฐกิจเหนือ-ใต้ ตะวันออก-ตะวันตก และตอนใต้ ที่นำไปสู่การสร้างและเชื่อมโยงถนนในภูมิภาค (ถนน R1, R2, R3A, R3B, R10) ดังรูปที่ 7 และทางน้ำผ่านแม่น้ำแม่โขง การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ดังกล่าวในภูมิภาคอาเซียนจะเป็นการเปิดโอกาสทางการค้าสากลให้กับประเทศไทยเข้าสู่ประเทศในภูมิภาคเดียวกันได้ง่ายขึ้น

รูปภาพที่ 7 โครงการเครือข่าย GMS

สรุป บทความนี้ได้อธิบายถึงตัวอย่างระบบโลจิสติกส์ที่น่าสนใจ ในการศึกษาเรียนรู้ระบบโลจิสติกส์พื้นฐานของในภูมิภาคอื่นๆ ทั่วโลก จะเป็นการเปิดโอกาสก้าวสู่การค้าระหว่างประเทศและรู้เท่าทันตลาดโลกของผู้ประกอบการ รวมถึงเป็นแนวทางในการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศไทย 

.

สนใจบทความฉบับสมบูรณ์เพิ่มเติม ดาวน์โหลดที่เอกสารแนบด้านล่าง

 --------------------------------

ดูบทความอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่

 เอกสารเผยแพร่เรื่อง “การจัดการโลจิสติกส์เพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน” ปี 2552

เอกสารเผยแพร่เรื่อง “การจัดการโลจิสติกส์เพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน” จึงเป็นการนำบทความดังกล่าวที่น่าสนใจจำนวน 15 บทความ จัดทำเป็นรูปเล่ม เพื่อเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่สะดวกสำหรับผู้สนใจในการศึกษาความรู้ด้านโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน  หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเอกสารนี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในองค์กรได้อย่างมีประสิทธิผล

 --------------------------------

ที่มา

เอกสารเผยแพร่เรื่อง “การจัดการโลจิสติกส์เพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน” ปี 2552

โดย สำนักโลจิสติกส์ กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่

ขอต้อนรับเข้าสู่เว็บไซต์
www.iok2u.com
แหล่งข้อมูลสารสนเทศเพื่อคุณ

เว็บไซต์ www.iok2u.com นี้เกิดมาจาก แรงบันดาลใจในภาพยนต์เรื่อง Pay It Forward โดยมีเป้าหมายเล็ก ๆ ที่กำหนดไว้ว่า ทุกครั้งที่เข้าเรียนสัมมนาหรืออบรมในแต่ละครั้ง จะนำความรู้มาจัดทำเป็นบทความอย่างน้อย 3 เรื่อง เพื่อมาลงในเว็บนี้
ความตั้งใจที่จะถ่ายทอดความรู้ที่ได้รับมาทำการถ่ายทอดต่อไป และหวังว่าจะมีคนมาอ่านแล้วเห็นว่ามีประโยชน์นำเอาไปใช้ได้ หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลย โดยอาจไม่ต้องอ้างอิงที่มาหรือมาตอบแทนผู้จัด แต่ขอให้ส่งต่อหากคิดว่ามันดีหรือมีประโยชน์ เพื่อถ่ายทอดความรู้และสิ่งดี ๆ ต่อไปข้างหน้าต่อไป Pay It Forward