CT52 การจัดการโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมปูนซิเมนต์
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สถาพร อมรสวัสดิ์วัฒนา
ปูนซิเมนต์มีการผลิตมากกว่าใน 150 ประเทศทั่วโลก ปูนซีเมนต์นี้จะเป็นส่วนผสมที่สำคัญของคอนกรีต ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นในการพัฒนาสาธารณูปโภคและการก่อสร้าง ดังนั้นหากมีการพัฒนาโซ่อุปทานของปูนซิเมนต์อย่างมีประสิทธิภาพ จะส่งผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของโลกเป็นอย่างยิ่ง
วัตถุประสงค์หลักของการดำเนินกิจกรรมในโซ่อุปทานของปูนซิเมนต์ สามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเด็น ได้แก่ การใช้ประโยชน์ของทรัพย์สินให้เต็มที่ การตอบสนองความต้องการของลูกค้าและประสิทธิภาพของโซ่อุปทาน
เนื่องจากอุตสาหกรรมปูนซิเมนต์ จะเน้นไปที่การลดต้นทุนของการผลิต โดยมุ่งเน้นการผลิตในปริมาณมาก เพราะว่าการผลิตปูนซิเมนต์จะเป็นการลงทุนที่ใช้เงินลงทุนสูง อย่างไรก็ตามบริษัทปูนซิเมนต์บางแห่ง พยายามสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน โดยการสร้างความแตกต่างของสินค้า เพื่อที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้า ซึ่งสามารถจะทำให้เกิดผลสำเร็จได้จะต้องใช้การออกแบบกระบวนการในโซ่อุปทานให้เหมาะสม
คุณลักษณะที่สำคัญของโซ่อุปทานของปูนซิเมนต์สามารถสรุปได้โดยใช้แบบจำลอง SCOR model ดังแสดงในรูปภาพที่ 1
ที่มา: บทความเรื่อง “Supply Chain Management in the Cement Industry” ปี 2009 โดย Isabel Agudelo และ Edgar Blanco
รูปภาพที่ 1 แบบจำลอง SCOR model ของอุตสาหกรรมปูนซิเมนต์
ในรูปที่ 1 จะเห็นได้ว่า กระบวนการวางแผนของอุตสาหกรรมปูนซิเมนต์จะถูกรวมศูนย์ไว้ (Centralized) โดยที่ปริมาณของวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตปูนซิเมนต์จะมีอย่างไม่จำกัด การผลิตปูนซิเมนต์จะเป็นอุตสาหกรรมที่ใช้เงินลงทุนสูง และใช้พลังงานในการผลิตมาก แต่ในขณะเดียวกันการขนส่งปูนซิเมนต์มีข้อจำกัด เนื่องจากอัตราส่วนของมูลค่าต่อน้ำหนักนั้นมีค่า ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนการขนส่งต่อราคาขายมีค่าสูง นอกจากนั้นการขนส่งจำเป็นที่ต้องใช้รถบรรทุกที่ลักษณะเฉพาะเจาะจง นำไปใช้ในการขนส่งสินค้าประเภทอื่นไม่ได้ การเพิ่มประสิทธิภาพจากการขนส่งเที่ยวกลับจึงทำไม่ได้
ปูนซิเมนต์สามารถจำแนกได้เป็นแบบเทกอง (Bulk) และแบบถุง (Bag) ดังแสดงในรูปที่ 2
ที่มา: บทความเรื่อง “Supply Chain Management in the Cement Industry” ปี 2009 โดย Isabel Agudelo และ Edgar Blanco
รูปภาพที่ 2 อุตสาหกรรมปูนซิเมนต์แบบเทกองและถุง
ปูนซิเมนต์แบบเทกองจะใช้ในประเทศที่พัฒนาแล้ว โดยมีความต้องการมาจากบริษัทก่อสร้างขนาดใหญ่และรัฐบาลที่ไปลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ เช่น สนามบิน หรืออาคารสำนักงาน คอนโดมิเนียม หรือห้างสรรพสินค้า ในขณะที่ปูนซิเมนต์ถุงจะเป็นที่นิยมในประเทศเกิดใหม่ โดยมีความต้องการจากผู้รับเหมาขนาดเล็กและลูกค้ารายย่อยในการสร้างที่อยู่อาศัยขนาดเล็ก โดยทั่วไปแล้ว ปูนซิเมนต์แบบเทกองควรจะมีโซ่อุปทานที่มีประสิทธิภาพ หรือมีต้นทุนการขนส่งที่ต่ำ ในขณะที่ปูนซิเมนต์แบบถุงควรจะมีโซ่อุปทานที่ตอบสนองความต้องการได้ดี
โซ่อุปทานของปูนซิเมนต์
ในปัจจุบันนี้ โซ่อุปทานของอุตสาหกรรมปูนซิเมนต์ เป็นแบบผลิตเพื่อสต๊อก (Build-to-Stock: BTS) โดยที่คำสั่งซื้อจะถูกส่งมาจากคลังสินค้า ระยะเวลาในการสั่งซื้อสินค้า (Lead time) ซึ่งหมายถึงระยะเวลาในการขนส่งและความหลากหลายของสินค้ามีจำกัด ทำให้ลูกค้าไม่มีทางเลือกมากนัก โซ่อุปทานของปูนซิเมนต์สามารถสรุปได้ดังรูปที่ 3
ที่มา: บทความเรื่อง “Supply Chain Management in the Cement Industry” ปี 2009 โดย Isabel Agudelo และ Edgar Blanco
รูปภาพที่ 3 โซ่อุปทานของอุตสาหกรรมปูนซิเมนต์
อย่างไรก็ตาม โซ่อุปทานของปูนซิเมนต์ควรจะพัฒนาให้เป็นแบบ ผลิตตามคำสั่งซื้อ (Configure-to-Order: CTO) โดยเฉพาะอย่างยิ่งปูนซิเมนต์ถุง ซึ่งอาจทำได้โดยใช้หลักการบรรจุตามคำสั่งซื้อ (Pack-to-Order) โดยนำปูนซิเมนต์ผงที่เก็บไว้มาบรรจุถุงเมื่อคำสั่งซื้อเกิดขึ้น
สรุป
- ระบบเศรษฐกิจแบบผูกขาด หรือมีผู้ผลิตน้อยรายจะส่งผลให้การพัฒนาโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมปูนซิเมนต์ ไม่มีความจำเป็น เนื่องจากการขาดแรงจูงใจในการลดต้นทุน และไม่มีความกดดันจากลูกค้า
- โดยปกติแล้ว โซ่อุปทานของอุตสาหกรรมปูนซิเมนต์จะมุ่งเน้นไปที่ การใช้ประโยชน์ของทรัพย์สินให้คุ้มค่า ซึ่งทรัพย์สินเหล่านี้ ได้แก่ โรงงานผลิต ระบบสาธารณูปโภค และเครื่องจักรและอุปกรณ์ในการขนถ่ายสินค้า ดังนั้นอุตสาหกรรมปูนซิเมนต์ จึงได้พัฒนาโซ่อุปทานให้มีประสิทธิภาพ และเป็นการสร้างความสามารถในการแข่งขันให้ดีขึ้น
- คุณลักษณะของปูนซิเมนต์ที่มูลค่าต่อน้ำหนักต่ำนั้น ทำให้เกิดข้อจำกัดของศูนย์การผลิตที่ไม่สามารถกระจายไปตามภูมิภาคได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การขนส่งโดยใช้รถบรรทุกจะสามารถทำได้ไม่เกินรัศมี 300 กิโลเมตร อย่างไรก็ตาม การใช้รูปแบบการขนส่งทางน้ำ หรือทางรางเข้ามาช่วยจะทำให้การขยายเครือข่ายของการผลิตไปได้ไกลขึ้น
- การสร้างความร่วมมือ และแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างพันธมิตรที่อยู่ต้นน้ำ และปลายน้ำ ในโซ่อุปทาน เป็นโอกาสในการพัฒนาโซ่อุปท่านของปูนซิเมนต์
ที่มา: บทความเรื่อง “Supply Chain Management in the Cement Industry” ปี 2009 โดย Isabel Agudelo และ Edgar Blanco
.
สนใจบทความฉบับสมบูรณ์เพิ่มเติม ดาวน์โหลดที่เอกสารแนบด้านล่าง
--------------------------------
ดูบทความอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่
เอกสารเผยแพร่เรื่อง “การจัดการโลจิสติกส์เพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน” ปี 2552
เอกสารเผยแพร่เรื่อง “การจัดการโลจิสติกส์เพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน” จึงเป็นการนำบทความดังกล่าวที่น่าสนใจจำนวน 15 บทความ จัดทำเป็นรูปเล่ม เพื่อเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่สะดวกสำหรับผู้สนใจในการศึกษาความรู้ด้านโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเอกสารนี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในองค์กรได้อย่างมีประสิทธิผล
--------------------------------
ที่มา
เอกสารเผยแพร่เรื่อง “การจัดการโลจิสติกส์เพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน” ปี 2552
โดย สำนักโลจิสติกส์ กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่