CT52 การจัดการระบบภายในคลังสินค้าน้ำมันหล่อลื่น กรณีศึกษาคลังน้ำมัน AAA
บทความ ผศ.ดร.วันชัย รัตนวงษ์
คณะวิศวกรรมศาสตร์, มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
เอกสารเผยแพร่เรื่อง “การจัดการโลจิสติกส์เพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน” ปี 2552
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาวิธีการที่เหมาะสมที่สามารถนำมาปรับปรุงระบบการจัดเก็บและจัดวางสินค้าในคลังสินค้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น หน่วยงานที่ศึกษาเป็นคลังสินค้าผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่น ปัญหาที่ประสบคือ มีการจัดเก็บสินค้าไม่เป็นหมวดหมู่ ไม่มีการจัดวางระบบตำแหน่งสถานที่จัดเก็บให้กับสินค้า จากปัญหาดังกล่าวทำให้เกิดการเสียเวลาและความยากลำบากในการค้นหาสินค้า นอกจากนั้นเมื่อสินค้าไปถึงลูกค้ามีความเป็นไปได้ที่จะเกิดความผิดพลาดในการจัดส่งสินค้าที่ผิดและไม่ตรงตามความต้องการของลูกค้า จึงได้ทำการศึกษาวิจัยครั้งนี้ โดยการนำทฤษฎีที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยในการพัฒนา กล่าวคือ ศึกษาหลักการวิเคราะห์ทฤษฎี ABC เพื่อเป็นประโยชน์ในการจัดตำแหน่งการหยิบสินค้า ศึกษาทฤษฎีการออกแบบสถานที่จัดเก็บสินค้าเพื่อเป็นประโยชน์ในการจัดการสถานที่จัดเก็บให้เป็นหมวดหมู่ทำให้ง่ายต่อการเก็บรักษาและนำมาใช้งาน นอกจากนี้ยังมีการนำโปรแกรม Microsoft Access มาประยุกต์ใช้เพื่อช่วยในการวิเคราะห์รูปแบบการจัดเก็บและจัดวางสินค้าให้มีความเหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
จากการศึกษาพบว่า วิธีการที่ใช้ในการแก้ปัญหาของงานวิจัยสามารถจัดการระบบจัดเก็บสินค้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น การจัดเก็บที่เป็นหมวดหมู่ทำให้ง่ายต่อการจัดเก็บรักษา ผลที่คาดว่าจะได้รับจากการประยุกต์การใช้โปรแกรม Microsoft Access คือ จากเดิมที่การจัดเก็บสินค้าใช้การสุ่ม โดยการคิดจากปัจจัยระยะทางเป็นหลัก จากการใช้โปรแกรม ทำให้ทราบว่า ถ้าจัดเก็บโดยการแบ่งพื้นที่จะสามารถทำให้ลดระยะทางได้ 13.24% ถ้าจัดเก็บโดยการจัดตามระยะทางที่มากที่สุดในการจัดเก็บสินค้าจะสามารถทำให้ลดระยะทาง ได้ 13.48 %
บทนำ
คลังสินค้าเป็นหนึ่งในระบบสายโซ่อุปทานที่มีความสำคัญของการกระจายสินค้าจาก ผู้ผลิต ไปยังผู้บริโภค คลังสินค้าทำหน้าที่เป็นสถานที่ที่ได้มีการจัดเตรียมพื้นที่ ซึ่งมีอัตราความต้องการไม่สม่ำเสมอและคาดการณ์ล่วงหน้าได้ยาก รวมถึงวิธีการจัดเก็บ การจัดจำหน่าย การรอเวลาและการขนถ่ายสินค้า ซึ่งเป็นอุปสรรคในการจัดการระบบคลังสินค้า
เนื่องจาก บริษัท AAA.จำกัด (มหาชน) ในขณะนี้ได้มีความสนใจที่จะปรับปรุงคลังสินค้าของส่วนปฏิบัติการหล่อลื่นโดยการวางระบบการจัดเก็บสินค้าขึ้นมาใหม่ โดยใช้ระบบ Racking แบบ Push Back และแบบ Selective ทำให้มีการเปลี่ยนวิธีการจัดเก็บและจัดเรียงสินค้าแบบเดิมให้มีความสอดคล้องกับระบบ Racking ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีระบบการจัดเก็บและจัดเรียงสินค้าให้สอดคล้องกับระบบดังกล่าว
ผู้วิจัยจึงสนใจศึกษาเพื่อแสวงหาการจัดการคลังสินค้าที่มีประสิทธิภาพ เพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นในคลังสินค้าโดยการนำวิธีการจัดการแบบ ABC Analysis เพื่อใช้ในการจัดเรียงสินค้าประเภทต่างๆ รวมทั้งการออกแบบสถานที่ที่ใช้เก็บสินค้าเพื่อให้สอดคล้องกับ ABC Analysis และนำ Software เข้ามาใช้ในการจัดการคลังสินค้า เช่น การเก็บฐานข้อมูลและการประยุกต์โดยใช้โปรแกรม Microsoft Access ในการจัดเก็บและจัดส่งสินค้า เพื่อลดระยะทางและระยะเวลาในกระบวนการจัดส่ง
กรอบการดำเนินการวิจัย
ผู้วิจัยได้ดำเนินการศึกษาความเหมาะสมของคลังสินค้า โดยมีขั้นตอนการดำเนินงาน ดังนี้
(1) ศึกษาทฤษฏีและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการจัดการคลังสินค้า
(2) เก็บข้อมูลระบบการบริหารของคลังสินค้า น้ำมันหล่อลื่นเพื่อรวบรวมข้อมูลการดำเนินงานต่างๆ
(3) นำข้อมูลมาใช้ในการวิเคราะห์ ABC เพื่อการจัดลำดับความสำคัญของสินค้าในการจัดเรียงสินค้าในแต่ละพื้นที่ของชั้นวางสินค้า
(4) นำข้อมูลของการจัดลำดับความสำคัญของสินค้ามาใช้ในการจัดระบบของสินค้าในการเข้า-ออกชั้นวางสินค้าแบบFIFO
(5) เก็บข้อมูลของกระบวนการการทำงานของการจัดส่งสินค้า
(6) วิเคราะห์ผลของข้อมูลและเลือกทางเลือกที่ดีที่สุดในการเพื่อลดระยะทางและระยะเวลาในกระบวนการจัดส่ง
ขอบเขตของการศึกษา
ศึกษาเฉพาะการบริหารคลังน้ำมันหล่อลื่น ของบริษัท AAA.จำกัด (มหาชน)
4. ทฤษฎีและวรรณกรรมที่เกี่ยวข้อง
การบูรณาการโซ่อุปทานที่จะลดปริมาณสินค้าคงคลังให้เหลือน้อยที่สุดเพื่อการลดข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นในระบบโลจิสติกส์ของโซ่อุปทานให้น้อยลง ด้วยเหตุนี้ จึงกลายเป็นความจำเป็นต่อคลังสินค้าเป็นอย่างมากทั้งในเรื่องความถูกต้องแม่นยำและผลของการหมุนเวียนสินค้าในคลังสินค้า เพราะฉะนั้นการจัดการคลังสินค้าสามารถเพิ่มมูลค่าและแสดงบทบาทที่สำคัญในโซ่อุปทาน ดังต่อไปนี้
4.1 คลังวัตถุดิบและส่วนประกอบ (Raw Material and Component Warehouse) มีไว้เพื่อเก็บวัตถุดิบไว้ในบริเวณหรือใกล้กับโรงงานผลิตหรือประกอบสินค้า
4.2 คลังเก็บสินค้าในกระบวนการผลิต (Work-in-process Warehouse) มีไว้เพื่อเก็บชิ้นส่วนหรือผลิตภัณฑ์ที่ยังผลิตหรือประกอบไม่เสร็จ
4.3 คลังสินค้าที่ผลิตเสร็จแล้ว (Finished Goods Warehouse) มีไว้เพื่อเก็บสินค้าที่ผลิตเสร็จแล้วเพื่อสร้างความสมดุลและสำรองสินค้าเพื่อลดปัญหาซึ่งเกิดจากความผันแปรระหว่างตารางการผลิตกับความต้องการผลิตภัณฑ์ ด้วยจุดประสงค์ดังกล่าว ทำให้คลังสินค้ามักตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับจุดผลิตและมักจะเคลื่อนย้ายสินค้ากันในคราวละเต็มพาเลต ทั้งนี้บนสมมติฐานที่ว่าการผลิตและการจัดการสินค้าในคลังสินค้าใช้ขนาดพาเลตเดียวกันกับการบรรทุกสินค้า คลังสินค้าที่ให้บริการในลักษณะนี้จะต้องเก็บสินค้าให้เพียงพอกับความต้องการสินค้าที่มีช่วงเวลายาวไปจนถึงไตรมาสกว่าจะถึงกำหนดกระจายสินค้าออกไปในแต่ละครั้ง
คลังกระจายสินค้าและศูนย์กระจายสินค้า (Distribution Warehouse and Distribution Centers) ทำหน้าที่รวบรวมและจัดสินค้าที่มาจากแหล่งผลิตต่างๆของผู้ผลิตรายเดียวหรือจากผู้ผลิตหลายรายแล้วรวบรวมสินค้าจัดส่งไปยังลูกค้าต่อไป คลังสินค้าประเภทนี้อาจจะตั้งอยู่ในใจกลางศูนย์อุตสาหกรรมหรืออยู่ท่ามกลางกลุ่มลูกค้า การเคลื่อนไหวของสินค้าแต่ละคราวจะเป็นแบบรับเข้าในแบบเต็มพาเลตหรือเต็มลัง แต่จ่ายออกเป็นแบบไม่เต็มพาเลตหรือลัง ขนาดและพื้นที่เก็บมักจะเพียงพอสำหรับความต้องการเพียงสัปดาห์หรืออย่างมากไม่เกินเดือน
คลังสินค้าและศูนย์การเติมสินค้า (Fulfillment Warehouse and Fulfillment Centers) ใช้เพื่อการรับ หยิบและขนส่งสินค้าตามใบสั่งซื้อจำนวนไม่มากของผู้บริโภคโดยทั่วไป
คลังสินค้าท้องถิ่น (Local Warehouse) ใช้เพื่อการกระจายสินค้าในพื้นที่หนึ่งๆเพื่อลดระยะทางในการจัดส่งให้สั้นลงและเพื่อให้มีการสนองตอบต่อความต้องการลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว บ่อยครั้งที่จะมีการหยิบสินค้าเพียงรายการเดียวเพื่อไปส่งลูกค้าทุกวัน
คลังสินค้าที่ให้บริการแบบเพิ่มมูลค่า(Value-added Service Warehouse) ให้บริการในลักษณะของกิจกรรมสนับสนุน โดยที่กิจกรรมหลักๆของงานคลังจะไม่มีการปฏิบัติในที่นี้ อาทิเช่น การบรรจุ การติดฉลาก การทำเครื่องหมาย การแปะป้ายราคา และกระบวนการรับสินค้าคืน เป็นต้น
การวิเคราะห์ข้อมูล ... ดูบทความฉบับสมบูรณ์เพิ่มเติมที่ เอกสารดาวน์โหลด
.
สนใจคู่มือ ดาวน์โหลดได้ที่เอกสารแนบด้านล่าง
--------------------------------
ดูบทความอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่
เอกสารเผยแพร่เรื่อง “การจัดการโลจิสติกส์เพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน” ปี 2552
เอกสารเผยแพร่เรื่อง “การจัดการโลจิสติกส์เพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน” จึงเป็นการนำบทความดังกล่าวที่น่าสนใจจำนวน 15 บทความ จัดทำเป็นรูปเล่ม เพื่อเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่สะดวกสำหรับผู้สนใจในการศึกษาความรู้ด้านโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเอกสารนี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในองค์กรได้อย่างมีประสิทธิผล
--------------------------------
ที่มา
เอกสารเผยแพร่เรื่อง “การจัดการโลจิสติกส์เพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน” ปี 2552
โดย สำนักโลจิสติกส์ กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่