iok2u.com แหล่งรวมข้อมูลข่าวสารเรื่องราวน่าสนใจเพื่อการศึกษาแลกเปลี่ยนและเรียนรู้

Pay It Forward เป้าหมายเล็ก ๆ ในการส่งมอบความดีต่อ ๆ ไป
เว็ปไซต์นี้เกิดจากแรงบันดาลใจในภาพยนต์เรื่อง Pay It Forward ที่เล่าถึงการมีเป้าหมายเล็ก ๆ กำหนดไว้ให้ส่งมอบความดีต่อไปอีก 3 คน หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลยโดยไม่ต้องตอบแทนกลับมา อยากให้ส่งต่อเพื่อถ่ายทอดต่อไป
มิสเตอร์เรน (Mr. Rain) และมิสเตอร์เชน (Mr. Chain)
Mr. Rain และ Mr. Chain สองพี่น้องในโลกออฟไลน์และออนไลน์ที่จะมาร่วมมือกันสร้างสื่อสารสนเทศ เพื่อเผยแพร่ให้ความรู้ในเรื่องราวต่างๆ มากมายสร้างสังคมในการเรียนรู้ หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลยโดยไม่ต้องตอบแทนกลับมา
ยืนหยัด เข้มแข็ง และกล้าหาญ (Stay Strong & Be Brave)
ขอเป็นกำลังใจให้คนดีทุกคนในการต่อสู้ความอยุติธรรม ในยุคสังคมที่คดโกงยึดถึงประโยชน์ส่วนตนและพวกฟ้องมากกว่าผลประโยชน์ส่วนรวม จนหลายคนคิดว่าพวกด้านได้อายอดมักได้ดี แต่หากยึดคำในหลวงสอนไว้ในเรื่องการทำความดีเราจะมีความสุขครับ

คำอธิบายรายละเอียดศักยภาพด้านโลจิสติกส์รายตัวชี้วัดการประเมินศักยภาพด้านโลจิสติกส์ ปี 2551

ลิขสิทธิ์ สำนักโลจิสติกส์

กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่

ดัชนีด้านที่ 1  การกำหนดกลยุทธ์สถานประกอบการ

ตัวชี้วัดที่ 1.1 การให้ความสำคัญต่อกลยุทธ์ด้านโลจิสติกส์ 

วัตถุประสงค์และประเด็นชี้วัด

ปัจจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวัดว่าองค์กรให้ความสำคัญต่อกลยุทธ์ด้านโลจิสติกส์ และมีการจัดตั้งคณะทำงานหรือหน่วยงานที่ทำหน้าที่ดูแลกิจกรรมด้านโลจิสติกส์โดยเฉพาะ หรือไม่ อยู่ในระดับใด

ความหมาย

องค์กรตระหนักถึงความสำคัญของกลยุทธ์ด้านโลจิสติกส์ โดยผู้บริหารให้การสนับสนุน และจัดตั้งคณะทำงานหรือหน่วยงานที่ทำหน้าที่ดูแลกิจกรรมด้านโลจิสติกส์โดยเฉพาะ

ระดับคะแนน

ผู้ประกอบการสามารถประเมินระดับคะแนนของตัวชี้วัดที่ 1.1 ให้กับองค์กรของตนได้ตามคุณสมบัติดังต่อไปนี้

ระดับคะแนน

คุณสมบัติ

ระดับ 1

ผู้บริหารระดับสูงไม่ได้กำหนดนโยบายหรือกลยุทธ์ด้านโลจิสติกส์  

 องค์กรไม่มีหน่วยงานหรือคณะทำงานที่รับผิดชอบกิจกรรมด้านโลจิสติกส์โดยรวมขององค์กร

ระดับ 2

 ผู้บริหารระดับสูงมีการกำหนดนโยบายหรือกลยุทธ์ด้านโลจิสติกส์

 องค์กรไม่มีหน่วยงานหรือคณะทำงานที่รับผิดชอบกิจกรรมด้านโลจิสติกส์โดยรวมขององค์กร

ระดับ 3

 ผู้บริหารระดับสูงมีการกำหนดนโยบายหรือกลยุทธ์ด้านโลจิสติกส์

องค์กรมีหน่วยงานหรือคณะทำงานรับผิดชอบกิจกรรมด้านโลจิสติกส์ (ซึ่งเป็นบุคลากรจากหลายฝ่ายมารวมตัวกัน หรือประชุมกันเป็นครั้งคราว)

ระดับ 4

องค์กรมีคุณสมบัติตามระดับ 3 และ

มีการตั้งดัชนีชี้วัดด้านโลจิสติกส์ (Logistics Key Performance Index)

 มีการประเมินผลกิจกรรมด้านโลจิสติกส์ภายในองค์กร

ระดับ 5

องค์กรมีคุณสมบัติตามระดับ 4 และ

มีการทบทวนและพัฒนาแผนกลยุทธ์ด้านโลจิสติกส์อย่างต่อเนื่อง

คำอธิบายเพิ่มเติม

กิจกรรมด้านโลจิสติกส์ หมายถึง กิจกรรมต่างๆ ที่อยู่ในขอบข่ายกระบวนการด้านโลจิสติกส์ ซึ่งประกอบด้วยกิจกรรม 13 กิจกรรม ดังนี้

-  การติดต่อสื่อสารด้านโลจิสติกส์ (Logistics Communication)

-  การบริการลูกค้า (Customer Service)

-  กระบวนการสั่งซื้อ (Order Processing)

-  การคาดการณ์ความต้องการ (Demand Forecasting)

-  การจัดซื้อ (Procurement)

-  การบริหารสินค้าคงคลัง (Inventory Management)

-  การขนส่ง (Transportation)

-  การบริหารคลังสินค้าและการจัดเก็บ (Warehousing and Storage)

-  โลจิสติกส์ย้อนกลับ (Reverse Logistics)

-  การจัดเตรียมอะไหล่และชิ้นส่วนต่างๆ (Part and Service Support)

-  การเลือกที่ตั้งโรงงานและคลังสินค้า (Plant and Warehousing Site Selection)

-  อุปกรณ์ในการเคลื่อนย้ายสินค้า (Material Handling)

-  บรรจุภัณฑ์และหีบห่อ (Packaging and Packing)

ตัวชี้วัดที่ 1.2 การทำข้อตกลงกับผู้ส่งมอบหลัก1.1 และมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน

วัตถุประสงค์และประเด็นชี้วัด

ปัจจัยนี้เพื่อวัดว่าองค์กรมีการทำข้อตกลงกับผู้ส่งมอบหลักและมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน เพื่อให้องค์กรและผู้ส่งมอบหลักได้รับประโยชน์ร่วมกัน หรือไม่ และอยู่ในระดับใด

ความหมาย

องค์กรมีการทำข้อตกลงกับผู้ส่งมอบหลักอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรในการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อพัฒนากิจกรรมด้านโลจิสติกส์โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานที่ได้ประโยชน์ร่วมกันทั้ง 2 ฝ่าย (Win-Win Solution)

ระดับคะแนน

ผู้ประกอบการสามารถประเมินระดับคะแนนของตัวชี้วัดที่ 1.2 ให้กับองค์กรของตนได้ตามคุณสมบัติดังต่อไปนี้

ระดับคะแนน

คุณสมบัติ

ระดับ 1

§  องค์กรไม่มีการทำสัญญาหรือข้อตกลงกับผู้ส่งมอบหลักอย่างเป็นทางการ

ระดับ 2

§  องค์กรมีการทำสัญญาหรือข้อตกลงกับผู้ส่งมอบหลักในรูปแบบต่างๆ เช่น ใบสั่งซื้อ (PO) ข้อกำหนด e-mail หรือการสื่อสารอื่นๆ ที่เป็นลายลักษณ์อักษร

ระดับ 3

§  องค์กรมีคุณสมบัติตามระดับ 2 และ

§  มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่สำคัญระหว่างองค์กรกับผู้ส่งมอบหลัก นอกเหนือจากที่ระบุไว้ในสัญญา/ข้อตกลง เช่น ประสิทธิภาพของผู้ส่งมอบด้านต่างๆ เป็นต้น

ระดับ 4

§  องค์กรมีคุณสมบัติตามระดับ 3 และ

§  มีการระบุข้อตกลงที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานที่เอื้อประโยชน์กับทั้งองค์กรและผู้ส่งมอบหลัก

ระดับ 5

§  องค์กรมีคุณสมบัติตามระดับ 4 และ

§  มีแผนในการพัฒนาผู้ส่งมอบหลักอย่างเป็นทางการ เช่น มีแผนกลยุทธ์ในการพัฒนาผู้ส่งมอบด้านประสิทธิภาพในการจัดส่งวัตถุดิบ เป็นต้น

คำอธิบายเพิ่มเติม

ตัวอย่าง การระบุข้อตกลงที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานที่เอื้อประโยชน์กับทั้งองค์กรและผู้ส่งมอบหลัก (ตัวชี้วัดในระดับคะแนน 4) เช่น องค์กรที่เป็นผู้ผลิตมีข้อตกลงให้ผู้ส่งมอบวัตถุดิบใดๆ เป็นผู้บริหารสินค้าคงคลังในส่วนของวัตถุดิบนั้นๆ ซึ่งประโยชน์ที่องค์กรได้รับคือ ไม่ต้องรับภาระค่าใช้จ่ายในการบริหารสินค้าคงคลังของตน ส่วนประโยชน์ที่ผู้ส่งมอบได้รับคือ สามารถวางแผนการผลิตหรือการจัดส่งวัตถุดิบให้ได้อย่างแม่นยำมากขึ้น

คำนิยาม

  • ผู้ส่งมอบหลัก คือ ผู้จัดส่งวัตถุดิบ ชิ้นส่วน หรือรับจ้างช่วง ให้กับองค์กรด้วยปริมาณหรือมูลค่าตามข้อกำหนดขององค์กรนั้นๆ

ตัวชี้วัดที่ 1.3 การทำข้อตกลงกับลูกค้าหลักและมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน

วัตถุประสงค์และประเด็นชี้วัด

ปัจจัยนี้เพื่อวัดว่าองค์กรมีการทำข้อตกลงกับลูกค้าหลักและมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน เพื่อให้องค์กร และลูกค้าหลักได้รับประโยชน์ร่วมกัน หรือไม่ และอยู่ในระดับใด

ความหมาย

องค์กรมีการทำข้อตกลงกับลูกค้าหลักอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อพัฒนากิจกรรม โลจิสติกส์โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานที่ได้ประโยชน์ร่วมกันทั้ง 2 ฝ่าย (Win-Win Solution)

ระดับคะแนน

ผู้ประกอบการสามารถประเมินระดับคะแนนของตัวชี้วัดที่ 1.3 ให้กับองค์กรของตนได้ตามคุณสมบัติดังต่อไปนี้

ระดับคะแนน

คุณสมบัติ

ระดับ 1

§  องค์กรไม่มีการทำสัญญาหรือข้อตกลงกับลูกค้าหลักอย่างเป็นทางการ

ระดับ 2

§  องค์กรมีการทำสัญญาหรือข้อตกลงกับลูกค้าหลักในรูปแบบต่างๆ เช่น ใบสั่งซื้อ (PO) ข้อกำหนด e-mail หรือการสื่อสารอื่นๆ ที่เป็นลายลักษณ์อักษร

ระดับ 3

§  องค์กรมีคุณสมบัติตามระดับ 2 และ

§  มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่สำคัญระหว่างองค์กรกับลูกค้าหลัก นอกเหนือจากที่ระบุไว้ในสัญญา/ข้อตกลง

ระดับ 4

§  องค์กรมีคุณสมบัติตามระดับ 3 และ

§  มีการระบุข้อตกลงที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานที่เอื้อประโยชน์กับทั้งองค์กรและลูกค้าหลัก

ระดับ 5

§  องค์กรมีคุณสมบัติตามระดับ 4 และ

§  มีแผนในการพัฒนาประสิทธิภาพขององค์กรร่วมกับลูกค้าหลักอย่างเป็นทางการ เช่น มีแผนกลยุทธ์ในการพัฒนาเครือข่ายการจัดส่งสินค้าร่วมกับลูกค้า เป็นต้น

คำอธิบายเพิ่มเติม

ตัวอย่าง การระบุข้อตกลงที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานที่เอื้อประโยชน์กับทั้งองค์กรและลูกค้าหลัก (ตัวชี้วัดในระดับคะแนน 4) เช่น องค์กรที่ทำการผลิตสินค้าใดๆ ทำข้อตกลงกับลูกค้า ซึ่งเป็นศูนย์กระจายสินค้า ว่าจะเป็นผู้บริหารสินค้าคงคลังในส่วนของสินค้านั้นๆ ซึ่งประโยชน์ที่องค์กรได้รับคือ สามารถวางแผนการผลิตหรือการจัดส่งสินค้าให้ลูกค้าได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ส่วนประโยชน์ที่ลูกค้าได้รับคือ ไม่ต้องรับภาระค่าใช้จ่ายในการบริหารสินค้าคงคลังของตน 

 

ตัวชี้วัดที่ 1.4  การจัดทำระบบในการประเมินและพัฒนาความพึงพอใจของลูกค้า

วัตถุประสงค์และประเด็นชี้วัด

ปัจจัยนี้เพื่อวัดว่าองค์กรมีระบบในการประเมินความพึงพอใจของลูกค้า ดำเนินการเกี่ยวกับข้อร้องเรียน  รวมทั้งร่วมมือกันภายในองค์กร ตลอดจนร่วมมือกับลูกค้าในการพัฒนาระดับความพึงพอใจของลูกค้า หรือไม่ และอยู่ในระดับใด

ความหมาย

องค์กรมีระบบในการประเมินความพึงพอใจของลูกค้า ดำเนินการเกี่ยวกับข้อร้องเรียน รวมทั้งร่วมมือกับลูกค้าในการพัฒนาระดับความพึงพอใจ

ระดับคะแนน

ผู้ประกอบการสามารถประเมินระดับคะแนนของตัวชี้วัดที่ 1.4 ให้กับองค์กรของตนได้ตามคุณสมบัติดังต่อไปนี้

ระดับคะแนน

คุณสมบัติ

ระดับ 1

§  องค์กรไม่มีการสำรวจความพึงพอใจของลูกค้า

§  การแก้ไขข้อร้องเรียนของลูกค้าเป็นการแก้ไขปัญหาแบบเฉพาะหน้าหรือเป็นครั้งคราวเท่านั้น

ระดับ 2

§  องค์กรมีการสำรวจความพึงพอใจของลูกค้า

§  มีการแก้ไขข้อร้องเรียนของลูกค้า โดยแผนก/ฝ่ายขายเป็นผู้รับผิดชอบเท่านั้น

§  ไม่มีการบันทึกข้อร้องเรียนของลูกค้าที่เกิดขึ้น

ระดับ 3

§  องค์กรมีการสำรวจความพึงพอใจของลูกค้า

§  มีการแก้ไขข้อร้องเรียนของลูกค้า โดยแผนก/ฝ่ายขายเป็นผู้รับผิดชอบเท่านั้น

§  มีระบบในการจัดการและจัดเก็บข้อร้องเรียนของลูกค้าที่เกิดขึ้น

ระดับ 4

§  องค์กรมีคุณสมบัติตามระดับ 3 และ

§  มีการแก้ไขข้อร้องเรียนของลูกค้า โดยความร่วมมือจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เฉพาะภายในองค์กร

§  มีการนำผลสำรวจความพึงพอใจของลูกค้ามาวิเคราะห์เพื่อพัฒนาวิธีการทำงาน ผลิตภัณฑ์ หรือบริการที่ดีขึ้น

ระดับ 5

§  องค์กรมีคุณสมบัติตามระดับ 4 และ

§  มีการแก้ไขข้อร้องเรียนของลูกค้า โดยความร่วมมือจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งภายในองค์กร ผู้ส่งมอบ และลูกค้า

§  มีมาตรการในการป้องกันปัญหาต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งส่งผลต่อความพึงพอใจของลูกค้า (มาตรการกำหนดจากการวิเคราะห์ความพึงพอใจของลูกค้า)

คำอธิบายเพิ่มเติม

ตัวอย่าง มาตรการในการป้องกันปัญหาต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต (ตัวชี้วัดในระดับคะแนน 5) เช่น ลูกค้าร้องเรียนเรื่องถ่านหินที่ส่งให้มีค่าความชื้นเกินกว่าที่กำหนดไว้บ่อยครั้ง จึงมีการวิเคราะห์สาเหตุและดำเนินการแก้ไขเบื้องต้น โดยจัดส่งถ่านหินจากเหมืองโดยตรง และมีมาตรการป้องกันโดยการลดปริมาณจัดเก็บถ่านหินเท่าที่จำเป็น อีกทั้งจะนำถ่านหินเฉพาะที่กองอยู่ด้านบนจัดส่งให้ลูกค้าก่อน เป็นต้น

ตัวชี้วัดที่ 1.5  การจัดทำระบบในการพัฒนาและประเมินพนักงาน

วัตถุประสงค์และประเด็นชี้วัด

ปัจจัยนี้เพื่อวัดว่าองค์กรมีระบบในการพัฒนาและประเมินผลงานของพนักงานด้านโลจิสติกส์ รวมทั้งมีการนำหลักการและการจัดการองค์ความรู้มาประยุกต์ใช้ในองค์กร เพื่อพัฒนาสมรรถนะของพนักงานด้านโลจิสติกส์   หรือไม่ และอยู่ในระดับใด

ความหมาย

องค์กรมีระบบในการพัฒนาและประเมินผลงานของพนักงาน รวมทั้งมีการนำหลักการและการจัดการองค์ความรู้ มาประยุกต์ใช้ในองค์กร

ระดับคะแนน

ผู้ประกอบการสามารถประเมินระดับคะแนนของตัวชี้วัดที่ 1.5 ให้กับองค์กรของตนได้ตามคุณสมบัติดังต่อไปนี้

ระดับคะแนน

คุณสมบัติ

ระดับ 1

§  องค์กรไม่มีการกำหนดถ้อยแถลง (Commitment Statement) และประกาศให้ทราบทั่วกัน

§  ไม่มีการฝึกอบรมพนักงานด้านโลจิสติกส์

ระดับ 2

§  องค์กรมีการกำหนดถ้อยแถลง (Commitment Statement) และประกาศให้ทราบทั่วกัน

§  ไม่มีการฝึกอบรมพนักงานด้านโลจิสติกส์

ระดับ 3

§  องค์กรมีการกำหนดถ้อยแถลง (Commitment Statement) และประกาศให้ทราบทั่วกัน

§  มีโครงการฝึกอบรมเพื่อยกระดับสมรรถนะของพนักงานให้เป็นไปตามถ้อยแถลงขององค์กร

ระดับ 4

§  องค์กรมีคุณสมบัติตามระดับ 3 และ

§  มีระบบการวัดผลการทำงานและประเมินการทำงานของพนักงานให้เป็นไปตามถ้อยแถลงขององค์กร

ระดับ 5

§  องค์กรมีคุณสมบัติตามระดับ 4 และ

§  มีระบบการจัดการองค์ความรู้ เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และการเรียนรู้ระหว่างกลุ่ม และพนักงานแต่ละระดับขององค์กร

คำอธิบายเพิ่มเติม

  • ตัวอย่าง ถ้อยแถลง (Commitment Statement) เช่น “องค์กรมุ่งมั่นสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าด้วยการส่งมอบสินแร่ที่สมบูรณ์และตรงต่อเวลา” เป็นต้น
  • การจัดการองค์ความรู้ (Knowledge Management; ตัวชี้วัดในระดับคะแนน 5)หมายถึง ความสามารถในการจัดการความรู้ ประกอบด้วย การสร้างความรู้ การประมวล การแลกเปลี่ยนและสนับสนุนกระบวนการเรียนรู้ และการสร้างนวัตกรรมให้เกิดขึ้นในหน่วยงาน

ดัชนีด้านที่ 2  การวางแผนและความสามารถในการปฏิบัติงาน

ตัวชี้วัดที่ 2.1 การกำหนดแผนงานด้านโลจิสติกส์

วัตถุประสงค์และประเด็นชี้วัด

            ปัจจัยนี้เพื่อวัดว่า เมื่อมีการกำหนดกลยุทธ์ด้านโลจิสติกส์แล้ว หน่วยงานหรือผู้รับผิดชอบงานด้านโลจิสติกส์ นำมาวางแผนการทำงานของตนอย่างเหมาะสมภายใต้ทรัพยากรที่มีอยู่ มีความร่วมมือกันในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายในองค์กรเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายองค์กรร่วมกัน และกำหนดแผนไว้เป็นลายลักษณ์อักษร ตลอดจนก้าวไปสู่ความร่วมมือกับลูกค้าและผู้ส่งมอบในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า รวมทั้งพัฒนาไปสู่การวางแผนแก้ปัญหาหรือการพัฒนาในระยะยาวร่วมกัน หรือไม่ และอยู่ในระดับใด โดยพิจารณาจาก

  • การมีแผนงานเป็นลายลักษณ์อักษร
  • การกระจายแผนงานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
  • ความร่วมมือกันกับผู้ส่งมอบและลูกค้า

ความหมาย

            องค์กรมีการกำหนดแผนงานด้านโลจิสติกส์ให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ด้านโลจิสติกส์ และคำนึงถึงทรัพยากรที่มีอยู่ในองค์กรและโซ่อุปทาน

ระดับคะแนน

ผู้ประกอบการสามารถประเมินระดับคะแนนของตัวชี้วัดที่ 2.1 ให้กับองค์กรของตนได้ตามคุณสมบัติดังต่อไปนี้

ระดับคะแนน

คุณสมบัติ

ระดับ 1

§  องค์กรไม่มีแผนงานด้านโลจิสติกส์เป็นลายลักษณ์อักษร

ระดับ 2

§ แต่ละส่วนงานด้านโลจิสติกส์มีแผนงานด้านโลจิสติกส์อย่างเป็นลายลักษณ์อักษร

ระดับ 3

§  องค์กรมีคุณสมบัติตามระดับ 2 และ

§  มีการนำแผนกลยุทธ์ด้านโลจิสติกส์ระดับองค์กรมาใช้ในการวางแผนร่วมกันในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเป็นแผนงานของหน่วยงานต่างๆ 

ระดับ 4

§  องค์กรมีคุณสมบัติตามระดับ 3 และ

§  มีการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่มีอยู่ร่วมกันระหว่างองค์กร ลูกค้า และผู้ส่งมอบ เป็นครั้งคราว หรือประสานความร่วมมือเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า

ระดับ 5

§  องค์กรมีคุณสมบัติตามระดับ 4 และ

§  มีแผนงานการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่มีอยู่ร่วมกันระหว่างองค์กร ลูกค้า และผู้ส่งมอบ โดยวางแผนร่วมกันพัฒนาอย่างเป็นระบบ หรือเป็นโครงการต่อเนื่องระยะยาว เช่น มีการออกแบบหรือพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อให้เหมาะสมกับการขนถ่ายวัสดุ/สินค้า (Design for Logistics) เป็นต้น

คำอธิบายเพิ่มเติม

  • ตัวอย่าง การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า (ตัวชี้วัดในระดับคะแนน 4) เช่น เมื่อมีรถบรรทุกในการขนส่งขาด แก้ปัญหาด้วยการขอความร่วมมือจากผู้ส่งมอบหรือลูกค้า
  • ตัวอย่าง การแก้ปัญหาหรือการพัฒนาระยะยาวร่วมกัน เช่น มีการออกแบบหรือพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อให้เหมาะสมกับการขนถ่ายวัสดุ/สินค้า (Design for Logistics)

ตัวชี้วัดที่ 2.2 การพยากรณ์ความต้องการของลูกค้าและแนวโน้มทางการตลาด

วัตถุประสงค์และประเด็นชี้วัด

            ปัจจัยนี้เพื่อวัดว่าองค์กรตระหนักถึงความสำคัญของการพยากรณ์แนวโน้มของตลาดสินค้าและการพยากรณ์ความต้องการของลูกค้าจากข้อมูลในอดีต ตลอดจนใช้วิธีการทางสถิติมาช่วยในการพยากรณ์ และนำผลของการพยากรณ์มาใช้ประโยชน์อื่นๆ เช่น การวางแผนการตลาด การวางแผนการขาย การวางแผนการทำงานสำหรับรองรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในอนาคต ตลอดจนความร่วมมือในองค์กรเพื่อให้การพยากรณ์มีความแม่นยำขึ้น และก้าวไปสู่ความร่วมมือด้านข้อมูลกับลูกค้า หรือไม่ และอยู่ในระดับใด

ความหมาย

            องค์กรมีความเข้าใจแนวโน้มของตลาดสินค้า และใช้วิธีการทางสถิติในการพยากรณ์ความต้องการของลูกค้า

ระดับคะแนน

ผู้ประกอบการสามารถประเมินระดับคะแนนของตัวชี้วัดที่ 2.2 ให้กับองค์กรของตนได้ตามคุณสมบัติดังต่อไปนี้

ระดับคะแนน

คุณสมบัติ

ระดับ 1

§  องค์กรไม่มีการพยากรณ์การขายและความต้องการของลูกค้า

ระดับ 2

§  องค์กรมีการพยากรณ์ความต้องการของลูกค้า (ในผลิตภัณฑ์หลัก) โดยอาศัยประสบการณ์ของฝ่ายขาย

§  บันทึกความต้องการของลูกค้าที่พยากรณ์เป็นลายลักษณ์อักษร

ระดับ 3

§  องค์กรมีการพยากรณ์ความต้องการของลูกค้า (ในผลิตภัณฑ์หลัก) โดยอาศัยข้อมูลในอดีต และวิธีการทางสถิติ

§  บันทึกความต้องการของลูกค้าที่พยากรณ์เป็นลายลักษณ์อักษร

§  มีการนำผลจากการพยากรณ์ไปใช้ประโยชน์ด้านต่างๆ  เช่น การวางแผนการตลาด การวางแผนยอดขาย เป็นต้น

ระดับ 4

§  องค์กรมีการพยากรณ์ความต้องการของลูกค้า และ แนวโน้มทางการตลาด (ในผลิตภัณฑ์หลัก) โดยอาศัยข้อมูลในอดีตและวิธีการทางสถิติ

§  บันทึกความต้องการของลูกค้าที่พยากรณ์เป็นลายลักษณ์อักษร

§  มีการนำผลจากการพยากรณ์ไปใช้ประโยชน์ด้านต่างๆ  เช่น การวางแผนการตลาด การวางแผนยอดขาย เป็นต้น

ระดับ 5

§  องค์กรมีคุณสมบัติตามระดับ 4 และ

§  มีความร่วมมือกับลูกค้าในการพยากรณ์แนวโน้มทางการตลาดร่วมกัน เช่น ลูกค้าส่งผ่านข้อมูลการขายสินค้าที่แท้จริงมาให้ เป็นต้น

ตัวชี้วัดที่ 2.3 การวางแผนและการปรับแผนการทำงานด้านโลจิสติกส์ของสถานประกอบการ

วัตถุประสงค์และประเด็นชี้วัด

            ปัจจัยนี้เพื่อวัดว่าองค์กรมีการวางแผนการทำงานด้านโลจิสติกส์ จากการพยากรณ์แนวโน้มการตลาดและยอดขาย เช่น แผนการจัดซื้อวัตถุดิบ แผนการส่งมอบสินค้า และการจัดการด้านสินค้าคงคลัง โดยอาศัยข้อมูลที่มีความถูกต้องแม่นยำ และมีความเชื่อมโยงข้อมูลในแต่ละส่วนงานที่เกี่ยวข้องบนฐานข้อมูลเดียวกัน ตลอดจนมีความร่วมมือภายในองค์กร (ซึ่งบางแห่งมีการประชุมร่วมกันแต่มีข้อมูลแตกต่างกันในแผนกต่างๆ เนื่องจากไม่ได้ใช้ฐานข้อมูลร่วมกัน) รวมทั้งถ่ายทอดข้อมูลกับผู้ส่งมอบเพื่อนำมาวางแผนการผลิตในองค์กร หรือไม่ และอยู่ในระดับใดโดยพิจารณาจาก

  • แผนการขาย แผนการจัดซื้อวัตถุดิบ และการใช้ประโยชน์จากข้อมูล
  • ความเชื่อมโยงและแม่นยำของข้อมูล
  • ความรวดเร็วในการประสานงาน

ความหมาย

            แผนงานและการดำเนินกิจกรรมด้านโลจิสติกส์ต่างๆ ขององค์กรมีความสอดคล้องกัน เช่น มีการวางแผนการขาย การสั่งซื้อวัตถุดิบ และการจัดส่งสินค้าร่วมกัน รวมถึงการพิจารณาปริมาณสินค้าคงคลังและการประสานงานเพื่อการตอบสนองลูกค้าอย่างรวดเร็ว (Quick Response)2.1

ระดับคะแนน

ผู้ประกอบการสามารถประเมินระดับคะแนนของตัวชี้วัดที่ 2.3 ให้กับองค์กรของตนได้ตามคุณสมบัติดังต่อไปนี้

ระดับคะแนน

คุณสมบัติ

ระดับ 1

§  องค์กรไม่มีการวางแผนการขาย การสั่งซื้อวัตถุดิบ หรือการจัดส่งสินค้า

ระดับ 2

§  องค์กรมีการวางแผนการขาย และ แผนการสั่งซื้อวัตถุดิบ และ แผนการจัดส่งสินค้า

§  มีการจัดเก็บข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมด้านโลจิสติกส์  เช่น การขาย การจัดการสินค้าคงคลัง การจัดส่ง และการสั่งซื้อ ที่เป็นอิสระ ไม่มีการใช้ฐานข้อมูลร่วมกัน

ระดับ 3

§  องค์กรมีคุณสมบัติตามระดับ 2 และ

§  มีความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภายในองค์กร ในการวางแผนต่างๆ เช่น แผนการขาย   การสั่งซื้อวัตถุดิบ และการจัดส่งสินค้าร่วมกัน โดยพิจารณาวัตถุดิบและสินค้าคงคลัง เพื่อ  การตอบสนองลูกค้าอย่างรวดเร็ว

ระดับ 4

§  องค์กรมีคุณสมบัติตามระดับ 3 และ

§  มีการจัดเก็บข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมด้านโลจิสติกส์ เช่น การขาย การจัดการสินค้าคงคลัง การจัดส่ง การสั่งซื้อ และอื่นๆ โดยใช้ฐานข้อมูลร่วมกัน ณ เวลาเดียวกัน เพื่อวางแผนต่างๆ เช่น แผนการผลิต การจัดส่ง และการส่งมอบของผู้ส่งมอบ

ระดับ 5

§  องค์กรมีคุณสมบัติตามระดับ 4 และ

§  มีการจัดเก็บข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมด้านโลจิสติกส์ เช่น การขาย การจัดการสินค้าคงคลัง การจัดส่ง การสั่งซื้อ และอื่นๆ โดยใช้ฐานข้อมูลร่วมกันครบถ้วนทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง

§  มีการพัฒนาไปสู่การติดต่อสื่อสารข้อมูลกับภายนอกในด้านต่างๆ เช่น แผนการขายของลูกค้า สถานภาพของผู้ส่งมอบ เป็นต้น

คำนิยาม

2.1  ความสามารถในการตอบสนองอย่างรวดเร็ว (Quick Response) คือ การผลิตเพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการได้อย่างรวดเร็วตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เช่น การจัดหาวัตถุดิบโดยอาศัยหลักการด้านโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพ การจัดส่งที่ต้องรู้ข้อมูลอย่างรวดเร็วโดยใช้ระบบสารสนเทศที่มีประสิทธิภาพช่วยในการบริหารจัดการ เป็นต้น

ตัวชี้วัดที่ 2.4 ระบบการจัดการและติดตามสถานะของสินค้า วัสดุคงคลัง และกิจกรรมด้านโลจิสติกส์

วัตถุประสงค์และประเด็นชี้วัด

            ปัจจัยนี้เพื่อวัดว่าองค์กรมีระบบการติดตาม ตรวจสอบสถานะและปริมาณของสินค้าคงคลัง และการจัดซื้อจัดหา ตลอดจนการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับผู้ส่งมอบเพื่อประกอบการตัดสินใจ หรือไม่ และอยู่ในระดับใด โดยพิจารณาจาก

  • ระบบการติดตามตรวจสอบสถานะของสินค้าและวัสดุคงคลัง
  • แผนการจัดซื้อ
  • การแลกเปลี่ยนข้อมูลกับผู้ส่งมอบ

ความหมาย

            องค์กรมีระบบในการจัดการ ติดตาม ตรวจสอบสถานะและปริมาณของสินค้าและวัสดุคงคลัง รวมทั้งสามารถติดตามกิจกรรมการจัดซื้อหรือจัดหาในองค์กรและผู้ส่งมอบได้ถูกต้องแม่นยำ

ระดับคะแนน

ผู้ประกอบการสามารถประเมินระดับคะแนนของตัวชี้วัดที่ 2.4 ให้กับองค์กรของตนได้ตามคุณสมบัติดังต่อไปนี้

ระดับคะแนน

คุณสมบัติ

ระดับ 1

§  องค์กรไม่มีการติดตามหรือตรวจสอบสถานะและปริมาณของสินค้าและวัสดุคงคลังแต่ละประเภท

ระดับ 2

§  องค์กรมีการติดตามหรือตรวจสอบสถานะและปริมาณของสินค้าและวัสดุคงคลัง

§  มีการวางแผนการจัดหาวัสดุและวัตถุดิบคงคลังให้เป็นไปตามความต้องการของลูกค้า

ระดับ 3

§  องค์กรมีระบบในการจัดการและติดตามสถานะและปริมาณของสินค้าและวัสดุคงคลัง

§  สามารถติดตามและตรวจสอบสถานะของกิจกรรมด้านการจัดซื้อวัตถุดิบและการจัดส่งสินค้า เมื่อต้องการทราบ

ระดับ 4

§  องค์กรมีคุณสมบัติตามระดับ 3 และ

§  มีระบบการติดตามและตรวจสอบสถานะของการจัดซื้อหรือจัดหาในองค์กรแบบทันทีทันใด (Real Time)

ระดับ 5

§  องค์กรมีคุณสมบัติตามระดับ 4 และ

§  มีระบบการติดตาม ตรวจสอบ และสื่อสารแลกเปลี่ยนข้อมูลกับลูกค้าและผู้ส่งมอบในด้านต่างๆ เช่น ระดับสินค้าคงคลัง การจัดซื้อจัดหาร่วมกัน เป็นต้น เพื่อประกอบการตัดสินใจ

คำอธิบายเพิ่มเติม

ระบบ (ตัวชี้วัดในระดับคะแนน 3) หมายถึง การมีขั้นตอนการทำงาน การบันทึกข้อมูล ตลอดจนการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น

ตัวชี้วัดที่ 2.5 การพัฒนาขั้นตอนการทำงานและกระบวนการทำงานที่เป็นมาตรฐาน

วัตถุประสงค์และประเด็นชี้วัด

ปัจจัยนี้เพื่อวัดว่าองค์กรมีระบบและมาตรฐานในการทำงาน และมีแนวโน้มการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นการประกันกระบวนการทำงานต่างๆ ด้านโลจิสติกส์ หรือไม่ และอยู่ในระดับใด

ความหมาย

องค์กรมีการกำหนดและนำมาตรฐานมาใช้สำหรับวิธีการทำงานในองค์กร รวมทั้งกิจกรรมที่มีการติดต่อกับผู้ส่งมอบและลูกค้าขององค์กร และมีการพัฒนาการทำงานภายในองค์กรอย่างต่อเนื่อง

ระดับคะแนน

ผู้ประกอบการสามารถประเมินระดับคะแนนของตัวชี้วัดที่ 2.5 ให้กับองค์กรของตนได้ตามคุณสมบัติดังต่อไปนี้

ระดับคะแนน

คุณสมบัติ

ระดับ 1

§  กิจกรรมต่างๆ ไม่มีการกำหนดวิธีการทำงานที่เป็นมาตรฐาน

ระดับ 2

§  กิจกรรมที่สำคัญต่างๆ มีการกำหนดวิธีการทำงานที่เป็นมาตรฐาน

§  ปฏิบัติตามมาตรฐานที่กำหนดยังไม่ครบถ้วนและต่อเนื่อง

ระดับ 3

§  กิจกรรมที่สำคัญต่างๆ มีการกำหนดวิธีการทำงานที่เป็นมาตรฐาน

§  มีการปฏิบัติตามมาตรฐานที่กำหนดอย่างครบถ้วนและต่อเนื่อง

ระดับ 4

§  องค์กรมีคุณสมบัติตามระดับ 3 และ

§  มีการกำหนดมาตรฐานวิธีการทำงานและขั้นตอนการทำงานที่มีการติดต่อกับผู้ส่งมอบและลูกค้า

§  มีการนำมาตรฐานเหล่านั้นมาปฏิบัติอย่างถูกต้อง ครบถ้วน และต่อเนื่อง

ระดับ 5

§  องค์กรมีคุณสมบัติตามระดับ 4 และ

§  มีการพัฒนาวิธีการทำงานหรือขั้นตอนการทำงานอย่างต่อเนื่อง

ตัวชี้วัดที่ 2.6 การพัฒนาหน่วยงานรับผิดชอบด้านโลจิสติกส์

วัตถุประสงค์และประเด็นชี้วัด

ปัจจัยนี้เพื่อวัดว่าองค์กรมีการกำหนดหน่วยงานหรือผู้รับผิดชอบงานที่เกี่ยวข้องกับโลจิสติกส์ กำหนดอำนาจหน้าที่และจำนวนบุคลากรที่เหมาะสมกับปริมาณงานและแผนงาน    กำหนดสมรรถนะ (Competency) ของบุคลากรในตำแหน่งต่างๆ และมีการพัฒนาตามผลการประเมินความสามารถ รวมทั้งเตรียมความพร้อมของบุคลากรทดแทนของตำแหน่งต่างๆ (เนื่องจากบุคลากรเป็นทรัพยากรที่สำคัญในการขับเคลื่อนองค์กร) หรือไม่ และอยู่ในระดับใด

ความหมาย

องค์กรมีการวางแผนกำลังคนและพัฒนาบุคลากรด้านโลจิสติกส์

ระดับคะแนน

ผู้ประกอบการสามารถประเมินระดับคะแนนของตัวชี้วัดที่ 2.6 ให้กับองค์กรของตนได้ตามคุณสมบัติดังต่อไปนี้

ระดับคะแนน

คุณสมบัติ

ระดับ 1

§  องค์กรไม่มีการกำหนดผู้รับผิดชอบด้านโลจิสติกส์

ระดับ 2

§  องค์กรมีการประกาศขอบเขต อำนาจหน้าที่ และความรับผิดชอบของตำแหน่งงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมด้านโลจิสติกส์

§  มีการวิเคราะห์หาจำนวนบุคลากรที่เหมาะสมในแต่ละตำแหน่งงาน

ระดับ 3

§  องค์กรมีคุณสมบัติตามระดับ 2 และ

§  มีการมอบหมายตำแหน่งงานด้านโลจิสติกส์อย่างครบถ้วน ถูกต้อง และเหมาะสมกับความสามารถของบุคลากรตามแผนงานที่วางไว้

ระดับ 4

§  องค์กรมีคุณสมบัติตามระดับ 3 และ

§  มีการวิเคราะห์และประเมินความสามารถ (Competency)2.2 ของบุคลากรด้านโลจิสติกส์ในตำแหน่งต่างๆ

§  มีแผนการพัฒนาบุคลากรด้านโลจิสติกส์ตามผลการประเมินความสามารถของบุคลากร

ระดับ 5

§  องค์กรมีคุณสมบัติตามระดับ 4 และ

§  มีแผนกำลังคนทดแทนขององค์กร

§  มีแผนการพัฒนาบุคลากรด้านโลจิสติกส์ที่มีความพร้อมและต่อเนื่อง

คำอธิบายเพิ่มเติม

แผนกำลังคนทดแทน (ตัวชี้วัดในระดับคะแนน 5) เป็นแผนที่ผู้บริหารระดับสูงวางกลยุทธ์เชิงบุคลากรเพื่อพัฒนาบุคลากรที่จะนำมาทดแทนบุคลากรในตำแหน่งเดิมที่อาจเสียไปเนื่องจากสาเหตุใดๆ หรือการขยายงานใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

คำนิยาม

2.2 สมรรถนะ (Competency) คือ ความรู้ (Knowledges) ความสามารถ (Ability) ทักษะ (Skills) และคุณลักษณะ (Attributes) ของบุคคลที่มีความสัมพันธ์โดยตรงกับงานที่ปฏิบัติเพื่อให้ได้ผลงานที่มีประสิทธิภาพ

ดัชนีด้านที่ 3  ประสิทธิภาพและประสิทธิผลด้านโลจิสติกส์

ตัวชี้วัดที่ 3.1 การพัฒนากิจกรรมด้านโลจิสติกส์

วัตถุประสงค์และประเด็นชี้วัด

ปัจจัยนี้เพื่อวัดว่าองค์กรมีแผนในการพัฒนากิจกรรมด้านโลจิสติกส์ในทุกกิจกรรมให้สามารถเชื่อมโยงถึงกันอย่างมีระบบหรือ ไม่ และอยู่ในระดับใด

ความหมาย

องค์กรปรับปรุงและพัฒนากิจกรรมโลจิสติกส์ด้านต่างๆ ภายในองค์กรให้สามารถเชื่อมโยงถึงกัน และสามารถประสานกับลูกค้าและผู้ส่งมอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การลดเวลาในการเตรียมการผลิต การลดขนาดของจำนวนการสั่งซื้อหรือสั่งผลิต การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ การพัฒนาคลังสินค้า การพัฒนาวิธีการหยิบที่ลดระยะเวลาและหยิบได้อย่างถูกต้องแม่นยำ เป็นต้น

ระดับคะแนน

ผู้ประกอบการสามารถประเมินระดับคะแนนของตัวชี้วัดที่ 3.1 ให้กับองค์กรของตนได้ตามคุณสมบัติดังต่อไปนี้

ระดับคะแนน

คุณสมบัติ

ระดับ 1

§  องค์กรไม่มีการวางแผนพัฒนาและปรับปรุงกิจกรรมด้านโลจิสติกส์

ระดับ 2

§  องค์กรมีแผนพัฒนาและปรับปรุงกิจกรรมด้านโลจิสติกส์ในบางกิจกรรมเท่านั้น โดยมีการกำหนดเป้าหมายเป็นลายลักษณ์อักษร

ระดับ 3

§  องค์กรมีแผนพัฒนาและปรับปรุงกิจกรรมด้านโลจิสติกส์ในทุกกิจกรรม โดยมีการกำหนดเป้าหมายเป็นลายลักษณ์อักษร

ระดับ 4

§  องค์กรมีคุณสมบัติตามระดับ 3 และ

§  ประสบความสำเร็จในการพัฒนากิจกรรมด้านโลจิสติกส์ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ในบางกิจกรรม

§  มีแผนการพัฒนากิจกรรมด้านโลจิสติกส์ให้มีการเชื่อมโยงถึงกันภายในองค์กร

ระดับ 5

§  องค์กรมีคุณสมบัติตามระดับ 4 และ

§  ประสบความสำเร็จในการพัฒนากิจกรรมด้านโลจิสติกส์ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ในทุกกิจกรรม

§  มีแผนการพัฒนาและปรับปรุงกิจกรรมด้านโลจิสติกส์อย่างต่อเนื่อง

§  มีการพัฒนากิจกรรมด้านโลจิสติกส์ของทั้งองค์กร ผู้ส่งมอบ และลูกค้า ให้สามารถสอดประสานถึงกันได้

คำอธิบายเพิ่มเติม

  • ตัวอย่าง องค์กรมีแผนการพัฒนากิจกรรมด้านโลจิสติกส์ให้มีการเชื่อมโยงถึงกันภายในองค์กร (ตัวชี้วัดในระดับคะแนน 4) เช่น ลำดับในการนำของออกจากคลังสินค้าสอดคล้องกับแผนการขนส่ง การจัดของในรถบรรทุกสอดคล้องกับลำดับในการส่งสินค้า เป็นต้น
  • ตัวอย่าง การพัฒนากิจกรรมด้านโลจิสติกส์ของทั้งองค์กร ผู้ส่งมอบ และลูกค้า ให้สามารถสอดประสานถึงกันได้ (ตัวชี้วัดในระดับคะแนน 5) หมายถึง การพัฒนาให้กิจกรรมด้านโลจิสติกส์ขององค์กรเชื่อมโยงกับลูกค้าและผู้ส่งมอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น องค์กรพัฒนาผู้ส่งมอบให้จัดส่งวัตถุดิบได้ตรงตามเวลาที่กำหนด ทำให้องค์กรสามารถจัดเตรียมพื้นที่ในการจัดเก็บไว้ล่วงหน้า ลดระยะเวลาในการนำวัตถุดิบเข้าเก็บ รวมถึงลดต้นทุน หรือร่วมกับผู้ส่งมอบในการออกแบบพัฒนาหีบห่อหรือบรรจุภัณฑ์สำหรับการขนส่งให้สามารถป้องกันวัตถุดิบไม่ให้เกิดความเสียหายอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้องค์กรสามารถตัดขั้นตอนในการตรวจรับวัตถุดิบจากผู้ส่งมอบ เป็นต้น

ตัวชี้วัดที่ 3.2 อัตราการหมุนเวียนสินค้าคงคลัง (Inventory Turnover)3.1 และช่วงระยะเวลารอบหมุนเวียน

วัฏจักรเงินสด (Cash to Cash Cycle Time)3.2

วัตถุประสงค์และประเด็นชี้วัด

ปัจจัยนี้เพื่อวัดว่าองค์กรมีระบบในการวัดอัตราการหมุนเวียนสินค้าคงคลังและช่วงระยะเวลารอบหมุนเวียน วัฏจักรเงินสด และมีระบบในการบริหารจัดการสินค้าคงคลังให้สอดคล้องกับกระแสเงินสดขององค์กรได้ หรือไม่ และอยู่ในระดับใด

ความหมาย

องค์กรวัดอัตราการหมุนเวียนสินค้าคงคลังและช่วงระยะเวลารอบหมุนเวียนวัฏจักรเงินสดอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ โดยอัตราการหมุนเวียนสินค้าคงคลังมีการเก็บข้อมูลแยกกันระหว่างผู้ส่งมอบแต่ละราย และชิ้นส่วนประกอบแต่ละประเภท รวมทั้งมีการบริหารสินค้าคงคลังที่สามารถเชื่อมโยงกับการจัดการกระแสเงินสดขององค์กร

ระดับคะแนน

ผู้ประกอบการสามารถประเมินระดับคะแนนของตัวชี้วัดที่ 3.2 ให้กับองค์กรของตนได้ตามคุณสมบัติดังต่อไปนี้

ระดับคะแนน

คุณสมบัติ

ระดับ 1

§  องค์กรไม่ทราบอัตราการหมุนเวียนสินค้าคงคลังและช่วงระยะเวลารอบหมุนเวียนวัฏจักรเงินสด

ระดับ 2

§  องค์กรทราบอัตราการหมุนเวียนสินค้าคงคลังของวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์บางประเภท หรือ ทราบเฉพาะช่วงระยะเวลารอบหมุนเวียนวัฏจักรเงินสด

ระดับ 3

§  องค์กรทราบอัตราการหมุนเวียนสินค้าคงคลังของวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์บางประเภท

§  ทราบช่วงระยะเวลารอบหมุนเวียนวัฏจักรเงินสด

ระดับ 4

§  องค์กรทราบอัตราการหมุนเวียนสินค้าคงคลังของวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ทุกประเภท

§  ทราบช่วงระยะเวลารอบหมุนเวียนวัฏจักรเงินสด

§  มีแผนงานเพื่อเพิ่มอัตราการหมุนเวียนสินค้าคงคลัง หรือ ลดช่วงระยะเวลารอบหมุนเวียน  วัฏจักรเงินสด โดยมีการกำหนดเป้าหมายเป็นลายลักษณ์อักษร

§  มีแนวทางในการบริหารสินค้าคงคลังให้สอดคล้องกับงบกระแสเงินสดขององค์กร

ระดับ 5

§  องค์กรมีคุณสมบัติตามระดับ 4 และ

§  ประสบความสำเร็จในการเพิ่มอัตราการหมุนเวียนสินค้าคงคลัง และ ลดช่วงระยะเวลารอบหมุนเวียนวัฏจักรเงินสดได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

§  มีการวางแผนงานในการเพิ่มอัตราการหมุนเวียนสินค้าคงคลัง และ ลดช่วงระยะเวลารอบหมุนเวียนวัฏจักรเงินสดอย่างต่อเนื่อง

คำอธิบายเพิ่มเติม

อัตราการหมุนเวียนสินค้าคงคลัง หมายถึง จำนวนรอบในการเปลี่ยนสินค้าคงคลังให้กลายเป็นยอดขายขององค์กร สามารถคำนวณได้จาก

สูตรคำนวณแบบที่ 1   เหมาะสมกับการคำนวณที่แยกสินค้าเป็นรายการ (Stock Keeping Unit – SKU) หรือมีเพียงรายการเดียว เพราะถ้าองค์กรมีสินค้าหลายรายการแล้วใช้จำนวนหน่วยที่ขายได้เทียบกับจำนวนหน่วยเฉลี่ยที่มีอยู่ในคลังมาใช้คำนวณ จะทำให้การแปลความหมายเบี่ยงเบนจากความเป็นจริง เช่น การขายแร่ทองคำ 1 ตัน ย่อมสร้างรายได้ให้กับกิจการไม่เท่ากับการขายแร่สังกะสี 1 ตัน

สูตรคำนวณแบบที่ 2   เหมาะสมกับองค์กรที่มีการซื้อสินค้ามาแล้วขายไป เนื่องจากสามารถหาข้อมูลมาใช้ในการคำนวณได้ง่าย และเห็นภาพชัดเจนว่าสินค้าคงคลังเฉลี่ยสามารถถูกนำไปหมุนเวียนทำให้เกิดยอดขายได้กี่รอบในแต่ละปี

สูตรคำนวณแบบที่ 3   ต้องอาศัยข้อมูลทางบัญชีในเรื่องต้นทุนสินค้าขาย แต่ผลลัพธ์จากการคำนวณด้วยวิธีนี้เป็นคำตอบที่แสดงให้เห็นถึงภาพการหมุนเวียนของสินค้าคงคลังได้ชัดเจนที่สุด เพราะได้แยกส่วนที่เป็นกำไรออกไปจากยอดรวมแล้ว ในขณะที่วิธีคำนวณแบบที่ 2 ยังคงมีส่วนที่เป็นกำไรแฝงอยู่ในยอดขายรวม

องค์กรสามารถเลือกวิธีในการคำนวณที่เหมาะสมกับองค์กรหรือข้อมูลที่มีอยู่ได้ ทั้งนี้ประเด็นหลักในการชี้วัดคือต้องมีการแบ่งสินค้าหรือวัตถุดิบเป็นกลุ่มหรือหน่วยย่อย และคำนวณหาอัตราหมุนเวียนสินค้าคงคลังของแต่ละกลุ่ม

คำนิยาม

  • อัตราการหมุนเวียนสินค้าคงคลัง (Inventory Turnover) คือ การวัดประสิทธิภาพการจัดการสินค้าคงเหลือของกิจการ หากดัชนีมีค่าต่ำ แสดงว่ากิจการมีสินค้าคงเหลือซึ่งประกอบด้วยวัตถุดิบ สินค้าระหว่างผลิต และสินค้าสำเร็จรูปเป็นจำนวนมาก ซึ่งสินค้าเหล่านี้ยังไม่สามารถหมุนเวียนสร้างเป็นยอดขายให้แก่กิจการได้ ถือเป็นการวัดประสิทธิภาพการขายของกิจการได้รูปแบบหนึ่ง
  • ช่วงระยะเวลารอบหมุนเวียนวัฏจักรเงินสด (Cash to Cash Cycle Time) คือ ตัวชี้วัดวงจรเงินสดซึ่งใช้บ่งบอกว่าบริษัทมีการจัดการการหมุนเวียนของเงินสดได้ดีเพียงใด โดยนับจากเวลาที่มีการชำระเงินให้กับผู้ส่งมอบจนกระทั่งลูกค้าชำระเงินค่าสินค้าให้บริษัท ตัวชี้วัดในส่วนนี้รวมถึงจำนวนของสินค้าคงคลังที่มีอยู่ทั้งหมดซึ่งสามารถทำให้ต้นทุนสูงขึ้น หรือการตอบสนองต่อคำสั่งซื้อลดลงได้

ตัวชี้วัดที่ 3.3 ช่วงเวลานำในการส่งมอบสินค้าให้ลูกค้า (Customer Lead Time)3.3 และประสิทธิภาพใน

การจัดซื้อ

วัตถุประสงค์และประเด็นชี้วัด

ปัจจัยนี้เพื่อวัดว่าองค์กรมีแนวทางในการกำหนดช่วงเวลานำในการส่งมอบสินค้าให้กับลูกค้าได้อย่างเป็นระบบ และสามารถนำข้อมูลช่วงเวลานำของลูกค้าแต่ละรายไปบริหารจัดการร่วมกับแผนการจัดส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือไม่ และอยู่ในระดับใด

ความหมาย

องค์กรทราบช่วงเวลานำในการส่งมอบสินค้าให้ลูกค้าแต่ละราย และมีแนวทางในการกำหนดระยะเวลานำของลูกค้าที่ชัดเจน (แบ่งตามประเภทของลูกค้าหรือประเภทของผลิตภัณฑ์) ซึ่งมีการนำมาใช้ในการบริหารจัดการและเชื่อมโยงกับแผนการจัดส่งเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดส่งสินค้า (การบรรทุกของพาหนะแต่ละคัน เส้นทางที่ใช้วิ่ง และความสามารถในการใช้ยานพาหนะ)

ระดับคะแนน

ผู้ประกอบการสามารถประเมินระดับคะแนนของตัวชี้วัดที่ 3.3 ให้กับองค์กรของตนได้ตามคุณสมบัติดังต่อไปนี้

ระดับคะแนน

คุณสมบัติ

ระดับ 1

§  องค์กรไม่สามารถกำหนดช่วงเวลานำมาตรฐาน (Standard Lead Time) ให้กับลูกค้าแต่ละราย หรือผลิตภัณฑ์แต่ละประเภทได้

ระดับ 2

§  องค์กรมีการกำหนดช่วงเวลานำมาตรฐานของลูกค้า หรือผลิตภัณฑ์แต่ละประเภท

ระดับ 3

§  องค์กรมีคุณสมบัติตามระดับ 2 และ

§  มีการนำข้อมูลเกี่ยวกับช่วงเวลานำในการส่งมอบสินค้าให้กับลูกค้าแต่ละรายมาใช้ในการวางแผนการจัดส่งสินค้า (ประกอบด้วย 1. การบรรทุกสินค้าในพาหนะแต่ละคัน 2. เส้นทางที่ใช้วิ่ง และ 3. ลำดับในการส่งสินค้า)

ระดับ 4

§  องค์กรมีคุณสมบัติตามระดับ 3 และ

§  มีแผนงานเพื่อลดช่วงเวลานำมาตรฐานของลูกค้าหรือผลิตภัณฑ์แต่ละประเภท และ เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดส่ง โดยมีการกำหนดเป้าหมายเป็นลายลักษณ์อักษร

ระดับ 5

§  องค์กรมีคุณสมบัติตามระดับ 4 และ

§  ประสบความสำเร็จในการลดช่วงเวลานำมาตรฐานในการส่งมอบสินค้าให้ลูกค้า และ เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดส่งตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

§  มีการวางแผนงานในการลดช่วงเวลานำมาตรฐาน หรือ เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดส่งอย่างต่อเนื่อง

คำอธิบายเพิ่มเติม

  • ช่วงเวลานำมาตรฐาน (Standard Lead Time) หมายถึง การกำหนดวันหรือระยะเวลากับลูกค้าขององค์กรในการส่งมอบสินค้าภายหลังจากที่ลูกค้าได้ทำการสั่งซื้อ
  • ประสิทธิภาพในการจัดส่ง (ตัวชี้วัดในระดับคะแนน 4) ประกอบด้วย ความสามารถในการใช้ยานพาหนะ (Fleet Utilization) ความสามารถในการบรรทุกสินค้าของรถบรรทุกแต่ละคัน (Load Efficiency) และประสิทธิภาพของเส้นทางการจัดส่งสินค้า ซึ่งองค์กรจะต้องนำข้อมูลช่วงเวลานำของลูกค้าแต่ละรายมาใช้ในการวางแผนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดส่งสินค้า เช่น การวางแผนการส่งสินค้าแบบวนรอบ (Milk Run) กล่าวคือ รถจะบรรทุกสินค้าสำหรับลูกค้าหลายรายในการจัดส่ง 1 ครั้ง และทำการส่งสินค้าให้ลูกค้าทีละรายจนครบทุกราย โดยออกแบบเส้นทางการวิ่งให้สั้นที่สุด หรือใช้ระยะเวลาสั้นที่สุด เป็นต้น

คำนิยาม

  • ช่วงเวลานำในการสั่งซื้อของลูกค้า (Customer Lead Time) คือ ช่วงเวลาตั้งแต่ลูกค้าได้สั่งสินค้าจนกระทั่งลูกค้าได้รับสินค้า

ตัวชี้วัดที่ 3.4 ประสิทธิภาพและคุณภาพในการส่งมอบสินค้า

วัตถุประสงค์และประเด็นชี้วัด

ปัจจัยนี้เพื่อวัดว่าองค์กรมีประสิทธิภาพและคุณภาพในการส่งมอบ (โดยวัดจากอัตราการส่งมอบที่ทันเวลา (On Time Delivery) และความถูกต้องในการเติมเต็มคำสั่งซื้อของลูกค้า (Order Fulfillment Accuracy) ตามลำดับ) และมีความพยายามในการเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพในการส่งมอบร่วมกับลูกค้าและผู้ส่งมอบอย่างเป็นระบบ หรือไม่ และอยู่ในระดับใด

ความหมาย

องค์กรทราบประสิทธิภาพและคุณภาพในการจัดส่งสินค้า รวมทั้งให้ความสำคัญกับการพัฒนาประสิทธิภาพด้านนี้อย่างต่อเนื่อง โดยให้ลูกค้าและผู้ส่งมอบมีส่วนร่วมในการปรับปรุงระบบโลจิสติกส์ขององค์กร เพื่อให้ประสิทธิภาพในการส่งมอบสินค้าดีขึ้น

ระดับคะแนน

ผู้ประกอบการสามารถประเมินระดับคะแนนของตัวชี้วัดที่ 3.4 ให้กับองค์กรของตนได้ตามคุณสมบัติดังต่อไปนี้

ระดับคะแนน

คุณสมบัติ

ระดับ 1

§  องค์กรไม่มีการวัดอัตราการส่งมอบที่ทันเวลา (On Time Delivery) และความถูกต้องในการเติมเต็มคำสั่งซื้อของลูกค้า (Order Fulfillment Accuracy)

ระดับ 2

§  องค์กรมีการวัดอัตราการส่งมอบที่ทันเวลาและความถูกต้องในการเติมเต็มคำสั่งซื้อของลูกค้า แต่ทั้งสองตัวมีประสิทธิภาพต่ำกว่า 95%

ระดับ 3

§  องค์กรมีการวัดอัตราการส่งมอบที่ทันเวลาและความถูกต้องในการเติมเต็มคำสั่งซื้อของลูกค้า

§  อัตราการส่งมอบที่ทันเวลา หรือความถูกต้องในการเติมเต็มคำสั่งซื้อของลูกค้า ตัวใดตัวหนึ่ง มีประสิทธิภาพสูงกว่า 95%

§  มีการเก็บข้อมูลสาเหตุหลักของการส่งมอบที่ล่าช้าหรือผิดพลาด

ระดับ 4

§  องค์กรมีการวัดอัตราการส่งมอบที่ทันเวลาและความถูกต้องในการเติมเต็มคำสั่งซื้อของลูกค้า

§  อัตราการส่งมอบที่ทันเวลาและความถูกต้องในการเติมเต็มคำสั่งซื้อของลูกค้ามีประสิทธิภาพสูงกว่า 95%

§  มีแผนงานเพื่อเพิ่มอัตราการส่งมอบที่ทันเวลาและความถูกต้องในการเติมเต็มคำสั่งซื้อของลูกค้า โดยมีการกำหนดเป้าหมายเป็นลายลักษณ์อักษร

§  มีมาตรการป้องกันการส่งมอบที่ล่าช้าหรือผิดพลาดอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร

ระดับ 5

§  องค์กรมีคุณสมบัติตามระดับ 4 และ

§  ประสบความสำเร็จในการเพิ่มอัตราการส่งมอบที่ทันเวลาและความถูกต้องในการเติมเต็ม คำสั่งซื้อของลูกค้าตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

§  ให้ผู้ส่งมอบและลูกค้ามีส่วนร่วมในการปรับปรุงและรักษาประสิทธิภาพในการส่งมอบสินค้าและการเติมเต็มคำสั่งซื้อของลูกค้า

คำอธิบายเพิ่มเติม

  • อัตราการส่งมอบที่ทันเวลา (On Time Delivery) หมายถึง การส่งมอบที่ตรงต่อเวลาตามที่ได้สัญญาไว้กับลูกค้า สามารถคำนวณได้จาก
  • ความถูกต้องในการเติมเต็มคำสั่งซื้อของลูกค้า (Order Fulfillment Accuracy) หมายถึง การส่งมอบที่ถูกต้องตามปริมาณ ประเภท และคุณสมบัติตามความต้องการของลูกค้า ไม่มีของเสีย คำนวณจาก

  • ตัวชี้วัดทั้งสองตัวสามารถวัดร่วมกันได้โดยใช้ตัวชี้วัดที่เรียกว่า อัตราการส่งมอบอย่างสมบูรณ์แบบ (On Time in Full Delivery) หมายถึง การส่งมอบที่ตรงเวลา ถูกต้องตามปริมาณ ประเภท และคุณสมบัติตามความต้องการของลูกค้า ไม่มีของเสีย คำนวณจาก

ตัวชี้วัดที่ 3.5 สินค้าคงคลังและต้นทุนค่าเสียโอกาส

วัตถุประสงค์และประเด็นชี้วัด

ปัจจัยนี้เพื่อวัดว่าองค์กรมีระบบในการบริหารจัดการสินค้าคงคลัง และมีแผนพัฒนาเพื่อลดความเบี่ยงเบนของสินค้าคงคลังที่เก็บไว้จริงกับระดับสินค้าคงคลังที่กำหนดไว้ หรือไม่ และอยู่ในระดับใด

ความหมาย

องค์กรต้องมีการบริหารจัดการสินค้าคงคลังอย่างเป็นระบบ  มีการแบ่งกลุ่มของผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบเพื่อการบริหารจัดการควบคุมระดับสินค้าคงคลังที่เหมาะสม และมีแผนพัฒนาที่ชัดเจนเพื่อลดความเบี่ยงเบนของสินค้าคงคลังที่เก็บไว้จริงกับที่กำหนดไว้ อีกทั้งสามารถประเมินต้นทุนการเสียโอกาสในการขายสินค้าอันเนื่องมาจากการขาดแคลนวัตถุดิบในกระบวนการผลิตได้

ระดับคะแนน

ผู้ประกอบการสามารถประเมินระดับคะแนนของตัวชี้วัดที่ 3.5 ให้กับองค์กรของตนได้ตามคุณสมบัติดังต่อไปนี้

ระดับคะแนน

คุณสมบัติ

ระดับ 1

§  องค์กรไม่มีการกำหนดระดับสินค้าคงคลังเป้าหมาย (Target Stock Level)

§  ไม่มีการประมาณค่าเสียโอกาสที่เกิดขึ้นจากการที่ไม่ได้ขายสินค้า

ระดับ 2

§  องค์กรมีการกำหนดระดับสินค้าคงคลังเป้าหมาย (Target Stock Level)

§  ไม่มีการแบ่งกลุ่มของสินค้าคงคลังเพื่อการบริหารจัดการ เช่น Category Management หรือ การจัดลำดับความสำคัญในการบริหารจัดการสินค้าคงคลัง (ABC Analysis) เป็นต้น

§  มีการประมาณค่าเสียโอกาสที่เกิดขึ้นจากการที่ไม่ได้ขายสินค้า เฉพาะในส่วนขององค์กรเท่านั้น

ระดับ 3

§  องค์กรมีการแบ่งกลุ่มของสินค้าคงคลังเพื่อการบริหารจัดการ

§  มีการกำหนดระดับสินค้าคงคลังเป้าหมาย (Target Stock Level) ตามกลุ่มของสินค้าคงคลังที่แบ่งไว้

§  มีการประมาณค่าเสียโอกาสที่เกิดขึ้นจากการที่ไม่ได้ขายสินค้า เฉพาะในส่วนขององค์กรเท่านั้น

ระดับ 4

§  องค์กรมีคุณสมบัติตามระดับ 3 และ

§  มีแผนพัฒนาเพื่อลดความเบี่ยงเบนระหว่างระดับสินค้าคงคลังเป้าหมาย กับระดับสินค้าคงคลังที่มีการเก็บไว้จริง (Actual Stock Level) โดยมีการกำหนดเป้าหมายเป็นลายลักษณ์อักษร

ระดับ 5

§  องค์กรมีคุณสมบัติตามระดับ 4 และ

§  ประสบความสำเร็จในการลดความเบี่ยงเบนระหว่างระดับสินค้าคงคลังเป้าหมายกับระดับสินค้าคงคลังที่มีการเก็บไว้จริง

§  มีการวางแผนงานในการลดความเบี่ยงเบนระหว่างระดับสินค้าคงคลังเป้าหมายกับระดับสินค้าคงคลังที่มีการเก็บไว้จริงอย่างต่อเนื่อง

§  มีการประมาณค่าเสียโอกาสที่เกิดขึ้นจากการที่ไม่ได้ขายสินค้าของทั้งองค์กร ลูกค้า และผู้ส่งมอบ

คำอธิบายเพิ่มเติม

การประมาณค่าเสียโอกาส หมายถึง องค์กรจะต้องประมาณค่าในการเสียโอกาสในการขาย โดยคำนึงถึงความต้องการของตลาดที่มีต่อสินค้าขององค์กร ถ้าองค์กรไม่มีสินค้ารองรับความต้องการนั้น ถือว่าองค์กรเสียโอกาสในการขาย รวมถึงในกรณีที่ลูกค้าสั่งซื้อสินค้ากับองค์กร แต่องค์กรไม่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ ทำให้ลูกค้าเปลี่ยนไปสั่งซื้อสินค้ากับผู้ผลิตรายอื่น ตัวอย่างเช่น ลูกค้าสั่งซื้อเหล็กเส้นกลม 1,000 ตัน กับองค์กร แต่องค์กรไม่มีผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าภายในระยะเวลาที่ลูกค้าต้องการได้ ทำให้ลูกค้าไม่ทำการสั่งซื้อกับองค์กร ให้ถือว่าองค์กรเสียโอกาสในการขายเท่ากับมูลค่าของเหล็กเส้นกลม 1,000 ตัน เป็นต้น

ตัวชี้วัดที่ 3.6 กิจกรรมเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยที่สถานประกอบการมีส่วนร่วม

วัตถุประสงค์และประเด็นชี้วัด

ปัจจัยนี้เพื่อวัดว่าองค์กรมีระบบหรือนโยบายสนับสนุนการลดผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อม โดยยังคงไว้ซึ่งประสิทธิภาพทางด้านโลจิสติกส์ หรือไม่ และอยู่ในระดับใด

ความหมาย

องค์กรเข้าใจถึงความสำคัญของการรักษาสิ่งแวดล้อม และสร้างสภาพการทำงานที่ปลอดภัย โดยการลดขั้นตอน หรือปรับเปลี่ยนกระบวนการที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย

ระดับคะแนน

ผู้ประกอบการสามารถประเมินระดับคะแนนของตัวชี้วัดที่ 3.6 ให้กับองค์กรของตนได้ตามคุณสมบัติดังต่อไปนี้

ระดับคะแนน

คุณสมบัติ

ระดับ 1

§  องค์กรไม่มีนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม

§  องค์กรไม่มีนโยบายด้านความปลอดภัย

ระดับ 2

§  องค์กรมีนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย

§  กิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อม เป็นกิจกรรมที่เกิดขึ้นเพราะข้อบังคับด้านกฎหมายเท่านั้น

§  กิจกรรมด้านความปลอดภัย เป็นกิจกรรมที่เกิดขึ้นเพราะข้อบังคับด้านกฎหมายเท่านั้น

ระดับ 3

§  องค์กรมีนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย

§  มีการประเมินและวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ที่เกิดจากกระบวนการดำเนินกิจกรรมโลจิสติกส์ขององค์กร

§  มีการประเมินและวิเคราะห์ผลกระทบด้านความปลอดภัย ที่เกิดจากกระบวนการดำเนินกิจกรรมโลจิสติกส์ขององค์กร

ระดับ 4

§  องค์กรมีคุณสมบัติตามระดับ 3 และ

§  มีแผนในการปรับเปลี่ยนระบบโลจิสติกส์ขององค์กรเพื่อลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมในทุกกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง โดยมีการกำหนดเป้าหมายเป็นลายลักษณ์อักษร

§  มีแผนในการปรับเปลี่ยนระบบโลจิสติกส์ขององค์กรเพื่อลดผลกระทบด้านความปลอดภัยในทุกกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง โดยมีการกำหนดเป้าหมายเป็นลายลักษณ์อักษร

ระดับ 5

§  องค์กรมีคุณสมบัติตามระดับ 4 และ

§  ประสบความสำเร็จในการพัฒนาตามเป้าหมายของแผนงานด้านสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยที่กำหนด

§  ให้ผู้ส่งมอบ ลูกค้า และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมีส่วนร่วมในการลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยอย่างจริงจังและต่อเนื่อง

คำอธิบายเพิ่มเติม

แผนในการลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมขององค์กรต้องคำนึงถึงกิจกรรมหรือประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์ เช่น การออกแบบหีบห่อหรือบรรจุภัณฑ์โดยใช้วัสดุที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ รวมทั้งออกแบบให้สามารถรองรับกับกิจกรรมโลจิสติกส์ย้อนกลับ (Reverse Logistics) อย่างมีประสิทธิภาพ หรือการไม่ใช้วัตถุดิบหรือชิ้นส่วนประกอบที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม ตลอดจนการเลือกผู้ส่งมอบที่ใช้เทคโนโลยีสะอาด (Green Purchasing) เป็นต้น

ตัวชี้วัดที่ 3.7 การบริหารจัดการต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับโลจิสติกส์ (ต้นทุนการจัดส่ง การบริหารสินค้าคงคลัง

   และการบริหารคำสั่งซื้อ3.4 เป็นต้น)

วัตถุประสงค์และประเด็นชี้วัด

ปัจจัยนี้เพื่อวัดว่าองค์กรมีระบบในการบริหารจัดการต้นทุนด้านโลจิสติกส์ขององค์กร และมีความพยายามในการลดต้นทุนโลจิสติกส์ร่วมกับลูกค้าและผู้ส่งมอบอย่างเป็นระบบ หรือไม่ และอยู่ในระดับใด

ความหมาย

องค์กรทราบต้นทุนในการผลิตและต้นทุนการบริหารคำสั่งซื้อ ซึ่งสามารถระบุต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับงานด้านโลจิสติกส์ได้ทั้งขององค์กร ผู้ส่งมอบ และลูกค้า และทราบต้นทุนโลจิสติกส์ตลอดโซ่อุปทาน รวมถึงมีการนำมาใช้เป็นแนวทางในการลดต้นทุนเพื่อผลประโยชน์โดยรวมของสมาชิกในโซ่อุปทานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ระดับคะแนน

ผู้ประกอบการสามารถประเมินระดับคะแนนของตัวชี้วัดที่ 3.7 ให้กับองค์กรของตนได้ตามคุณสมบัติดังต่อไปนี้

ระดับคะแนน

คุณสมบัติ

ระดับ 1

§  องค์กรไม่ทราบต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับโลจิสติกส์

ระดับ 2

§  องค์กรทราบต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับโลจิสติกส์บางตัวที่สำคัญ

ระดับ 3

§  องค์กรทราบต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับโลจิสติกส์ครบทุกตัว

§  มีการนำข้อมูลด้านต้นทุนมาวิเคราะห์เพื่อนำไปใช้ในกระบวนการบริหารจัดการ

ระดับ 4

§  องค์กรมีคุณสมบัติตามระดับ 3 และ

§  มีแผนงานเพื่อลดต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับโลจิสติกส์ โดยมีการกำหนดเป้าหมายเป็นลายลักษณ์อักษร

§  มีการนำหลักการบริหารต้นทุนฐานกิจกรรม (Activity Based Costing: ABC)3.5 มาใช้วิเคราะห์กิจกรรมด้านโลจิสติกส์ เพื่อปรับปรุงระบบให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ระดับ 5

§  องค์กรมีคุณสมบัติตามระดับ 4 และ

§  สามารถลดต้นทุนโลจิสติกส์รวมตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

§  มีการพัฒนากลยุทธ์ในการลดต้นทุนโลจิสติกส์ร่วมกับผู้ส่งมอบและลูกค้าขององค์กร เช่น      มีการใช้ช่องทางในการกระจายสินค้าร่วมกัน ซึ่งจะทำให้องค์กรสมาชิกได้รับผลประโยชน์ร่วมกัน (Win-Win Scenario)

คำนิยาม

  • ต้นทุนการบริหารคำสั่งซื้อ คือ ต้นทุนที่ใช้ในการบริหารคำสั่งซื้อ เช่น การป้อนคำสั่งซื้อ (Order Entry) การประมวลผลคำสั่งซื้อของลูกค้า (Order Processing) การเติมเต็มคำสั่งซื้อของลูกค้า (Order Fulfillment) เป็นต้น
  • ต้นทุนฐานกิจกรรม (Activity Based Costing: ABC) คือ วิธีการจัดทำบัญชีต้นทุนที่ใช้วิธีการจัดสรรต้นทุนแต่ละส่วนให้กับกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง (เช่น กิจกรรมทางด้านโลจิสติกส์) ซึ่งช่วยให้สามารถมองเห็นภาพของกิจกรรมที่ก่อให้เกิดต้นทุนได้เป็นอย่างดี


ดัชนีด้านที่ 4  ระบบการบริหารข้อมูลสารสนเทศและเทคโนโลยีสารสนเทศ

ตัวชี้วัดที่ 4.1 การกำหนดรหัสมาตรฐานสำหรับสินค้าและกระบวนการ

วัตถุประสงค์และประเด็นชี้วัด

ปัจจัยนี้เพื่อวัดว่าองค์กรมีการกำหนดรหัสที่เป็นมาตรฐานให้กับสินค้า หรือกระบวนการต่างๆ ภายในองค์กร  รวมทั้งมีการประยุกต์ใช้งานรหัสมาตรฐานดังกล่าวเข้ากับเทคโนโลยีสารสนเทศด้านโซ่อุปทานและโลจิสติกส์ หรือไม่ และอยู่ในระดับใด

ความหมาย

องค์กรมีการกำหนดรหัสที่เป็นมาตรฐานสำหรับระบุให้กับสินค้า หรือกระบวนการต่างๆ  เช่น รหัสสินค้า รหัสลูกค้า รหัสผู้ส่งมอบ รหัสคลังสินค้า รหัสใบสั่งซื้อ รหัสใบสั่งผลิต เพื่อ

  • การสื่อสารข้อมูลในองค์กรง่าย กระชับ สะดวก รวดเร็ว และเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
  • สามารถพัฒนาไปสู่การจัดการระบบบริหารข้อมูลสารสนเทศในองค์กร ทั้งการบันทึกข้อมูล การประมวลผลข้อมูล และการแสดงผลข้อมูลได้
  • สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศด้านโซ่อุปทานและโลจิสติกส์อื่นๆ เช่น ระบบ ERP1 ระบบ CRM4.2 ระบบ TMS4.3 ระบบ Barcode4.4 ระบบ EDI4.5 ระบบ XML/EDI4.6 ฯลฯ ต่อไปได้

ระดับคะแนน

ผู้ประกอบการสามารถประเมินระดับคะแนนของตัวชี้วัดที่ 4.1 ให้กับองค์กรของตนได้ตามคุณสมบัติดังต่อไปนี้

ระดับคะแนน

คุณสมบัติ

ระดับ 1

§  องค์กรไม่มีการกำหนดรหัสมาตรฐานให้กับสินค้าและกระบวนการ   

ระดับ 2

§  องค์กรมีการกำหนดรหัสมาตรฐานให้กับสินค้าบางรายการ หรือ กระบวนการบางส่วน  

ระดับ 3

§  องค์กรมีการกำหนดรหัสมาตรฐานให้กับสินค้าทุกรายการ และ กระบวนการทั้งระบบ  

ระดับ 4

§  องค์กรมีคุณสมบัติตามระดับ 3 และ

§  มีการประยุกต์ใช้รหัสมาตรฐานที่กำหนดเข้ากับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศด้านโซ่อุปทานและ        โลจิสติกส์ต่างๆ (เช่น ระบบ ERP ระบบ CRM ระบบ TMS ระบบ Barcode ฯลฯ) ภายในองค์กร

ระดับ 5

§  องค์กรมีคุณสมบัติตามระดับ 4 และ

§  ขยายขอบเขตการประยุกต์ใช้รหัสมาตรฐานที่กำหนดเข้ากับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศด้าน     โซ่อุปทานและโลจิสติกส์ต่างๆ ไปถึงระดับโซ่อุปทาน (ระหว่างองค์กร) เช่น ใช้ระบบ EDI หรือ XML/EDI ทำการจัดซื้อหรือโอนเงินระหว่างองค์กร เป็นต้น

คำอธิบายเพิ่มเติม

  • รหัสมาตรฐาน หมายถึง รหัสใดๆ ที่ตั้งขึ้นเพื่อใช้สื่อสารกันภายในองค์กร เป็นรหัสเดียวกันทั้งองค์กร ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายผลิต ฝ่ายคลังสินค้า ฝ่ายบัญชี และฝ่ายอื่นๆ เช่น การนำเลขที่ใบสั่งซื้อ (Purchase Order) เป็นรหัสมาตรฐาน
  • บาร์โค้ด (Barcode) เป็นรหัสที่ลูกค้ากำหนดให้ติดบนสินค้า แต่ถ้าภายในองค์กรไม่ได้ใช้บาร์โค้ดนั้นสื่อสารภายในองค์กร ถือว่าไม่เป็นรหัสมาตรฐานขององค์กร

คำนิยาม

  • ระบบ ERP: Enterprise Resource Planning ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเชิงปฏิบัติการที่รวบรวมสารสนเทศมาจากหลายหน้าที่งานของบริษัท เช่น ฝ่ายขาย ฝ่ายผลิต ฝ่ายบัญชี เข้าด้วยกัน ระบบสามารถใช้จัดการสินค้าคงคลัง สร้างคำสั่งซื้อ วางแผนตารางการผลิต จัดตารางจัดส่งสินค้าสำเร็จรูป  และสารสนเทศอื่นๆ ทั่วทั้งองค์กรปัจจุบันระบบ ERP พัฒนาอยู่ในรูปแบบซอฟท์แวร์สำเร็จรูป ที่รู้จักกันดี ได้แก่ ระบบ SAP, Oracle, Intuitive, ECONs  
  • ระบบ TMS: Transport Management System ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเชิงปฏิบัติการซึ่งเชื่อมโยงกับระบบรับคำสั่งซื้อ กำหนดตัวผู้ขนส่ง สร้างตารางเวลาการรับสินค้าและจัดส่ง และเตรียมความพร้อมสำหรับบรรจุหีบห่อและจัดส่ง ระบบ TMS จะติดตามการจัดส่ง การชำระค่าเดินทาง และประสิทธิภาพของผู้ส่ง ทั้งทางรถบรรทุก เครื่องบิน หรือเรือ ระบบ TMS จะสร้างเอกสารที่ประกบติดไปกับสินค้าจนถึงปลายทาง
  • ระบบ CRM: Customer Relationship Management ระบบบริหารงานลูกค้าสัมพันธ์  บริหารการทำงานของพนักงานขาย วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าและวิเคราะห์การขาย วิเคราะห์สื่อที่ใช้ วิเคราะห์คู่แข่ง ซึ่งช่วยให้ประสิทธิภาพการขายเพิ่มขึ้น และเพิ่มคุณภาพการบริการให้สามารถครองใจลูกค้ามากขึ้น อีกทั้งสามารถนำไปขยายตลาดสำหรับลูกค้าใหม่ได้
  • ระบบ Barcode คือ สัญลักษณ์รหัสแท่งที่ใช้แทนข้อมูลตัวเลข มีลักษณะเป็นแถบมีความหนาบางแตกต่างกันขึ้นอยู่กับตัวเลขที่กำกับอยู่ข้างล่าง การอ่านข้อมูลอาศัยหลักการสะท้อนแสง เพื่ออ่านข้อมูลเข้าเก็บในคอมพิวเตอร์โดยตรง ไม่ต้องผ่านการกดปุ่มที่แป้นพิมพ์ การนำเข้าข้อมูลจากรหัสแถบของสินค้าเป็นวิธีที่สะดวกรวดเร็ว และความน่าเชื่อถือสูง
  • ระบบ EDI: Electronics Data Interchange ระบบการแลกเปลี่ยนธุรกรรมทางธุรกิจ เช่น การสั่งซื้อ ใบกำกับภาษี การโอนเงิน ระหว่างบริษัทคู่ค้าในรูปแบบมาตรฐานสากลจากเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไปยังเครื่องหนึ่ง ซึ่งต้องใช้รหัสที่เป็นมาตรฐาน
  • ระบบ XML/EDI ระบบที่วิวัฒนาการมาจาก EDI อำนวยความสะดวกด้านการค้าและการบริการ โดยเฉพาะพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ มีจุดแข็งในเรื่องการใช้งานง่ายและประหยัดเวลากว่า EDI

ตัวชี้วัดที่ 4.2 การจัดการข้อมูลด้านโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน

วัตถุประสงค์และประเด็นชี้วัด

ปัจจัยนี้เพื่อวัดว่าองค์กรมีการนำคอมพิวเตอร์และโปรแกรมคอมพิวเตอร์มาช่วยในการจัดการข้อมูลด้าน     โลจิสติกส์และโซ่อุปทานหรือไม่ และนำมาประยุกต์ใช้เพื่อช่วยสนับสนุนการตัดสินใจภายในองค์กรและระหว่างคู่ค้า  (ผู้ส่งมอบ หรือ ลูกค้า) ในโซ่อุปทาน หรือไม่ และอยู่ในระดับใด

ความหมาย

องค์กรมีการนำคอมพิวเตอร์ (ฮาร์ดแวร์) และโปรแกรมคอมพิวเตอร์ (ซอฟท์แวร์) มาช่วยในการจัดการข้อมูลด้านโลจิสติกส์และโซ่อุปทานมาใช้ในองค์กร  ซึ่งโปรแกรมดังกล่าวอาจพัฒนาขึ้นเองภายในองค์กร หรือซื้อโปรแกรมสำเร็จรูปจากตัวแทนจำหน่ายต่างๆ มาติดตั้ง เพื่อช่วยในการเก็บข้อมูล การประมวลผลข้อมูล หรือการแสดงผลข้อมูลในกระบวนการต่างๆ เช่น การทำรายการสินค้าคงคลัง การวางแผนการผลิต การทำบัญชี เพื่อ

  • เกิดความสะดวกและรวดเร็วในการทำงานมากขึ้น
  • เชื่อมโยงสารสนเทศเหล่านั้นให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน สามารถสนับสนุนการตัดสินใจภายในองค์กรและระหว่างคู่ค้า (ผู้ส่งมอบ หรือ ลูกค้า) ในโซ่อุปทานได้

ระดับคะแนน

ผู้ประกอบการสามารถประเมินระดับคะแนนของตัวชี้วัดที่ 4.2 ให้กับองค์กรของตนได้ตามคุณสมบัติดังต่อไปนี้

ระดับคะแนน

คุณสมบัติ

ระดับ 1

§  องค์กรไม่มีการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อการจัดการข้อมูลในกิจกรรมด้านโลจิสติกส์

ระดับ 2

§  องค์กรมีการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อการจัดการข้อมูลในกิจกรรมด้านโลจิสติกส์บางกิจกรรมเท่านั้น

ระดับ 3

§  องค์กรมีการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อการจัดการข้อมูลในกิจกรรมด้านโลจิสติกส์ทุกกิจกรรม แต่ ไม่มีการเชื่อมโยงข้อมูลถึงกัน

ระดับ 4

§  องค์กรมีการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อการจัดการข้อมูลในกิจกรรมด้านโลจิสติกส์ทุกกิจกรรม

§  มีการประยุกต์ใช้โปรแกรมด้านโซ่อุปทานและโลจิสติกส์เพื่อการจัดการข้อมูล และมีการเชื่อมโยงข้อมูลถึงกัน

ระดับ 5

§  องค์กรมีคุณสมบัติตามระดับ 4 และ

§  มีการเชื่อมโยงข้อมูลจากโปรแกรมดังกล่าว เข้ากับโปรแกรมของผู้ส่งมอบและลูกค้า

§  สามารถใช้โปรแกรมดังกล่าวเป็นเครื่องมือในการวางแผนการใช้ทรัพยากรในโซ่อุปทานให้เกิดประโยชน์สูงสุด

คำอธิบายเพิ่มเติม

  • ตัวอย่าง โปรแกรมด้านโซ่อุปทานและโลจิสติกส์เพื่อการจัดการข้อมูล (ตัวชี้วัดในระดับคะแนน 4) เช่น โปรแกรมที่มีลักษณะการจัดการข้อมูลแบบระบบ ERP ระบบ CRM หรือ ระบบ TMS เป็นต้น รวมถึงระบบที่พัฒนาขึ้นเองที่มีลักษณะดังกล่าว
  • สำหรับองค์กรใดที่ใช้คอมพิวเตอร์ตัวเดียวในการจัดการกับข้อมูลต่างๆ ที่เกิดจากกิจกรรมโลจิสติกส์  ให้มองที่การเชื่อมโยงของข้อมูล หากมีการเชื่อมโยงของข้อมูลต่างๆ ของกิจกรรมด้านโลจิสติกส์ภายในคอมพิวเตอร์เครื่องเดียวกัน ให้ถือว่ามีการเชื่อมโยงข้อมูลกัน

ตัวชี้วัดที่ 4.3 การพัฒนาบุคลากรด้านการบริหารจัดการระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเกี่ยวกับโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน

วัตถุประสงค์และประเด็นชี้วัด

ปัจจัยนี้เพื่อวัดว่าองค์กรมีการส่งเสริมและพัฒนาบุคลากรในองค์กรให้มีความรู้ด้านการบริหารจัดการระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเกี่ยวกับโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน หรือไม่ และอยู่ในระดับใด

ความหมาย

องค์กรมีการพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ความเข้าใจด้านการบริหารจัดการระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเกี่ยวกับโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน เช่น ซอฟท์แวร์ด้านโซ่อุปทานและโลจิสติกส์ (เช่น ระบบ ERP ระบบ CRM ระบบ TMS เป็นต้น) ระบบตรวจติดตามอัตโนมัติ (เช่น ระบบบาร์โค้ด ระบบ GPS เป็นต้น) ระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ (EDI, XML/EDI) เพื่อให้บุคลากรในองค์กรสามารถนำความรู้มาประยุกต์ใช้กับกระบวนการหรือกิจกรรมต่างๆ ให้เป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจในการทำงานได้ 

ระดับคะแนน

ผู้ประกอบการสามารถประเมินระดับคะแนนของตัวชี้วัดที่ 4.3 ให้กับองค์กรของตนได้ตามคุณสมบัติดังต่อไปนี้

ระดับคะแนน

คุณสมบัติ

ระดับ 1

§  องค์กรไม่ตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาบุคลากรด้านการบริหารจัดการระบบเทคโนโลยีสารสนเทศด้านโซ่อุปทานและโลจิสติกส์

ระดับ 2

§  องค์กรตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาบุคลากรด้านการบริหารจัดการระบบเทคโนโลยีสารสนเทศด้านโซ่อุปทานและโลจิสติกส์

§  มีบุคลากรด้านโลจิสติกส์อย่างเพียงพอ

ระดับ 3

§  องค์กรมีคุณสมบัติตามระดับ 2 และ

§  มีแผนส่งเสริมการฝึกอบรมด้านการบริหารจัดการระบบเทคโนโลยีสารสนเทศด้านโซ่อุปทานและโลจิสติกส์

ระดับ 4

§  องค์กรมีคุณสมบัติตามระดับ 3 และ

§  มีการปฏิบัติตามแผนบางส่วน

ระดับ 5

§  องค์กรมีคุณสมบัติตามระดับ 3 และ

§  มีการปฏิบัติตามแผนทั้งหมด

§  มีการประเมินผลงานของบุคลากรผู้รับผิดชอบระบบเทคโนโลยีสารสนเทศด้านโซ่อุปทานและ    โลจิสติกส์อย่างต่อเนื่อง

คำอธิบายเพิ่มเติม

บุคลากรด้านโลจิสติกส์อย่างเพียงพอ (ตัวชี้วัดในระดับคะแนน 2) หมายถึง องค์กรมีบุคลากรผู้รับผิดชอบระบบเทคโนโลยีสารสนเทศด้านโซ่อุปทานและโลจิสติกส์ตามจำนวนที่เหมาะสมซึ่งกำหนดในตัวชี้วัดที่ 2.6

 

ดัชนีด้านที่ 5  ความร่วมมือระหว่างสถานประกอบการ

ตัวชี้วัดที่ 5.1  ความร่วมมือด้านโลจิสติกส์ระหว่างธุรกิจที่เป็นพันธมิตร5.1 และธุรกิจประเภทเดียวกัน5.2

วัตถุประสงค์และประเด็นชี้วัด

ปัจจัยนี้เพื่อวัดว่าองค์กรมีความร่วมมือด้านโลจิสติกส์ระหว่างธุรกิจที่เป็นพันธมิตรและธุรกิจประเภทเดียวกัน โดยอยู่บนพื้นฐานของการได้ประโยชน์ด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย หรือไม่ และอยู่ในระดับใด

ความหมาย

องค์กรตระหนักถึงความสำคัญของการร่วมมือด้านโลจิสติกส์ระหว่างธุรกิจที่เป็นพันธมิตรและธุรกิจประเภทเดียวกัน โดยอยู่บนพื้นฐานของการได้ประโยชน์ด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย 

ระดับคะแนน

ผู้ประกอบการสามารถประเมินระดับคะแนนของตัวชี้วัดที่ 5.1 ให้กับองค์กรของตนได้ตามคุณสมบัติดังต่อไปนี้

ระดับคะแนน

คุณสมบัติ

ระดับ 1

§  องค์กรไม่ตระหนักถึงความสำคัญของการร่วมมือด้านโลจิสติกส์ระหว่างธุรกิจที่เป็นพันธมิตร และธุรกิจประเภทเดียวกัน

ระดับ 2

§  องค์กรตระหนักถึงความสำคัญของการร่วมมือด้านโลจิสติกส์ระหว่างธุรกิจที่เป็นพันธมิตรและธุรกิจประเภทเดียวกัน

§  มีแผนดำเนินการเพื่อสร้างความร่วมมือระหว่างกัน

ระดับ 3

§  องค์กรตระหนักถึงความสำคัญของการร่วมมือด้านโลจิสติกส์ระหว่างธุรกิจที่เป็นพันธมิตรและธุรกิจประเภทเดียวกัน

§  มีโครงการร่วมกันแต่ยังไม่มีข้อตกลงอย่างเป็นทางการ

ระดับ 4

§  องค์กรตระหนักถึงความสำคัญของการร่วมมือด้านโลจิสติกส์ระหว่างธุรกิจที่เป็นพันธมิตรและธุรกิจประเภทเดียวกัน

§  มีโครงการร่วมกันและมีข้อตกลงอย่างเป็นทางการ

ระดับ 5

§  องค์กรมีคุณสมบัติตามระดับ 4 และ

§  มีกระบวนการพัฒนาโครงการที่ร่วมมือกันตามข้อตกลงให้สำเร็จตามวัตถุประสงค์

คำนิยาม

5.1   พันธมิตร: องค์กรธุรกิจที่อยู่คนละโซ่อุปทาน แต่มีความสัมพันธ์ส่วนบุคคลที่ดีต่อกัน ซึ่งอาจร่วมมือกันในการพัฒนากิจกรรมด้านโลจิสติกส์ได้ เช่น องค์กรหนึ่งอยู่ที่กรุงเทพ อีกองค์กรหนึ่งอยู่ที่เชียงใหม่ อาจมีการตกลงใช้พาหนะบรรทุกสินค้าร่วมกันในการไปกลับ ทำให้ไม่ต้องมีการวิ่งรถเปล่า เป็นต้น

5.2   ธุรกิจประเภทเดียวกัน: องค์กรที่ผลิตหรือบริการสินค้าประเภทเดียวกัน ซึ่งสามารถร่วมมือกันบนพื้นฐานที่ได้ประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย เช่น ร่วมกันสั่งซื้อวัตถุดิบจากต่างประเทศ ทำให้มีปริมาณการสั่งซื้อสูง สามารถต่อรองกับผู้ค้าวัตถุดิบได้ เป็นต้น

ตัวชี้วัดที่ 5.2  การให้ความสำคัญด้านความร่วมมือด้านโลจิสติกส์ระหว่างสถานประกอบการและหน่วยงานวิจัยหรือพัฒนา5.3

วัตถุประสงค์และประเด็นชี้วัด

ปัจจัยนี้เพื่อวัดว่าองค์กรมีความร่วมมือด้านโลจิสติกส์ระหว่างองค์กรและหน่วยงานวิจัยหรือพัฒนา โดยอยู่บนพื้นฐานของการได้ประโยชน์ด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย หรือไม่ และอยู่ในระดับใด

ความหมายตระหนัก

องค์กรถึงความสำคัญของการร่วมมือด้านโลจิสติกส์ระหว่างองค์กรและหน่วยงานวิจัยหรือพัฒนา โดยอยู่บนพื้นฐานของการได้ประโยชน์ด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย

 ระดับคะแนน

ผู้ประกอบการสามารถประเมินระดับคะแนนของตัวชี้วัดที่ 5.2 ให้กับองค์กรของตนได้ตามคุณสมบัติดังต่อไปนี้

ระดับคะแนน

คุณสมบัติ

ระดับ 1

§  องค์กรไม่ตระหนักถึงความสำคัญของการร่วมมือด้านโลจิสติกส์ระหว่างองค์กรและหน่วยงานวิจัยหรือพัฒนา

ระดับ 2

§  องค์กรตระหนักถึงความสำคัญของการร่วมมือด้านโลจิสติกส์ระหว่างองค์กรและหน่วยงานวิจัยหรือพัฒนา

§  มีแผนดำเนินการเพื่อสร้างความร่วมมือระหว่างกัน

ระดับ 3

§  องค์กรตระหนักถึงความสำคัญของการร่วมมือด้านโลจิสติกส์ระหว่างองค์กรและหน่วยงานวิจัยหรือพัฒนา

§  มีโครงการร่วมกันแต่ยังไม่มีข้อตกลงอย่างเป็นทางการ

ระดับ 4

§  องค์กรตระหนักถึงความสำคัญของการร่วมมือด้านโลจิสติกส์ระหว่างองค์กรและหน่วยงานวิจัยหรือพัฒนา

§  มีโครงการร่วมกันและมีข้อตกลงอย่างเป็นทางการ

ระดับ 5

§  องค์กรมีคุณสมบัติตามระดับ 4 และ

§  มีกระบวนการพัฒนาโครงการที่ร่วมมือกันตามข้อตกลงให้สำเร็จตามวัตถุประสงค์

คำนิยาม

5.3   หน่วยงานวิจัยหรือพัฒนา: หน่วยงาน / สถาบัน / มหาวิทยาลัย ที่มีการดำเนินการวิจัยและพัฒนา ซึ่งองค์กรสามารถให้เงินทุนในการสนับสนุนงานวิจัยหรือพัฒนากิจกรรมด้านโลจิสติกส์ เพื่อผลประโยชน์ขององค์กร หรือเป็นการทำวิจัยร่วมกัน เพื่อยกระดับองค์ความรู้ด้านโลจิสติกส์ในอุตสาหกรรมเหมืองแร่และอุตสาหกรรมพื้นฐาน

คู่มือการประเมินศักยภาพด้านโลจิสติกส์สำหรับอุตสาหกรรมเหมืองแร่และอุตสาหกรรมพื้นฐานนี้ จัดทำขึ้นเพื่อเป็นรายละเอียดวิธีการใช้แบบประเมินดังกล่าว 

กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ / กรกฎาคม 2551 

--------------------------------

สนใจบทความฉบับสมบูรณ์เพิ่มเติม ดาวน์โหลดที่เอกสารแนบด้านล่าง

สนใจบทความอื่นในชุดนี้คลิกดูได้ตามหัวข้อด้านล่าง

E-Book คู่มือการประเมินศักยภาพด้านโลจิสติกส์ สำหรับอุตสาหกรรมเหมืองแร่และอุตสาหกรรมพื้นฐาน ปี 2551

เอกสารเผยแพร่เรื่อง “คู่มือการประเมินศักยภาพด้านโลจิสติกส์ สำหรับอุตสาหกรรมเหมืองแร่และอุตสาหกรรมพื้นฐาน ปี 2551” เป็นการเป็นรูปเล่มเพื่อเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่สะดวกสำหรับผู้สนใจในการศึกษา หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเอกสารนี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในองค์กรได้อย่างมีประสิทธิผล

 --------------------------------

ที่มา

เอกสารเผยแพร่เรื่อง คู่มือการประเมินศักยภาพด้านโลจิสติกส์ สำหรับอุตสาหกรรมเหมืองแร่และอุตสาหกรรมพื้นฐาน ปี 2551

โดย สำนักโลจิสติกส์ กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ 

ขอต้อนรับเข้าสู่เว็บไซต์
www.iok2u.com
แหล่งข้อมูลสารสนเทศเพื่อคุณ

เว็บไซต์ www.iok2u.com นี้เกิดมาจาก แรงบันดาลใจในภาพยนต์เรื่อง Pay It Forward โดยมีเป้าหมายเล็ก ๆ ที่กำหนดไว้ว่า ทุกครั้งที่เข้าเรียนสัมมนาหรืออบรมในแต่ละครั้ง จะนำความรู้มาจัดทำเป็นบทความอย่างน้อย 3 เรื่อง เพื่อมาลงในเว็บนี้
ความตั้งใจที่จะถ่ายทอดความรู้ที่ได้รับมาทำการถ่ายทอดต่อไป และหวังว่าจะมีคนมาอ่านแล้วเห็นว่ามีประโยชน์นำเอาไปใช้ได้ หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลย โดยอาจไม่ต้องอ้างอิงที่มาหรือมาตอบแทนผู้จัด แต่ขอให้ส่งต่อหากคิดว่ามันดีหรือมีประโยชน์ เพื่อถ่ายทอดความรู้และสิ่งดี ๆ ต่อไปข้างหน้าต่อไป Pay It Forward