สินค้าคงคลัง (Inventory) หมายถึง ปริมาณสินค้าหรือบริหารที่ธุรกิจมีสำรองไว้เพื่อการใช้งาน เพื่อการบริหาร เพื่อการผลิต เพื่อการจัดจำหน่ายในอนาคต เช่น อุปกรณ์สำนักงาน ชิ้นส่วนอะไหล่ วัตถุดิบ ผลิตภัณฑ์กึ่งสำเร็จรูป เป็นต้น (ก่อเกียรติ วิริยะกิจพัฒนา และมาลัย ม่วงเทศ .2551 : 61)
สินค้าคงคลัง (Inventory) คือวัตถุที่มีการจัดเก็บในองค์กร จัดเป็นสินทรัพย์หมุนเวียนรายการหนึ่ง ทุกธุรกิจจะต้องมีไว้ เพื่อให้การผลิตการขายหรือการให้บริการ สามารถดำเนินไปได้อย่างราบรื่น แต่การมีสินค้าคงคลังมากไปก็เป็นปัญหากับธุรกิจ เพราะสินค้าคงคลังถือเป้นค่าใช้จ่าย ทั้งในเรื่องต้นทุนการเก็บรักษาที่สูง สินค้าเสื่อมสภาพ หมดอายุล้าสมัย ถูกขโมย หรือสูญหาย นอกจากนี้ยังทำให้สูญเสียโอกาสในการนำเงินที่จมอยู่กับสินค้าคงคลังนี้ไปหาประโยชน์ในด้านอื่นๆ
การจัดการสินค้าคงคลัง มีวัตถุประสงค์หลัก 2 ประการคือ
- ทำให้มีสินค้าคงคลังไว้บริการลูกค้าในปริมาณที่เพียงพอและทันต่อการความต้องการของลูกค้าเสมอ เพื่อสร้างยอดขายและรักษาระดับของส่วนแบ่งตลาดไว้
- ทำให้ลดระดับทุนในสินค้าคงคลังลงต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้ต้นทุนการผลิตต่ำลง
- ตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ประมาณการไว้ในแต่ละช่วงเวลาทั้งในและนอกฤดูกาล
- รักษาการผลิตให้มีอัตราคงที่สม่ำเสมอ เพื่อรักษาระดับการว่าจ้างแรงงาน การเดินเครื่องจักร ฯลฯ ให้ดำเนินการผลิตได้สม่ำเสมอ โดยจะเก็บวัสดุหรือสินค้าที่ขายไม่หมดในช่วงขายไม่ดี ไว้รอขายตอนช่วงขายดีซึ่งช่วงนั้นอาจจะผลิตไม่ทันขาย
- ทำให้ธุรกิจได้ส่วนลดปริมาณจากการจัดซื้อจำนวนมากต่อครั้ง ป้องกันการเปลี่ยนแปลงราคาแลผลกระทบจากเงินเฟ้อเมื่อวัสดุหรือสินค้าในท้องตลาดมีราคาสูงขึ้น
- ทำให้ป้องกันปัญหาของวัสดุหรือสินค้าขาดมือ เมื่อเวลารอคอยล่าช้าหรือบังเอิญได้คำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นกะทันหัน
- ทำให้กระบวนการผลิตสามารถดำเนินการต่อเนื่องอย่างราบรื่น ไม่มีการหยุดชะงักเพราะของขาดมือจนเกิดความเสียหายแก่กระบวนการผลิต
สินค้าคงคลัง จัดเป็นสินทรัพย์ประเภทหมุนเวียนของกิจการ ที่มีไว้เพื่อขายในการประกอบธุรกิจตามปกติ และมีไว้เพื่อใช้ในการผลิตสินค้าหรือบริการเพื่อขายต่อไปประกอบด้วย
1. วัตถุดิบวัสดุที่ใช้ในการผลิต (Raw Materials) เป็นสิ่งของที่กิจการซื้อมาเพื่อป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตสำหรับผลิตเป็นสินค้าสำเร็จรูป
2. งานระหว่างทำหรือสินค้าระหว่างผลิต (Work In Progress) เป็นวัตถุดิบและชิ้นส่วนต่าง ๆ ที่อยู่ระหว่างขั้นตอนการผลิต
3. ชิ้นส่วนอะไหล่ (Components) เป็นชิ้นส่วนที่กิจการซื้อมาหรือผลิตขึ้นเพื่อนำไปผลิตต่อเป็นสินค้าสำเร็จรูปต่อไปหรือเป็นชิ้นส่วนประกอบที่เป็นส่วนหนึ่งของสินค้าสำเร็จรูป
4. เศษวัสดุ (Supplies & Scraps) อาจเป็นวัสดุที่กิจการมีไว้ใช้ในการดำเนินการผลิต หรือสิ่งของที่เสียหายต้องรอการกำจัด
5. สินค้าสำเร็จรูป (Finnish Goods) เป็นสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่ผลิตเสร็จแล้วพร้อมจะจำหน่ายแก่ลูกค้าต่อไป แต่ในบางธุรกิจอาจจะแบ่งประเภทของสินค้าคงคลัง (Type of inventory)
การเก็บสินค้าคงคลัง ควรมีไว้ในระดับที่เหมาะสม หากกิจการเก็บไว้มากเกินความจำเป็นก็จะทำให้เกิดการสูญเสียในรูปดอกเบี้ย (Interest) ค่าเก็บรักษา (Inventory Carrying costs) ค่าเสื่อม (Depreciate) และค่าดูแล และหากมีสินค้าคงคลังน้อยไปไม่พอกับความต้องการ ก็จะเกิดความเสียหายขึ้นโดยการผลิตอาจจะหยุดชะงักลง ลูกค้าขาดความน่าเชื่อถือขาดโอกาสขายที่หายไป
บทบาทของสินค้าคงคลังในซัพพลายเชน มีวัตถุประสงค์ในการสร้างความสมดุลในซัพพลายเชน โดยควรมีระดับสินค้าคงคลังต่ำสุดที่จะไม่กระทบต่อระดับการให้บริการขององค์กร ปัจจัยนำเข้าของกระบวนการผลิตที่มีความสำคัญ สินค้าคงคลังมีความสำคัญต่อกิจกรรมหลักของธุรกิจเป็นอย่างมาก การบริหารสินค้าคงคลังที่มีประสิทธิภาพจึงส่งผลกระทบต่อผลกำไรจากการประกอบการโดยตรงและในปัจจุบันนี้มีการนำเอาระบบคอมพิวเตอร์มาจัดการข้อมูลของสินค้าคงคลัง เพื่อให้เกิดความถูกต้อง แม่นยำ และทันเวลามากยิ่งขึ้น การจัดซื้อสินค้าคงคลังมาในคุณสมบัติที่ตรงตามความต้องการ ปริมาณเพียงพอ ราคาเหมาะสม ทันเวลาที่ต้องการโดยซื้อจากผู้ขายที่ไว้วางใจได้ และนำส่งยังสถานที่ที่ถูกต้องตามหลักการจัดซื้อที่ดีที่สุด เป็นจุดเริ่มต้นของการบริหารสินค้าคงคลัง
ที่มาภาพและรวบรวมโดย www.iok2u.com
-----------------------------------------------
ดูข้อมูลเพิ่มเติมในเรื่อง คลังสินค้าและการบริหารจัดการสินค้าคงคลัง คลิกที่นี่
WIM คลังสินค้าและการบริหารจัดการสินค้าคงคลัง (Warehouse & Inventory management)
-------------------------------------------------