iok2u.com แหล่งรวมข้อมูลข่าวสารเรื่องราวน่าสนใจเพื่อการศึกษาแลกเปลี่ยนและเรียนรู้

มิสเตอร์เรน (Mr. Rain) และมิสเตอร์เชน (Mr. Chain)
Mr. Rain และ Mr. Chain สองพี่น้องในโลกออฟไลน์และออนไลน์ที่จะมาร่วมมือกันสร้างสื่อสารสนเทศ เพื่อเผยแพร่ให้ความรู้ในเรื่องราวต่างๆ มากมายสร้างสังคมในการเรียนรู้ หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลยโดยไม่ต้องตอบแทนกลับมา
Pay It Forward เป้าหมายเล็ก ๆ ในการส่งมอบความดีต่อ ๆ ไป
เว็ปไซต์นี้เกิดจากแรงบันดาลใจในภาพยนต์เรื่อง Pay It Forward ที่เล่าถึงการมีเป้าหมายเล็ก ๆ กำหนดไว้ให้ส่งมอบความดีต่อไปอีก 3 คน หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลยโดยไม่ต้องตอบแทนกลับมา อยากให้ส่งต่อเพื่อถ่ายทอดต่อไป
ยืนหยัด เข้มแข็ง และกล้าหาญ (Stay Strong & Be Brave)
ขอเป็นกำลังใจให้คนดีทุกคนในการต่อสู้ความอยุติธรรม ในยุคสังคมที่คดโกงยึดถึงประโยชน์ส่วนตนและพวกฟ้องมากกว่าผลประโยชน์ส่วนรวม จนหลายคนคิดว่าพวกด้านได้อายอดมักได้ดี แต่หากยึดคำในหลวงสอนไว้ในเรื่องการทำความดีเราจะมีความสุขครับ

เศรษฐศาสตร์ บทที่ 7 เศรษฐศาสตร์มหภาคเบื้องต้น

เศรษฐศาสตร์ (economics) เบื้องต้น เข้าใจโลกผ่านมุมมองเศรษฐศาสตร์

บทที่ 7: เศรษฐศาสตร์มหภาคเบื้องต้น

7.1 ความหมายและความสำคัญของเศรษฐศาสตร์มหภาค

เศรษฐศาสตร์มหภาค (Macroeconomics) เป็น สาขาของเศรษฐศาสตร์ที่ศึกษาเกี่ยวกับเศรษฐกิจในระดับใหญ่ ศึกษาเกี่ยวกับเศรษฐกิจในภาพรวม เศรษฐศาสตร์มหภาคมีความสำคัญในการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจเพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ การรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และการจัดการกับปัญหาเศรษฐกิจในระดับประเทศ เช่น การว่างงานและเงินเฟ้อ โดยพิจารณาปัจจัยที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั้งหมด มุ่งเน้นการวิเคราะห์ปัจจัยและตัวแปรทางเศรษฐกิจในระดับประเทศหรือภูมิภาค เช่น ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP), อัตราเงินเฟ้อ, อัตราการว่างงาน, การเติบโตทางเศรษฐกิจ, การค้าระหว่างประเทศ และนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล

ความสำคัญของเศรษฐศาสตร์มหภาค:

  • ช่วยในการทำความเข้าใจภาพรวมของเศรษฐกิจ: เศรษฐศาสตร์มหภาคช่วยให้เราเข้าใจถึงการทำงานของเศรษฐกิจในภาพรวม และปัจจัยต่างๆ ที่มีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจ
  • ช่วยในการคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจ: ความรู้ทางเศรษฐศาสตร์มหภาคช่วยในการคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจในอนาคต ซึ่งมีประโยชน์ต่อการวางแผนและการตัดสินใจของธุรกิจ รัฐบาล และประชาชน
  • ช่วยในการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจ: เศรษฐศาสตร์มหภาคเป็นพื้นฐานสำคัญในการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล เพื่อส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ การรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และการแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจต่างๆ
  • ช่วยในการวิเคราะห์ผลกระทบของเหตุการณ์ต่างๆ ต่อเศรษฐกิจ: เศรษฐศาสตร์มหภาคช่วยในการวิเคราะห์ผลกระทบของเหตุการณ์ต่างๆ เช่น ภัยธรรมชาติ วิกฤตการณ์ทางการเงิน หรือการเปลี่ยนแปลงนโยบายของรัฐบาล ต่อเศรษฐกิจโดยรวม

 

7.2 ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP)

ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (Gross Domestic Product หรือ GDP) เป็นตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดในการวัดขนาดของเศรษฐกิจ มูลค่าของ GDP ประกอบด้วยมูลค่าของสินค้าและบริการที่ผลิตภายในประเทศในช่วงเวลาหนึ่ง โดยทั่วไปจะเป็นหนึ่งปี GDP สามารถวัดได้สองวิธีหลักคือ GDP ตามราคาตลาด (Nominal GDP) และ GDP ตามราคาคงที่ (Real GDP) ซึ่งวิธีหลังจะปรับค่าตามการเปลี่ยนแปลงของระดับราคาในเศรษฐกิจ ถือเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญที่สุดในการวัดขนาดและการเติบโตของเศรษฐกิจของประเทศ

GDP เป็นตัวชี้วัดที่มีความสำคัญ เพราะสามารถบ่งบอกถึงสุขภาพของเศรษฐกิจและความสามารถในการผลิตของประเทศ หาก GDP เพิ่มขึ้น แสดงว่าเศรษฐกิจเติบโต ในทางกลับกัน หาก GDP ลดลง อาจหมายถึงเศรษฐกิจถดถอย

7.3 ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจมหภาค: GDP อัตราเงินเฟ้อ อัตราการว่างงาน

GDP: ดังที่กล่าวไปแล้ว GDP เป็นตัวชี้วัดขนาดและการเติบโตของเศรษฐกิจ การเติบโตของ GDP ที่สูงบ่งบอกถึงเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ในขณะที่การเติบโตของ GDP ที่ต่ำหรือติดลบบ่งบอกถึงภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอ เป็นตัวชี้วัดขนาดของเศรษฐกิจที่สำคัญ ซึ่งช่วยให้สามารถประเมินการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจได้

อัตราเงินเฟ้อ (Inflation Rate): คือ อัตราการเพิ่มขึ้นของระดับราคาสินค้าและบริการโดยทั่วไปในช่วงเวลาหนึ่งๆ เงินเฟ้อที่สูงเกินไปอาจส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจ เช่น ลดทอนกำลังซื้อของประชาชน และทำให้เกิดความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ เป็นตัวชี้วัดการเปลี่ยนแปลงของระดับราคาสินค้าและบริการในเศรษฐกิจ การวัดอัตราเงินเฟ้อสามารถทำได้โดยการใช้ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) หรือดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) อัตราเงินเฟ้อที่สูงเกินไปอาจลดกำลังซื้อของประชาชนและทำให้เกิดความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจ ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อที่ต่ำหรือการลดลงของระดับราคา (Deflation) อาจทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว

อัตราการว่างงาน (Unemployment Rate): คือ สัดส่วนของผู้ที่อยู่ในกำลังแรงงานที่ยังไม่มีงานทำ อัตราการว่างงานที่สูงบ่งบอกถึงปัญหาในตลาดแรงงาน และอาจส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชนและเสถียรภาพทางสังคม เป็นสัดส่วนของประชากรที่ต้องการทำงานแต่ไม่สามารถหางานทำได้ อัตราการว่างงานที่สูงบ่งชี้ถึงการขาดงานและปัญหาในการจัดสรรทรัพยากรของเศรษฐกิจ ในขณะที่อัตราการว่างงานที่ต่ำแสดงถึงเศรษฐกิจที่มีความสามารถในการจัดหางานให้กับประชากร

 

7.4 วัฏจักรธุรกิจ: ภาวะเศรษฐกิจเฟื่องฟู ภาวะเศรษฐกิจถดถอย และการฟื้นตัว

วัฏจักรธุรกิจ (Business Cycle) หมายถึงการเคลื่อนไหวของเศรษฐกิจที่ประกอบไปด้วยช่วงเวลาแห่งความเจริญเติบโตและถดถอย เป็นการขึ้นและลงของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในระยะยาว ประกอบด้วย 4 ระยะหลัก:

ภาวะเศรษฐกิจเฟื่องฟู (Expansion) เป็นช่วงที่เศรษฐกิจเติบโต การผลิตและการจ้างงานเพิ่มขึ้น รายได้และผลกำไรของธุรกิจสูงขึ้น เป็นช่วงที่เศรษฐกิจเติบโตอย่างรวดเร็ว GDP เพิ่มขึ้น อัตราการว่างงานลดลง และอัตราเงินเฟ้ออาจเริ่มสูงขึ้น ผู้บริโภคและธุรกิจมีความมั่นใจในเศรษฐกิจและมีการใช้จ่ายและลงทุนเพิ่มขึ้น

จุดสูงสุด (Peak) เป็นจุดที่เศรษฐกิจถึงระดับสูงสุด ก่อนที่จะเริ่มชะลอตัวลง

ภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) เป็นช่วงที่เศรษฐกิจหดตัว การผลิตและการจ้างงานลดลง รายได้และผลกำไรของธุรกิจลดลง เป็นช่วงที่เศรษฐกิจหดตัว GDP ลดลง อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้น และอัตราเงินเฟ้ออาจลดลง การใช้จ่ายของผู้บริโภคและการลงทุนของธุรกิจลดลง เนื่องจากความไม่มั่นคงในเศรษฐกิจ

จุดต่ำสุด (Trough) เป็นจุดที่เศรษฐกิจถึงระดับต่ำสุด ก่อนที่จะเริ่มฟื้นตัวขึ้น เป็นจุดที่เศรษฐกิจอยู่ในระดับต่ำสุดของวัฏจักรธุรกิจ ก่อนที่จะเริ่มฟื้นตัว GDP หยุดลดลงและเริ่มเพิ่มขึ้น

การฟื้นตัว (Recovery) เป็นช่วงที่เศรษฐกิจเริ่มกลับมาเติบโต GDP เริ่มเพิ่มขึ้น อัตราการว่างงานลดลง และอัตราเงินเฟ้ออาจเริ่มเพิ่มขึ้น เศรษฐกิจเข้าสู่ระยะฟื้นตัวจากภาวะถดถอย

 

7.5 การว่างงานและอัตราเงินเฟ้อ

การว่างงานและอัตราเงินเฟ้อเป็นปัญหาสำคัญทางเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกัน อัตราการว่างงานที่สูงมักจะเกิดขึ้นในช่วงเศรษฐกิจถดถอย เนื่องจากธุรกิจต้องลดการผลิตและปลดพนักงานเพื่อลดต้นทุน ในทางกลับกัน อัตราเงินเฟ้อที่สูงมักจะเกิดขึ้นในช่วงที่เศรษฐกิจเฟื่องฟู เนื่องจากความต้องการสินค้าและบริการเพิ่มขึ้นเร็วเกินไป จนทำให้ราคาสินค้าสูงขึ้น การว่างงานและอัตราเงินเฟ้อเป็นปัญหาสำคัญทางเศรษฐกิจมหภาคที่รัฐบาลต้องให้ความสำคัญ

การว่างงาน: ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชนและเสถียรภาพทางสังคม รัฐบาลอาจใช้นโยบายการคลังและนโยบายการเงินเพื่อกระตุ้นการจ้างงาน

อัตราเงินเฟ้อ: ทำให้มูลค่าของเงินลดลง และส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจทางเศรษฐกิจของประชาชนและธุรกิจ รัฐบาลและธนาคารกลางอาจใช้นโยบายการเงินเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ

เศรษฐศาสตร์มหภาค พยายามหาความสมดุลระหว่างการลดอัตราการว่างงานและการควบคุมอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อ "เส้นโค้งฟิลลิปส์" (Phillips Curve) ซึ่งแสดงความสัมพันธ์ระหว่างการว่างงานและเงินเฟ้อ อย่างไรก็ตาม ในระยะยาว ความสัมพันธ์นี้อาจไม่คงที่ เนื่องจากปัจจัยอื่น ๆ เช่น ความคาดหวังของเงินเฟ้อมีผลกระทบ

 

7.6 วัฏจักรเศรษฐกิจและนโยบายเศรษฐกิจมหภาค

วัฏจักรเศรษฐกิจ มีความสำคัญในการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจมหภาค รัฐบาลและธนาคารกลางสามารถใช้นโยบายการคลัง (Fiscal Policy) และนโยบายการเงิน (Monetary Policy) เพื่อปรับสมดุลเศรษฐกิจ รัฐบาลและธนาคารกลางมีบทบาทสำคัญในการบริหารจัดการวัฏจักรเศรษฐกิจและรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ โดยใช้นโยบายเศรษฐกิจมหภาค 2 ประเภทหลัก:

นโยบายการคลัง (Fiscal Policy) รัฐบาลสามารถใช้การเพิ่มหรือลดการใช้จ่ายของรัฐบาลและการปรับเปลี่ยนอัตราภาษีเพื่อกระตุ้นหรือชะลอเศรษฐกิจเกี่ยวข้องกับการจัดเก็บภาษีและการใช้จ่ายของรัฐบาล ในช่วงเศรษฐกิจถดถอย รัฐบาลอาจลดภาษีหรือเพิ่มการใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ในขณะที่ในช่วงเศรษฐกิจเฟื่องฟู รัฐบาลอาจเพิ่มภาษีหรือลดการใช้จ่ายเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ

นโยบายการเงิน (Monetary Policy) ธนาคารกลางสามารถปรับอัตราดอกเบี้ยและควบคุมปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจเพื่อควบคุมเงินเฟ้อและกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจเกี่ยวข้องกับการควบคุมปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจและอัตราดอกเบี้ย ในช่วงเศรษฐกิจถดถอย ธนาคารกลางอาจลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นการลงทุนและการบริโภค ในขณะที่ในช่วงเศรษฐกิจเฟื่องฟู ธนาคารกลางอาจเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ

การใช้มาตรการเหล่านี้ช่วยให้รัฐบาลสามารถจัดการกับวัฏจักรเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีเป้าหมายเพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ลดการว่างงาน ควบคุมเงินเฟ้อ และส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว

 

สรุป

บทนี้ได้ให้ภาพรวมเกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์มหภาค ซึ่งเป็นสาขาที่ศึกษาเศรษฐกิจในภาพรวม เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับความสำคัญของเศรษฐศาสตร์มหภาค ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจมหภาคที่สำคัญ เช่น GDP อัตราเงินเฟ้อ และอัตราการว่างงาน รวมถึงวัฏจักรธุรกิจและนโยบายเศรษฐกิจมหภาคที่ใช้ในการบริหารจัดการเศรษฐกิจ ความเข้าใจในเรื่องเศรษฐศาสตร์มหภาคเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกคน เพราะเศรษฐกิจมีผลกระทบต่อชีวิตของเราทุกคน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการทำงาน รายได้ หรือการลงทุน การมีความรู้ทางเศรษฐศาสตร์มหภาคจะช่วยให้เราเข้าใจสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน คาดการณ์แนวโน้มในอนาคต และตัดสินใจทางการเงินได้อย่างชาญฉลาดมากขึ้น

-------------------------------------------------

ที่มาข้อมูล

-

ภาพและรวบรวมข้อมูล

www.iok2u.com

-------------------------------------------------

สนใจเรื่องราวการจัดการธุรกิจเพิ่มเติมคลิกที่นี่

การตลาด (Marketing)

เศรษฐศาสตร์ (Economics)

-------------------------------------------------

 

ขอต้อนรับเข้าสู่เว็บไซต์
www.iok2u.com
แหล่งข้อมูลสารสนเทศเพื่อคุณ

เว็บไซต์ www.iok2u.com นี้เกิดมาจาก แรงบันดาลใจในภาพยนต์เรื่อง Pay It Forward โดยมีเป้าหมายเล็ก ๆ ที่กำหนดไว้ว่า ทุกครั้งที่เข้าเรียนสัมมนาหรืออบรมในแต่ละครั้ง จะนำความรู้มาจัดทำเป็นบทความอย่างน้อย 3 เรื่อง เพื่อมาลงในเว็บนี้
ความตั้งใจที่จะถ่ายทอดความรู้ที่ได้รับมาทำการถ่ายทอดต่อไป และหวังว่าจะมีคนมาอ่านแล้วเห็นว่ามีประโยชน์นำเอาไปใช้ได้ หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลย โดยอาจไม่ต้องอ้างอิงที่มาหรือมาตอบแทนผู้จัด แต่ขอให้ส่งต่อหากคิดว่ามันดีหรือมีประโยชน์ เพื่อถ่ายทอดความรู้และสิ่งดี ๆ ต่อไปข้างหน้าต่อไป Pay It Forward