ช่องทางการตลาดดิจิทัล (Digital Marketing)
ช่องทางการตลาดดิจิทัล (Digital Marketing) ในยุคโลกออนไลน์เพื่อเข้าถึงลูกค้ายุคใหม่ก็ต้องมีการจัดหาช่องทางในการทำการตลาดที่พัฒนาในรูปแบบดิจิทัลมากขึ้น ได้แก่
1. การตลาดผ่านอีเมล (Email Marketing) เป็นช่องทางการตลาดเก่าแก่ที่สุดในานอินเตอร์เน็ต เป็นการทำการตลาดที่เริ่มจากเราจะเก็บข้อมูลลูกค้าโดยที่ส่วนใหญ่จะมาจากที่เรารวบรวมข้อมูลเอง และส่งข้อความที่เป็นลักษณะจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ สามารถเป็นได้ทั้งการประชาสัมพันธ์ โฆษณาผลิตภัณฑ์ใหม่ หรืออาจจะเป็นโปรโมชั่นต่างๆ ไปตามอีเมลจากฐานข้อมูลในมือเรา ข้อดีเป็นอีกช่องทางที่เราเอาไว้สอดแทรก Media เช่น Official Website, Facebook, Instagram, Youtube, หรือแอปพลิเคชั่น ของเราใช้ส่งไปในอีเมล
2. การตลาดบนเว็บไซต์ (Website Marketing) ถึอว่าเป็นจุดหลักในการใช้แสดงข้อมูลร้านค้าสินค้าที่ดีที่สุด เว็บไชตืที่ดีเปรียบเหมือนเป็นร้านค้าที่ตั้บนโลกดิจิทัล ใช้ในการสื่อสารกับลูกค้า ถึงสิ่งที่เราผลิตขึ้นมาเพื่อเผยแพร่และนำเสนอขายสินค้าและบริการที่มีของเรา โดยที่หน้าที่ของ Website Marketing หลักๆ แล้ว คือ เป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลสำหรับลูกค้าที่แวะมาเยี่ยมเยียน หรือทำความรู้จักกับแบรนด์ของเรา รวมถึงยังเป็นหน้าร้านเอาไว้ขายของได้อีกด้วยเราควรมีเว็บไซต์ที่ดีเพื่อเป็นที่อยู่ในการใช้ติดต่อสื่อสารกับลูกค้า ต่อจากนั้จึงวางแผนนำลูกค้ามาสู่เว็บไซต์ที่จัดเตรียมไว้ โดยจะมีขั้นตอนการทำ Search Engine หรือ SEO มาช่วยโดยปัจจุบันมักให้ความสำคัญกับ SEO บน Google เพราะนับว่าเป็นช่องทางที่ลูกค้าสามารถเข้ามาเจอร้านค้าของเราได้เร็วที่สุด
ข้อดีของช่องทางการตลาดแบบ Website Marketing เพราะช่วยทดแทนข้อจำกัดการตลาดบน Social Media ที่มี เช่น การเข้าดูข้อมูลย้อนหลัง การค้นหา หรือการจัดการข้อมูลจะทำได้ยาก การทำ Website จะทำให้เราไม่มีข้อจำกัดที่กล่าวมา เราสามารถดีไซน์รูปแบบว่าจะให้ออกมาแบบไหน ตามใจเราได้เลย สามารถทำอะไรได้หลายอย่างในเว็บไซต์ เช่น เผยแพร่ ข้อมูล ในขณะที่หน้าหลักกำลังขายของอยู่ เรายังสามารถเก็บข้อมูลลูกค้าที่เข้ามาได้ การที่เรามีหน้าร้านของเราเองเท่ากับว่าข้อมูลของลูกค้าจะไม่ตกไปอยู่ในมือใคร เราจะเป็นเจ้าของข้อมูลทั้งหมดที่เข้ามาในเว็บไซต์ของเราได้เอง เรากำลังทำสิ่งที่ตอบโจทย์คน เพราะว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคสมัยนี้คือการเสิร์ชเพื่อ ค้นหาสิ่งที่กำลังสนใจ เพราะฉะนั้นเว็บไซต์จะช่วยให้ลูกค้าเจอเราบนโลกออนไลน์
3. โฆษณาบนช่องทางเสิร์ช (Search Engine Marketing) ซึ่งวิธีที่จะดึงดูดคนเข้าร้านนั้นก็ต้องพึ่งพาเจ้า SEO หรือ Search Engine Optimization ที่เป็นกระบวนการทำงานของระบบค้นหาบนโลกอินเตอร์เน็ต Search Engine จะดึงข้อมูลเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับคำค้นหาที่เราสนใจมาแสดง โดยหากสามารถทำให้หน้าเว็บไซต์ติดอันดับต้นๆ ของการค้นหาผ่านการใช้คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อง จะถึอว่าเป็นความสำเร็จในงานด้านเว็บไชต์ ซึ่งปัจจัยของการทำ SEO ก็ไม่ได้มีแค่คีย์เวิร์ดเพียงอย่างเดียว ยังรวมไปถึงการทำและออกแบบเว็บไต์ให้เป็น User Friendly ก็มีผลต่อการทำ Digtal Marketing ในช่องทางนี้
4. แฟลตฟอร์มสื่อสารสมัยใหม่ (Social Media Marketing: SMM) ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ Social Media Marketing เป็นช่องทางแห่งยุคที่แท้จริง นั่นก็คือการที่เป็น 2 ways communications ที่ลุดค้าสามารถตอบโต้กับแบรนด์ได้อย่างทันที โดยที่ไม่ว่าใคร สามารถเทียบความรวดเร็วนี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์หรืออีเมลล์ ในปัจุบัน Social Media มีหลายเจ้าที่ดำเนินในหลายรูปแบบ เช่น
- FACEBOOK ช่องทางโปรโมตร้านและสื่อสารกับลูกค้าและผู้บริโภค พร้อมพีเจอร์เพื่อทำการตลาดมากมาย
- INSTAGRAM เข้าถึงลูกค้าไลฟ์สไตส์ใหม่ ๆ สร้างคอนเทนต์ และภาพลักษณ์ของร้านให้ดูเก๋ขึ้น เน้นการสื่อสารผ่านรูปภาพที่สวยงามหรือในรูปแบบวิดีโอ
- TIKTOK เข้าถึงลูกค้าวัยุร่นยุคใหม่ สร้างคอนเทนต์วีดรโอสั้น อาจช่วยทำให้ร้านดังได้ในชั่วเวลาข้ามคืน หากสามารถทำคอนเทนต์ใน Tik Tok ได้โดนใจ ซึ่งมีลูกเล่นในแนวที่ทันกระแสใหม่ ๆ ให้เกาะติดตาม และนำมาใช้ปรับแต่งวีดีโอใช้โปรโมทร้านให้ทันสมัยอยู่เสมอ
- LINE Official Account เข้าถึงลูกค้าได้แบบตัวต่อตัว ใช้ช่วยกระจายข้อมูลข่าวสารได้ทั่วถึงมากที่สุด ในระบบยังมีลูกเล่นเก๋ ๆ ชวนลูกค้าสั่งสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ที่ทำได้ง่าย
- Twitter Ads
- Pinterest Ads
- Linkedin Ads
ข้อดีของช่องทางการทำ Social Media Ads สะดวก เพราะว่าทางแอปพลิเคชั่นมี ฟีเจอร์ขึ้นมาให้เรากดเรียบร้อย เพียงแค่กำหนดกลุ่มลูกค้า กำหนดค่าใช้จ่าย แล้วก็รัน โฆษณาเลย เราสามารถ Connect กับลูกค้าของเราได้แทบทุกชั่วโมง เพราะว่าโฆษณาจะเด้งไปที่ กลุ่มเป้าหมายของเราแทบทุกเวลาที่พวกเขาเริ่มกดเข้าแอปพลิเคชั่น สามารถติดตามการทำงานของโฆษณาได้ทันที เพราะว่าเครื่องมือทุกอย่างนั้นพร้อม หมด โดยเฉพาะ Facebook Ads ที่ค่อนข้างจะมืออาชีพในการทำโฆษณา เราสามารถใช้ประโยชน์จากทุกแพลตฟอร์มในการทำโฆษณา ซึ่งเราอาจจะเอาคอนเทนต์จากแหล่งนึงไปทำโฆษณาจากอีกแหล่งเพื่อสร้างลูกค้ามากขึ้น (Transmedia)
เราไม่สามารถบอกได้ว่าควรทำโฆษณาที่ตัวไหนดี เพราะว่ารูปแบบการทำงานต่างก็มีข้อดีข้อเสียที่หลากหลายแตกต่างกัน อาจเลือกใช้ตามกลุ่มลูกค้า เป้าหมายการใช้งาน หรือรูปแบบคอนเทนต์ที่เหมาะสมกับสื่อตัวนั้น เพราะผู้ใช้งานของแอปพลิเคชั่นแต่ละชนิดก็แตกต่างกันไป ต้องดูจุดประสงค์และเป้าหมายของ แบรนด์ และที่สำคัญคือ Audience ของแบรนด์อยู่ที่แพลตฟอร์มไหน
5. ช่องทางวิดีโอออนไลน์ (Online Video) ที่สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ง่าย มีหลายเจ้าที่ให้บริการในด้านนี้ เช่น ยูทูป Youtube, Facebook life, Tiktok เป็นต้น วิดีโอออนไลน์ เป็นอีกวิธีที่คนนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายมากขึ้นในปัจจุบัน เพราะว่ามันสามารถสร้าง Awareness ให้คนดูได้ ซึ่งประเภทของวิดีโอนั้นมีหลากหลายมาก ไม่ใช่แค่วิดีโอที่ให้ความรู้ เพียงอย่างเดียว เช่น วิดีโอเพื่อความบันเทิง, ซีรีส์หรืออาจจะเป็นวิดีโอสั้นๆ เพื่อไม่ให้คนดูเกิด อาการเบื่อหน่ายก่อน สอดคล้องกับฝั่งผู้บริโภคที่นิยม Video Content กัน ข้อดีของการทำวิดีโอออนไลน์ คือ วิดิโอสามารถเล่าเรื่องบางเรื่องได้ดีกว่าคอนเทนต์แบบอื่น เช่น การสอนทำ How to หรือการรีวิว เพราะว่ามันคือการสื่อสาร ด้วยภาพเคลื่อนไหวซึ่งน่าสนใจกว่ารูปภาพแน่นอน (อย่างเช่น วิดีโอสอนใช้ Martech ของ Content Shifu เป็นต้น) ไม่ต้องเสียเงินเยอะ เพราะต้นทุนการผลิตไม่เยอะและแพงเท่าแต่ก่อน มีการใช้ เทคโนโลยีเข้ามาช่วยทุ่นแรงในด้าน Production ดูที่ไหน เมื่อไหร่ก็ได้ เพราะว่าเกือบทุกคนใช้ Smartphone และมันสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ หรือบางคนอาจจะใช้อุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับโทรศัพท์เช่น Notebook หรือ Tablet สามารถเก็บผลลัพธ์หลังเผยแพร่ได้ทันที เพราะทุกแพลตฟอร์มมีฟีเจอร์สำหรับวัด Traffic พื้นที่ที่เรามักจะเจอ วิดีโอออนไลน์ มีหลายช่องทาง เช่น
- Google GDN (Google Display Network) สิ่งนี้คือการทำโฆษณาบนพื้นที่เว็บไซต์ที่ไม่ใช่แค่ Google Search Engine เพราะว่า มันคือการลงโฆษณาบนเว็บไซต์ทั้งหมดที่ร่วมจับมือทำงานกับ Google นั่นเอง คิดดูว่ามี เยอะขนาดไหน ซึ่งตัววิดีโอที่อยู่บน GDN เนี่ยจะทำการเล่นอัตโนมัติทันที
- Youtube ชัดเจนว่านี่คือ Platfrom ยักษ์ใหญ่ของเหล่า Video Creator และเป็นพื้นที่ยอดนิยมที่สุดที่ไม่ว่าใครก็ต้องกดเข้ามาดู แถมยังสามารถยิงแอดวิดีโอบนวิดีโออื่นๆ ที่ลูกค้ากำลังดูอยู่ได้ด้วยเหมือนกัน เป็นพื้นที่ที่สร้าง Awareness ได้ดีมาก
- Tiktok เป็นอีก Platform ของเหล่านักสร้างสรรค์ที่สามารถใช้ทำโฆษณาได้เหมือน YouTube แต่ย่อยง่ายมากกว่าเพราะว่าช่วงเวลาของคลิปใน Tiktok จะน้อยกว่ามาก ทำให้เรายังสามารถ ดึง Attention ของคนดูได้ ถ้าเราสามารถเล่าเรื่องราวของแบรนด์ภายในเวลาที่กำหนด บอกเลยว่าเราอาจจะได้ Leads หรือลูกค้าเพิ่มขึ้นก็ได้
- LINE Ads ฟีเจอร์น้องใหม่ที่อาจจะไม่ดังเท่ารุ่นพี่ด้านบน แต่ก็เป็นอีกพื้นที่ที่น่าทำโฆษณาเพราะว่า ไลน์คือแอปพลิเคชั่นที่คนไทยเกือบทุกคนใช้เพื่อสื่อสารกัน เข้าออกแอปทุกวัน ก็อาจจะมีโอกาสที่ Lead จะเข้ามาเห็นโฆษณาของเรา
6. การสร้างเนื้อหาหรือคอนเทนต์ในการตลาด (Content Marketing) จากการตลาดที่มักกล่าวว่าเนื้อหาที่สื่อสารการตลาดสำคัญที่สุด “Content is King” ดังนั้นหลายครั้งเราอาจเลือกการทำสื่อที่มีคอนเทนต์ที่ดีแล้วกระจายไปตามช่องทางที่เหมาะสมได้หลายทาง คอนเทนต์นั้นไม่ใช่แค่โปสเตอร์ เนื้อหาข่าวประชาสัมพันธ์ การเขียน Blog การเขียน post แต่มัน คือ เนื้อหาทั้งหมดบนสื่อที่เราต้องการนำเสนอ ในหลากหลายรูปแบบ เช่น เว็บไซต์ของเราที่เอาไว้ดีงดูดสิ่งที่ลูกค้าต้องการ บทความบน blog ตารางข้อมูลคาตาล๊อคสินค้าหรือบริการ หรือข้อมูลที่ช่วยที่ช่วยให้รู้จักกับแบรนด์ดียิ่งขึ้น การทำคอนเทนต์ให้เหมาะกับแพลตฟอร์มต่างๆ
- Digital Platfroms ทั้งหลายนั้นมีความแตกต่างและจุดประสงค์การใช้ออกไป สิ่งที่นักการตลาดควรคำนึงถึงคือพฤติกรรมของผู้บริโภค (Consumer’s behaviour) และรูปแบบของแพลตฟอร์มนั้นๆ เรามาดูต่างอย่างกันคร่าวๆ กันดีกว่า
- Written post – สำหรับคอนเทนต์ที่อัดแน่นไปด้วยตัวอักษรที่ถ่ายทอดเรื่องราวน่าสนใจ และพร้อมที่จะสร้าง Engagement กับลูกค้าผ่านการแชร์หรือคอมเมนต์ ซึ่งคอนเทนต์ ประเภทนี้เหมาะกับแพลตฟอร์มที่ให้พื้นที่ไม่จำกัดในการโพสต์ เช่น Facebook, Website, หรือ LinkedIn หรืออาจจะเป็น Twitter ที่เราสามารถทวิตได้เรื่อยๆ
- Photos – รูปภาพในที่นี้คืออาจจะเป็นรูปถ่ายแบบเดี่ยวหรืออัลบั้มก็ได้ และไม่จำเป็นที่ จะต้องเป็นภาพถ่าย อาจจะเป็น Infographic หรือ graphic ที่อ่านง่ายก็ได้ และแน่นอน ว่าคอนเทนต์แบบนี้ย่อมเหมาะสมกับ Plarform ที่เน้นโพสต์รูปเช่น Instagram และ Pinterest
- Video – คอนเทนต์ภาพเคลื่อนไหวที่สามารถดึงความสนใจของทุกคนได้ ไม่ว่าจะเป็น คลิปไม่กี่วินาทีไปจนถึงหลายนาทีก็ถือว่าเป็นคอนเทนต์ยอดฮิต แน่นอนว่าแพลตฟอร์มที่จะรองรับภาพเคลื่อนไหวพวกนี้ก็คงไม่พ้น Youtube หรือจะเป็นคลิปสั้นๆ บน Instagram หรือ TikTok ก็ดี
- Video Stories – คลิปเคลื่อนไหวแบบกระชับคือคอนเทนต์ที่สามารถดึงดูดผู้คนได้ใน ระยะเวลาสั้นๆ เพราะแค่ปัดผ่านหน้าจอก็สามารถรับรู้สารที่แบรนด์ต้องการสื่อได้แล้ว ซึ่งนี่คือคอนเทนต์แนวใหม่ที่มีเฉพาะบาง Platforms เช่น Facebook, หรือ Instagram
- Live Video – คอนเทนต์เคลื่อนไหวแบบ Real Time ที่ส่วนใหญ่ผู้ใช้จะเน้นไปที่การ สัมภาษณ์ผู้คนหรือถ่ายทอดสด Event สำคัญๆ ที่ใครใครก็อยากเข้ามาร่วมจอย การจะ ทำคอนเทนต์นี้ได้ต้องดูที่ว่า Platforms มีฟีเจอร์รองรับและจำนวนผู้ใช้นิยมขนาดไหน ซึ่งก็คงไม่พ้นการใช้งาน Facebook และ Instagram
ทั้งหมดทั้งมวลนี้คือช่องทางการทำ Digital Marketing ที่แนะนำและยังสามารถใช้ได้จริง ในปัจจุบัน เราอาจจะประยุกต์ใช้ทุกช่องทางในการทำโฆษณาก็ได้หรืออาจจะเจาะจงแค่กลุ่ม เป้าหมายของเรา และศึกษาช่องทางนั้นๆ เพื่อต่อยอดการทำโฆษณาและส่งต่อคอนเทนต์ดีๆ ให้ลูกค้าของเราต่อไป
7. โฆษณาบนโซเชียลมีเดีย (Social Media Ads) ช่องทางการตลาดแบบ Website Marketing จำเป็นต้องพึ่งพากลไกของ Search Engine Optimization เพื่อเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมหรือ Leads ในหน้าเว็บไซต์ของเรา ซึ่งการที่เว็บไซต์จะดึงดูด Leads ได้นั้นจำเป็นต้องสร้างสิ่งที่มีคุณค่าให้เหมาะแก่การเยี่ยมชม
.
-------------------------------------------------
สนใจเรื่องราวเพิ่มเติมคลิกที่นี่
การตลาด (Marketing) รวมข้อมูลเพิ่มเติม
-------------------------------------------------