iok2u.com แหล่งรวมข้อมูลข่าวสารเรื่องราวน่าสนใจเพื่อการศึกษาแลกเปลี่ยนและเรียนรู้

มิสเตอร์เรน (Mr. Rain) และมิสเตอร์เชน (Mr. Chain)
Mr. Rain และ Mr. Chain สองพี่น้องในโลกออฟไลน์และออนไลน์ที่จะมาร่วมมือกันสร้างสื่อสารสนเทศ เพื่อเผยแพร่ให้ความรู้ในเรื่องราวต่างๆ มากมายสร้างสังคมในการเรียนรู้ หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลยโดยไม่ต้องตอบแทนกลับมา
Pay It Forward เป้าหมายเล็ก ๆ ในการส่งมอบความดีต่อ ๆ ไป
เว็ปไซต์นี้เกิดจากแรงบันดาลใจในภาพยนต์เรื่อง Pay It Forward ที่เล่าถึงการมีเป้าหมายเล็ก ๆ กำหนดไว้ให้ส่งมอบความดีต่อไปอีก 3 คน หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลยโดยไม่ต้องตอบแทนกลับมา อยากให้ส่งต่อเพื่อถ่ายทอดต่อไป
ยืนหยัด เข้มแข็ง และกล้าหาญ (Stay Strong & Be Brave)
ขอเป็นกำลังใจให้คนดีทุกคนในการต่อสู้ความอยุติธรรม ในยุคสังคมที่คดโกงยึดถึงประโยชน์ส่วนตนและพวกฟ้องมากกว่าผลประโยชน์ส่วนรวม จนหลายคนคิดว่าพวกด้านได้อายอดมักได้ดี แต่หากยึดคำในหลวงสอนไว้ในเรื่องการทำความดีเราจะมีความสุขครับ

ธรณีวิทยาเบื้องต้น 4 กระบวนการทางธรณีวิทยา (Geological Processes)

 

 

สนใจดูเรื่องราวธรณีวิทยาคลิกที่นี่

 

ธรณีวิทยาเบื้องต้น (Introduction to Geology)

บทที่ 4 กระบวนการทางธรณีวิทยา (Geological Processes)

กระบวนการทางธรณีวิทยา คือ กลไกและปรากฏการณ์ต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบนโลก ทั้งภายในและภายนอก ซึ่งส่งผลต่อลักษณะภูมิประเทศ องค์ประกอบของโลก และสิ่งมีชีวิต ในบทนี้ เราจะศึกษาถึงกระบวนการทางธรณีวิทยาที่สำคัญ 3 กระบวนการ ได้แก่ การผุพังและการกัดเซาะ การเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลก และกระบวนการภูเขาไฟและแผ่นดินไหว

4.1 การผุพังและการกัดเซาะ (Weathering and Erosion)

การผุพัง (Weathering) และการกัดเซาะ (Erosion) เป็นกระบวนการทางธรณีวิทยาที่มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงพื้นผิวโลก:

การผุพัง (Weathering) คือ การผุพังหมายถึงการแตกตัวและการสลายตัวของหินและแร่ที่พื้นผิวโลกเนื่องจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ การเกิดปฏิกิริยาทางเคมี และการกระทำทางชีวภาพ การผุพังสามารถแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก กระบวนการที่ทำให้หินและแร่แตกสลายหรือเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติทางเคมี ณ ตำแหน่งเดิม โดยมีสาเหตุหลักมาจากปัจจัยทางสภาพอากาศ สิ่งมีชีวิต และปฏิกิริยาเคมี การผุพังแบ่งออกเป็น 3 ประเภท:

- การผุพังทางกายภาพ (Physical Weathering) เกิดจากการแตกหักของหินโดยแรงทางกายภาพ เช่น การหดตัวและขยายตัวของหินเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ การเกิดแรงดันจากการแช่แข็งและละลายของน้ำในรอยแตกของหิน หรือแรงทางกายภาพจากสิ่งมีชีวิต เช่น รากพืชที่แทรกซึมเข้าไปในหิน เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของหินและแร่ เช่น การแตกหักเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ การขยายตัวของน้ำที่แข็งตัวในรอยแตกของหิน และการขัดสีโดยลม น้ำ หรือธารน้ำแข็ง

- การผุพังทางเคมี (Chemical Weathering) เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางเคมีของแร่ที่ประกอบอยู่ในหิน เช่น การเกิดออกซิเดชันของเหล็ก การละลายของแร่ในน้ำ หรือการเกิดปฏิกิริยาทางเคมีอื่น ๆ ที่ทำให้หินเปลี่ยนแปลงไป เกิดจากปฏิกิริยาเคมีที่เปลี่ยนแปลงองค์ประกอบของหินและแร่ เช่น การละลาย การออกซิเดชัน และการไฮโดรไลซิส

- การผุพังทางชีวภาพ (Biological Weathering): เกิดจากกิจกรรมของสิ่งมีชีวิต เช่น รากพืชที่ชอนไชในรอยแตกของหิน สัตว์ที่ขุดโพรง และจุลินทรีย์ที่ผลิตกรด

การกัดเซาะ (Erosion) คือ กระบวนการเคลื่อนย้ายวัสดุที่ผุพังออกไปจากตำแหน่งเดิม โดยมีตัวกลางหลัก คือ น้ำ ลม ธารน้ำแข็ง และแรงโน้มถ่วง การกัดเซาะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของภูมิประเทศ เช่น การเกิดหุบเขา แคนยอน และชายฝั่งทะเล

การกัดเซาะ คือ การพัดพาและการเคลื่อนย้ายของตะกอนและเศษหินที่เกิดจากการผุพังไปยังพื้นที่อื่น โดยกระแสน้ำ ลม ธารน้ำแข็ง หรือแรงโน้มถ่วงเป็นตัวการสำคัญ กระบวนการกัดเซาะนี้ทำให้เกิดภูมิประเทศใหม่ๆ เช่น หุบเขา ทะเลสาบ หรือเนินทราย

 

4.2 การเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลก (Plate Tectonics)

การเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลกเป็นกระบวนการที่สำคัญในการกำหนดรูปร่างและการเปลี่ยนแปลงของพื้นผิวโลก

4.2.1 ทฤษฎีแผ่นเปลือกโลก (Plate Tectonics) อธิบายว่าเปลือกโลกแบ่งออกเป็นแผ่นหลายแผ่นที่เคลื่อนที่อยู่บนชั้นเนื้อโลกที่หลอมเหลว การเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลกทำให้เกิดปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยาที่สำคัญหลายอย่าง เช่น:

- การเกิดแผ่นดินไหว (Earthquakes): เกิดจากการเคลื่อนที่หรือแตกหักของหินตามแนวรอยเลื่อน ซึ่งมักเกิดขึ้นบริเวณขอบของแผ่นเปลือกโลก

- การเกิดภูเขาไฟ (Volcanism): เกิดจากการปะทุของแมกมาขึ้นมาบนผิวโลก ซึ่งมักเกิดขึ้นบริเวณขอบของแผ่นเปลือกโลกที่แผ่นหนึ่งมุดตัวลงใต้อีกแผ่นหนึ่ง หรือบริเวณจุดร้อน (Hotspot) ใต้เปลือกโลก

- การสร้างเทือกเขา (Mountain Building): เกิดจากการชนกันของแผ่นเปลือกโลกทวีป ทำให้เปลือกโลกถูกยกตัวขึ้นเป็นเทือกเขาสูง เช่น เทือกเขาหิมาลัย

การขยายตัวของพื้นมหาสมุทร (Seafloor Spreading): เกิดขึ้นบริเวณแนวสันเขากลางมหาสมุทร ที่มีแมกมาดันตัวขึ้นมาจากชั้นเนื้อโลก ทำให้แผ่นเปลือกโลกมหาสมุทรเคลื่อนที่ออกจากกัน และเกิดเปลือกโลกใหม่ขึ้นมา

4.2.2 แผ่นเปลือกโลก (Tectonic Plates) พื้นผิวโลกแบ่งออกเป็นแผ่นเปลือกโลกที่ลอยอยู่บนเนื้อโลก (Mantle) แผ่นเหล่านี้เคลื่อนที่เนื่องจากการไหลเวียนของแมกมาใต้พื้นผิวโลก ซึ่งทำให้เกิดการชนกัน แยกจากกัน หรือการเลื่อนผ่านกันของแผ่นเปลือกโลก

- ขอบแผ่นเปลือกโลก (Plate Boundaries) การเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลกเกิดขึ้นบริเวณขอบแผ่น ซึ่งแบ่งออกเป็นสามประเภทหลัก

- ขอบแผ่นเปลือกโลกเคลื่อนที่เข้าหากัน (Convergent Boundaries) เมื่อแผ่นเปลือกโลกสองแผ่นชนกัน หนึ่งในแผ่นจะจมลงไปใต้แผ่นอื่น กระบวนการนี้ทำให้เกิดเทือกเขา (เช่น เทือกเขาหิมาลัย) หรือแนวหุบเหวมหาสมุทร (Oceanic Trenches) เช่น ร่องลึกมาเรียนา (Mariana Trench)

- ขอบแผ่นเปลือกโลกเคลื่อนที่แยกจากกัน (Divergent Boundaries) เมื่อแผ่นเปลือกโลกสองแผ่นเคลื่อนที่แยกจากกัน แมกมาจะพุ่งขึ้นมาที่ขอบแผ่นสร้างแผ่นเปลือกโลกใหม่ กระบวนการนี้ทำให้เกิดแนวสันเขากลางมหาสมุทร (Mid-Ocean Ridges) เช่น สันเขากลางแอตแลนติก (Mid-Atlantic Ridge)

- ขอบแผ่นเปลือกโลกเลื่อนผ่านกัน (Transform Boundaries) เมื่อแผ่นเปลือกโลกสองแผ่นเลื่อนผ่านกันในแนวระนาบ กระบวนการนี้ทำให้เกิดรอยเลื่อน (Faults) เช่น รอยเลื่อนซานแอนเดรอัส (San Andreas Fault) ในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา

- การเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลก (Plate Movements) การเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลกมีผลกระทบอย่างมากต่อการเปลี่ยนแปลงของพื้นผิวโลก เช่น การเกิดภูเขาไฟ การเกิดแผ่นดินไหว และการเปลี่ยนแปลงของภูมิประเทศ

.

4.3 กระบวนการภูเขาไฟและแผ่นดินไหว (Volcanism and Earthquakes)

ภูเขาไฟและแผ่นดินไหว เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดจากการเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลกและกระบวนการที่เกิดขึ้นภายในโลก

4.3.1 ภูเขาไฟ (Volcanoes) คือ ช่องเปิดหรือรอยแตกบนเปลือกโลกที่แมกมา ลาวา และก๊าซต่าง ๆ ปะทุออกมา การปะทุของภูเขาไฟสามารถก่อให้เกิดอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม เช่น ลาวาไหล เถ้าถ่านภูเขาไฟ และก๊าซพิษ นอกจากนี้ ภูเขาไฟยังมีบทบาทสำคัญในการสร้างและเปลี่ยนแปลงภูมิประเทศ เช่น การเกิดเกาะภูเขาไฟ และเทือกเขาภูเขาไฟ

กระบวนการภูเขาไฟ (Volcanism) ภูเขาไฟเกิดขึ้นเมื่อแมกมาจากภายในโลกพุ่งขึ้นมาสู่พื้นผิวโลกผ่านรอยแยกหรือช่องระบาย แมกมาที่พุ่งออกมาจะกลายเป็นลาวา (Lava) และสะสมตัวเป็นภูเขาไฟ รูปแบบของภูเขาไฟสามารถแบ่งออกเป็นสามประเภทหลัก

- ภูเขาไฟกรวยสลับชั้น (Stratovolcanoes) เป็นภูเขาไฟที่มีลักษณะเป็นกรวยสูงและมีการปะทุแบบระเบิดแรง เช่น ภูเขาไฟฟูจิ (Mount Fuji) ในญี่ปุ่น

- ภูเขาไฟโล่ (Shield Volcanoes) เป็นภูเขาไฟที่มีลักษณะเป็นแผ่นราบกว้าง มีการปะทุแบบลาวาไหล เช่น ภูเขาไฟมาอูนาโลอา (Mauna Loa) ในฮาวาย

- ภูเขาไฟกรวยเถ้า (Cinder Cone Volcanoes) เป็นภูเขาไฟที่มีลักษณะเป็นกรวยขนาดเล็ก เกิดจากการปะทุของเถ้าและเศษหินภูเขาไฟ เช่น ภูเขาไฟพาริคูติน (Parícutin) ในเม็กซิโก

4.3.2 แผ่นดินไหว (Earthquakes) คือ การสั่นสะเทือนของพื้นดินที่เกิดจากการเคลื่อนที่หรือแตกหักของหินตามแนวรอยเลื่อน แผ่นดินไหวสามารถก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อชีวิตและทรัพย์สิน เช่น อาคารถล่ม ไฟไหม้ และสึนามิ การศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับแผ่นดินไหว ช่วยให้เราสามารถเตรียมความพร้อมและลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติแผ่นดินไหวได้

- กระบวนการแผ่นดินไหว (Earthquakes) แผ่นดินไหวเกิดจากการสะสมพลังงานในเปลือกโลกและการปลดปล่อยพลังงานนั้นออกมาเมื่อเกิดการเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลก พลังงานนี้ถูกส่งผ่านในรูปของคลื่นไหวสะเทือน (Seismic Waves) ซึ่งทำให้เกิดการสั่นไหวของพื้นดิน รอยเลื่อนที่เกิดแผ่นดินไหวมักพบตามขอบแผ่นเปลือกโลกที่มีการเคลื่อนที่อย่างรุนแรง

- ศูนย์กลางแผ่นดินไหว (Epicenter) จุดที่แผ่นดินไหวเริ่มเกิดขึ้นเรียกว่าศูนย์กลางแผ่นดินไหว ซึ่งอยู่ใต้พื้นดิน จุดที่อยู่บนพื้นผิวโลกเหนือศูนย์กลางนี้เรียกว่า เอพิเซนเตอร์ (Epicenter)

- ขนาดของแผ่นดินไหว (Magnitude) ขนาดของแผ่นดินไหววัดได้จากการวัดขนาดของคลื่นไหวสะเทือนที่เกิดขึ้น โดยใช้มาตราริกเตอร์ (Richter Scale) หรือมาตราวัดโมเมนต์ (Moment Magnitude Scale)

บทนี้ได้อธิบายถึงกระบวนการทางธรณีวิทยาที่สำคัญ ซึ่งส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของพื้นผิวโลก การผุพังและการกัดเซาะเป็นกระบวนการที่ทำให้หินและแร่แตกตัวและถูกพัดพาไปยังพื้นที่อื่น การเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลกมีบทบาทสำคัญในการกำหนดรูปร่างของพื้นผิวโลกและทำให้เกิดปรากฏการณ์เช่น ภูเขาไฟและแผ่นดินไหว ซึ่งทั้งสองปรากฏการณ์นี้เป็นผลจากการ กระบวนการทางธรณีวิทยาเป็นกลไกสำคัญที่ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงของโลก ทั้งในด้านขององค์ประกอบ โครงสร้าง และภูมิประเทศ การศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการเหล่านี้ ช่วยให้เราสามารถเข้าใจประวัติศาสตร์ของโลก คาดการณ์การเปลี่ยนแปลงในอนาคต และจัดการทรัพยากรธรรมชาติและภัยพิบัติทางธรรมชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ

---------------------------------------------------

ที่มาข้อมูล

- ....

ภาพและรวบรวมโดย 

www.iok2u.com

 
---------------------------------------------------

ธรณีวิทยาเบื้องต้น (Introduction to Geology)

รวมข้อมูลและเรื่องราว ธรณีวิทยา

---------------------------------------------------
 

ขอต้อนรับเข้าสู่เว็บไซต์
www.iok2u.com
แหล่งข้อมูลสารสนเทศเพื่อคุณ

เว็บไซต์ www.iok2u.com นี้เกิดมาจาก แรงบันดาลใจในภาพยนต์เรื่อง Pay It Forward โดยมีเป้าหมายเล็ก ๆ ที่กำหนดไว้ว่า ทุกครั้งที่เข้าเรียนสัมมนาหรืออบรมในแต่ละครั้ง จะนำความรู้มาจัดทำเป็นบทความอย่างน้อย 3 เรื่อง เพื่อมาลงในเว็บนี้
ความตั้งใจที่จะถ่ายทอดความรู้ที่ได้รับมาทำการถ่ายทอดต่อไป และหวังว่าจะมีคนมาอ่านแล้วเห็นว่ามีประโยชน์นำเอาไปใช้ได้ หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลย โดยอาจไม่ต้องอ้างอิงที่มาหรือมาตอบแทนผู้จัด แต่ขอให้ส่งต่อหากคิดว่ามันดีหรือมีประโยชน์ เพื่อถ่ายทอดความรู้และสิ่งดี ๆ ต่อไปข้างหน้าต่อไป Pay It Forward