ระหว่างปี 2520-2528 ผมได้ออกสำรวจธรณีวิทยาเกือบทั่วประเทศโดยเฉพาะภาคเหนือและใต้ ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในป่า เจอเรื่องพันลึกพิศดารที่วิทยาศาสตร์อธิบายไม่แจ่มแจ้งหลายครั้ง เรื่องภูติผีวิญญานไม่เคยเจอด้วยตัวเอง แต่เพื่อนร่วมทีมที่เจอบ่อยมาก อาจเป็นเพราะผมเป็นคนหลับง่าย ก่อนนอนกรึ๊บเหล้า เคล้ากัญชาสักนิด หัวถึงหมอนก็หลับเลย
แต่เมื่อครั้งที่ต้องไปล่องแพสำรวจแร่ฟลูออไรท์ที่กลางป่าลึกตามลำน้ำปายจากบ้านเมืองแปงถึงปางหมู แม่ฮองสอน เป็นทริปที่ยากลืมเลือนเพราะเจออาถรรพ์ป่าเล่นงานเอาแทบแย่
การสำรวจครั้งนั้นใช้เวลาเดินและล่องแพอยู่ 8 วัน ในทีมประกอบด้วยนักธรณีวิทยา 2 ช่างสำรวจ 3 และลูกหาบ 11 คน หัวหน้าทีม คือ พี่แฉะที่มีรูปร่างตรงข้ามกับผมชัดเจน ถ้าเป็นที่โล่ง ผมเดินตามแทบไม่ทัน แต่ถ้าต้องมุดป่าซาก แกไม่ทันแน่นอน เราเตรียมสะเบียงไม่มากนักเพราะแบกสัมภาระของตัวเอง ลูกหาบมีหน้าที่ถ่อแพ 5 ลำ ลูกหาบ 2 คนต่อแพ 1 ลำ อีกคนให้มีหน้าที่พิเศษ ดูแลเหล้าไม่ให้หก เพราะเราเอาวิสกี้เถื่อนไปแค่ 2 แบน (มาตรานักสำรวจ 1 แบน = 20 ลิตร)
วันแรก เราครึกครื้นกันมาก ทดลองระเบิดปลาได้ตัวใหญ่ๆมาเกือบ 100 ตัว เก็บไม่ทันต้องปล่อยให้ลอยไปกับกระแสน้ำ ผมคิดในใจว่าทริปนี้ไม่มีอดแน่นอน เพราะเราตุนระเบิดไปพอควร ผมมีลูกซองแฝด ลูกหาบมีปืนแก๊ป 555 เพลินแน่
คืนวันที่ 2 ให้ลูกหาบออกไปล่าสัตว์ ได้เก้ง 2 เลียงผา 1 ลูกหาบชอบใจกันมาก แต่ก็มีการทะเลาะกันบ้างเรื่องการแบ่งน้ำมันเลียงผา เป็นครั้งแรกที่ได้กินขี้เพี้ยเลียงผาเพราะชื่อเสียงเรื่องสุดยอดอายุวัฒนะ แม้จะทั้งขมและเหม็น กลืนลงคอยาก โชคดีที่มีวิสกี้ขาวตามเลยลื่นคอหน่อย
วันที่ 4 แพแตกและล่ม3ลำ อาหารที่เตรียมมาจมน้ำหมด แต่น่าประหลาดใจ เหล้ายังอยู่ กลางคืนนอนริมน้ำเห็นภาพไฟป่าน่ากลัวมาก แต่แปลก ไฟไม่ลามลงมาด้านล่าง ไหม้อยู่แต่ด้านบนและไม่ถึงเที่ยงคืนก็มอดหรือผมหลับก่อนไม่แน่ใจ
วันที่ 5 ลำน้ำปายเริ่มอาละวาด แพล่มอีก อาหารหมด แต่ระเบิดและกระสุนปืนยังอยู่เพราะเราเก็บไว้อย่างดี ได้เวลาต้องใช้ระเบิดอีกแล้ว เลือกคุ้งน้ำที่คิดว่ามีปลาเยอะแน่นอน ตูม.... ปลาตัวไม่ใหญ่มากลอยตาย1ตัว ลูกหาบออกไปล่าสัตว์ ไม่ได้อะไรเลย นกบินมาฝูงใหญ่ ผมยกลูกซองยาวพาดบ่า กดเปรี้ยง สิ้นเสียงปืน นกทุกตัวบินเหมือนเดิม 16ชีวิตนั่งมองหนัากัน ลูกหาบบอกว่าเหลือแต่หนอนผีเสื้อเท่านั้นที่จะปะทังชีวิตได้ ว่าแล้วก็ช่วยกันเก็บมาปิ้งไฟ มื้อนี้สุดยอดจริง เอาสะเต็กมาแลกก็ไม่ยอม (ปล่อยมือ) แต่ข่าวร้ายไปกว่านั้น ลูกหาบคนพิเศษมากระซิบบอกว่าวิสกี้ขาว หมดแล้ว อะไรกันนักหนา
วันที่ 6 สถานการณ์เรื่องอาหารก็ยังไม่ดีขึ้น ลูกหาบมาบอกว่าเราเจออาถรรพ์ป่าเข้าแล้ว เพราะความคึกคะนองในตอนแรก กินอาหารแบบทิ้งขว้าง พวกเขาขอให้เราทำพิธีขอขมาเจ้าป่าเจ้าเขา เราก็รีบทำตาม และขออาหารปะทังชีวิต คืนนั้น ลูกหาบยิงได้เม่น1ตัว ระเบิดปลาได้เกือบ10ตัวแถมตะพาบน้ำอีกตัว พอเพียงสำหรับ16คน
วันสุดท้ายก่อนถึงบ้านปางหมู ลูกหาบ 5 คนร้องไห้และบอกว่าเขาจะสั่งลูกหลานเลยว่า ห้ามล่องแพเส้นนี้ หลังจากเส้นสิ้นภารกิจได้ข้อมูลไปทำรายงานว่าแหล่งฟลูออไรท์กลางป่าลึกตามลำน้ำปาย มีขนาดเล็กมากเทียบกับแหล่งฟลูออไรท์ที่ใกล้บ้านเมืองแปงไม่ได้เลย นอกจากนี้ยังได้ข้อมูลของหินปูน กลุ่มหินฮอด ยุคออร์โดวิเซียนและผาบ่องควอตไซต์ ยุคแคมเบรียน ถ้าไม่ล่องแพ คงไม่ได้ข้อมูลดีๆแบบนี้หรอก อีก3เดือนถัดมาได้เอ่านบทความในนิตยสาร "ล่องแพ"ว่า เส้นทางต้องห้ามสำหรับนักผจญภัย คือการล่องแพในลำน้ำปาย ระหว่างบ้านเมืองแปง -บ้านปางหมู ขอยืนยันอีกคนว่าเป็นเส้นทางหฤโหดจริง