จากจอมฉกไข่ กลายมาเป็นจอมกกไข่ (From Egg Thief to Supermom) ทะเลทรายโกบีตอนใต้ มองโกเลีย
คณะสำรวจค้นหาและศึกษาประวัติสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเลทรายโกบี มองโกเลีย ที่นำทีมโดย รอย แช็ปแมน แอนดรูว์ จากพิพิธภัณฑ์ประวัติความเป็นมาของธรรมชาติแห่งอเมริกา ได้ค้นพบซากกระดูกไดโนเสาร์มากมาย ที่ผาเปลวเพลิง (Flaming Cliffs) หลายตัวเป็นการค้นพบครั้งแรกในโลก เช่น ตัวแรกที่ชาวคณะพบ ถูกจัดอยู่ในกลุ่มพวกที่มีเขาอยู่ด้านหน้าของศรีษะ ตระกูลเดียวกันกับ “เจ้าหน้าสามเขา” (triceratops) ที่พบที่อเมริกาและแคนาดา แต่ว่าตัวนี้ยังไม่มีเขา และน่าจะเป็นบรรพบุรุษของเจ้าสามเขา จึงได้มีการประกาศว่า นี่เป็นไดโนเสาร์พันธ์ุ และชนิดใหม่ ให้ชื่อว่า “เจ้าหน้าเขารุ่นต้นแบบ ของนายแอนดรูว์“ (protoceratop andrewsi) และอีกหนึ่งตัวที่ค้นพบโดยคณะสำรวจกลุ่มนี้ก็คือ “เจ้าไดโนเสาร์ปากนกแก้ว” (psittacosaurus) นั่นเอง
หลังจากค้นพบซากดึกดำบรรพ์ที่คิดว่าเป็นไข่ไดโนเสาร์แล้วหลายใบ ในวันที่ 8 กรกฎาคม 1923 หนึ่งในคณะสำรวจก็ค้นพบรังไข่ไดโนเสาร์ ที่บันทึกรายละเอียดไว้ว่า “ไข่ มีขนาดความยาว 8 นิ้ว เส้นผ่านศูนย์กลาง 7 นิ้ว เปลือกไข่มีความหนา 1 มิลลิเมตร มีทั้งหมด 20 ใบ ในจำนวนนี้ 2 ใบมีลักษณะการแตกออก เผยให้เห็นซากกระดูกของตัวอ่อนอยู่ภายในไข่” ยิ่งไปกว่านั้น ยังค้นพบซากกระดูกของไดโนเสาร์ที่มีลักษณะคล้ายนกวางทับอยู่บนไข่ คณะสำรวจของแอนดรูว์สรุปความเห็นว่า ไข่และรังไข่นี้เป็นของ “เจ้าหน้าเขาต้นแบบ” ส่วนกระดูกที่วางทับอยู่นั้นเป็นของไดโนเสาร์อีกสายพันธุ์หนึ่ง ซึ่งตายลงอย่างกระทันหันเพราะถูกพายุทรายทับถม ในจังหวะที่กำลังจะขโมยกินไข่ของพันธุ์อื่น เจ้าหัวขโมยนี้จึงถูกตั้งชื่อว่า “จอมฉกไข่” (oviraptor) หรือ จอมขโมยไข่
จนกระทั่งอีกประมาณ 70 ปีต่อมา เมื่อมีการค้นพบไข่ไดโนเสาร์ในบริเวณนั้นมากขึ้น และจากการศึกษาโดยวิธีการใช้เครื่องมือสแกนซากกระดูกในไข่พบว่า ตัวอ่อนที่อยู่ในไข่นั้น มีโครงร่างของกระดูกที่แสดงว่าไข่นั้นๆ เป็นไข่ของ “จอมฉกไข่” นั่นเอง เรื่องจึงกลับกลายเป็นว่า oviraptor ที่พบเมื่อปี 1923 นั้น ไม่ได้ขโมยไข่ แต่กำลังกกไข่ของตนเองอยู่ จากหัวขโมยที่ถูกตราหน้า เธอก็ได้รับการชื่นชมว่าเป็น “ซูเปอร์มอม” ผู้ปกป้องไข่ของตนเองแม้ในยามพายุร้ายพัดกระหน่ำ จาก “จอมฉกไข่” เธอกลายเป็น “จอมกกไข่” แต่ทว่า ชื่อที่เป็นทางการก็มิอาจเปลี่ยนได้ เธอจึงต้องถูกเรียกขานว่าเป็นหัวขโมยมาจนถึงทุกวันนี้ น่าสงสารจริงๆนะจ๊ะ พี่น้อง
.
ที่มา https://www.facebook.com/nares.sattayarak
รวบรวมข้อมูลและภาพ www.iok2u.com
-------------------------------------------------
รวมบทความ นเรศ สัตยารักษ์ (Nares Sattayarak)-------------------------------------------------