ว่าด้วยตำนานนครภูเวียง (ฉบับสมบูรณ์) ตอนที่ 1 ปฐมบท ขอนแก่น
“เล่าโดยลอเรศ”
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ยังมีเมืองเมืองหนึ่งชื่อ “นครภูเวียง” (A) ตั้งอยู่บนเกาะขนาดใหญ่ ล้อมรอบด้วยทะเลสุดลูกหูลูกตา ทางด้านตะวันตกของทะเลคือเทือกเขาดงพระยาไฟอันสลับซับซ้อน ส่วนด้านตะวันออกได้แก่เทือกเขาภูพานคำ ที่ประกอบด้วยหินทรายที่ชั้นหินวางตัวยาวเหยียดจากเหนือจรดใต้ เจ้านครภูเวียงมีธิดาองค์หนึ่งชื่อว่า “เจ้าหญิงยูริ” ซึ่งมีรูปโฉมที่งดงามยิ่งนัก กิตติศัพท์ความสวยงามของเจ้าหญิงนั้นลือกระฉ่อนไปทั่วทุกสารทิศ เป็นที่หมายปองต้องการของชายหนุ่มทุกดินแดน รวมทั้งเจ้าเมืองเวียงคุก (B) นครใหญ่ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของนครภูเวียง ซึ่งตำนานบันทึกไว้ว่าเมื่อเจ้าเมืองเวียงคุกได้เห็นภาพวาดของเจ้าหญิงยูริ ก็ไม่สามารถข่มพระทัยได้ พระองค์จึงให้อาลักษณ์ร่างสารแล้วส่งไปถึงเจ้านครภูเวียงเพื่อสู่ขอพระธิดา
เจ้านครภูเวียงได้ประชุมหารือกับเหล่าเสนาอำมาตย์แล้ว เห็นว่าไม่ควรตอบตกลง เพราะเจ้าเมืองเวียงคุกนั้น เป็นผู้ปกครองที่โหดเหี้ยม ดุร้าย หนำซ้ำยังมีมเหสีอยู่แล้วถึง 6 องค์ จึงตอบปฏิเสธไป ซึ่งก็ ทำให้เจ้าเมืองเวียงคุกกริ้วมาก สั่งยกทัพข้ามทะเลเพื่อเข้าโจมตีทำศึกชิงนาง เจ้านครภูเวียงทราบข่าวจึงได้ประชุมแม่ทัพนายกองทั้งหลายอีกครั้งว่าจะรับมือกับสถานการณ์ที่คับขันครั้งนี้อย่างไร เพราะเป็นที่ทราบทั่วไปว่ากองทัพของเมืองเวียงคุกนั้น มีความสามารถในการรบพุ่งสูงมาก ทหารภูเวียงไม่น่าจะสู้ได้ และมีแนวโน้มว่านครภูเวียงคงจะต้องยอมแพ้ ยกเจ้าหญิงยูริให้เจ้าขายจอมโฉด ทว่า ในที่ประชุมนั้นมีชายหนุ่มคนหนึ่งตะโกนขึ้นมาว่า “ข้ามีวิธีการหนึ่ง ที่จะเอาชนะกองทัพเวียงคุกได้” ชายหนุ่มคนนั้นมีชื่อว่า”ลอ” ญาติพี่น้อง มิตรสหายและคนทั่วไปเรียกเขาว่า “บักลอ”
บักลอเป็นลูกพรานป่าผู้เชี่ยวชาญ อาศัยอยู่ที่เชิงเขาทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ของนครภูเวียง เขาจะตามพรานผู้พ่อไปจับสัตว์ป่าทุกครั้ง วิธีการที่สองพ่อลูกใช้และได้ผลตลอดมาก็คือ ให้ลูกน้องตีเกราะเคาะไม้ไล่ต้อนสัตว์ป่าให้วิ่งเตลิดตามลำห้วยเส้นหนึ่งขึ้นไปหาเทือกเขา ร่องห้วยสายนี้จะสิ้นสุดอย่างกระทันหันเมื่อถึงหน้าผาที่ตีนเขา สัตว์ป่าที่ถูกต้อนมาจะไม่มีทางหนีไปไหนได้ เหมือนกับการปิดประตูตีแมวในบ้าน พรานสองพ่อลูกจับสัตว์ป่าได้มากมายด้วยวิธีการนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฝูงหมาป่า จนห้วยเส้นนี้ได้รับการขนานนามว่า “ห้วยประตูตีหมา”
เมื่อได้รับความเห็นชอบให้นำการต่อสู้ บักลอก็ได้จัดกองทหารขึ้นมาสามทัพ ทัพแรกให้ไปทำลายเทือกเขาที่พองหนีบ (C) (ที่ที่ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของสันเขื่อนอุบลรัตน์) ทัพที่สองให้ไปพังทลายภูเขาทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ที่ที่ปัจจุบันเป็นช่องสามหมอ (D) อำเภอแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ) กองทัพสุดท้ายให้ไปทำลายภูเขาที่ที่ปัจจุบันเป็นขอบที่ราบสูงโคราชที่แม่น้ำชีตัดผ่าน อำเภอหนองบัวแดง ชัยภูมิ (E) และเมื่อภูเขาที่ปิดกั้นทะเลด้านตะวันออกพังทลายลง น้ำทะเลที่เคยอยู่ล้อมรอบนครภูเวียงอยู่ก็ไหลทะลักออกไปทางตะวันออก ท่วมที่ราบ ทุ่งนา ทุ่งหญ้า เป็นบริเวณกว้างใหญ่ จนกระทั่งต่อมาเมื่อเหือดแห้งก็กลายเป็นเกลือหิน ยิปซัม และโปแทช กระจายอยู่ทั่วแผ่นดินที่ราบสูงโคราชบ้านเอง
เมื่อน้ำทะเลล้อมรอบนครภูเวียงแห้งหายไป กองทัพเรือของเมืองเวียงคุกที่กำลังเคลื่อนพลมา ก็ไปเกยตื้นอยู่ที่ที่ปัจจุบันเป็นอำเภอหนองเรือ ขอนแก่น กองทัพแพก็ไปติดขลักกันอยู่ที่ที่ปัจจุบันเป็นอำเภอชุมแพ ขอนแก่น ส่วนเรือสำเภาของเจ้าเมืองเวียงคุกนั้น ประสบปัญหาจนล่ม แล้วพลิกคว่ำ เอาท้องเรือหงายขึ้น กลายเป็นภูสะเภา ที่อำเภอภูเขียว ชัยภูมิ
จบตำนานนครภูเวียงตอนที่ 1 โปรดติดตามอ่านตอนอวสานนะครับ พ่อแม่พี่น้อง
ที่มา https://www.facebook.com/nares.sattayarak
รวบรวมข้อมูลและภาพ www.iok2u.com
-------------------------------------------------
รวมบทความ นเรศ สัตยารักษ์ (Nares Sattayarak)-------------------------------------------------