iok2u.com แหล่งรวมข้อมูลข่าวสารเรื่องราวน่าสนใจเพื่อการศึกษาแลกเปลี่ยนและเรียนรู้

มิสเตอร์เรน (Mr. Rain) และมิสเตอร์เชน (Mr. Chain)
Mr. Rain และ Mr. Chain สองพี่น้องในโลกออฟไลน์และออนไลน์ที่จะมาร่วมมือกันสร้างสื่อสารสนเทศ เพื่อเผยแพร่ให้ความรู้ในเรื่องราวต่างๆ มากมายสร้างสังคมในการเรียนรู้ หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลยโดยไม่ต้องตอบแทนกลับมา
ยืนหยัด เข้มแข็ง และกล้าหาญ (Stay Strong & Be Brave)
ขอเป็นกำลังใจให้คนดีทุกคนในการต่อสู้ความอยุติธรรม ในยุคสังคมที่คดโกงยึดถึงประโยชน์ส่วนตนและพวกฟ้องมากกว่าผลประโยชน์ส่วนรวม จนหลายคนคิดว่าพวกด้านได้อายอดมักได้ดี แต่หากยึดคำในหลวงสอนไว้ในเรื่องการทำความดีเราจะมีความสุขครับ
Pay It Forward เป้าหมายเล็ก ๆ ในการส่งมอบความดีต่อ ๆ ไป
เว็ปไซต์นี้เกิดจากแรงบันดาลใจในภาพยนต์เรื่อง Pay It Forward ที่เล่าถึงการมีเป้าหมายเล็ก ๆ กำหนดไว้ให้ส่งมอบความดีต่อไปอีก 3 คน หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลยโดยไม่ต้องตอบแทนกลับมา อยากให้ส่งต่อเพื่อถ่ายทอดต่อไป

Nares เวียดนาม เที่ยวเดียนเบียนฟู ซาปา ประสานักธรณีฯ (11) ฟานซีปัน มันซักมอกได

ภาพที่ 1แผนผังการเดินทางจากเมืองซาปาไปยอดเขาฟานซีปัน

 

เที่ยวเดียนเบียนฟู กับซาปา ประสานักธรณีฯ (11) ฟานซีปัน มันซักมอกได
7 เมษายน 2567 ข้าพเจ้าและคณะผู้อยู่เฉยไม่เป็นสุขกลุ่มหนึ่ง ได้พากันเดินทางขึ้นสู่ยอดเขาฟานซีบัน ที่ยอมรับกันว่า เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในคาบสมุทรอินโดจีน ซึ่งการเดินทางในครั้งนี้จะมี 3 ขั้นตอนดังนี้ (ภาพที่ 1) นั่งรถรางจากกลางใจเมืองซาปาไปสถานีเมืองเฮา ขั้นตอนที่สอง นั่งเคเบิ้ลคาร์ ไปที่สถานีฟานซีปัน จากนั้น นั่งรถรางขนาดเล็กไปจนเกือบถึงยอดเขาฟานซีปัน ส่วนขากลับนั้น เราจะเดินลงด้วยเท้า จากยอดสูงสุดมาที่สถานีฟานซีบัน
ว่ากันว่า สภาพอากาศของเมืองซาปาและระหว่างการเดินทางขึ้นสู่ยอดเขาฟานซีปันนั้น แปรปรวนง่ายในแต่ละเดือน ในแต่ละวัน และแต่ละช่วงของวัน การเดินทางของคณะข้าพเจ้าเช่นนี้ก็เช่นกัน ในวันแรกที่พวกเราไปถึงนั้น ท้องฟ้าโปร่งใส อุณหภูมิสูงเกือบ 30 องศาเซลเซียส สามารถมองเห็นภูมิประเทศได้ระยะทางไกล จนเห็นยอดเขาทั้งด้านทิศเหนือและใต้ แต่วันถัดมากลับถูกปกคลุมด้วยหมอกและเมฆ ไม่สามารถมองเห็นได้ไกลกว่า 100 เมตร
การเดินทางของข้าพเจ้าในครั้งนี้สามารถกล่าวถึงธรณีวิทยาในแต่ละช่วงของการเดินทางได้ดังนี้
1. ระหว่างการนั่งรถรางจากใจกลางเมืองไปขึ้นสถานีเคเบิ้ลคาร์นั้น เราสามารถมองเห็นเทือกเขาและหน้าผาของหินปูน (ในรายงานระบุว่าเป็นหินอ่อน) ที่จัดได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของมวลหินทบตัวซาปา (Sapa Nappe) ได้ชัดเจนในบางช่วงของเส้นทาง และเวลา เสียดายที่ไม่มีภาพถ่ายมาอวดแฟนานุแฟน
2. ช่วงที่สอง ที่เดินทางด้วยเคเบิ้ลคาร์นั้น มีหมอกปกคลุมตลอด จึงไม่กล้าบรรยายถึงสภาพธรณีวิทยาของเส้นทางได้เลย
 

-------------------------------------------------

ที่มา

-  https://www.facebook.com/nares.sattayarak

รวบรวมข้อมูลและภาพ

-  www.iok2u.com

-------------------------------------------------

บทความ ดร. นเรศ สัตยารักษ์ (Nares Sattayarak)

รวมบทความที่น่าสนใจจากนักธรณีวิทยาของไทย

-------------------------------------------------

 

 
 
 ภาพที่ 2 ภาพถ่ายหินแกรนิตบนยอดเขาฟานซีปัน แสดงแนวรอยแยกทั้งหลัก(เส้นสีแดงหนา) และรอง(เส้นสีแดงบาง) สายแร่ควอรตซ์ (รูปล่างซ้าย) รวมทั้งหินแกรนิตเนื้อแปร ที่พบระหว่างทางเดินลง (รูปล่างขวา)
 
3. ช่วงสุดท้ายนั้น เราเดินทางขึ้นยอดเขาด้วยรถราง และเดินด้วยเท้ากลับลงมา ทำให้เราได้เชื่อว่า เขาฟานซีปันนั้นเป็นหินแกรนิตทั้งสิ้น ที่จุดสูงสุด ณ บริเวณที่มีการสร้างปิรามิดโลหะวางทับลานหินอยู่นั้น เราเห็นหินแกรนิตเนื้อหยาบมีรอยแยก (joints) สองชุดคือ N60E (แนวหลัก) และ N30W (แนวรอง) (ภาพที่ 2 รูปบน) พบสายแร่ควอรตซ์ หนาประมาณ 1 เซนติเมตร ตัดผ่านเนื้อหินอยู่ทั่วไป แต่ไม่สามารถระบุได้ว่ามีระบบเช่นไร (ภาพที่ 2 รูปล่างซ้าย
4. ระหว่างทางเดินลงนั้น นอกจากจะพบสายแร่ควอรตซ์ทั่วไปแล้วเรายังพบหินเป็กมาไรต์ตัดเข้ามาในหินแกรนิต (pegmatite dike) (ภาพที่ 2 รูปล่างขวา)
 
 
ภาพที่ 3 ภาพเสาธงชาติเวียดนามบนยอดเขาฟานซีปัน และหินเป็กมาไตต์ที่ตัดผ่านหินแกรนิต
 
5. เราสังเกตเห็นได้ว่า หินที่ถูกนำมาใช้เป็นทางเดินขี้นลงระหว่างเส้นทางในช่วงบนสุดนั้นเป็นหินปูนสีเทาดำ และสีเทาเขียว (ภาพที่ 3) แต่ในป้ายที่เจดีย์ 11 ชั้นระบุว่า สร้างขึ้นด้วยหินสีเขียวจากเมืองนิงห์บิงห์ (Ninh Bing Greenstone) ซึ่งตามความรู้ของข้าพเจ้าแล้ว ที่เมืองนั้นประกอบขึ้นด้วยหินปูนยุคไทรแอสสิก แต่ที่เจดีย์แห่งนี้ พบว่าหินสีเทาเขียวนี้ มีทั้งที่เป็นหินกรวดมนเนื้อแปร (ภาพที่ 3 รูปล่างซ้าย) และหินปูนแสดงชั้น
6. ตามเส้นทางเดิน และผนังทางเดิน เราพบว่าสร้างขึ้นมาจากหินปูนสีเทาดำ รวมทั้งที่บริเวณองค์พระอสิตพุทธ แต่ป้ายระบุว่าสร้างจากหินสีเขียว ไม่ระบุที่มา หินเหล่ามักจะพบซากดึกดำบรรพ์ฝังอยู่ (ภาพที่ 3 รูปบนทั้งสองข้าง) รวมทั้งสายแร่แคลไซต์ที่พบมากมาย และที่น่าประทับใจก็คือแผ่นหินปูนที่ใช้สร้างหน้าจั่วของซุ้มประตูคร่อมทางเดินแห่งหนึ่ง ที่เห็นการเกิดหินย้อยจากสายแร่ดังกล่าวนี้ (ภาพที่ 3 รูปล่างขวา)
 
 
7. ในช่วงหนึ่งของทางเดินเราพบหินแกรนิตเนื้อแปร แสดงการเรียงตัวกันของแร่ไบโอไตต์ (ภาพที่2 รูปล่างขวา) ทำให้อยากจะเปลี่ยนใจฟันธงว่า ก้อนหินลึกลับที่มีการแกะสลักที่พบในหุบเขาเมืองเฮานั้น น่าจะเป็นหินแกรนิตที่ถูกถล่มลงไปจากเทือกเขาฟานซีปันมากกว่า
เรื่องราวทั้งเบิ้ดก็เป๋นจังซี้หละครับ อ้ายสารวัตร
 
 
 
 

ที่มา https://www.facebook.com/nares.sattayarak

รวบรวมข้อมูลและภาพ www.iok2u.com

-------------------------------------------------

รวมบทความ นเรศ สัตยารักษ์ (Nares Sattayarak)

-------------------------------------------------

ขอต้อนรับเข้าสู่เว็บไซต์
www.iok2u.com
แหล่งข้อมูลสารสนเทศเพื่อคุณ

เว็บไซต์ www.iok2u.com นี้เกิดมาจาก แรงบันดาลใจในภาพยนต์เรื่อง Pay It Forward โดยมีเป้าหมายเล็ก ๆ ที่กำหนดไว้ว่า ทุกครั้งที่เข้าเรียนสัมมนาหรืออบรมในแต่ละครั้ง จะนำความรู้มาจัดทำเป็นบทความอย่างน้อย 3 เรื่อง เพื่อมาลงในเว็บนี้
ความตั้งใจที่จะถ่ายทอดความรู้ที่ได้รับมาทำการถ่ายทอดต่อไป และหวังว่าจะมีคนมาอ่านแล้วเห็นว่ามีประโยชน์นำเอาไปใช้ได้ หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลย โดยอาจไม่ต้องอ้างอิงที่มาหรือมาตอบแทนผู้จัด แต่ขอให้ส่งต่อหากคิดว่ามันดีหรือมีประโยชน์ เพื่อถ่ายทอดความรู้และสิ่งดี ๆ ต่อไปข้างหน้าต่อไป Pay It Forward