iok2u.com แหล่งรวมข้อมูลข่าวสารเรื่องราวน่าสนใจเพื่อการศึกษาแลกเปลี่ยนและเรียนรู้

มิสเตอร์เรน (Mr. Rain) และมิสเตอร์เชน (Mr. Chain)
Mr. Rain และ Mr. Chain สองพี่น้องในโลกออฟไลน์และออนไลน์ที่จะมาร่วมมือกันสร้างสื่อสารสนเทศ เพื่อเผยแพร่ให้ความรู้ในเรื่องราวต่างๆ มากมายสร้างสังคมในการเรียนรู้ หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลยโดยไม่ต้องตอบแทนกลับมา
Pay It Forward เป้าหมายเล็ก ๆ ในการส่งมอบความดีต่อ ๆ ไป
เว็ปไซต์นี้เกิดจากแรงบันดาลใจในภาพยนต์เรื่อง Pay It Forward ที่เล่าถึงการมีเป้าหมายเล็ก ๆ กำหนดไว้ให้ส่งมอบความดีต่อไปอีก 3 คน หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลยโดยไม่ต้องตอบแทนกลับมา อยากให้ส่งต่อเพื่อถ่ายทอดต่อไป
ยืนหยัด เข้มแข็ง และกล้าหาญ (Stay Strong & Be Brave)
ขอเป็นกำลังใจให้คนดีทุกคนในการต่อสู้ความอยุติธรรม ในยุคสังคมที่คดโกงยึดถึงประโยชน์ส่วนตนและพวกฟ้องมากกว่าผลประโยชน์ส่วนรวม จนหลายคนคิดว่าพวกด้านได้อายอดมักได้ดี แต่หากยึดคำในหลวงสอนไว้ในเรื่องการทำความดีเราจะมีความสุขครับ

 Waranon จีน ลาซา Everest Base Camp

 
 
เขาว่ากันว่า ยอดเขาเอเวอร์เรสข้างหลัง สูง 8,848.86 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล
 

Everest Base Camp Tibet China

หนึ่งในความไฝ่ฝันมาตั้งแต่เป็นเด็กคือ การได้มาเห็น ยอดเขาเอเวอร์เรส Mount Everest สักครั้ง ในชีวิต
การปีนเขา Everest นั้น คงเป็นสิ่งที่ไกลเกินเอื้อม ทั้งสภาพร่างกาย ที่ต้องแข็งแรงมาก ควรจะเป็นนักกีฬา ต้องฝึกหายใจบนที่สูง ที่มีอากาศเบาบาง และที่สำคัญ เขาว่ากันว่าต้องใช้เงินเยอะมาก ก็คงจะไม่ไหวมั้งครับ

หลายปีก่อนโน้น สมัยเคยทำงานอยู่ในประเทศอินเดีย ก็เคยมีความคิดจะไปเยือน Base Camp ในฝั่งเนปาล แต่การหาข้อมูลในสมัยนั้นก็ยุ่งยาก ระยะทางไกล แค่นั่งรถไฟก็หมดเป็นวันๆ ก็เลยยกเลิกความคิดไป แต่เมื่อสักยี่สิบกว่าปีนี้ เคยไปเที่ยวเนปาลมาครั้งหนึ่ง แต่พอเห็นโปรแกรมการเดิน แล้วก็ถอย เพราะเดินไกลหลายวัน และเดินไต่ความสูงสามสี่พันเมตร ก็เป็นเรื่องที่ดูจะยากไปสำหรับข้าพเจ้า

แต่พอปีนี้มาเจอโปรแกรมมา Everest Base Camp ฝั่งทิเบต ที่รถยนตร์ จากเมือง ลาซา ที่ความสูง 3,600 เมตร จนมาถึง ที่ระดับความสูง 5,200 เมตร ถึงตีนเขา เอเวอร์เรส ก็ดีใจมาก ที่จะมาเติมความฝันของตัวข้าพเจ้าให้เต็ม ประหยัดแรงเดินไปตั้งเยอะ สะดวกกว่ามากกว่าฝั่งเนปาล

การมาเยี่ยม Everest Base Camp ในทิเบต ด้วยตัวเองนั้น ยังคงไม่ง่ายนัก เนื่องจากต้องใช้ Permit มากมายหลายขั้นตอน ดังนั้นการใช้บริการทัวร์ฝั่งไทยและฝั่งทิเบต จึงยังเป็นสิ่งที่จำเป็น การเดินทางมาลาซา ทิเบต จะเลือกบินตรงมาเลยก็ได้ หรือ ไปนั่งรถไฟสาย Trans Tibet จาก เมืองซีหนิง Xi Ning มาลาซาก็ได้ แล้วแต่ว่าอยากจะเพิ่มความมันส์ ให้กับชีวิตสักขนาดไหน

การปรับสภาพความสูงสำหรับคนไทย เป็นสิ่งที่จำเป็นมาก ดังนั้น การมานั่งๆนอนๆพักผ่อน ชมวัด และสถานที่ท่องเที่ยวใน ลาซา แบบ ชิลๆ ง่ายๆ ไม่เร่งร้อน สักสองถึงสี่วัน จึงสำคัญมาก แล้วค่อยๆ เริ่มเดินทาง แว่ะระหว่างทางไปแบบสบายๆ จะช่วยให้ร่างกายของเรา ไม่ฝืนเกินไป 

บนที่ราบสูงทิเบตนี้ มีความสูงตั้งแต่ สามพันเมตร ถึงสี่พันห้าร้อยเมตร ก็นับว่าสูงมากเมื่อเทียบกับกรุงเทพ ที่มีความสูงเหนือน้ำทะเลแค่ สามสี่เมตร และ ที่ทิเบตนี้ มีเทือกเขาหิมาลัย สูง หกพันถึงแปดพันเมตรยาวหลายพันกิโลเมตร ขวางทางลม บังเมฆฝน ที่พัดมาจากมหาสมุทรอินเดีย ทำให้เมฆฝนจะลอยสูง ไปตกอีกทีแถวไซบีเรียปู้น ดังนั้น พื้นที่แถวนี้ จนถึงซินเกียง เลยกลายเป็นพื้นที่อับฝน ได้แต่มองเมฆ พัดข้ามหัวไป พื้นที่แถวนี้ ก็เลยกลายเป็นทะเลหิน ภูเขาหิน สุดลูกหูลูกตา แต่ก็ยังดีที่ ยอดภูเขาที่สูงเกิน ห้าพันเมตร ที่มีหิม่ะปกคลุมทั้งปี มีหลายสิบยอด ที่คอยให้น้ำที่ละลายจากหิม่ะ มาป้อนเป็นน้ำดื่มน้ำใช้ให้กับคนทิเบตมาช้านาน

คนทิเบตใช้น้ำที่ละลายจากหิม่ะบนยอดเขา ปลูกข้าวบาร์เลย์ ได้ปีล่ะครั้ง สี่เดือนจึงจะเก็บเกี่ยวได้ กับเลี้ยงวัวจามรี หรือ Yak ก็นับว่าลำบากยากจนมาก ช่วงที่ข้าพเจ้ามาชม Everest Peak นี้ เป็นปลายเดือนพฤษภาคม 2024 นี้ เริ่มเข้าหน้าร้อนแล้ว ที่ลาซา อุณหภูมิ 12-20°C และที่ Everest Base Camp อยู่ที่ -4° ถึง 15° C แต่ตอนหัวค่ำลมเย็นจะไหลพรั่งพรู ไหลลงมาจากยอดเขา Everest ลงมาตาม Gracier และ ลำห้วย จนมาถึงแค้มป์ จะรู้สึกหนาวลมเป็นพิเศษ

ข้าพเจ้านั่งมองยอดเขา Everest จนพระอาทิตย์ตก ระหว่างนั้นก็ใช้กล้องส่องทางไกลขนาดเล็กที่พกเอามาด้วย ก็สังเกตุว่า ส่วนยอดของภูเขาจะเป็นทรงสามเหลี่ยมหน้าจั่ว ใต้สามเหลี่ยมหน้าจั่วนั้น จะเป็น หินปูน Limestone bed ที่เหลืองนวล ที่ชัน สังเกตุง่ายเพราะจะไม่มีหิม่ะปิดคลุม และใต้นั้นเขาว่ากันว่าจะเป็น Slightly metamorphosed rock สีเทาเข้ม และ รองรับด้วย Granitic gneiss สีเหลืองนวลอีกทีหนึ่ง ซึ่ง หินที่ว่ามานี้ มีความทนทานต่อการบีบอัดและ ผุกร่อนได้ดี จึงอาจจะเป็นส่วนที่สำคัญที่ทำให้ ยอดเขาเอเวอร์เรส ถึงยืนตระหง่านเสียดฟ้า ได้สูงที่สุดในโลก

ข้าพเจ้าดีใจมาก ที่ได้มาเยือนใกล้ๆ ระยะทางวัดบน Google map ก็แค่ 8 กิโลเมตร มันดูเหมือนอยู่ใกล้มาก แทบจะเอื้อมเอามือไปจับได้เลยล่ะขอรับ Everest Base Camp ฝั่งทิเบตนี้ ไปง่ายมาง่าย เห็นยอดเขาเอเวอร์เรส เหมือนกัน ค่าใช้จ่ายถูกกว่าฝั่งเนปาล และดีกว่าที่ไม่ต้องเดิน จึงน่าสนใจมากกว่าเยอะ ข้าพเจ้าจึงอยากจะเชิญชวนเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ มิตรสหายทุกท่านมาเที่ยวกันน่ะครับ

คุ้มค่าจริงๆครับ

 

 
.

-------------------------------------------------

ที่มา

https://www.facebook.com/waranon555

  
 
ยอดเขา เอเวอร์เรส Everest Peak อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม
.
 
ความสุขที่จิบได้ ที่ความสูงที่สุดที่เคยเจอ
.
Golden Everest ในยามเย็น สีทองสวยงามมากๆ ข้าพเจ้ากำลังสงสัยว่า กลุ่มของข้าพเจ้าเป็นคนไทยกลุ่มแรกที่ได้มาเห็นยอดเขาเอเวอร์สีทองในฝั่งทิเบตหรือเปล่าน่ะ
.
ถนนซิกแซก ไต่ขึ้นสันเขา โดยมียอดเขาเอเวอร์เรส อยู่เบื้องหลัง
.
 
ในยามค่ำคืน เงาของ Everest peak เป็นสีดำทะมึน ตัดกับท้องฟ้าสีขาวเรื่อๆ จากแสงดาวที่สะท้อนกับหิม่ะ และ แสงฟ้าฝ่าในเขตเนปาล
.
ฝูงจามรีกำลังกินหญ้า มองไกลๆ ไม่เห็นจะมีหญ้าสักต้น ต้องก้มมองใกล้ๆ เป็นเส้นเขียวๆเล็กๆ โถ ลำบากแท้
.
น่าจะเป็น Granitic Gneiss?? เป็น low graded Metamorphic Rock ที่หนุนอยู่ด้านล่างสุดของ Everest peak
.
ดูเหมือนจะเป็น Metamorphosed Sandstone เป็น contact metamorphic rock ที่เรียกว่าอะไรน้า..ลืมไปล่ะ ตัวนี้น่าจะวางตัวอยู่ใต้หินปูนที่อยู่เกือบบนยอดสุดของ Everest peak.
.
พื้นที่ปลูกข้าวบาร์เลย์ ตามร่องหุบเขา
.
ฟอสซิล Trilobite ที่อาศัยอยู่ในทะเล ที่คาดว่าจะจะเป็น อายุ 240-270 ล้านปีของยุค Permian ที่น่าจะเป็นหินชั้น ที่แก่ที่สุดในบริเวณนี้ เจ้าตัวนี้ กว้างราวๆ 1.2" ยาวสัก 2" แต่หัวขาดไปนิด เจ้าตัว Trilobite แบบนี้ ข้าพเจ้าเคยเห็นที่แถวๆ กระบี่พังงา บ้านเรา อยู่ในชั้นหินทราย ใต้เขาหินปูน แต่ที่บ้านเราจะตัวเล็กกว่านี้ ประมาณปลายนิ้วนาง เท่านั้นเองครับ ยาวประมาณสักข้อนิ้วมือ แต่หัวขาดหมดทุกตัว อาจจะเป็นเพราะว่า ที่บ้านเราน้ำทะเลอาจจะแรงกว่าที่นี่ ในขณะที่หินตกตะกอน ก็เป็นได้.
.
ฟอสซิล Ammonite ที่อาศัยในทะเลอายุ 210-240 ล้านปี ของยุค Triassic ที่พอจะเทียบเคียงกับหิน อายุเดียวกันกับที่พบในจังหวัดลำปางของไทย ซึ่งก็พบ Ammonite เหมือนกัน แต่ตัวจะเล็กกว่านี้
.
ชั้นหินของ Asian plate?? คดโค้งที่ถูกแรงบีบอัดจาก Indian plate ที่วิ่งเขามาชน
.
มองจากยอดเขาลงไปตีนเขา ในอดีต บริเวณนี้เคยเป็นร่องธารน้ำแข็งโบราณ แต่ต่อมาเกิด Global warming เมื่อแสนปีที่แล้ว ธารน้ำแข็งก็เลยหดตัวขึ้นไปอยู่บนยอดเขา.
.
.................
 

ขอต้อนรับเข้าสู่เว็บไซต์
www.iok2u.com
แหล่งข้อมูลสารสนเทศเพื่อคุณ

เว็บไซต์ www.iok2u.com นี้เกิดมาจาก แรงบันดาลใจในภาพยนต์เรื่อง Pay It Forward โดยมีเป้าหมายเล็ก ๆ ที่กำหนดไว้ว่า ทุกครั้งที่เข้าเรียนสัมมนาหรืออบรมในแต่ละครั้ง จะนำความรู้มาจัดทำเป็นบทความอย่างน้อย 3 เรื่อง เพื่อมาลงในเว็บนี้
ความตั้งใจที่จะถ่ายทอดความรู้ที่ได้รับมาทำการถ่ายทอดต่อไป และหวังว่าจะมีคนมาอ่านแล้วเห็นว่ามีประโยชน์นำเอาไปใช้ได้ หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลย โดยอาจไม่ต้องอ้างอิงที่มาหรือมาตอบแทนผู้จัด แต่ขอให้ส่งต่อหากคิดว่ามันดีหรือมีประโยชน์ เพื่อถ่ายทอดความรู้และสิ่งดี ๆ ต่อไปข้างหน้าต่อไป Pay It Forward