เที่ยวอุบลราชธานี เขมราฐ วัดพระโต (Khemmarat Phra To Temple)
เที่ยวอุบล พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ วัดพระโต เขมราฐ อุบลราชธานี ตั้งเมื่อ พ.ศ. 2378 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อ พ.ศ.2516 ชาวบ้านจะเรียกกันว่าวัดปากแซง พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย สร้างด้วยอิฐผสมปูนขาว ขนาดหน้าตักกว้าง 2.90 เมตร สูง 4.36 เมตร มีอายุเก่าแก่และเป็นที่เคารพนับถือ ของประชาชนฝั่งไทยและฝั่งลาว ข้ามเรือจากฝั่งลาวมาได้ มีสะพานเดินขึ้นมาจากริมน้ำ
ประวัติ
พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย สร้างด้วยอิฐผสมปูนขาว ขนาดหน้าตักกว้าง 2.90 เมตร สูง 4.36 เมตร สูง 1.19 เมตร พระพุทธรูปที่เก่าแก่และมีความศักดิ์สิทธิ์เป็นที่เคารพบูชาของประชาชนคนไทย และประชาชนจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) เลื่อมใสศรัทธากราบไหว้บูชาตลอดมา จนกลายเป็นประเพณีที่สำคัญในการนมัสการพระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ ระหว่างวันขึ้น 9 ค่ำถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ของทุกปี และจะมีประชาชนจากทั่วสารทิศ ทั้งไทย-ลาว ได้มานมัสการจำนวนมาก ประวัติการสร้างพระเจ้าใหญ่องค์ตื้อไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด มีเพียงการบันทึกจากคำบอกเล่าของคนแก่ ซึ่งได้เล่าสืบทอดกันมาว่า
มีกษัตริย์สมัยขอมพระองค์หนึ่ง ทรงพระนามว่า พระยาแข้วเจ็ดถัน ได้เสด็จล่องเรือลงมาตามลำแม่น้ำโขงในฤดูฝน พอถึงบ้านปากแซงก็ค่ำลง จึงได้หยุดประทับแรม 1 คืน วันรุ่งขึ้น พระองค์ได้เสด็จขึ้นไปยังหมู่บ้าน และได้พบกับเจ้ากวนของหมู่บ้านในสมัยนั้น พระยาแข้วเจ็ดถัน ได้ตรัสถามถึงประวัติของหมู่บ้าน เจ้ากวนได้เล่าให้ฟังว่า บ้านนี้มีหาดสวยงามกว้างใหญ่ ในฤดูแล้ง หาดทรายจะโผล่ขึ้นเหนือผิวน้ำ และหาดทรายแห่งนี้มีสิ่งอัศจรรย์อยู่คือ ถ้าปีใดหาดทรายโผล่ขึ้นเหนือผิวน้ำระหว่างหมู่บ้าน ประชาชนจะอยู่เย็นเป็นสุข เมื่อพระองค์ได้ทราบก็เกิดศรัทธาในใจว่า สักวันหนึ่งจะต้องย้อนกลับมาสร้างหมู่บ้านนี้ให้เป็นเมือง
ในราว พ.ศ. 1154 พระองค์ ก็ได้เสด็จมา พร้อมด้วยข้าทาสบริวารเป็นจำนวนมาก เมื่อเสด็จมาถึง พระองค์จึงได้มอบให้เจ้าแสง (คงจะเป็นนายชั้นผู้ใหญ่) เป็นคนควบคุมการก่อสร้างพร้อมกันนี้ก็ได้สร้างพระพุทธรูปขึ้นองค์หนึ่ง ซึ่งสร้างแล้วเสร็จเมื่อประมาณ พ.ศ. 1180 และขนานนามว่า พระอินทร์ใส่โฉม (ต่อมาเรียก พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ) เมื่อเจ้าแสงก็ถึงกรรมลง ชาวเมืองได้สร้างหอหลักเมืองขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ และขนานนามว่า หอแสง ต่อมาวัดแห่งนี้ก็ขาดคนบูรณะ และกลายเป็นวัดร้าง จนกระทั่งเวลาผ่านไปหลายร้อยปี ควาญช้างในหมู่บ้านนี้ ได้ไปพบพระพุทธรูปองค์ดังกล่าว และได้บอกบุญชาวบ้านร่วมกันบูรณะวัดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งและต่อมาจึงเปลี่ยนชื่อวัดเป็น “วัดพระโต”
และจากหลักฐานการบูรณะวัดพระโต ในปี พ.ศ.2461 พระครูกุ พร้อมชาวบ้านได้ร่วมกันก่อสร้างวิหารโดยว่าจ้างช่างชาวญวนใช้เวลาสร้าง 3 ปี และจารึกไว้ที่วิหารว่า “ข้าพเจ้าพระครูทองกุศกร สมภาควัดกลางเขมราฐ มีท่านพระครูกุ เป็นประธานพร้อมด้วยข้าพเจ้าทั้งหลายทั้งกำนันผู้ใหญ่บ้านได้พร้อมใจกันบริจาคทรัพย์สร้างวิหารพระเจ้าใหญ่ปากแซง ใน 5 หมู่บ้าน คือ บ้านปากแซง บ้านนาทราย บ้านพะลาน บ้านบก บ้านทุ่งเกลี้ยง ได้จ้างคนอานาม (เวียดนาม) เป็นเงิน 700 บาท สร้างเมื่อ พ.ศ. 2463 ถึง พ.ศ. 2468 แล้วเสร็จ”
พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อจากอดีตถึงปัจจุบันยังคงเป็นปูชนียวัตถุอันสำคัญเป็นพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นศูนย์รวมดวงใจชาวไทย – ลาวสองฝั่งโขง เชื่อมโยงสู่ความเจริญทางด้านจริยธรรม คุณธรรม และประเพณีอันดีงามให้อนุชนรุ่นหลังได้สืบสานต่อไปไม่มีวันเสื่อมคลาย
ปัจจุบันวัดพระโต ถูกพัฒนาขึ้นมากมีการปรับปรุงภูมิทัศน์และสถานที่สำหรับอำนวยความสะดวกให้กับพุทธศาสนิกชนรวมทั้งนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ตามลำน้ำโขงที่จังหวัดอุบลราชธานี เช่น สามพันโบก บ้านสองคอน หาดสลึง และต้นปี 2553 มีการค้นพบแหล่งท่องเที่ยวสองฝั่งโขง คือ เก้าพันโหง่น ที่เป็นเกาะแก่งหินกลางลำน้ำโขงตั้งตระหง่านหลายพันก้อน หลายพันโหง่น และหาดทรายที่สวยงามใกล้กับวัดพระโต นับเป็นดินแดนสงบ ปลอดภัย น่าอยู่ น่าเที่ยวอีกแห่งหนึ่งในจังหวัดอุบลราชธานี
-----------------------------------------
ที่มาข้อมูล
-
รวบรวมรูปภาพ
-----------------------------------------
เที่ยวอุบลราชธานี (Travel Ubonratchathani)
-----------------------------------------
ชมอัลปั้มภาพเพิ่มเติมที่
https://www.facebook.com/udomtanateera.k/media_set?set=a.1157484337619355&type=3
.