2014 ตุนหวง อุทยานธรณีโลก (Dunhuang UNESCO GLOBAL GEOPARK)

แผนที่ https://maps.app.goo.gl/oroUURP8acjsHuE3A
การเดินทางสู่หัวใจธรณีตุนหวง: มรดกโลกแห่งธรรมชาติและวัฒนธรรม (Journey to the Geo-Heart of Dunhuang: A World Heritage of Nature and Culture)
อุทยานธรณีโลกตุนหวง (Dunhuang UNESCO Global Geopark) ตั้งอยู่ในเมืองตุนหวง มณฑลกานซู สาธารณรัฐประชาชนจีน ได้รับการประกาศให้เป็นอุทยานธรณีโลกโดยยูเนสโกเมื่อปี พ.ศ. 2558 (2015) ครอบคลุมพื้นที่กว้างใหญ่กว่า 218,075 เฮกตาร์ (hectares) อุทยานแห่งนี้เป็นผืนแผ่นดินที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง ทั้งในเชิงธรณีวิทยา การศึกษา และการท่องเที่ยวเชิงธรณี (geo-tourism) ด้วยการผสมผสานภูมิทัศน์ทางธรณีวิทยาอันเป็นเอกลักษณ์เข้ากับมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่า ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงพลวัตอันน่าทึ่งของโลกและบทบาทของมนุษย์ที่ถักทออยู่กับธรรมชาติมายาวนาน
ความสำคัญของอุทยานธรณีโลกตุนหวงไม่เพียงอยู่ที่ความงดงามของทัศนียภาพอันแปลกตา แต่ยังรวมถึงคุณค่าทางวิทยาศาสตร์ในการศึกษาการวิวัฒนาการของสิ่งแวดล้อมในภูมิภาคที่แห้งแล้งจัด (extremely arid region) และกระบวนการทางธรณีวิทยาที่ซับซ้อน เช่น การก่อกำเนิดของธรณีสัณฐานแบบยาร์ดัง (Yardang landforms) ทะเลทราย (desert) และโกบี (Gobi) นอกจากนี้ อุทยานยังเป็นแหล่งเรียนรู้ชั้นยอดสำหรับการส่งเสริมการอนุรักษ์ธรณี (geoconservation) และการศึกษาธรณีศาสตร์ (Earth Science education) เพื่อสร้างความเข้าใจในความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับโลก และกระตุ้นจิตสำนึกในการรักษามรดกทางธรณีวิทยาและวัฒนธรรมให้ยั่งยืนสืบไป
บริบททางภูมิศาสตร์และธรณีวิทยา (Geographical & Geological Context)
ลักษณะภูมิประเทศ (Topography)
อุทยานธรณีโลกตุนหวงตั้งอยู่ในแอ่งกราเบนอันซี-ตุนหวง (Anxi-Dunhuang Graben Basin) ทางทิศตะวันออกของแผ่นทาริม (Tarim plate) ซึ่งเป็นภูมิประเทศที่โดดเด่นด้วยลักษณะภูมิอากาศแบบแห้งแล้งจัด ภูมิประเทศหลักประกอบด้วยผืนทะเลทรายอันกว้างใหญ่ เนินทราย และพื้นที่โกบีที่เป็นพื้นกรวดทราย นอกจากนี้ยังพบธรณีสัณฐานแบบยาร์ดัง (Yardang landforms) ที่กระจายตัวอยู่หนาแน่นและมีรูปร่างงดงามเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งเป็นผลมาจากกระบวนการกัดเซาะโดยลม (aeolian erosion) อย่างต่อเนื่อง
ธรณีวิทยาและกระบวนการก่อกำเนิด (Geology and Formation Process)
ธรณีวิทยาในพื้นที่อุทยานส่วนใหญ่ประกอบด้วยชั้นหินตะกอนยุคควอเทอร์นารี (Quaternary strata) ซึ่งเป็นชั้นหินที่ค่อนข้างอ่อนและเป็นวัสดุหลักในการก่อกำเนิดธรณีสัณฐานต่างๆ
-
ธรณีสัณฐานแบบยาร์ดัง (Yardang Landforms): เกิดจากการกัดเซาะของลม (wind erosion) และอนุภาคทรายที่พัดพามา (abrasion) ในภูมิประเทศที่เป็นหินตะกอนเนื้ออ่อน โดยเฉพาะหินทรายหรือหินโคลน เมื่อลมพัดผ่าน หินส่วนที่อ่อนจะถูกกัดเซาะออกไปอย่างรวดเร็ว ส่วนหินที่แข็งกว่าจะคงเหลืออยู่เป็นสันหรือเสาหินที่มีรูปร่างประหลาดตาและมักมีแนวขนานไปกับทิศทางลมหลัก การกระจายตัวของยาร์ดังที่ตุนหวงมีความหนาแน่น รูปทรงสง่างาม และมีปริมาณมาก ซึ่งหาได้ยากในระดับโลก ทำให้เป็นพื้นที่สำคัญสำหรับการศึกษาการก่อตัวและวิวัฒนาการของสภาพแวดล้อมในภูมิภาค
-
ทะเลทรายโกบี (Gobi Desert) และ โกบี (Gobi): ภูมิประเทศเหล่านี้เป็นลักษณะเด่นของเขตแห้งแล้ง โดยทะเลทรายเกิดจากการสะสมตัวของทรายที่ถูกพัดพาโดยลม (aeolian sand) ก่อให้เกิดเนินทราย (sand dunes) ขนาดต่างๆ ส่วนโกบีเป็นพื้นที่กว้างใหญ่ที่มีพื้นผิวปกคลุมด้วยกรวดหินและทราย ซึ่งเป็นผลมาจากการกัดกร่อนและพัดพาของลมและน้ำเป็นครั้งคราว (fluvial processes during rare precipitation events) ในสภาพภูมิอากาศที่แห้งแล้งจัด
-
ถ้ำโม่เกา แม้จะเป็นมรดกทางวัฒนธรรม แต่ในเชิงธรณีวิทยา ถ้ำเหล่านี้ถูกแกะสลักขึ้นในชั้นหินตะกอนยุคควอเทอร์นารี (Quaternary strata) ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างลักษณะทางธรณีวิทยากับกิจกรรมของมนุษย์ ความแข็งแรงและความคงทนของชั้นหินมีส่วนสำคัญต่อการคงอยู่ของถ้ำโบราณเหล่านี้
ธรณีแหล่งสำคัญ (Key Geosites)
อุทยานธรณีโลกตุนหวงประกอบด้วยธรณีแหล่งสำคัญที่น่าสนใจหลากหลาย ซึ่งแต่ละแห่งล้วนสะท้อนเรื่องราวทางธรณีวิทยาอันน่าทึ่ง
1. ธรณีแหล่งยาร์ดัง (The Yardang Geo-area)
ธรณีแหล่งยาร์ดังเป็นหัวใจสำคัญของอุทยานแห่งนี้ ซึ่งจัดแสดงธรณีสัณฐานแบบยาร์ดังที่มีชื่อเสียงระดับโลก ภูมิทัศน์เหล่านี้คือผลงานศิลปะธรรมชาติที่แกะสลักโดยแรงลมและเม็ดทรายที่พัดผ่านมานับล้านปี ลักษณะเด่นคือสันหินและเสาหินที่สูงตระหง่าน รูปทรงแตกต่างกันไป ตั้งแต่คล้ายป้อมปราการ สัตว์ต่างๆ ไปจนถึงสิ่งมีชีวิตเหนือจินตนาการ หินเหล่านี้ถูกกัดเซาะจากชั้นหินตะกอนเนื้ออ่อนโดยกระบวนการกัดกร่อนจากลม (aeolian abrasion) โดยลมจะพัดเอาอนุภาคทรายไปกระแทกกับพื้นผิวหิน ทำให้เกิดการสึกกร่อนอย่างช้าๆ หินส่วนที่แข็งกว่าจะต้านทานการกัดกร่อนได้ดีกว่า จึงก่อตัวเป็นรูปร่างที่แปลกตา ความหนาแน่นและหลากหลายของธรณีสัณฐานยาร์ดังในพื้นที่นี้ทำให้เป็นห้องปฏิบัติการธรรมชาติขนาดใหญ่สำหรับการศึกษาธรณีวิทยาและสภาพแวดล้อมโบราณ (paleoenvironment) ของโลก
2. ภูเขาหมิงซา (Mingsha Mountain) และ น้ำพุพระจันทร์เสี้ยว (Mingsha Mountain Crescent Spring) (5A)
ภูเขาทรายหมิงซาซาน (Mount Mingshashan) หรือ "ภูเขาทรายร้องเพลง" เป็นเนินทรายขนาดใหญ่ที่โดดเด่น ซึ่งได้รับชื่อจากการที่ทรายจะส่งเสียงคล้ายเสียงดนตรีเมื่อลมพัดแรงหรือเมื่อมีคนเดินลงมาจากเนินทราย ซึ่งเกิดจากการเสียดสีกันของเม็ดทรายที่มีขนาดและรูปทรงเฉพาะ ภูเขาทรายนี้เป็นผลจากการสะสมตัวของทรายที่ถูกพัดพาโดยลม (aeolian sand deposition) มาเป็นเวลานานนับพันปี ในใจกลางของภูเขาทรายแห่งนี้คือบึงพระจันทร์เสี้ยว (Crescent Moon Spring) ซึ่งเป็นโอเอซิส (oasis) รูปทรงพระจันทร์เสี้ยวที่น่าอัศจรรย์ใจ บึงน้ำนี้คงอยู่ได้อย่างน่าทึ่งท่ามกลางทะเลทรายที่แห้งแล้ง ซึ่งคาดว่าได้รับการหล่อเลี้ยงจากแหล่งน้ำบาดาล (groundwater sources) ที่ไหลซึมขึ้นมา และได้รับการปกป้องจากการถูกทรายกลบฝังโดยลักษณะภูมิประเทศที่เป็นแอ่งและรูปแบบการพัดของลมในท้องถิ่น ทำให้เป็นระบบนิเวศขนาดเล็กที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับสิ่งมีชีวิตและการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์มาตั้งแต่อดีต
3. ถ้ำโม่เกา (Mogao Grottoes)
ถ้ำโม่เกา หรือ "ถ้ำพันพระ" เป็นมรดกโลกที่ได้รับการขึ้นทะเบียนโดยยูเนสโก ซึ่งแม้จะเป็นแหล่งมรดกทางวัฒนธรรม แต่ก็มีความเชื่อมโยงอย่างลึกซึ้งกับธรณีวิทยา ถ้ำเหล่านี้ถูกแกะสลักขึ้นบนหน้าผาหินตะกอนเนื้ออ่อนของยุคควอเทอร์นารี (Quaternary strata) ซึ่งเป็นชั้นหินที่เหมาะสำหรับการแกะสลักและสร้างสรรค์ผลงานศิลปะและสถาปัตยกรรมทางพุทธศาสนาอันวิจิตร สิ่งมหัศจรรย์นี้แสดงให้เห็นถึงภูมิปัญญาของมนุษย์ในการใช้ประโยชน์จากลักษณะทางธรณีวิทยาของพื้นที่เพื่อสร้างสรรค์อารยธรรมและความศรัทธา ถ้ำม่อเกาเป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบของการผสมผสานระหว่างมรดกทางธรณีวิทยาและวัฒนธรรม (geoheritage and culture) ที่ควรค่าแก่การศึกษาและอนุรักษ์
ความหลากหลายทางชีวภาพและวัฒนธรรม (Biodiversity & Culture)
อุทยานธรณีโลกตุนหวง เป็นพื้นที่ที่แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันซับซ้อนระหว่างหิน ดิน น้ำ พืชพรรณ และมนุษย์ในสภาพแวดล้อมที่แห้งแล้งจัด (extremely arid environment)
-
หิน (Rock): คือรากฐานของธรณีสัณฐานอันเป็นเอกลักษณ์ เช่น ยาร์ดังและภูเขาทรายหมิงซาซาน และยังเป็นวัสดุที่เอื้อต่อการแกะสลักถ้ำม่อเกา หินที่ผุพังสลายตัวยังเป็นแหล่งกำเนิดของดินในพื้นที่
-
ดิน (Soil): ดินในพื้นที่นี้ส่วนใหญ่เป็นดินในเขตทะเลทราย (Aridisols) ซึ่งมักมีลักษณะเป็นดินเค็ม มีอินทรียวัตถุต่ำ แต่สามารถรองรับพืชพรรณที่ปรับตัวเข้ากับความแห้งแล้งได้
-
น้ำ (Water): เป็นทรัพยากรที่หายากและมีค่าสูงสุดในภูมิภาคนี้ แหล่งน้ำบาดาลที่หล่อเลี้ยงบึงพระจันทร์เสี้ยวเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดโอเอซิส ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดชีวิตและเป็นจุดพักที่สำคัญบนเส้นทางสายไหม (Silk Road) โบราณ น้ำคือหัวใจสำคัญที่หล่อเลี้ยงทั้งระบบนิเวศและกิจกรรมของมนุษย์
-
พืชพรรณ (Vegetation): พืชพรรณในอุทยานส่วนใหญ่เป็นพืชทะเลทราย (xerophytic vegetation) ที่ปรับตัวให้เข้ากับสภาพอากาศที่รุนแรงได้ดี เช่น ต้นไม้พุ่มเตี้ยและหญ้าบางชนิด โอเอซิสเป็นพื้นที่ที่มีพืชพรรณอุดมสมบูรณ์กว่า ซึ่งเป็นแหล่งอาหารและที่อยู่อาศัยของสัตว์เล็กๆ
-
มนุษย์ (Human): มนุษย์ได้ปรับตัวและสร้างอารยธรรมขึ้นในภูมิประเทศที่ท้าทายนี้มานับพันปี มรดกทางวัฒนธรรม เช่น ถ้ำม่อเกา ด่านหยางกวน (Yangguan Pass) และด่านยูเหมิน (Yumen Pass) ซากกำแพงเมืองจีนสมัยราชวงศ์ฮั่น (Han Dynasty Great Wall) และเมืองโบราณเหอชาง (Hecang Castle Site) ล้วนเป็นหลักฐานของการปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสภาพแวดล้อมทางธรณีวิทยา การพึ่งพิงทรัพยากรน้ำ และการสร้างเส้นทางการค้าและวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่ อุทยานธรณีตุนหวงจึงไม่เพียงอนุรักษ์ธรรมชาติ แต่ยังส่งเสริมการศึกษาความผูกพันอันลึกซึ้งระหว่างโลกกับชีวิตและวัฒนธรรมของผู้คน
อุทยานธรณีโลกตุนหวง เป็นดั่งสมบัติล้ำค่าที่โลกได้มอบให้ เป็นสถานที่ที่ภูมิทัศน์ทางธรณีวิทยาอันน่าทึ่ง ไม่ว่าจะเป็นธรณีสัณฐานยาร์ดัง ทะเลทราย เนินทราย และโอเอซิสกลางทะเลทราย ได้หลอมรวมเข้ากับมรดกทางวัฒนธรรมอันยิ่งใหญ่จากเส้นทางสายไหมโบราณ ไม่ว่าจะเป็นถ้ำม่อเกา ด่านสำคัญต่างๆ และซากอารยธรรมเก่าแก่ การเดินทางสู่ตุนหวงจึงไม่ใช่เพียงการมาเยือนสถานที่ท่องเที่ยว แต่เป็นการเดินทางเพื่อทำความเข้าใจพลวัตของโลก การปรับตัวของสิ่งมีชีวิต และความพยายามของมนุษย์ในการสร้างสรรค์อารยธรรมภายใต้ข้อจำกัดทางธรรมชาติ
อุทยานแห่งนี้ไม่เพียงนำเสนอความงดงามตระการตา แต่ยังเป็นศูนย์กลางสำคัญในการส่งเสริมการอนุรักษ์ธรณีและการศึกษาธรณีศาสตร์ เพื่อสร้างความตระหนักรู้ถึงคุณค่าและความสำคัญของโลกที่เราอาศัยอยู่ การมุ่งเน้นการท่องเที่ยวเชิงธรณีอย่างยั่งยืน การให้ความรู้ และการมีส่วนร่วมของชุมชน ทำให้ตุนหวงเป็นต้นแบบของการรักษามรดกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมให้คงอยู่คู่โลกต่อไป ขอเชิญชวนทุกท่านร่วมสำรวจและซึมซับเรื่องราวอันยิ่งใหญ่ของอุทยานธรณีโลกตุนหวง เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการรักษาและส่งต่อคุณค่าเหล่านี้สู่คนรุ่นหลัง
เอกสารอ้างอิง (References)
-
UNESCO. (2015). Dunhuang UNESCO Global Geopark. Retrieved from https://www.unesco.org/en/iggp/dunhuang-unesco-global-geopark
-
Global Geoparks Network. (n.d.). DUNHUANG UNESCO GLOBAL GEOPARK. Retrieved from http://www.globalgeopark.org/GeoparkMap/geoparks/China/6797.htm
-
Dunhuang UNESCO Global Geopark. (n.d.). Introduction to Dunhuang UNESCO Global Geopark. Retrieved from http://www.dhdzgy.com/en/cp1/
.
------------------------
ที่มา
- http://www.globalgeopark.org
- https://www.unesco.org/en/mab/wnbr/
รวบรวมรูปภาพ
------------------------
------------------------

