เที่ยวจีน กานซู่ ตุนหวง ถ้ำโม่เกา

ถ้ำโม่เกา แห่งตุนหวง: อัญมณีแห่งพุทธศิลป์ ขุมทรัพย์ศิลปะ และศาสนาแห่งเส้นทางสายไหม ประเทศจีน

แผนที่ https://maps.app.goo.gl/62sh1QTXWPDHhqSJ6

ถ้ำโม่เกา หรือที่รู้จักกันในชื่อ "ถ้ำพันพุทธ" ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองตุนหวง มณฑลกานซู ประเทศจีน เป็นแหล่งมรดกโลก และเป็นหนึ่งในถ้ำหินพุทธศาสนาที่ยิ่งใหญ่ และเก่าแก่ที่สุดในโลก ภายในถ้ำ ประกอบด้วย "งานพุทธศิลป์" อันงดงาม ทั้ง "พระพุทธรูป" "จิตรกรรมฝาผนัง" และ "โบราณวัตถุ" มากมาย ที่สะท้อนให้เห็นถึงความรุ่งเรืองของพุทธศาสนา และวัฒนธรรมจีน ในยุคโบราณ 

ถ้ำโม่เกา หรือที่เรียกกันว่า "ถ้ำพันพระ" ตั้งอยู่ในเมืองตุนหวง มณฑลกานซู่ ประเทศจีน สถานที่แห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก (UNESCO World Heritage) ด้วยความสำคัญทางศิลปะและประวัติศาสตร์ที่มีอายุนับพันปี โม่เกาเป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญบนเส้นทางสายไหม ซึ่งทำให้จีนเป็นศูนย์กลางของการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ศาสนา และศิลปะระหว่างตะวันออกและตะวันตก ถ้ำโม่เกาเป็นศูนย์กลางพุทธศาสนาที่สะท้อนถึงการผสมผสานระหว่างศิลปะจีน อินเดีย และอิหร่าน เป็นจุดหมายที่นักท่องเที่ยวสายวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ไม่ควรพลาด หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่สำคัญที่สุดของประเทศจีน ตั้งอยู่บนเส้นทางสายไหมโบราณ ณ เมืองตุนหวง มณฑลกานซู่ ถ้ำแห่งนี้เปรียบเสมือนพิพิธภัณฑ์ขนาดใหญ่ที่เก็บรักษามรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าไว้กว่าพันปี ไม่ว่าจะเป็นจิตรกรรมฝาผนังอันงดงาม ประติมากรรมปูนปั้น และสถาปัตยกรรมอันน่าทึ่ง ล้วนสะท้อนให้เห็นถึงความรุ่งเรืองของพุทธศาสนาและวัฒนธรรมจีนในยุคโบราณ

ถ้ำโม่เกา ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองตุนหวง มณฑลกานซู่ ประเทศจีน ห่างจากตัวเมืองตุนหวงประมาณ 25 กิโลเมตร ท่ามกลางเนินเขา Mingsha ซึ่งแวดล้อมด้วยทะเลทรายอันกว้างใหญ่

ประวัติความเป็นมา

ถ้ำโม่เกา เริ่มสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 366 ในสมัยราชวงศ์จิ้น โดยพระภิกษุรูปหนึ่งนามว่า เล่อจุน ซึ่งเล่ากันว่าท่านได้เห็นภาพนิมิตพระพุทธรูปพันองค์ปรากฏบนหน้าผา จึงเกิดแรงบันดาลใจในการสร้างถ้ำขึ้นเพื่อใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม ต่อมาในสมัยราชวงศ์ต่างๆ เช่น ราชวงศ์เว่ยเหนือ ราชวงศ์สุย ราชวงศ์ถัง ได้มีการสร้างและขยายถ้ำเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับการอุปถัมภ์จากจักรพรรดิ ขุนนาง และประชาชน ทำให้ถ้ำโม่เกามีขนาดใหญ่โตและมีความหลากหลายทางศิลปะ

พระภิกษุชื่อ เล่อชุน ซึ่งฝันเห็นแสงทองส่องสว่างกลางหุบเขาแห่งนี้ จึงเริ่มขุดเจาะถ้ำเพื่อบูชาและประดิษฐานพระพุทธรูป ถ้ำโม่เกาขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ ด้วยการสนับสนุนจากพ่อค้าและนักบวชที่ผ่านมาทางเส้นทางสายไหม จนกลายเป็นศูนย์กลางการเผยแผ่พุทธศาสนาและแหล่งรวมจิตรกรรมฝาผนังและศิลปะที่มีความสำคัญ ต่อมาในศตวรรษที่ 11 ถ้ำนี้เริ่มถูกทิ้งร้าง จนกระทั่งในศตวรรษที่ 20 ได้รับการค้นพบอีกครั้งจากนักสำรวจทางตะวันตกและกลายเป็นแหล่งศึกษาที่สำคัญเกี่ยวกับศิลปะและประวัติศาสตร์

จุดเด่นและสิ่งที่น่าสนใจ (Highlights)

- จิตรกรรมฝาผนัง ภายในถ้ำมีภาพจิตรกรรมฝาผนังมากมาย ครอบคลุมพื้นที่กว่า 45,000 ตารางเมตร ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวของพระพุทธศาสนาและเรื่องราวในชีวิตประจำวันของชาวจีนในยุคโบราณ สีสันที่ยังคงความงดงามแม้เวลาจะผ่านมานานนับพันปี เนื้อหาส่วนใหญ่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธศาสนา เช่น พุทธประวัติ ชาดก ภาพพระพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ และเทพเจ้าต่างๆ นอกจากนี้ยังมีภาพที่สะท้อนวิถีชีวิตของผู้คนในอดีต เช่น การแต่งกาย การค้าขาย การเล่นดนตรี และการเต้นรำ ภาพจิตรกรรมเหล่านี้ล้วนงดงามและมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์อย่างยิ่ง

- ประติมากรรม หนึ่งในจุดเด่นของถ้ำโม่เกาคือพระพุทธรูปขนาดใหญ่ที่สูงกว่า 30 เมตร นอกจากนี้ยังมีรูปปั้นของเทพและพระโพธิสัตว์ที่งดงามและแสดงถึงความเชี่ยวชาญของช่างฝีมือในอดีต นอกจากภาพจิตรกรรมฝาผนัง ภายในถ้ำยังมีประติมากรรมปูนปั้นรูปพระพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ และเทพเจ้าองค์ต่างๆ ที่มีความวิจิตรงดงาม แสดงถึงฝีมือและเทคนิคอันประณีตของช่างฝีมือในยุคโบราณ

- สถาปัตยกรรม สถาปัตยกรรมของถ้ำโม่เกา มีความหลากหลาย แบ่งออกเป็นหลายรูปแบบ เช่น ถ้ำรูปทรงสี่เหลี่ยม ถ้ำรูปทรงกลม และถ้ำรูปทรงเกือกม้า ภายในถ้ำบางแห่งยังมีการสร้างโครงสร้างไม้ เพื่อรองรับหลังคาและประดับตกแต่ง ซึ่งแสดงถึงภูมิปัญญาของชาวจีนในการก่อสร้าง

- ห้องสมุดแห่งตุนหวง เป็นถ้ำที่เก็บรวบรวมเอกสารโบราณซึ่งพบว่ามีเอกสารกว่า 50,000 ชิ้นที่ถูกเก็บไว้อย่างดี เอกสารเหล่านี้มีความสำคัญทางด้านศาสนา ประวัติศาสตร์ การแพทย์ และดาราศาสตร์ของจีนโบราณ

ความสำคัญของแหล่งท่องเที่ยว

- ทางศาสนา ถ้ำโม่เกาเป็นศาสนสถานที่สำคัญของพุทธศาสนา เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูป และเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมของพระภิกษุสงฆ์มาตั้งแต่สมัยโบราณ ถ้ำโม่เกาเป็นศูนย์กลางของพุทธศาสนาและการเผยแผ่ศาสนาสำคัญในเส้นทางสายไหม ซึ่งเป็นแหล่งรวมศิลปะพุทธศาสนาในหลายรูปแบบ

- ทางวัฒนธรรม ถ้ำโม่เกาเป็นแหล่งรวมงานศิลปะและวัฒนธรรมจีน ภาพจิตรกรรมฝาผนังและประติมากรรมภายในถ้ำ สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อ วิถีชีวิต และขนบธรรมเนียมประเพณีของชาวจีนในอดีต

- ภาพจิตรกรรมและรูปปั้นในถ้ำสะท้อนให้เห็นถึงการผสมผสานทางวัฒนธรรมระหว่างจีนและวัฒนธรรมต่างชาติ เช่น อินเดียและเปอร์เซีย ซึ่งเป็นประจักษ์พยานถึงการติดต่อทางวัฒนธรรมบนเส้นทางสายไหม

- ทางประวัติศาสตร์ ถ้ำโม่เกาเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญ แสดงถึงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างตะวันออกและตะวันตก ผ่านเส้นทางสายไหม

- ทางธรณีวิทยา ภูมิทัศน์รอบถ้ำซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขาท่ามกลางทะเลทรายทำให้ถ้ำโม่เกาเป็นสถานที่ที่มีภูมิทัศน์แปลกตาและเป็นตัวอย่างการปรับตัวของสิ่งปลูกสร้างทางศาสนาให้เข้ากับธรรมชาติ

ถ้ำโม่เกา หรือ Mogao Caves เป็นหนึ่งในแหล่งมรดกโลกที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโก (UNESCO) ในปี ค.ศ. 1987 และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในด้านประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรมของจีน ถ้ำโม่เกาตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองตุนหวง (Dunhuang) มณฑลกานซู่ (Gansu) ประเทศจีน สถานที่แห่งนี้เป็นจุดศูนย์กลางของการเผยแผ่พระพุทธศาสนาบนเส้นทางสายไหมที่เชื่อมต่อเอเชียกับยุโรปมานานนับพันปี**ถ้ำโม่เกา: มหาวิหารแห่งภาพจิตรกรรมและประติมากรรม

ถ้ำโม่เกา เปรียบเสมือน "พิพิธภัณฑ์" ขนาดใหญ่ ที่เก็บรักษา "มรดกทางวัฒนธรรม" อันล้ำค่า ไว้กว่าพันปี เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว นักประวัติศาสตร์ และนักโบราณคดี จากทั่วโลก ให้มาสัมผัส และชื่นชมความงดงาม

ถ้ำโม่เกา เริ่มการสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 991 (ค.ศ. 366) ในสมัยราชวงศ์จิ้นตะวันออก โดย "พระภิกษุเล่อจุน" ผู้เดินทางมาถึงเมืองตุนหวง และเกิดนิมิตเห็นพระพุทธรูปนับพันองค์ ปรากฏอยู่บนหน้าผา ท่านจึงเริ่มขุดเจาะถ้ำ เพื่อสร้างเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม และประดิษฐานพระพุทธรูป ต่อมา ในสมัยราชวงศ์ต่างๆ เช่น ราชวงศ์เว่ยเหนือ ราชวงศ์สุย ราชวงศ์ถัง ได้มีการสร้างและขยายถ้ำ เพิ่มเติมอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งถึงสมัยราชวงศ์หยวน (มองโกล) ถ้ำโม่เกาจึงมีขนาดใหญ่โตและมีความหลากหลายทางศิลปะ

ถ้ำโม่เกา เป็นมรดกโลกที่ไม่เพียงแสดงให้เห็นถึงความงดงามของศิลปะพุทธศาสนา แต่ยังเป็นแหล่งเรียนรู้ที่บันทึกประวัติศาสตร์และการติดต่อระหว่างโลกตะวันออกและตะวันตก การเดินทางไปเยือนถ้ำโม่เกาจะนำพานักท่องเที่ยวสู่โลกที่เต็มไปด้วยความลึกลับ งดงาม และมีคุณค่าทางวัฒนธรรมอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ 

หมายเหตุ บทความนี้เกี่ยวกับ

- ถ้ำที่สำคัญและยิ่งใหญ่ในประเทศจีน ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าทึ่ง สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการสำรวจธรรมชาติและประวัติศาสตร์จีน ประเทศจีนมีภูมิประเทศที่หลากหลายและกว้างใหญ่ ทำให้เกิดถ้ำที่มีความงดงามทางธรรมชาติและมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ในหลากหลายพื้นที่ ตั้งแต่ถ้ำหินปูนที่มีการตกแต่งโดยธรรมชาติ ไปจนถึงถ้ำที่มีการแกะสลักพระพุทธรูปและโบราณวัตถุจากยุคก่อนประวัติศาสตร์ 

- เส้นทางสายไหมเครือข่ายเส้นทางฉางอาน-เทียนชาน และศูนย์กลางพุทธศาสนา เมืองตุนหวง ตั้งอยู่บน เส้นทางสายไหม (Silk Road) ซึ่งเป็นเส้นทางการค้าและการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมที่สำคัญ  ระหว่างตะวันออกและตะวันตก ในอดีตถ้ำโม่เกาจึงเป็นศูนย์กลางของพุทธศาสนา และเป็นที่พักพิงของพระภิกษุ พ่อค้า และนักเดินทางจากทั่วโลก 

.