2009 ฉินหลิง จงหนานซาน อุทยานธรณีโลก (Qinling Zhongnanshan UNESCO Global Geopark)
ฉินหลิง จงหนานซาน อุทยานธรณีโลก (Qinling Zhongnanshan UNESCO Global Geopark) ประตูสู่มรดกธรณีแห่งเทือกเขาฉินหลิงอันยิ่งใหญ่
อุทยานธรณีโลกยูนีสโกฉินหลิงจงหนานซาน (Qinling Zhongnanshan UNESCO Global Geopark) ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเมืองซีอาน มณฑลฉ่านซี ประเทศจีน เป็นจุดหมายปลายทางที่โดดเด่นสำหรับนักธรณีวิทยาและนักท่องเที่ยวเชิงธรณี (Geo-tourism) ผู้สนใจศึกษาประวัติศาสตร์อันยาวนานของโลก พื้นที่แห่งนี้ได้รับการประกาศเป็นอุทยานธรณีโลกโดยยูเนสโกในปี พ.ศ. 2558 ครอบคลุมพื้นที่กว่า 107,485 เฮกตาร์ (hectares) และเป็นที่รู้จักจากมรดกธรณีที่เกิดจากการก่อตัวของเทือกเขา (orogenic geological heritage) และมรดกธรณีในยุคควอเทอร์นารี (Quaternary geoheritage) ที่สำคัญ ซึ่งรวมถึงการเกิดดินถล่ม (landslides) ครั้งใหญ่และร่องรอยธารน้ำแข็งโบราณ (glacial relics) ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี เทือกเขาฉินหลิงยังทำหน้าที่เป็นพรมแดนธรรมชาติที่แบ่งแยกจีนเหนือและใต้ ด้วยลักษณะทางธรณีวิทยา ภูมิศาสตร์ นิเวศวิทยา ภูมิอากาศ และวัฒนธรรมที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน
บทความนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงธรณีอย่างยั่งยืน โดยนำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความมหัศจรรย์ทางธรณีวิทยาของอุทยานฯ พร้อมทั้งเน้นย้ำถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ธรณี (geoconservation) และการให้ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์โลก (Earth Science education) เพื่อให้คนรุ่นปัจจุบันและอนาคตได้ตระหนักถึงคุณค่าของมรดกทางธรรมชาติอันล้ำค่านี้
บริบททางภูมิศาสตร์และธรณีวิทยา
ภูมิประเทศ (Topography)
อุทยานธรณีฉินหลิงจงหนานซานตั้งอยู่ในเทือกเขาฉินหลิง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาสำคัญที่ทอดตัวอยู่กลางแผ่นดินจีน ทำหน้าที่เป็นเส้นแบ่งธรรมชาติระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ของประเทศ เทือกเขานี้มีอิทธิพลต่อปัจจัยทางภูมิศาสตร์หลายประการ เช่น ชีวภาพ ระบบน้ำ ดิน และภูมิอากาศ
ธรณีวิทยา (Geology)
ลักษณะเด่นทางธรณีวิทยาของอุทยานฯ คือมรดกธรณีจากการก่อตัวของเทือกเขา (orogenic geological heritage) และมรดกธรณีในยุคควอเทอร์นารี (Quaternary geoheritage) เทือกเขาฉินหลิงเป็นส่วนหนึ่งของแนวเทือกเขาชนกันของแผ่นทวีป (Qinling Composite continental orogenic belts) ซึ่งเป็นจุดบรรจบกันระหว่างแผ่นเปลือกโลกทางเหนือและทางใต้ของจีน ทำให้เกิดลักษณะทางธรณีวิทยาที่ซับซ้อนและหลากหลาย เช่น หินในยุคพาลีโอโปรเทอโรโซอิก (Paleoproterozoic Qinling Group), หินในยุคมีโซโปรเทอโรโซอิก (Middle Proterozoic Kuanping Group), หินในยุคนีโอโปรเทอโรโซอิก (Neoproterozoic Songshugou Formation) รวมถึงหินยุคพาเลโอโซอิก (Paleozoic) จนถึงยุคควอเทอร์นารี (Quaternary) นอกจากนี้ ยังพบมวลหินอัคนี (magmatite) เช่น มวลหินแกรนิตบัลหลี่ผิง (Baliping granite mass) และหินแปร (metamorphics) เช่น หินไนส์ (gneiss) และหินชีสต์ (schist)
พื้นที่นี้ยังโดดเด่นด้วยธรณีวิทยายุคควอเทอร์นารี ซึ่งรวมถึงร่องรอยของธารน้ำแข็งโบราณที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งร่องรอยธารน้ำแข็งไท่ไป๋ (Taibai glacial relics) ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการวิจัยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการเกิดธารน้ำแข็งในจีนและเอเชียตะวันออก นอกจากนี้ยังมีปรากฏการณ์ธรณีสัณฐานที่เกิดจากดินถล่ม (landslide geomorphology) ซึ่งมีจำนวนมากเป็นอันดับ 3 ของโลก และรอยเลื่อนบริเวณเชิงเขาทางตอนเหนือ (northern piedmont fault) ที่มีการเลื่อนตัวในแนวดิ่ง (fault displacement) สูงถึง 13 กิโลเมตร และยังคงมีการเคลื่อนไหวมาตั้งแต่ยุคครีเทเชียสตอนปลาย (Late Cretaceous) ซึ่งเป็นฐานการวิจัยที่สำคัญสำหรับธรณีวิทยาควอเทอร์นารีและธรณีแปรสัณฐานแบบนีโอเทกโทนิกส์ (neotectonics)
กระบวนการก่อตัว (Formation Process)
การก่อตัวของเทือกเขาฉินหลิงเป็นผลมาจากการชนกันของแผ่นเปลือกโลกทวีป (continental plate collision) ซึ่งทำให้เกิดการยกตัวและพับตัวของชั้นหินอย่างรุนแรง ก่อให้เกิดโครงสร้างภูเขาแบบโอโรเจนิก (orogenic belt) ที่ซับซ้อน มรดกธรณียุคควอเทอร์นารีเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศโลก ซึ่งนำไปสู่การก่อตัวของธารน้ำแข็งในยุคสุดท้าย (last glacial period) และกิจกรรมของกระบวนการธรณีแปรสัณฐานแบบนีโอเทกโทนิกส์ (neotectonics) ที่ยังคงดำเนินอยู่ ซึ่งเห็นได้จากการยกตัวของบล็อกลิซาน (Lishan faulting block) และการเกิดแหล่งน้ำพุร้อน (geothermal resources) กระบวนการเหล่านี้ได้ร่วมกันสร้างสรรค์ภูมิทัศน์ที่หลากหลายและมีคุณค่าทางธรณีวิทยาอย่างยิ่ง
แหล่งธรณีวิทยาสำคัญ (Key Geosites)
อุทยานธรณีโลกฉินหลิงจงหนานซานมีแหล่งมรดกธรณี 411 แห่ง โดยมีจุดเด่นทางธรณีวิทยาที่น่าสนใจดังนี้:
1. คุยฮัวซาน (Cuihuashan)
คุยฮัวซานได้รับการยกย่องว่าเป็น "พิพิธภัณฑ์ดินถล่มภูเขา" (Mountain Collapse-slide Museum) ซึ่งอนุรักษ์ซากดินถล่มที่สมบูรณ์ที่สุดในประเทศจีน และมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสามของโลก แหล่งธรณีนี้แสดงให้เห็นถึงธรณีสัณฐานดินถล่มที่หลากหลาย (diverse types of landslide landscapes) ขนาดใหญ่ของการถล่ม (large scale in collapse-slide) รูปแบบเฉพาะของหินที่ถล่มลงมา (featured forms of collapsed rocks) ทั้งแบบเดี่ยวและแบบรวมกลุ่ม ตลอดจนโครงสร้างของหินไมกมาไทต์ (migmatite) ที่เป็นแบบฉบับ ทำให้คุยฮัวซานเป็นแหล่งธรณีวิทยาที่หายากและมีคุณค่าทางธรรมชาติอย่างยิ่ง qlzns.cn
2. จู๋เชว่ (Zhuque)
จู๋เชว่โดดเด่นด้วยธรณีสัณฐานแบบเพอริกลาเชียล (periglacial landform) ในยุคควอเทอร์นารี หน้าผา และป่าธรรมชาติ มรดกทางธรณีวิทยาที่สำคัญคือ ทะเลหินที่เกิดจากการผุกร่อนจากน้ำแข็งและน้ำแข็งละลาย (freeze-thaw weathering fossil sea) หินครก (mortar) และหน้าผาต่าง ๆ ในสภาพอากาศหนาวเย็น การผุกร่อนทางกายภาพ (physical weathering) ที่รุนแรงทำให้หินมีการขยายตัวและหดตัวหลายครั้ง ส่งผลให้เกิดก้อนหินที่ผุกร่อนจากน้ำแข็งและน้ำแข็งละลาย (freeze-thaw stones) ขนาดและมุมที่แตกต่างกัน กองรวมกันอย่างไม่เป็นระเบียบคล้ายกับมหาสมุทรหิน (stone ocean) qlzns.cn
3. ร่องรอยธารน้ำแข็งไท่ไป๋ (Taibai Glacial Relics) (ภายในพื้นที่ Heihe)
แม้จะไม่ได้ระบุเป็นพื้นที่ธรณีวิทยาแยกต่างหากโดยตรง แต่ร่องรอยธารน้ำแข็งไท่ไป๋มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการศึกษาการเกิดธารน้ำแข็งในยุคควอเทอร์นารีและภูมิอากาศของจีนและเอเชียตะวันออก พื้นที่ Heihe ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานฯ มีลักษณะเด่นคือเป็นมรดกทางธรณีวิทยาธารน้ำแข็งในยุคควอเทอร์นารี (Quaternary glacial morphological heritage) ซึ่งรวมถึงหินทะเล (stone sea), ยอดเขาพีระมิด (pyramidal peaks), หุบเหวรูปรางน้ำ (trough valley), เซอร์ก (cirques), รีกีล (riegel), บันไดธารน้ำแข็ง (glacial staircase) และทะเลสาบเซิร์ก (cirque lake) ร่องรอยเหล่านี้เป็นพยานหลักฐานถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลกในอดีต unesco.org, qlzns.cn
4. แหล่งมนุษย์หลานเถียน (Lantian Homo Erectus Site)
แหล่งโบราณคดีนี้ถูกค้นพบในช่วงปี พ.ศ. 2506-2507 โดยสถาบันสัตว์โบราณและมนุษย์ของ Chinese Academy of Science เป็นการค้นพบฟอสซิลกรามของมนุษย์ Homo erectus ที่มีอายุประมาณ 600,000 ถึง 650,000 ปี และฟอสซิลกล่องสมองที่พบบริเวณ Gongwangling มีอายุประมาณ 1.1 ถึง 1.15 ล้านปี ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวแทนของมนุษย์ Homo erectus ยุคปลาย การค้นพบนี้มาพร้อมกับฟอสซิลสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมจำนวนมากที่ถูกจัดกลุ่มเป็นสัตว์กลุ่มหลานเถียนและกงวังหลิง (Lantian and Gongwangling fauna) นอกจากนี้ยังพบเครื่องมือหินยุคหินเก่า (palaeolith stone tools) เป็นจำนวนมาก แหล่งมนุษย์หลานเถียนจึงเป็นมรดกทางธรณีวิทยาและมานุษยวิทยาที่สำคัญอย่างยิ่ง qlzns.cn
5. วังหัวชิง (Huaqing Palace)
วังหัวชิงเป็นแหล่งธรณีวิทยาที่แสดงถึงแหล่งน้ำพุร้อน (geothermal), หน้าผาสูงชัน (escarpment), เขตแนวรอยเลื่อนที่แตกร้าว (shattered fault zone), หินเบรกเชียรอยเลื่อน (fault breccia) และหินคาตาคลาไซต์ (cataclasite) นอกจากนี้ยังมีหน้าตัดชั้นหิน (stratigraphic sections) ของระบบนีโอจีน (Neogene) และควอเทอร์นารี (Quaternary), หินกรวดมนหลายชนิดยุคโปรเทอโรโซอิก (Proterozoic polymictic conglomerate) และหินกรวดมนแม่น้ำยุคจูแรสซิก (Jurassic fluvial conglomerate) รวมถึงระนาบความไม่ต่อเนื่อง (unconformity plane) เนินเขาลิซาน (Lishan hill) เริ่มยกตัวขึ้นในช่วงปลายยุคหยานซานเนียน (late of the Yanshanian period) กลายเป็นภูเขาบล็อกหอร์สต์ (horst-block mountain) ที่แยกตัวออกจาก Weihe graben ในยุคนีโอเทกโทนิก (neotectonic period) บล็อกลิซานทั้งหมดมีการยกตัวขึ้นทางเหนือและทรุดตัวลงทางใต้ ทำให้เกิดบล็อกที่มีลักษณะสูงกว่าทางเหนือและต่ำกว่าทางใต้ qlzns.cn
ความหลากหลายทางชีวภาพและวัฒนธรรม
อุทยานธรณีโลกฉินหลิงจงหนานซาน มีความเชื่อมโยงอย่างลึกซึ้งระหว่างหิน ดิน น้ำ ป่า และมนุษย์ เทือกเขาฉินหลิงทำหน้าที่เป็นพรมแดนธรรมชาติที่แบ่งแยกปัจจัยทางชีวภาพ ระบบน้ำ ดิน และภูมิอากาศระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ของจีน ทำให้เกิดความหลากหลายทางชีวภาพที่โดดเด่น พื้นที่ Heihe ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานฯ (โดยเฉพาะ Foping บริเวณเชิงเขาทางใต้ของ Taibaishan) ได้เข้าร่วม "เครือข่ายเขตสงวนชีวมณฑลแห่งชาติจีน" (China Biosphere Reserves Network) ภายใต้โครงการมนุษย์และชีวมณฑล (Man and the Biosphere - MAB Programme) ของยูเนสโกตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547 และได้ดำเนินโครงการวิจัยและอนุรักษ์ที่หลากหลาย
ในด้านวัฒนธรรม อุทยานฯ และพื้นที่ใกล้เคียงมีภูมิทัศน์ทางวัฒนธรรม 138 แห่ง และโบราณวัตถุที่เคลื่อนย้ายไม่ได้ประมาณ 300 แห่ง โดยมีหน่วยคุ้มครองโบราณวัตถุสำคัญระดับประเทศ 12 แห่ง และระดับมณฑล 7 แห่ง ซึ่งเป็นพยานหลักฐานของกิจกรรมมนุษย์ในฉินหลิงจงหนานซาน ตัวอย่างเช่น แหล่งมนุษย์ Homo erectus lantienensis ที่มีอายุ 1.15 ล้านปี และแหล่ง Chenjiawo Homo erectus มีอายุ 600,000-700,000 ปี นอกจากนี้ วัดโบราณหลายแห่ง เช่น วัด Shengshou, วัด Xianyou, วัด Jingye และวัด Xiangji ล้วนตั้งอยู่บนภูมิประเทศทางธรณีวิทยาที่พิเศษ โดยมีการเชื่อมโยงระหว่างมรดกธรณีและมรดกทางวัฒนธรรมอย่างแน่นแฟ้น
อุทยานฯ ได้ร่วมมือกับ Shaanxi Tourism Group Company ในการสร้างสรรค์การแสดงระบำประวัติศาสตร์ “Changhenge” โดยใช้ฉากหลังของภูเขาลิซาน และพัฒนาผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวที่เชื่อมโยงกับวัฒนธรรมท้องถิ่น เช่น วัฒนธรรมความกตัญญูที่ Wangshunshan, การศึกษาพระพุทธศาสนาที่ Nanwutai, วัฒนธรรมพื้นบ้านภาคกลางของฉ่านซี และวัฒนธรรม Kumarajiva Tang ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันกลมกลืนระหว่างมนุษย์กับสภาพแวดล้อมทางธรณีวิทยาและธรรมชาติ
ฉินหลิง จงหนานซาน อุทยานธรณีโลก เป็นขุมทรัพย์ทางธรณีวิทยาและวัฒนธรรมที่มีคุณค่าระดับโลกอย่างแท้จริง ด้วยมรดกจากการก่อตัวของเทือกเขาอันยิ่งใหญ่ ร่องรอยธารน้ำแข็งยุคควอเทอร์นารีที่สมบูรณ์ และประวัติศาสตร์การอยู่อาศัยของมนุษย์ยุคแรกเริ่ม อุทยานฯ แห่งนี้ไม่เพียงแต่เป็นห้องเรียนธรรมชาติขนาดใหญ่สำหรับวิทยาศาสตร์โลก แต่ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรณีที่มอบประสบการณ์อันน่าจดจำ การส่งเสริมการอนุรักษ์ธรณีและการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์โลก จึงเป็นหัวใจสำคัญในการปกป้องและเผยแพร่เรื่องราวอันน่าทึ่งของโลก เพื่อให้มรดกอันล้ำค่านี้คงอยู่คู่กับเราตลอดไป
เอกสารอ้างอิง
-
UNESCO Global Geoparks - Qinling Zhongnanshan UNESCO Global Geopark
-
Global Geoparks Network - QINLING ZHONGNANSHAN UNESCO GLOBAL GEOPARK
.
------------------------
ที่มา
- http://www.globalgeopark.org
- https://www.unesco.org/en/mab/wnbr/
รวบรวมรูปภาพ
------------------------
เที่ยวอุทยานธรณีโลก (Global Geoparks)
------------------------
