2003 ซงซาน อุทยานธรณีโลก (Songshan UNESCO Global Geopark)
ซงซาน: มหัศจรรย์ธรณีวิทยาและมรดกวัฒนธรรม ณ ใจกลางโลก (Songshan: Geological Marvel and Cultural Heritage at the Center of the Earth)
อุทยานธรณีโลกซงซาน (Songshan UNESCO Global Geopark) ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองเติงเฟิง มณฑลเหอหนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโก (UNESCO) เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2547 (ค.ศ. 2004) ในฐานะแหล่งมรดกทางธรณีวิทยาที่มีความสำคัญระดับโลก อุทยานแห่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามเท่านั้น แต่ยังเป็น "ตำราประวัติศาสตร์ทางธรณีวิทยา" ที่มีชีวิต ซึ่งเปิดเผยเรื่องราววิวัฒนาการของโลกตลอดระยะเวลาเกือบ 3.6 พันล้านปี (billion years) ภายใต้พื้นที่อันจำกัด การมาเยือนซงซานจึงไม่ใช่แค่การเดินทางพักผ่อน แต่เป็นการเดินทางย้อนเวลาสู่รากฐานของโลกใบนี้ เป็นโอกาสอันล้ำค่าในการเรียนรู้เกี่ยวกับกระบวนการทางธรณีวิทยาอันยิ่งใหญ่ (major geological processes) และความสัมพันธ์อันลึกซึ้งระหว่างโลกกับสิ่งมีชีวิต
การก่อกำเนิดของอุทยานธรณีซงซาน ถือเป็นแบบอย่างสำคัญในการส่งเสริมการอนุรักษ์ธรณี (geoconservation) และการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์โลก (Earth Science education) แก่สาธารณชน นักธรณีวิทยาได้ขนานนามพื้นที่แห่งนี้ว่า "ห้ายุคอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน" (five generations under one roof) อันเนื่องมาจากการปรากฏของชั้นหินจากยุคอาร์เคียน (Archean), โปรเทอโรโซอิก (Proterozoic), มีโซโซอิก (Mesozoic) และซีโนโซอิก (Cenozoic) ซึ่งเป็นตัวแทนของประวัติศาสตร์โลกเกือบทั้งหมด การได้สัมผัสกับร่องรอยการเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลก (crustal movements) และลักษณะทางธรณีวิทยาที่โดดเด่น เช่น พื้นผิวการไม่ต่อเนื่องเชิงมุม (angular unconformity) จะช่วยจุดประกายความเข้าใจและความตระหนักถึงคุณค่าของมรดกทางธรณีวิทยา เพื่อการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืนในอนาคต
บริบททางภูมิศาสตร์และธรณีวิทยา (Geographical & Geological Context)
ภูมิประเทศ (Topography)
อุทยานธรณีโลกซงซานตั้งอยู่ทางตอนใต้ของจีนตอนเหนือ (North China) ครอบคลุมพื้นที่ 464 ตารางกิโลเมตร ในเมืองเติงเฟิง มณฑลเหอหนาน จากทิศตะวันตกสู่ตะวันออก พื้นที่อุทยานทอดยาวผ่านสันเขาและยอดเขาสำคัญ 5 แห่ง ได้แก่ เขาไท่ซือ (Mount Taishi), เขาเส้าซือ (Mount Shaoshi), เขาหวู๋โฟ่ว (Mount Wufo), เขาหวู๋จือ (Mount Wuzhi) และแม่น้ำฉือฉง (Shicong River) ยอดเขาเหล่านี้ตั้งตระหง่านท้าทายฟ้า แสดงให้เห็นถึงภูมิทัศน์ที่ยิ่งใหญ่และตระการตา แต่ละยอดเขาดูเหมือนจะสูงขึ้นเรื่อยๆ สร้างความประทับใจให้กับผู้มาเยือนอย่างยิ่งยวด
ธรณีวิทยาและกระบวนการกำเนิด (Geology and Formation Process)
ความโดดเด่นทางธรณีวิทยาของซงซานคือการเป็นแหล่งแสดงชั้นหินที่ต่อเนื่องเกือบทั้งหมดของประวัติศาสตร์โลกตลอด 3.6 พันล้านปี ชั้นหินจากยุคอาร์เคียน (Archean), โปรเทอโรโซอิก (Proterozoic), มีโซโซอิก (Mesozoic) และซีโนโซอิก (Cenozoic) ปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนในอุทยานแห่งนี้ ทำให้เป็นแหล่งศึกษาที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับนักธรณีวิทยา
ภายในพื้นที่ไม่ถึง 10 ตารางกิโลเมตรของซงซานมีการรักษาลักษณะทางธรณีวิทยาที่สำคัญไว้ได้อย่างสมบูรณ์ โดยเฉพาะพื้นผิวการไม่ต่อเนื่องเชิงมุม (angular unconformity) และร่องรอยการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเปลือกโลก (tectonic deformation heritages) ที่เกิดจากการเคลื่อนที่ของเปลือกโลกครั้งใหญ่ 3 ครั้ง ได้แก่
การก่อเทือกเขาซงหยาง (Songyang orogeny): เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 2.5 พันล้านปีที่แล้ว
การก่อเทือกเขาจงเยว่ (Zhongyue orogeny): เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 1.8 พันล้านปีที่แล้ว
การเคลื่อนที่เส้าหลิน (Shaolin movement): เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 543 ล้านปีที่แล้ว
การเคลื่อนที่ของเปลือกโลกเหล่านี้ได้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง ทำให้เกิดการพับงอ (folding), การแตกหัก (faulting) และการยกตัว (uplift) ของชั้นหิน ก่อให้เกิดโครงสร้างทางธรณีวิทยาที่ซับซ้อนและน่าทึ่ง เช่น ชั้นหินที่เอียงตัวทำมุมกัน (angular unconformities) ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญของช่วงเวลาที่ยาวนานของการกัดเซาะ (erosion) และการสะสมตัวของตะกอน (sedimentation) ที่แตกต่างกัน อุทยานธรณีแห่งนี้จึงเป็นหนึ่งในแหล่งที่ดีที่สุดในการศึกษาการวิวัฒนาการของเปลือกโลกในช่วงต้น (early Earth’s crust evolution) และถูกยกย่องให้เป็น "พิพิธภัณฑ์ธรณีวิทยาธรรมชาติ" (Natural Geological Museum) ที่ทรงคุณค่า
แหล่งธรณีวิทยาสำคัญ (Key Geosites)
อุทยานธรณีโลกซงซานประกอบด้วยแหล่งทัศนียภาพหลัก 5 แห่ง ที่สะท้อนถึงความยิ่งใหญ่ทางธรณีวิทยาและวัฒนธรรม ซึ่งนักท่องเที่ยวเชิงธรณีสามารถสัมผัสประวัติศาสตร์โลกได้อย่างใกล้ชิด
เขาไท่ซือ (Mount Taishi): หนึ่งในส่วนที่สำคัญที่สุดของเทือกเขาซงซาน เขาไท่ซือเป็นที่รู้จักจากภูมิทัศน์ที่ตระการตาและยอดเขาที่สูงชัน ซึ่งเผยให้เห็นถึงการเรียงตัวของชั้นหินโบราณ (ancient strata) ที่เป็นส่วนหนึ่งของบันทึกทางธรณีวิทยา 3.6 พันล้านปีของโลก การยกตัวของภูเขาแห่งนี้เป็นผลมาจากการเคลื่อนที่ของเปลือกโลกครั้งใหญ่ โดยเฉพาะการก่อเทือกเขาจงเยว่ (Zhongyue orogeny) ซึ่งสร้างสรรค์โครงสร้างทางธรณีวิทยาที่ซับซ้อน ทำให้เกิดหน้าผาที่งดงามและการจัดเรียงชั้นหินที่สามารถสังเกตได้ชัดเจน เป็นเสมือนหน้าต่างสู่ยุคโปรเทอโรโซอิก (Proterozoic Eon) และช่วงเวลาการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของโลก
เขาเส้าซือ (Mount Shaoshi): ตั้งอยู่ทางตะวันตกของเขาไท่ซือ เขาเส้าซือมีความสำคัญไม่แพ้กันในด้านธรณีวิทยา ภูเขาแห่งนี้มีลักษณะทางธรณีวิทยาที่คล้ายคลึงกับเขาไท่ซือ โดยเป็นพื้นที่ที่พบการปรากฏของชั้นหินหลายยุคสมัย (multi-age strata) ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักที่ทำให้ซงซานได้รับการขนานนามว่า "ห้ายุคอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน" (five generations under one roof) ร่องรอยของการเคลื่อนที่เส้าหลิน (Shaolin movement) เมื่อ 543 ล้านปีที่แล้ว สามารถพบเห็นได้ในบริเวณนี้ ซึ่งแสดงถึงการเปลี่ยนผ่านที่สำคัญจากยุคโปรเทอโรโซอิก (Proterozoic) ไปสู่ยุคพาลีโอโซอิก (Paleozoic) และการสิ้นสุดของพรีแคมเบรียน (Precambrian)
เขาหวู๋โฟ่ว (Mount Wufo): เขาหวู๋โฟ่วเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยาที่รุนแรงในอดีต ภูมิประเทศของเขาหวู๋โฟ่วแสดงให้เห็นถึงลักษณะของหินที่ผ่านการแปรสภาพ (metamorphic rocks) และหินอัคนี (igneous rocks) ซึ่งเป็นหลักฐานของการปะทุของภูเขาไฟ (volcanic activity) และกระบวนการแปรสัณฐาน (tectonic processes) ที่เกิดขึ้นในยุคอาร์เคียน (Archean Eon) และโปรเทอโรโซอิก (Proterozoic Eon) การศึกษาธรณีสัณฐาน (geomorphology) ของบริเวณนี้ช่วยให้นักท่องเที่ยวและนักวิชาการเข้าใจถึงพลังงานมหาศาลที่ก่อร่างสร้างโลกใบนี้
แม่น้ำฉือฉง (Shicong River): แม่น้ำฉือฉงไหลผ่านพื้นที่อุทยานและเป็นแหล่งที่แสดงให้เห็นถึงกระบวนการทางธรณีวิทยาภายนอก (exogenic processes) ที่สำคัญ เช่น การกัดเซาะของแม่น้ำ (fluvial erosion) และการสะสมตัวของตะกอน (sediment deposition) ที่เกิดขึ้นตลอดช่วงเวลาทางธรณีวิทยาต่างๆ แม้ว่าภูเขาจะเป็นตัวแทนของโครงสร้างแข็งแกร่ง แต่แม่น้ำฉือฉงเป็นพยานถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องของพื้นผิวโลก การไหลของน้ำได้แกะสลักหุบเขาและเผยให้เห็นชั้นหินที่ซ่อนอยู่ใต้ดิน ซึ่งช่วยเสริมข้อมูลและเป็นแหล่งศึกษาเปรียบเทียบกับกระบวนการก่อตัวของภูเขาที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงภายในโลก (endogenic processes).
ความหลากหลายทางชีวภาพและวัฒนธรรม (Biodiversity & Culture)
อุทยานธรณีโลกซงซานไม่ได้มีเพียงความอุดมสมบูรณ์ทางธรณีวิทยาเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งรวมความหลากหลายทางชีวภาพ (biodiversity) และมรดกทางวัฒนธรรมที่ล้ำค่า ซึ่งสะท้อนความสัมพันธ์อันยาวนานระหว่างหิน ดิน น้ำ ป่าไม้ และมนุษย์ (rock-soil-water-forest-human relationship)
ความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity) อุทยานแห่งนี้โดดเด่นด้วย "ทรัพยากรป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์" (rich forest resources) ซึ่งรวมถึง "ต้นไม้โบราณที่หายาก" (rare ancient trees) หลายชนิด ต้นไม้เหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นพยานของกาลเวลาทางธรณีวิทยา แต่ยังเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยที่สำคัญ ตัวอย่างเช่น:
-
ต้นไซเปรสแม่ทัพ (General Cypress) ที่สถาบันซงหยาง (Songyang Academy)
-
ต้น Chinese Scholar tree ระดับห้า (Fifth-rank Chinese Scholar tree) ที่วัดเส้าหลิน (Shaolin Temple)
-
ต้นแปะก๊วยยุคฮั่น (Han Maidenhair Tree) ที่วัดฝ่าหวัง (Fawang Temple)
-
ป่าต้นไซเปรส (Cypress Forest) ในวัดจงเยว่ (Zhongyue Temple)
-
ต้นโพธิ์ (Bodhi tree) ในวัดหย่งไท่ (Yongtai Temple)
นอกจากนี้ พืชพรรณบนภูเขาซงซานยังแสดงให้เห็นถึง "ความหลากหลายของพืชพรรณที่น่าตื่นตาตื่นใจ" (stunning display of diverse plant species) สภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศที่หลากหลายภายในอุทยานส่งเสริมให้มีพืชหลายชนิดรวมถึง "พันธุ์พืชหายากและแปลกตา" (rare and unusual species) ป่าไม้มีความหนาแน่น ประกอบด้วยต้นไม้สูง ดอกไม้สีสันสดใส และพืชพรรณใต้ต้นไม้อันเขียวชอุ่ม กลุ่มพืชที่เด่นชัด ได้แก่ พืชตระกูลสน (conifers) หลายชนิด โรโดเดนดรอน (rhododendrons) และกล้วยไม้ (orchids) ซึ่งทั้งหมดนี้มีส่วนสำคัญต่อความหลากหลายทางชีวภาพของภูเขา ในส่วนของสัตว์ป่า อุทยานธรณีซงซานเป็นที่อยู่อาศัยของ "สัตว์จำนวนมากที่เจริญเติบโตในถิ่นที่อยู่ที่อุดมสมบูรณ์" (plethora of animals that thrive in its rich habitats) ซึ่งเป็นแหล่งหลบภัยของสัตว์ป่าหลากหลายชนิด เช่น สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม (mammals), นก (birds), สัตว์เลื้อยคลาน (reptiles) และสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก (amphibians) มีการกล่าวถึง "สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ เช่น กวางและลิง" (larger mammals like deer and monkeys) ควบคู่ไปกับแมลงและนกขนาดเล็ก แม้ว่าข้อมูลเฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับชนิดพันธุ์สัตว์หายากหรือใกล้สูญพันธุ์จะยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่ประชากรสัตว์เหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการรักษาสมดุลของระบบนิเวศบนภูเขา (mountain ecosystem)
มรดกทางวัฒนธรรม (Cultural Heritage) ซงซานเป็นศูนย์รวมของปรัชญาและศาสนาสำคัญสามแห่ง ได้แก่ พุทธศาสนา (Buddhism), เต๋า (Taoism) และขงจื๊อ (Confucianism) ทำให้เกิด "กลุ่มสถาปัตยกรรมทางประวัติศาสตร์ 'ศูนย์กลางฟ้าดิน' (The Center of Heaven and Earth)" ในเมืองเติงเฟิง ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมโดย UNESCO ในปี พ.ศ. 2553 (ค.ศ. 2010) สถานที่สำคัญทางวัฒนธรรม ได้แก่:
-
วัดเส้าหลิน (Shaolin Temple): สถานที่กำเนิดของพุทธนิกายเซน (Zen Buddhism) และกังฟู (Kung Fu) ของจีน
-
สถาบันซงหยาง (Songyang Academy): หนึ่งในสี่สถาบันขงจื๊อโบราณที่สำคัญของจีน
-
วัดจงเยว่ (Zhongyue Temple): วัดเต๋าที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาภูเขาห้าแห่งของจีน
-
หอสังเกตการณ์เก่าแก่เกาเฉิง กวานซิงไถ (Gaocheng Guanxing Tai): หอดูดาวที่เก่าแก่ที่สุดของจีน
-
ป่าเจดีย์ (Forest of Pagodas): สถานที่ฝังศพของพระสังฆราชในอดีตของวัดเส้าหลิน
ความสัมพันธ์ระหว่างภูมิทัศน์ทางธรณีวิทยาที่โดดเด่นและมรดกทางวัฒนธรรมอันลึกซึ้งแสดงให้เห็นว่ามนุษย์ได้ผูกพันกับสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติมาอย่างยาวนาน สร้างสรรค์อารยธรรมและปรัชญาที่สะท้อนถึงการให้ความเคารพต่อธรรมชาติ และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติอย่างชาญฉลาด สอดคล้องกับหลักการของอุทยานธรณีโลกที่ส่งเสริมความเข้าใจในความเชื่อมโยงระหว่างโลกและมนุษย์.
อุทยานธรณีโลกซงซาน เป็นอัญมณีล้ำค่าที่ผสานรวมความมหัศจรรย์ทางธรณีวิทยาเข้ากับมรดกทางวัฒนธรรมอันยิ่งใหญ่ไว้ได้อย่างกลมกลืน ตั้งแต่การเผยร่องรอยประวัติศาสตร์โลก 3.6 พันล้านปีผ่านปรากฏการณ์ "ห้ายุคอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน" ไปจนถึงการเป็นแหล่งกำเนิดและศูนย์รวมของพุทธศาสนา เต๋า และขงจื๊อ อุทยานแห่งนี้มอบประสบการณ์การเรียนรู้ที่ไร้ขีดจำกัด การมาเยือนซงซานจึงไม่ใช่เพียงการพักผ่อนหย่อนใจ แต่เป็นการเดินทางสู่รากฐานของโลก และการทำความเข้าใจความสัมพันธ์อันลึกซึ้งระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ
การอนุรักษ์ธรณีวิทยาและมรดกวัฒนธรรมอันล้ำค่าเหล่านี้เป็นความรับผิดชอบร่วมกัน เพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้และสร้างแรงบันดาลใจให้แก่คนรุ่นหลังได้ชื่นชมและศึกษาต่อไป การส่งเสริมการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์โลกและการปลูกฝังจิตสำนึกในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม จึงเป็นหัวใจสำคัญที่จะธำรงรักษาอุทยานธรณีโลกซงซานให้คงอยู่คู่โลกตลอดไป.
อ้างอิง (References)
.
------------------------
ที่มา
- http://www.globalgeopark.org
- https://www.unesco.org/en/mab/wnbr/
รวบรวมรูปภาพ
------------------------
------------------------
